ทว่าไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความโรแมนติกระหว่างเขาและเธอตราบจนใกล้พิธีวิวาห์ คงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดเลทิเธียมากกว่าการกอดและจูบดูดดื่มเหมือนคู่รักที่เพิ่งคบกันใหม่ ๆ อย่างไรอย่างนั้น
นาวาอากาศเอกหนุ่มครุ่นคิดเรื่องอาการคู่หมั้นของเขากระทั่งไปถึงโรงพยาบาลนิวยอร์คตามคำบอกกล่าวของซินดี้ มารดาของเลทิเธีย คิลเลียนตรงดิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินที่เขาเห็นร่างของหญิงและชายวัยกลางคนยืนรออย่างกระวนกระวายใจ
“คิลเลียน!...โอ...คิลเลียน”
หญิงผมบลอนด์ทองอายุราวห้าสิบปลาย ๆ ในชุดกระโปรงสีอิฐวิ่งเข้ามาสวมกอดร่างสูงใหญ่ด้วยใบหน้ชื้นไปด้วยคราบน้ำตาทว่าก็มีรอยยิ้มบอกความยินดีที่เห็นว่าอีกฝ่ายมาถึง
“เลทิเธียล่ะครับ คุณแม่”
“เธอยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน...เรารอมาเกือบจะทั้งคืนแล้ว”
เฟเดอริก นักธุรกิจใหญ่ผู้เป็นบิดาของเลทิเธียกล่าวขึ้น เขายังอยู่ในชุดสูทและมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิลเลียนก้มลงดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเวลากำลังจะล่วงถึงตีห้าแล้ว ทว่าทุกอย่างกลับดูเชื่องช้าเสมือนเรือนแห่งกาลหยุดอยู่กับที่
“ทำใจดี ๆ นะครับคุณแม่...บอกหน่อยได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเลทิเธีย”
ชายหนุ่มยังกอดหญิงวัยกลางคนไว้แน่นขณะที่อีกฝ่ายเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เมื่อตอนหัวค่ำแม่ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่โรงแรมฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ล ว่าเลทิเธียตกบันไดบนชั้นที่ยี่สิบและหมดสติจนต้องส่งตัวมารับการรักษาโดยด่วนที่โรงพยาบาล แม่ตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูกเลยรีบตามมาที่นี่ แต่จนป่านนี้หมอก็ยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉินเลย”
“ฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ล...เลทิเธียไปทำอะไรที่นั่นหรือครับคุณแม่?”
“เอ้อ...” ซินดี้อึกอัก “แม่ก็ไม่รู้จ้ะ...เขาคง...ไปหาเพื่อนที่นั่นล่ะกระมัง”
“เพื่อนหรือครับ?”
คิลเลียนยังแสดงสีหน้ากังขาแต่ไม่ทันจะคิดอะไรต่อประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก
“คุณหมอ...ลูกสาวของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
ซินดี้รีบผละจากอ้อมแขนของชายหนุ่มเข้าไปหานายแพทย์ในชุดกาวน์อายุราว ๆ สี่สิบในขณะที่คิลเลียนและเฟเดอริคต่างมองเป็นตาเดียวและรอคอยคำตอบจากนายแพทย์ที่กล่าวขึ้น
“คุณเป็นแม่ของผู้ป่วยหรือครับ?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้าและหญิงวัยกลางคนก็พยักหน้ารับ
“ค่ะ...ฉันซินดี้ อาเวอร์ตัน และนี่ เฟเดอริค อาเวอร์ตัน...เราสองคนเป็นพ่อกับแม่ของเธอค่ะ”
“อืม...ผมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ใช้ความพยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือคุณเลทิเธียที่ประสบอุบัติเหตุพลัดตกบันได แต่หมอก็อยากจะเรียนพวกคุณตามตรงว่าเคสที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงมากพอสมควร ศีรษะของเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนทำให้สมองหลายส่วนเสียหาย และมันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ลูกสาวของพวกคุณกลับมาเป็นปกติได้ในตอนนี้”
“เธอจะตายหรือครับคุณหมอ?”
เฟเดอริคถามอย่างสิ้นหวังทว่านายแพทย์กลับส่ายหน้า
“เธอจะยังมีชีวิตอยู่...เพียงแต่...จะอยู่ในสภาพของเจ้าหญิงนิทราครับ”
“โอ...ไม่! พระเจ้า!”
ซินดี้กรีดร้องก่อนหมดสติในอ้อมแขนของคิลเลียนที่เข้ามารับร่างนั้นไว้ได้ทันและเขาก็มีสีหน้าตระหนกไม่แพ้กันในขณะที่นางพยาบาลสองคนที่ติดตามออกมารีบเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล นาวาอากาศเอกหนุ่มช้อนร่างไร้สติไว้ในอ้อมแขนก่อนหันมาทางเฟเดอริค
“ผมจะพาคุณแม่ไปพักผ่อนก่อนนะครับคุณพ่อ...ไม่ต้องเป็นห่วงผมจะดูแลเองครับ”
เฟเดอริคได้แต่พยักหน้า ดวงตาเลื่อนลอยคู่นั้นมองตามร่างสูงใหญ่ที่อุ้มภรรยาของเขาออกไปพร้อมกับนางพยาบาล
“ขอโทษด้วยนะครับ คุณเฟเดอริค ที่ผมต้องเรียนให้ทราบตามตรง มันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับญาติที่จะต้องรับรู้ในอาการของคนไข้ขณะนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับหมอ เพราะถึงยังไงผมกับภรยาก็ต้องเข้าใจอยู่ดี”
“แต่หมอมีข่าวดีจะแจ้งให้คุณทราบอีกอย่างนะครับ”
เฟเดอริคย่นคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มจางบนใบหน้าของนายแพทย์
“ข่าวดีหรือครับหมอ?”
“ครับ...มันเป็นข่าวดีที่น่าอัศจรรย์ นั่นคือทารกในครรภ์ของคนไข้ปลอดภัยครับ และทารกก็จะยังเจริญเติบโตได้ตราบเท่าที่เรายังคอยดูแลและให้การรักษาแม้ว่าคนไข้จะอยู่ในสภาพของเจ้าหญิงนิทราก็ตาม”
คราวนี้สีหน้าของคนฟังยิ่งประหลาดใจมากกว่าเก่า เลทิเธียมีครรภ์ทั้งที่อาการโคม่าร์
“หมอครับ...เอ้อ...” เฟเดอริกรีบรั่งแขนนายแพทย์ที่กำลังจะเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันทีที่นึกอะไรได้
“มีอะไรหรือครับ คุณเฟเดอริค”
“ครับ หมอ...นี่เป็นข่าวดีที่สุดสำหรับผมและภรรยาของผม แต่ช่วยรับปากผมสักอย่างหนึ่งได้ไหมครับ ว่าอีกอาการที่หมอตรวจพบขอให้มีแค่ผมและภรรยาของผมเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
ชายวัยกลางคนกล่าวแกมร้องขอซึ่งทำให้นายแพทย์เงียบไปชั่วขณะก่อนตอบ
“ถ้าเป็นความต้องการของคุณเฟเดอริคและภรรยาในฐานะญาติที่มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยมากที่สุด เราก็ยินดีที่จะรักษาข้อมูลของผู้ป่วยโดยไม่มีการเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้ตามจรรยาบรรณของแพทย์และสถานพยาบาลครับ”
“ขอบคุณครับหมอ...ขอบคุณมากครับ”
เฟเดอริคยังยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานม้นายแพทย์จะกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว นักธุรกิจใหญ่ตริตรองและครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น การตั้งครรภ์ในช่วงเวลานี้ของเลทิเธียจะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะคิลเลียน
ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสีเทาดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้บุนวมในร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลนิวยอร์คออกมาไม่ไกล นัยน์ตาสีน้ำเงินส่องประกายดุดันและสีหน้าเคร่งเครียดบอกว่ามีบางสิ่งค้างคาในใจที่มิอาจขจัดได้หมดแน่นอนว่ามันยังเป็นเรื่องของคู่หมั้นสาวที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่คิลเลียนไม่ทันได้ตั้งตัว เวลาผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่นาวาอากาศเอกหนุ่มยังคงจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดที่ต้องมองดูร่างของคนรักที่ยังนอนหายใจหากก็มิอาจพูดคุยกับเขาได้ดังเดิมเลทิเธียกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดฝัน ทว่าหลังจากแพทย์ช่วยชีวิตเธอได้เพียงสองวันเขากลับต้องรับรู้ข่าวใหม่จากตำรวจที่แจ้งมายังซินดี้และเฟเดอริคข่าวที่ทำให้เลือดในกายของนายทหารหนุ่มร้อนจนเดือด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเลทิเธียไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดา“จากการเข้าไปตรวจสอบในโรงแรมฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลและดูจากกล้องวงจรปิด ก่อนเกิดเหตุเราเห็นว่าคุณเลทิเธียอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่บันไดห้องพักของชั้นที่ยี่สิบ เราสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนี้เราจะสืบสวนต่อไปว่าผู้ชายที่อยู่กับคุณเลทิเธี
“ใช่...เธอแตกต่างจากพี่ชาย เพราะจริง ๆ พ่อแม่ของเธอเป็นคนไทย แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่มีลูกก็เลยรับแม็กซิมิลเลียนมาป็นบุตรบุญธรรม แม็กซิมิลเลียนไม่ได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย เขาแยกตัวไปอยู่คนเดียวและเป็นช่างซ่อมรถประมาณสองปีเห็นจะได้ แต่จากที่สืบทราบก็คือเขายังติดต่อกับน้องสาวคนเดียวอยู่เสมอ มุกมารินน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้และบอกเราได้ว่า ตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ที่ไหน”ลีรอยด์รู้สึกคอแห้งจนต้องจิบน้ำชาเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวเขาและคิลเลียนเหมือนมีความกดดันอวลอยู่โดยรอบ แววตาของนาวาอากาศเอกหนุ่มฉายความขึ้งเคียดออกมาอย่างน่ากลัว“ขอบคุณมากลีรอยด์”คิลเลียนเก็บรูปกลับเข้าไปในซอง เขาไม่ยอมแตะอาหารบนโต๊ะแม้แต่น้ำในแก้ว“ถ้ารอให้ตำรวจเข้ามาสืบคดีผมอาจรู้ช้ากว่านี้ อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป”“คุณยังต้องการอะไรอีกไหม คิลเลียน?” ลีรอยด์ถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งลูบคางอย่างใช้ความคิด“ผมขอตารางเวลาทำงานของผู้หญิงคนนั้น...ด่วนที่สุด”“ไม่มีปัญหา ตอนเย็นนี้คุณคอยรับโทรศัพท์จากผมก็แล้วกัน”นักสืบหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบน้ำก่อนลงมือเฉือนเสต๊กเนื้อในจานโดยไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบในดวงตาสีน้ำ
เมื่อบทเพลง Greatest love of all อันไพเราะจบลง เสียงปรบมือภายในห้องอาหารชั้นที่ห้าสิบของโรงแรมหรู ฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจบนถนน ฟิฟท์ อะเวนิว แห่งมหานครนิวยอร์คก็ดังกึกก้องพริซซิลล่ามองตามนักร้องสาวร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวปักเลื่อมสีขาวเจิดจรัสที่เดินลงจากเวทีด้วยความชื่นชมก่อนหันกลับมายังอีวานซึ่งนั่งข้าง ๆ และตรงข้ามคือคิลเลียนที่วันนี้ควงคู่มากับ เลทิเธีย คู่หมั้นสาวแสนสวย“นักร้องผู้หญิงคนนั้นคงเป็นชาวเอเชีย เธอสวยมากเลยนะคะ”พริซซิลล่าหันมาบอกทุกคนซึ่งอีวานวาดวงแขนโอบไหล่หญิงสาวก่อนพูด“ถ้าผมเห็นด้วย คุณจะหึงหรือเปล่าที่รัก?”“คุณมีสิทธิ์พยักหน้าค่ะ แต่ห้ามแสดงความเห็น โอเคมั้ยคะ อีวาน”หญิงสาวทำเสียงเข้มซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะพร้อมกันก่อนที่คิลเลียนจะหันไปทางคู่หมั้นของเขาบ้าง“ผมอยากให้คุณหึงผมแบบนี้บ้างจัง”“อะไรกัน! นี่นายกำลังจะแต่งงานกับเธออยู่แล้วนะ คงไม่ต้องมาหึงหวงกันอย่างคู่รักที่เพิ่งคบกันหรอกน่า”อีวานกระเซ้าเพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในชุดสูทหล่อเหลากว่าปกติ คิลเลียนแทบไม่แตะชุดพวกนี้เพราะคุ้นชินกับการแต่งกายอย่างทหาร ทว่าหลังจากคบกับ เลทิเ
“ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง!” คิลเลียนลั่นออกมาอย่างเดือดดาล “ถ้าอยากมีเงินใช้ก็ไปเสนอตัวให้ไอ้พวกเศรษฐีแก่ ๆ โน่นเลยไป หน้าตาแบบนี้คงหาได้ไม่ยาก ไม่ใช่มาทำนิสัยแย่ ๆ หัดลักขโมยของคนอื่นแบบนี้!”ชายหนุ่มชี้หน้าหญิงสาวที่ยืนทนฟังเสียงก่นว่าก่อนพาคู่หมั้นของเขาเดินจากไป“เพิร์ลลี่...มาอยู่นี่เอง ถึงคิวเธอร้องเพลงต่อไปแล้วนะ”มุกมารินต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อเพื่อนนักร้องสาววิ่งกระหืดกระหอบมาหา หญิงสาวรีบกลั้นน้ำรื้นในดวงตาคู่สวย“เพิร์ลลี่...มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”“เปล่าจ้ะ...คือ...มุกว่า มุกพบคนที่เคยรู้จักน่ะจ้ะ”“เหรอจ๊ะ...แล้วตอนนี้เขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?”“เอ้อ...เขาจำมุกไม่ได้ หรือบางที มุกอาจจะทักคนผิดเองก็ได้”ร่างเล็กบอบบางกล่าวคล้ายรำพึงกับตัวเองขณะมองไปยังห้องอาหารที่มีแขกนั่งเต็มทุกโต๊ะกับความรู้สึกที่ยังมึนงงไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้ทักคนผิด เธอรู้จักผู้หญิงคนนั้น แต่...ผู้ชายที่พบเมื่อครู่เป็นใครกัน ช่างดุดันดิบห่ามจนเธอนึกเกลียดขึ้นมาจับหัวใจบทที่ 2 เหตุไม่คาดฝัน เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนกลางดึกทำให้นาวาอากาศเอกคิลเลียน แม็คไพรด์