เมื่อบทเพลง Greatest love of all อันไพเราะจบลง เสียงปรบมือภายในห้องอาหารชั้นที่ห้าสิบของโรงแรมหรู ฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจบนถนน ฟิฟท์ อะเวนิว แห่งมหานครนิวยอร์คก็ดังกึกก้อง
พริซซิลล่ามองตามนักร้องสาวร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวปักเลื่อมสีขาวเจิดจรัสที่เดินลงจากเวทีด้วยความชื่นชมก่อนหันกลับมายังอีวานซึ่งนั่งข้าง ๆ และตรงข้ามคือคิลเลียนที่วันนี้ควงคู่มากับ เลทิเธีย คู่หมั้นสาวแสนสวย
“นักร้องผู้หญิงคนนั้นคงเป็นชาวเอเชีย เธอสวยมากเลยนะคะ”
พริซซิลล่าหันมาบอกทุกคนซึ่งอีวานวาดวงแขนโอบไหล่หญิงสาวก่อนพูด
“ถ้าผมเห็นด้วย คุณจะหึงหรือเปล่าที่รัก?”
“คุณมีสิทธิ์พยักหน้าค่ะ แต่ห้ามแสดงความเห็น โอเคมั้ยคะ อีวาน”
หญิงสาวทำเสียงเข้มซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะพร้อมกันก่อนที่คิลเลียนจะหันไปทางคู่หมั้นของเขาบ้าง
“ผมอยากให้คุณหึงผมแบบนี้บ้างจัง”
“อะไรกัน! นี่นายกำลังจะแต่งงานกับเธออยู่แล้วนะ คงไม่ต้องมาหึงหวงกันอย่างคู่รักที่เพิ่งคบกันหรอกน่า”
อีวานกระเซ้าเพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในชุดสูทหล่อเหลากว่าปกติ คิลเลียนแทบไม่แตะชุดพวกนี้เพราะคุ้นชินกับการแต่งกายอย่างทหาร ทว่าหลังจากคบกับ เลทิเธีย อาเวอร์ตัน สาวสวยผมบลอนด์ลูกสาวนักธุรกิจบริษัทเรือเดินสมุทร เขาก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนตัวเอง จากที่เคยเป็นคนเลือดร้อนมุทะลุก็กลับกลายเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผลมากขึ้นซึ่งก็รวมถึงการแต่งตัวอย่างหนุ่มสังคมอีกด้วย
ทั้งสองหมั้นหมายกันมาเกือบสองปีเพราะฝ่ายหญิงให้เหตุผลว่าอยากเรียนต่อด้านธุรกิจทำให้การแต่งงานต้องเลื่อนออกไปจนในที่สุดผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็เห็นว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ช้านานไปกว่านี้อีก
“ก็เพราะเดือนหน้าเราจะแต่งงานกันแล้วยังไงล่ะครับ ผมเลยอยากให้เราต่างมีความรู้สึกเหมือนคู่รักที่เพิ่งคบกัน”
“แหม...ช่างเป็นว่าที่เจ้าบ่าวที่น่ารักจริง ๆ ค่ะ คิลเลียนกับคุณเลทิเธียเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากจริง ๆ ค่ะ”
พริซซิลล่าชื่มชมทว่าหญิงสาวกลับเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบในดวงตาของว่าที่เจ้าสาว อะไรบางอย่างที่ผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นจะมองเห็น
“จริง ๆ แล้วฉันอยากเรียนต่อให้จบเสียก่อนค่ะ แต่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยากรอนานกว่านี้” เลทิเธียกล่าวเสียงเนิบ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบก่อนปรายยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ
“ฉันอยากจัดงานเลี้ยงที่ไม่ต้องใหญ่โตมาก เชิญแค่เพื่อนสนิทไม่กี่คน และจัดในสถานที่เล็ก ๆ ค่ะ“
พริซซิลล่ามองสาวสวยผมบลอนด์ทองยาวสลวยนัยน์ตาสีมรกตแล้วอดที่จะคิดอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ว่า คนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวใยจึงดูเนิบเนือยเฉื่อยชาราวกับไม่รู้สึกตื่นเต้นกับงานสำคัญที่สุดในชีวิต แววตาคู่นั้นแทบไม่บ่งบอกความยินดียินร้าย มันราบเรียบจนน่าใจหายแทนว่าที่เจ้าบ่าวที่ตอนนี้ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเป็นประกายวิบวับ เธอรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ยังไม่รู้แน่ชัด
“เอ้อ...ต้องขอโทษนะคะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนค่ะ”
เลทิเธียลุกขึ้นและปล่อยให้ทุกคนในที่นั้นนั่งคุยสัพเพเหระโดยเฉพาะเรื่องงานแต่งงานที่ใกล้มาถึง หญิงสาวตรงดิ่งไปยังห้องน้ำและแทบจะทรงตัวไม่อยู่จนต้องเกาะขอบอ่างล้างมือเพื่อก้มหน้าลงไปและปลดปล่อยความอัดอั้นที่แล่นขึ้นมาจุกบนลำคอ เธออาเจียนเบา ๆ ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครเข้ามาก่อนเปิดก๊อกน้ำและเช็ดปากด้วยทิชชูพลางถอนหายใจ
แต่แล้วก็ต้องตระหนกเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่เบื้องหลัง เจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวปักเลื่อมสีขาวปล่อยผมสีดำขลับยาวสยายกำลังมองมายังเธอ
“คุณเลทิเธีย” เธอกล่าวขึ้นและทำให้เลทิเธียหายปวดมึนเป็นปลิดทิ้งกระทั่งร่างเล็กบอบบางเรียกอีกหน
“คุณเลทิเธียใช่ไหมคะ?”
“เธอจำผิดคนแล้ว!”
เลทิเธียรีบคว้ากระเป๋าอย่างเร่งรีบก่อนจ้ำอ้าวออกจากห้องน้ำ แต่เดินออกมาไม่นานก็พบว่าคิลเลียนเดินเข้ามาพอดี
“เลทิเธีย...ขอโทษที ผมเห็นคุณหายมาพักใหญ่เลยตามมาดู คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
คิลเลียนถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวซีดลง
“ไม่ค่ะ คิลเลียน...ไม่มีอะไร...เรารีบไปกันเถอะค่ะ”
เธอลุกลี้ลุกลนดึงแขนชายหนุ่มแต่ไม่ทันเดินออกไปก็มีเสียงหนึ่งดังตามหลังมา
“คุณเลทิเธีย...คุณ...เอ้อ...”
ร่างเล็กบอบบางยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นคนที่เธอวิ่งตามมายืนอยู่กับเจ้าของร่างสูงใหญ่หน้าตาคร้ามเข้มบาดใจในท่าเกาะเกี่ยวแขนกัน เลทิเธียมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายถือมา
“เอ๊ะ! นี่มันกระเป๋าที่ฉันหาอยู่นี่...หล่อนขโมยมันไปใช่มั้ย!”
เลทิเธียตวาดแหวพร้อมทั้งคว้ากระเป๋าใส่ธนบัตรขากมือของหญิงสาวที่ยืนตาค้าง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ เลทิเธีย” คิลเลียนถามด้วยเสียงดุดัน
“ก็แม่นักร้องที่เราเห็นบนเวทีคนนี้นะสิคะ หล่อนขโมยกระเป๋าเงินที่ฉันทำหล่นในห้องน้ำ ทำให้ฉันต้องเสียเวลาหาอยู่ตั้งนานสองนาน”
“เอ้อ...ฉันเปล่านะคะ...ฉันไม่ได้...”
ร่างเล็กไม่ทันได้อธิบายก็ต้องชะงักอีกหนเมื่อคอิลเลียนก้าวพรวดเข้าไปประชิดตัวก่อนคำรามลั่น
“คุณเป็นนักร้องของที่นี่อย่างนั้นหรือ เงินเดือนไม่พอกินรึยังไงถึงได้ขโมยของคนอื่น!”
“ฟังฉันก่อนค่ะ...ฉัน...”
“คิลเลียน...ไปกันเถอะค่ะ ปล่อยหล่อนไปเถอะ ยังไงฉันก็ได้ของคืนแล้ว”
เลทิเธียรั้งแขนชายหนุ่มที่มีท่าทีไม่ยอมจนเขาถอยออกมาแต่ดวงตาคมคมกร้าวคู่นั้นยังจับจ้องไปยังสตรีชาวเอเชียร่างเล็กทียืนตัวสั่นชิดผนัง
“ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง!” คิลเลียนลั่นออกมาอย่างเดือดดาล “ถ้าอยากมีเงินใช้ก็ไปเสนอตัวให้ไอ้พวกเศรษฐีแก่ ๆ โน่นเลยไป หน้าตาแบบนี้คงหาได้ไม่ยาก ไม่ใช่มาทำนิสัยแย่ ๆ หัดลักขโมยของคนอื่นแบบนี้!”ชายหนุ่มชี้หน้าหญิงสาวที่ยืนทนฟังเสียงก่นว่าก่อนพาคู่หมั้นของเขาเดินจากไป“เพิร์ลลี่...มาอยู่นี่เอง ถึงคิวเธอร้องเพลงต่อไปแล้วนะ”มุกมารินต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อเพื่อนนักร้องสาววิ่งกระหืดกระหอบมาหา หญิงสาวรีบกลั้นน้ำรื้นในดวงตาคู่สวย“เพิร์ลลี่...มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”“เปล่าจ้ะ...คือ...มุกว่า มุกพบคนที่เคยรู้จักน่ะจ้ะ”“เหรอจ๊ะ...แล้วตอนนี้เขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?”“เอ้อ...เขาจำมุกไม่ได้ หรือบางที มุกอาจจะทักคนผิดเองก็ได้”ร่างเล็กบอบบางกล่าวคล้ายรำพึงกับตัวเองขณะมองไปยังห้องอาหารที่มีแขกนั่งเต็มทุกโต๊ะกับความรู้สึกที่ยังมึนงงไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้ทักคนผิด เธอรู้จักผู้หญิงคนนั้น แต่...ผู้ชายที่พบเมื่อครู่เป็นใครกัน ช่างดุดันดิบห่ามจนเธอนึกเกลียดขึ้นมาจับหัวใจบทที่ 2 เหตุไม่คาดฝัน เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนกลางดึกทำให้นาวาอากาศเอกคิลเลียน แม็คไพรด์
ทว่าไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความโรแมนติกระหว่างเขาและเธอตราบจนใกล้พิธีวิวาห์ คงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดเลทิเธียมากกว่าการกอดและจูบดูดดื่มเหมือนคู่รักที่เพิ่งคบกันใหม่ ๆ อย่างไรอย่างนั้นนาวาอากาศเอกหนุ่มครุ่นคิดเรื่องอาการคู่หมั้นของเขากระทั่งไปถึงโรงพยาบาลนิวยอร์คตามคำบอกกล่าวของซินดี้ มารดาของเลทิเธีย คิลเลียนตรงดิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินที่เขาเห็นร่างของหญิงและชายวัยกลางคนยืนรออย่างกระวนกระวายใจ“คิลเลียน!...โอ...คิลเลียน”หญิงผมบลอนด์ทองอายุราวห้าสิบปลาย ๆ ในชุดกระโปรงสีอิฐวิ่งเข้ามาสวมกอดร่างสูงใหญ่ด้วยใบหน้ชื้นไปด้วยคราบน้ำตาทว่าก็มีรอยยิ้มบอกความยินดีที่เห็นว่าอีกฝ่ายมาถึง“เลทิเธียล่ะครับ คุณแม่”“เธอยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน...เรารอมาเกือบจะทั้งคืนแล้ว”เฟเดอริก นักธุรกิจใหญ่ผู้เป็นบิดาของเลทิเธียกล่าวขึ้น เขายังอยู่ในชุดสูทและมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิลเลียนก้มลงดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเวลากำลังจะล่วงถึงตีห้าแล้ว ทว่าทุกอย่างกลับดูเชื่องช้าเสมือนเรือนแห่งกาลหยุดอยู่กับที่“ทำใจดี ๆ นะครับคุณแม่...บอกหน่อยได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเลทิเธีย”ชายหนุ่มยังกอดหญิงว
ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสีเทาดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้บุนวมในร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลนิวยอร์คออกมาไม่ไกล นัยน์ตาสีน้ำเงินส่องประกายดุดันและสีหน้าเคร่งเครียดบอกว่ามีบางสิ่งค้างคาในใจที่มิอาจขจัดได้หมดแน่นอนว่ามันยังเป็นเรื่องของคู่หมั้นสาวที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่คิลเลียนไม่ทันได้ตั้งตัว เวลาผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่นาวาอากาศเอกหนุ่มยังคงจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดที่ต้องมองดูร่างของคนรักที่ยังนอนหายใจหากก็มิอาจพูดคุยกับเขาได้ดังเดิมเลทิเธียกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดฝัน ทว่าหลังจากแพทย์ช่วยชีวิตเธอได้เพียงสองวันเขากลับต้องรับรู้ข่าวใหม่จากตำรวจที่แจ้งมายังซินดี้และเฟเดอริคข่าวที่ทำให้เลือดในกายของนายทหารหนุ่มร้อนจนเดือด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเลทิเธียไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดา“จากการเข้าไปตรวจสอบในโรงแรมฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลและดูจากกล้องวงจรปิด ก่อนเกิดเหตุเราเห็นว่าคุณเลทิเธียอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่บันไดห้องพักของชั้นที่ยี่สิบ เราสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนี้เราจะสืบสวนต่อไปว่าผู้ชายที่อยู่กับคุณเลทิเธี
“ใช่...เธอแตกต่างจากพี่ชาย เพราะจริง ๆ พ่อแม่ของเธอเป็นคนไทย แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่มีลูกก็เลยรับแม็กซิมิลเลียนมาป็นบุตรบุญธรรม แม็กซิมิลเลียนไม่ได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย เขาแยกตัวไปอยู่คนเดียวและเป็นช่างซ่อมรถประมาณสองปีเห็นจะได้ แต่จากที่สืบทราบก็คือเขายังติดต่อกับน้องสาวคนเดียวอยู่เสมอ มุกมารินน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้และบอกเราได้ว่า ตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ที่ไหน”ลีรอยด์รู้สึกคอแห้งจนต้องจิบน้ำชาเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวเขาและคิลเลียนเหมือนมีความกดดันอวลอยู่โดยรอบ แววตาของนาวาอากาศเอกหนุ่มฉายความขึ้งเคียดออกมาอย่างน่ากลัว“ขอบคุณมากลีรอยด์”คิลเลียนเก็บรูปกลับเข้าไปในซอง เขาไม่ยอมแตะอาหารบนโต๊ะแม้แต่น้ำในแก้ว“ถ้ารอให้ตำรวจเข้ามาสืบคดีผมอาจรู้ช้ากว่านี้ อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป”“คุณยังต้องการอะไรอีกไหม คิลเลียน?” ลีรอยด์ถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งลูบคางอย่างใช้ความคิด“ผมขอตารางเวลาทำงานของผู้หญิงคนนั้น...ด่วนที่สุด”“ไม่มีปัญหา ตอนเย็นนี้คุณคอยรับโทรศัพท์จากผมก็แล้วกัน”นักสืบหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบน้ำก่อนลงมือเฉือนเสต๊กเนื้อในจานโดยไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบในดวงตาสีน้ำ