แชร์

บทที่28 ลู่ซีลงสนามประลอง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-06 11:20:14

"การเเข่งขันผู้เข้าประลองสามารถใช้ได้ทั้งวรยุทธอีกทั้งบทเวทย์ระดับต่าง ๆ รวมไปถึงอสูรรับใช้ก็ได้เช่นกันสำหรับการลงเเข่งขันจะไม่จำกัดเวลาจนกว่าจะล้มคู่ต่อสู้ได้ อีกทั้งการลงประลองนั้นจะเป็นการสุ่มรายชื่อ ผู้ชนะในเเต่ละรอบประลองอาจจะได้ลงประลองอีกหลายครั้งในขณะที่บางคนอาจจะได้ลงประลองเพียงเเค่หนึ่งหรือสองครั้งเพียงเท่านั้น เท่ากับว่านอกจากที่พวกเจ้าจะต้องอาศัยฝีมือของตนเเล้วนั้นก็ต้องอาศัยโชคเช่นกันว่าวันนี้จะเป็นวันของพวกเจ้าหรือไม่?"

ผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่ดำเนินการประลองพูดถึงความพิเศษของกฎการลงประลองครั้งนี้ สิ้นเสียงกล่าวจบลงผู้คนต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบสนามประลองต่างส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่มสร้างความรู้สึกฮึกเหิมด้วยเพราะว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยเเล้ว

"หากเป็นการสุ่มรายชื่อ หากว่ามีผู้ชนะในการลงประลองเเต่ละครั้งเเต่ในทุกการสุ่มรายชื่อดันมีเเต่รายชื่อของเขาให้ลงเเข่งขันเเต่กลับอีกคนอาจจะมีรายชื่อในการประลองเพียงไม่กี่ครั้งหากเป็นเช่นนี้จะไม่เป็นการเสียเปรียบกันหรือขอรับ??" หนิงอ้ายถามขึ้น ด้วยเพราะเขาสังเกตว่ากฎการประลองที่มีการปรับเปลี่ยนนี้มีช่องโหว่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว หากว่ามีมือที่มองไม่เห็นที่มีอำนาจสั่งการได้ต้องการสกัดดาวรุ่งผู้เข้าเเข่งขันก็คงสามารถกระทำได้เช่นกัน

"มีความเป็นไปได้ไม่น้อย เเต่เจ้าอย่าลืมว่าการจัดประลองโดยรวมทุกช่วงอายุเเข่งขันกันโดยที่ไม่คำนึงถึงประสบการณ์รวมไปถึงการใช้บทเวทย์เพียงเเค่นี้ก็สามารถสร้างความได้เปรียบอย่างมากมายเเล้ว..."

"เเต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ในการประลองนั้นระดับพลังของบทเวทย์ที่ใช้ก็มีผลไม่น้อย ดังนั้นขึ้นอยู่กับทักษะความสามารถอีกด้วย และสัตว์อสูรรับใช้ก็เป็นตัวแปรที่สำคัญได้เช่นกัน แม้ว่าท้ายที่สุดเเล้วระดับพลังวิญญาณจะไม่เท่ากันเเต่ความแตกต่างของระดับบทเวทย์ที่ใช้ รวมไปถึงทักษะฝีมือและประสบการณ์ที่มีก็สามารถใช้เป็นแต้มต่อที่สามารถพลิกกลับมาชนะได้..." ลู่ซีอธิบายให้หนิงอ้ายให้เข้าใจมากขึ้น อาจดูมีความเสียเปรียบในเรื่องของช่วงอายุหรือระดับพลังวิญญาณในการประลองเเต่ปัจจัยอื่น ๆ ก็สามารถนำพลิกเเพลงสร้างโอกาสเพื่อคว้าชัยชนะของตนได้เช่นกัน

''ทุกอย่างขึ้นอยู่กับไหวพริบการควบคุมสติรวมไปถึงทักษะและระดับบทเวทย์นี่นำมาใช้สินะขอรับ" หนิงอ้ายพยักหน้า ด้วยเพราะว่าเขาได้เข้าใจในการประลองครั้งนี้มากขึ้นแล้ว...

การประลองระหว่างแคว้นในรอบแรกของผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางวิญญาณได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีการสุ่มรายชื่อออกมาจากกล่องไม้สีขาวดังกล่าวเพื่อหาคู่ประลอง โดยที่จะมีการสุ่มรายชื่อมาทีละห้าคู่เนื่องจากว่าพื้นที่ของสนามประลองนั้นมีขนาดกว้างใหญ่เพียงพออีกทั้งยังเป็นการประหยัดเวลาอีกด้วย โดยที่เกราะป้องกันระดับสูงถูกสร้างขึ้นโดยรอบของเเต่ละคู่เเข่งขันเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดในการประลองเวทย์ของเเต่ละคู่เเข่งขันในส่วนของโต๊ะพนันนั้นหลังจากประกาศผู้ลงเเข่งขันครบห้าคู่โต๊ะเดิมพันต่างคึกคักเป็นอย่างมากด้วยเพราะมีผู้คนมากมายต่างเข้าไปวางเดิมพันนั่นเอง

หนิงอ้ายนั่งชมการเเข่งขันไปเรื่อย ๆ เพราะยังไม่มีรายชื่อของลู่ซีให้ลงการเเข่งขันประลองเสียที หนิงอ้ายเชื่อมั่นว่าลู่ซีจะต้องเข้าผ่านการประลองไปในรอบลึกอย่างแน่นอน เมื่อต้องนั่งรอเช่นนี้หนิงอ้ายหนิงอ้ายจึงใช้เนตรเเห่งสวรรค์สังเกตทักษะการต่อสู้ของเเต่ละคู่เเข่งขันว่าน่าสนใจ เพื่อที่ว่าเขาจะได้นำมาปรับใช้ได้ในการประลองโดยที่ตอนนี้เขานั้นไม่รู้สึกหิวหรือเบื่อหน่ายสักนิด..

เสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วสนามประลอง เมื่อมีการประกาศผลผู้แพ้ชนะของเเต่ละคู่เเข่งขัน หนิงอ้ายสังเกตว่าเสียงจะดังขึ้นเป็นพิเศษตรงบริเวณที่มีการจัดโต๊ะพนันการเเข่งขันประลอง เป็นเวลานับชั่วยามสำหรับการประลองผ่านไปแล้วหลายคู่จนในที่สุดก็มีประกาศชื่อเเข่งขันของลู่ซีขึ้นมาสักทีในที่สุด...

"คู่ต่อไปคุณชายลู่ซีแห่งแคว้นเต่าดำพบกับคุณชายกวงเหยาหานจากทางตระกูลกวงเเห่งแคว้นมังกรเขียว ขอเชิญ ณ สนามประลองที่สาม!!" สิ้นเสียงของผู้อาวุโสที่ดำเนินการประลองเอ่ยขึ้นเสียงโห่ร้อง เสียงเชียร์ดังขึ้นทั่วบริเวณในทันทีเนื่องจากว่าตระกูลกวงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตระกูลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปของแคว้นมังกรเขียว ผู้รับชมที่ชื่นชอบการเดิมพันต่างทุ่งตรงไปยังโต๊ะรับเดิมพันโดยทันที

"ถึงการประลองของเกอเเล้ว นึกว่าท่านจะไม่ได้ลงประลองเเล้วเสียอีก ข้าเป็นกำลังใจให้นะขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี อีกทั้งยังตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นฝีมือของลู่ซีแล้ว เด็กหนุ่มพยักหน้าและอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลงไปยังสนามประลองที่อยู่ด้านล่างในทันที

ตระกูลหวัง

หวังจิ่งหลง เหมยฮวาและเยว่ซินรวมไปถึงจางปินกับหรันหรูต่างส่งเสียงเชียร์ สร้างความเเปลกใจแก่ผู้คนในบริเวณไม่น้อย ว่าเหตุใดทางตระกูลหวังถึงให้ความสนใจชาวยุทธที่มีนามว่าคุณชายลู่ซีผู้นี้ยิ่งนัก รวมไปถึงบุรุษในอาภรณ์สีเขียวที่สวมหมวกสานคลุมปิดใบหน้าที่นั่งอยู่ข้างกันว่าเป็นผู้ใด หรือมีความข้องเกี่ยวอย่างไรกับตระกูลหวังโดยที่ผู้คนต่างพากันคาดเดาไปต่าง ๆ อย่างสนุกปากเลยไม่น้อยทีเดียว

"ข้าจักวางเดิมพันหลานชายข้า!! เจ้าจงนำเหรียญทองหนึ่งพันเหรียญไปวางเดิมพันเสีย..." หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นกับบ่าวรับใช้คนสนิทของตน

"ขอรับนายท่าน..." เมื่อเตรียมเหรียญทองครบตามจำนวนเเล้วบ่าวรับใช้คนดังกล่าวจึงรีบไปจัดการให้นายของตนในทันที

"นี่เป็นเพียงการประลองครั้งเเรก ท่านพ่อก็ลงเดิมพันมากมายเช่นนี้เลยหรือเจ้าคะเห็นทีว่าข้าคงต้องเดิมพันเสียบ้างเเล้ว" เยว่ซินรู้สึกยินดีไม่น้อยที่บิดาของตนเอ็นดูบุตรบุญธรรมของตนคนนี้ อีกทั้งนางยังมอบถุงเงินให้บ่าวคนสนิทนำไปวางเดิมพันข้างลู่ซีเช่นกัน

ลู่ซีมุ่งตรงไปยังกลางสนามประลองเพื่อเผชิญหน้ากับคุณชายกวงเหยาหานจากตระกูลกวงที่มาจากแคว้นมังกรเขียว แน่นอนว่าคุณชายกวงเหยาหานนั้นมีอายุมากกว่าลู่ซีประมาณหนึ่งถึงสองปีจึง มีรูปร่างที่สูงใหญ่กำยำกว่ามาก

"ตอนนี้คู่ประลองทั้งสองได้ลงสนามแล้ว คุณชายลู่ซี ราชทินนามขุนนางวิญญาณขั้นสูง ระดับพลังวิญญาณ29 วิญญาณยุทธ์สายสนับสนุน ตัวแทนจากแคว้นเต่าดำ!!"

เฮ!!!!

"และคู่ประลองได้แก่คุณชายกวงเหยาหาน สุดยอดวิญญาณยุทธ์สายป้องกันอันเลื่องชื่อ ราชทินนามขุนนางวิญญาณขั้นสูง ระดับพลังวิญญาณที่29 ตัวแทนจากแคว้นมังกรเขียว!!!"

เฮ!!!!

"ขอคำชี้แนะด้วย!!!" ลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือประสานโค้งตัวเล็กน้อยตามมารยาทของชาวยุทธภพ

"ข้าต้องขอคำแนะนำจากคุณชายลู่ซีด้วยเช่นกัน!!" กวงเหยาหานยกมือประสานพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อยตอบกลับไป เเต่สายตาที่มองลู่ซีกลับเต็มไปด้วยความเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเพราะคิดว่าตนนั้นมาจากตระกูลใหญ่ของแคว้นมังกรเขียวจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้น

"การประลอง เริ่มได้!!!" ทันทีที่สิ้นเสียงของกรรมการประจำสนามประลอง เหล่าผู้รับชมต่างส่งเสียงดังให้กับคู่ประลองในสนาม ทางฝั่งของคุณชายกวงเหยาหานที่ไม่อยากเสียเวลาไปกับการประลองครั้งนี้เท่าไหร่นัก เขาจึงเลือกจัดการชักกระบี่ออกมา หมายต้องการจบการประลองด้วยความรวดเร็ว

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

กวงเหยาหานพุ่งทะยานเข้าโจมตีลู่ซีโดยทันทีด้วยเพลงกระบี่อันเป็นเคล็ดวิชาลับของตระกูลกวงด้วยคิดว่าจะสามารถจบการประลองได้รวดเร็วที่สุด ทว่าลู่ซีตั้งสติพร้อมกับดึงกระบี่จากข้างตัวของตนเข้ามารับการโจมตีของกวงเหยาหานได้อย่างทันท่วงที แขนขาปะทะกันระรัว ก่อนที่จะพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูง 

พรึบ!

เพล้ง! เพล้ง!

กวงเหยาหานตวัดเพลงกระบี่เข้าฟาดลู่ซีด้วยความหนักหน่วงรุนแรง ลู่ซีนั้นได้ใช้ทั้งไหวพริบในการตั้งรับโจมตีกลับไปด้วยความรุนแรงไม่แพ้กันด้วยความเร็วที่ประสานไปกับเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ ทำเอากวงเหยาหานนั้นอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าจะสามารถรับเพลงกระบี่เคล็ดวิชาลับตระกูลของตนได้อย่างทันท่วงทีเช่นนี้

ลู่ซีสามารถจับทางการโจมตีรวมไปถึงท่วงท่าเพลงกระบี่ของกวงเหยาหานได้บ้างแล้ว แม้ว่าการโจมตีของกวงเหยาหานนั้นจะค่อนข้างดุดันหนักหน่วงรุนเเรงเพียงใด เเต่ว่าอย่างไรนั้นเคล็ดวิชากระบี่ของลู่ซีที่ได้รับการฝึกสอนเพิ่มเติมจากผู้อาวุโสหวังฮุ่ย คือการโจมตีกลับที่สอดประสานไปกับเพลงกระบี่ของคู่ต่อสู้เพื่อหาจุดอ่อนของอีกฝ่าย

โดยที่เคล็ดวิชานี้เขาจำได้ว่าเป็นเพียงสมบัติไม่กี่ชิ้นที่ติดตัวของตนนับตั้งเเต่จำความได้ เขาจึงมุ่งเน้นฝึกเคล็ดวิชากระบี่นี้เป็นหลัก เมื่อจับทางของกวงเหยาหานได้จึงสามารถที่จะเข้าประชิดตัวโจมตีได้อย่างง่ายดาย ฝ่ามือของลู่ซีที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณของราชทินนามขุนนางวิญญาณขั้นสูงได้เข้าฟากที่กลางเเผ่นหลังของกวงเหยาหานด้วยความรุนแรงเป็นที่ตกตะลึงแก่ทุกสายตาที่อยู่โดยรอบสนามประลองเเห่งนี้

"อั้กกก!!!!! นี่มันอันใดกัน?" กวงเหยาหานกระอักเลือดออกมาคำโต เขาคิดว่าลู่ซีเป็นเพียงชาวผู้ฝึกตนที่มีเบื้องหลังธรรมดาตนจึงไม่ค่อยระวังตัวสักเท่าไหร่ ไม่คิดว่าลู่ซีจะสามารถโจมตได้เต็มกำลังเช่นนี้ บังอาจทำให้เขาขายหน้าเสียอย่างนั้นช่างไม่เจียมตนเสียจริง

ผู้คนที่ชมการประลองต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาอย่างมาก ด้วยเพราะบางคนที่มาจากแคว้นมังกรเขียวนั้นต่างรู้จักตระกูลกวงเป็นอย่างดีด้วยเพราะว่าเป็นตระกูลใหญ่ของแคว้น อีกทั้งคุณชายกวงเหยาหานได้ชื่อว่าเป็นอันตพาลเเต่ก็นับได้ว่าเป็นผู้ที่มีฝีมือผู้หนึ่ง ไม่คิดว่าจะถูกคุณชายลู่ซีโจมตีประชิดตัวด้วยวรยุทธเช่นนี้ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณชายกวงเหยาหานท่านนี้ประมาทจนเกินไป หรือฝีมือของคุณชายลู่ซีนั้นไม่อาจที่จะประมาณได้เป็นแน่

"ข้าคงประมาทเจ้าเกินไป!!" กวงเหยาหานเช็ดเลือดที่มุมปากของตนก่อนที่จะเก็บกระบี่ พร้อมกับเรียกใช้พลังปราณธาตุของตนออกมา เขารู้ว่าการประลองนี้ไม่อาจประมาทได้อีกต่อไป เพราะอีกฝ่ายมีทักษะการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดไม่น้อย

ด้วยความที่กวงเหยาหานนั้นเป็นทายาทของตระกูลกวงสายหลักของแคว้นมังกรเขียว ถือได้ว่าเป็นอีกคนที่มีพรสวรรค์ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้านหลังของกวงเหยาหานพลันปรากฏวงเเหวนซ้อนกันสามวงสีเขียวเข้มเเสดงถึงพลังวิญญาณระดับขุนนางขั้นสูง

ลู่ซีไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด กวงเหยาหานแม้จะมีอายุมากกว่าเขาก็จริง เเต่ดูเป็นคนที่อารมณ์ร้อนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ สำหรับการประลองแล้วสิ่งนี้นับได้ว่าเป็นข้อเสียอย่างมาก ด้วยเพราะหากตัวคนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ก็จะทำให้ไม่มีสมาธิหากเทียบกับตัวเขาเเล้วนั้นย่อมที่จะควบคุมสติอารมณ์ได้มากกว่า

ลู่ซีเก็บกระบี่ของตนไว้เช่นเดิมและทำการเรียกพลังวิญญาณของตนเข้ามาต่อสู้ ด้านหลังของลู่ซีปรากฏเป็นวงเเหวนซ้อนกันสีเขียวเข้มซ้อนกันสามวงแหวน เเสดงให้เห็นว่าตัวของเขาในตอนนี้ก็มีระดับพลังวิญญาณขุนนางขั้นสูงเช่นเดียวกัน

อัญเชิญบทเวทย์โจมตีเพลิงโลกันตร์สังหาร!!!!

ตู้ม!

กวงเหยาหานร่ายบทเวทย์โจมตีตามพลังปราณธาตุไฟของตนในทันที

อัญเชิญบทเวทย์ป้องกันวายุสลาตันคลั่ง!!!!

ตู้ม!

ไม่คอยท่า ลู่ซีกางฝ่ามือออกพร้อมกับร่ายบทเวทย์เพื่อสร้างเกราะป้องกันการโจมตีของกวงเหยาหานทันที ด้วยความที่บทเวทย์ป้องกันนี้ได้ถูกหนิงอ้ายเขียนบทเวทย์ขึ้นมาใหม่ให้อยู่ในระดับสูง ดังนั้นนอกจากที่จะทำการป้องกันการโจมตีนี้ได้แล้วยังสะท้อนการโจมตีบางส่วนกลับไปด้วยเช่นกัน

การโจมตีของกวงเหยาหานปรากฏเป็นลูกเปลวไฟสีเเดงเพลิงที่มีความร้อนแรงด้วยอาณุภาพของบทเวทย์โจมตีระดับสูง ทว่าบทเวทย์ป้องกันของลู่ซีแม้จะเป็นบทเวทย์ระดับสูงก็จริงแต่ก็แฝงไปด้วยอักขระเวทย์โบราณที่หนิงอ้ายเสริมเข้าไปดังนั้นเมื่อพลังเวทย์ทั้งสองสายมาปะทะกันนั้นพลันปรากฏเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้าโจมตีอีกฝั่งโดยมีปราการดินสีเขียวน้ำตาลทองขนาดใหญ่ตั้งรับ ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นก่อนที่บทเวทย์โจมตีนั้นสูญสลายหายไป แต่บทเวทย์ป้องกันนั้นกลับสะท้อนการโจมตีกลับไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งทำเอากวงเหยาหานหลบการสะท้อนกลับแทบจะไม่ทันกันเลยทีเดียว

"ในตอนนี้คุณชายลู่ซีกับคุณชายกวงเหยาหาน คู่ประบองสนามที่สามได้เริ่มประลองเวทย์กันแล้ว ใครกันจะเป็นผู้ชนะในครั้งนี้!!!"

เฮ!!!!

ผู้คนที่รับชมการประลองในตอนนี้ต่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ด้วยความที่สี่คู่ที่เหลือนั้นต่างรู้ผลแพ้ชนะไปแล้วดังนั้นที่ตรงกลางสนามประลองจึงเหลือเพียงคู่ของลู่ซีกับกวงเหยาหานเพียงเท่านั้น

'มิคิดเลยว่าคุณชายลู่ซีจะสามารถตั้งรับการโจมตีของคุณชายกวงเหยาหานที่ได้เช่นนี้...'

'ช่างเสียดายนักที่ตอนนี้ทางโต๊ะรับไม่พนันไม่เปิดรับแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าแทงลงฝั่งของคุณชายกวงเหยาหานไปไม่น้อยสงสัยตานี้ข้าคงถูกกินเรียบเป็นแน่!!'

'นี่ขนาดเป็นเพียงการประลองของราชทินนามขุนนางวิญญาณเท่านั้นยังดุเดือดเช่นนี้...ข้าคาดหวังรอชมการประลองของผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณไม่ไหวเเล้ว คิดเหมือนกันกับข้าหรือไม่?'

เสียงของผู้คนโดยรอบสนามประลองดังขึ้นอย่างคึกคัก ทุกสายตาต่างจ้องมองไปยังจุดเดียวกันนั่นคือทางคู่ประลองที่ยังอยู่กลางสนามในตอนนี้ด้วยความตื่นเต้นด้วย เพราะว่าคุณชายทั้งสองต่างมีระดับพลังวิญญาณอยู่ในเขตขั้นเดียวกันนั่นคือระดับขุนนางวิญญาณขั้นกลาง ดังนั้นคงขึ้นอยู่กับระดับของบทเวทย์ที่ใช้รวมไปถึงสัตว์อสูรที่จะเป็นผู้ชี้กำหนดว่าใครจะเป็นผู้ชนะในครั้งนี้

"สายควบคุมสยบสายโจมตี กฏเกณฑ์เช่นนี้คุณชายกวงคงทราบดี การโจมตีของท่านเมื่อครู่ไม่เพียงพอที่จะเอาชนะข้าได้โดยง่าย!!'

ลู่ซียืนประจันหน้ากับกวงเหยาหานท่ามกลางทุกสายตาที่จดจ้องมายังทั้งคู่ในสนามประลองเพื่อรอดูว่าท้ายที่สุดเเล้วนั้นผู้ใดกันจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในครั้งนี้กัน ลู่ซีเอ่ยบทเวทย์โจมตีขึ้นพร้อมกับกางมือออกเพื่อส่งการโจมตีดังกล่าวไปยังกวงเหยาหานที่อยู่ตรงข้ามตนในทันที

อัญเชิญบทเวทย์โจมตีอัสนีลงทัณฑ์!!!!

ตู้ม!

ด้านบนของสนามประลองปรากฏเป็นวายุสายฟ้าที่มีขนาดแตกต่างกันเข้าโจมตีไปยังบริเวณที่กวงเหยาหานยืนอยู่อย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะว่าบทเวทย์นี้นั้นถูกหนิงอ้ายเขียนขึ้นมาใหม่เพื่อยกระดับให้เป็นบทเวทย์ระดับสูงเช่นกัน ดังนั้นอานุภาพของบทเวทย์นี้จึงค่อนข้างรุนแรง สร้างความตกใจไม่น้อยผู้คนที่รับชมอยู่ในสนามประลอง แม้ว่าอาจมีความคุ้นเคยบทเวทย์โจมตีระดับสูงมาก่อนเเต่พวกเขานั้นยังไม่เคยบทเวทย์ที่มีอานุภาพรุนแรงเช่นนี้ คล้ายกับว่าเป็นบทเวทย์ระดับเทวะเสียด้วยซ้ำ และหากว่าเป็นบทเวทย์ระดับเทวะจริง ย่อมที่อดที่จะเเปลกใจไม่น้อยที่ผู้ฝึกตนระดับไม่สูงดั่งเช่นลู่ซีนั้นสามารถเรียกใช้บทเวทย์ระดับนี้ได้

กวงเหยาหานเมื่อเห็นบทเวทย์โจมตีดังกล่าวจึงรีบร่ายบทเวทย์ป้องกันระดับสูงตั้งรับเลยทันที พร้อมกับเรียกใช้สมบัติวิเศษระดับสูงออกมาถึงสองชิ้นจึงสามารถตั้งรับเพียงพอรับมือกับทัณฑ์อัสนีเหล่านี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้รับการโจมตีบางส่วนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน

'เป็นไปได้ยังไงกัน? คุณชายลู่ซีผู้นี้ดูก็รู้ว่ามีพลังวิญญาณระดับขุนนางวิญญาณขั้นสูงเช่นเดียวกัน แล้วเหตุใดความรุนแรงของบทเวทย์โจมตีเมื่อครู่นั้นช่างร้ายการยิ่งนัก ขนาดที่ว่าใช้บทเวทย์ป้องกันระดับสูงพร้อมกับสมบัติวิเศษระดับนภาแล้วยังตั้งรับได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เห็นทีว่าคงจะประมาทไปมากกว่านี้ไม่ได้เสียเเล้ว...' กวงเหยาหานคิดในใจก่อนที่ตนนั้นจะเรียกอสูรรับใช้ของตนออกมาช่วยในการประลองครั้งนี้ทันที

สิงโตมกรเพลิงจงปรากฏกายออกมา!!!!

โฮก!

ด้านหน้าของกวงเหยาหานปรากฏเป็นอสูรรับใช้ร่างกายสูงใหญ่ที่คล้ายคลึงกับสิงโตครึ่งมังกรไฟที่มีความสูงเกือบสามเมตร ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเปลวไฟอยู่รอบตัวพร้อมกับคำรามขึ้นด้วยเสียงดังไปทั่วสนามประลองเเห่งนี้

'คุณชายกวงเหยาหานถึงกับเรียกอสูรรับใช้ออกมา เเสดงว่าการประลองครั้งนี้คงตึงมืออยู่ไม่น้อย...'

'ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายกวงเหยาหานจะครอบครองอสูรสิงโตเพลิงที่หาได้ยากยิ่ง สมเเล้วที่เป็นคุณชายในตระกูลใหญ่ของแคว้นมังกรเขียว…'

''นะ...นั่นมันอสูรมายาขั้นกลางใช่หรือไม่? ข้าชักหนักใจเเทนคุณชายลู่ซีเสียเเล้วตอนนี้…'

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่29 ชัยชนะของลู่ซี

    ผู้คนที่อยู่ในสนามประลองที่ให้ความสนใจกับการประลองของคู่นี้ต่างแตกตื่นกันเป็นอย่างมาก เพราะสัตว์อสูรที่คุณชายกวงเหยาหานเรียกออกมา นอกจากว่าจะเป็นสิงโตเพลิงที่หายากเเล้วยังเป็นสัตว์อสูรมายาขั้นกลางอีกด้วย นับว่าตระกูลกวงนั้นให้ความสำคัญแก่คุณชายกวงเหยาหานท่านนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว"โจมตีพวกมันซะ!!!" กวงเหยาหานสั่งอสูรสิงโตมกรเพลิงของตนเข้าโจมตีลู่ซีในทันทีโฮก!วูบ!อสูรสิงโตมกรเพลิงคำรามออกมาเสียงดังพร้อมกับพุ่งทะยานเข้าโจมตีลู่ซีด้วยความรุนแรงเกรี้ยวกราดโฮก!ตู้ม! ตู้ม!ลู่ซีไม่ยอมตกเป็นรองในการประลองครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้อัญเชิญอสูรรับใช้ของตนออกมา เขาจึงอัญเชิญอสูรในพันธะนั่นคือเสี่ยวเฟิง หรือวิฬาร์อัสนีสีชาดนั่นเองเสียงร้องของวิฬาร์อัสนีสีชาด สัตว์อสูรมายาขั้นกลางร้องดังขึ้นไปทั่วสนามประลอง จนผู้คนที่มีพลังวิญญาณไม่สูงมากรวมไปถึงชาวบ้านธรรมดาต่างต้องยกมือขึ้นมาปิดหูของตนในทันที สายพลังเเห่งอัสนีบาตที่พวยพุ่งอยู่โดยรอบตัวของวิฬาร์อัสนีสีชาดได้ถูกปลดปล่อยออกมา โดยที่ไม่ต้องให้ลู่ซีบัญชาการอีกฝ่ายได้พุ่งโจมตีไปยังสิงโตมกรเพลิงด้วยความรวดเร็วไม่ทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ"เฮือก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่30 การประลองอันดุเดือด

    ด้วยเพราะหนิงอ้ายใช้เนตรเเห่งสวรรค์จึงทำให้เขาสามารถบอกลู่ซีถึงผู้ที่เข้ารอบมาในเเต่ละคนนั้นว่ามีจุดเเข็งในด้านใด ควรระวังในเรื่องใดบ้างรวมไปถึงจุดอ่อนต่าง ๆ แม้เพียงนิดก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาไปได้ อีกทั้งหนิงอ้ายยังคงพูดคุยแนะนำให้กับลู่ซีถึงการใช้บทเวทย์กับผู้ฝึกตนที่เข้ารอบเเต่ละคนว่าควรใช้บทเวทย์ใดกับผู้ใดบ้างหากว่าถูกสุ่มรายชื่อให้ลงสนามประลอง"ขอบใจเจ้ามากหากว่าไม่ไหวจริง ๆ เกอจะขอยอมแพ้เอง..." ลู่ซีเอ่ยตอบกลับหนิงอ้ายไปด้วยรู้ว่าคนด้านข้างนั้นเป็นห่วงเขาไม่น้อยเเต่ถึงอย่างนั้นนับจากการลงประลองในครั้งเเรกจนถึงตอนนี้ตนยังไม่ได้ลงเเข่งขันอีก ดังนั้นสำหรับเขาและหนิงอ้ายที่ก่อนหน้าได้เเลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าในการประลองของเเต่ละคู่นั้นผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ หรือแม้กระทั้งว่าหากตัวเขานั้นได้ลงประลองกับผู้ประลองคนดังกล่าวจะเเก้ทางของบทเวทย์ที่อีกฝ่ายใช้หรือว่าควรใช้วรยุทธอย่างไรโต้กลับ เพื่อที่จะให้ตนสามารถเป็นผู้ชนะได้นั่นเองการประลองยังคงดำเนินต่อไปเพื่อเฟ้นหาผู้แข่งขันสิบคนเพื่อเข้าสู่การประลองครั้งสุดท้ายในรอบแรก เพื่อประลองกันอีกครั้งจนได้ตัวเเทนของราชทินนามขุนนางวิญญาณเพียงห้าคนเท่านั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่31 การประลองของสัตว์อสูรรับใช้

    คุณชายรองตระกูลจางหรือจางหมิงหวัง ก่อนหน้านี้ได้ทำการร่ายบทเวทย์อัญเชิญสัตว์อสูรรับใช้ในพันธะของตนออกมากลางสนามประลองเเห่งนี้ปรากฏเป็นสัตว์อสูรรูปร่างใหญ่โตที่มีความสูงราวสามเมตร สัตว์อสูรในพันธะที่ถูกอัญเชิญออกมาของคุณชายจางหมิงหวังมีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับวัวขนสีน้ำตาลทองสว่างไสว มีดวงตาสีแดงกล่ำที่เเสดงให้เห็นถึงท่าทางความดุร้ายออกมาอย่างเปิดเผยราวกับว่าไม่ต้องการปกปิดแม้เเต่เพียงนิดทั่วทั้งร่างกายของสัตว์อสูรตัวดังกล่าวนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยมัดกล้ามที่ส่งกลิ่นอายถึงความเเข็งแกร่งของสัตว์อสูรมายาออกมาให้ได้สัมผัส นอกจากนั้นแล้วยังส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองพร้อมกับกำหมัดขึ้นทั้งสองข้าง และทุบตีที่อกของตัวเองไปมาพร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วทั้งบริเวณด้วยความที่เป็นถึงสัตว์อสูรมายา ดังนั้นเพียงเเค่เสียงคำรามที่ร้องออกมาก็สามารข่มขวัญผู้คนที่อยู่โดยรอบของสนามประลอง อีกทั้งยังส่งผลทำให้ม่านพลังเกราะป้องกันที่ถูกร่ายกำกับไว้ในสนามประลองถึงกับสั่นไหวไปมา หากว่าบทเวทย์ป้องกันที่ใช้ในสนามประลองดังกล่าวไม่ได้อยู่ในระดับสูง หรือไม่ได้มีการร่ายกำกับไว้หลายชั้นคงถูกทำลายลงไปนานเเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่32 เอาคืน

    คุณชายรองจางหมิงหวังถูกทัณฑ์สายฟ้าจากบทเวทย์ยันต์เขตแดนระดับเทวะเข้าโจมตีอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบหนึ่งเค่อ จนทำให้ตัวของจางหมิงหวังถึงกับล้มลงไปกับพื้นหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด ทั่วทั้งร่างกายปรากฏเป็นบาดแผลทั้งจากการใช้การต่อสู้กับลู่ซีในการใช้อาวุธและวรยุทธต่าง ๆ รวมไปถึงการโจมตีของบทเวทย์เขตแดนระดับเทวะเมื่อสักครู่ทำให้มีเลือดไหลซึมออกมาทั่วทั้งร่างกายมีรอยไหม้อยู่หลายจุดเลยเช่นกัน"ถือว่าเอาคืนที่เจ้าเคยสั่งให้บ่าวรับใช้ในจวนทำร้ายหนิงอ้ายจนสลบไปในครั้งนั้นเสียเเล้วกันนะจางหมิงหวัง..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นเบา ๆ กับอีกฝ่ายที่ในตอนนี้หมดสติลงไปที่พื้นฝั่งตรงข้ามใบหน้าของลู่ซีซีดลงอย่างเห็นได้ชัดจากการที่ตัวเขาฝืนใช้บทเวทย์เขตแดนระดับเทวะจึงทำให้สูญเสียพลังเวทย์ไปไม่น้อยเนื่องจากว่าตัวของลู่ซีได้ฝืนใช้งานบทเวทย์ระดับสูงเช่นนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเเลกเปลี่ยนนั่นคือพลังลมปราณจะลดลงเป็นอย่างมาก ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูไม่น้อยรวมไปถึงต้องใช้โอสถฟื้นฟูขั้นสูงในการเพิ่มพลังลมปราณให้กลับมาดังเดิมได้อีกครั้ง"คุณชายลู่ซีเป็นผู้ชนะ!!!!!" สิ้นเสียงของผู้อาวุโสคนเดิมที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนิน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่33 การประลองของผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณ

    งานประลองของแคว้นที่ได้ถูกจัดขึ้นในเเต่ละครั้ง ล้วนไม่มีกำหนดช่วงระยะวันเวลาที่ตายตัวของงานประลองเวทย์ดังกล่าวว่าท้ายที่สุดแล้วนั้นจะเริ่มต้นการประลองและสิ้นสุดลงภายในกี่วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎกติกาที่ถูกตั้งกำหนดเอาไว้เพื่อเป็นข้อจำกัดในการประลอง การสร้างความท้าทายของขีดจำกัดของพลังเวทย์ ระดับพลังวิญญาณรวมไปถึงการสรรหาผู้ฝึกตนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยฝีมือทั้งวิทยายุทธการต่อสู้รวมไปถึงการใช้บทเวทย์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการจัดอันดับของผู้ฝึกตนในโลกยุทธภพเพื่อเเสดงถึงความเเข็งแกร่งผู้ฝึกตนที่เป็นผู้ชนะในห้าอันดับเเรกจะถูกเรียกว่ากลุ่มเสาหลักเเห่งยุทธภพจะสังกัดโดยตรงกับวิหารเทพยุทธ์ มีหน้าที่คอยดูเเลช่วยเหลือปกป้องผู้คนในโลกฝึกตน รูปแบบของงานประลองของแคว้นล้วนแตกต่างกันไปในเเต่ละครั้ง นับว่าสร้างความตื่นเต้นให้ทั้งกับตัวของผู้ฝึกตนที่ได้ลงสนามเเข่งขันประลองเอง หรือแม้กระทั่งผู้รับชมจากแคว้นต่าง ๆ ที่อยู่ในสนามประลองเวทย์ ทางแคว้นที่ได้รับเป็นเจ้าภาพของจัดการประลองจะเป็นผู้กำหนดรูปแบบการเเข่งขันประลองให้มีความแตกต่างกันไปงานประลองระหว่างแคว้นครั้งที่แปดสิบแปด (88) นี้ ทางแคว้นเต่าดำได้รับเป็นเจ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่34 คุณชายหนิงผู้ลึกลับ

    ผู้คนที่อยู่รอบข้างได้ยินบทสนทนาดังกล่าวต่างพากันตกใจไม่น้อย ทุกคนล้วนจำได้ว่าคุณชายหน้าตาหล่อเหลาที่พึ่งพูดจบลงไปนั่นคือคุณชายลู่ซี ผู้เป็นตัวแทนหนึ่งในห้าคนเเรกที่ผ่านการประลองในรอบถัดไป นอกจากจะมีความสามารถที่โดดเด่นเเล้วอีกฝ่ายยังครอบครองสัตว์อสูรมายาอีกด้วยบทสนทนาเมื่อครู่แม้จะเป็นการพูดคุยด้วยเสียงที่เบามากเพียงใดเเต่ด้วยพวกเขาที่เป็นผู้ฝึกตนที่นับได้ว่าประสาทสัมผัสล้วนดีกว่าคนธรรมดาหลายเท่านักเมื่อเห็นว่าคุณชายลู่ซีได้พูดคุยกับคุณชายหนิงผู้ลึกลับที่สวมผ้าคลุมปกปิดตัวตนที่พึ่งจบการประลองไปเมื่อครู่ บทสนทนาพูดคุยกันราวกับว่าเป็นพี่น้องกันเเต่นั่นไม่อาจทำให้ตกใจเท่ากับบทสนทนาที่ว่าคุณชายหนิงพึ่งทำการปลุกพลังวิญญาณได้ไม่ถึงสองปีเท่านั้น เเต่กลับเป็นถึงราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณ ยังไม่รวมถึงเคล็ดวิชากระบี่ที่พริ้วไหวเฉียบขาดและความสามารถอื่นที่ร่างบางนั้นยังไม่ได้เเสดงให้ผู้คนได้เห็นอีก'เจ้าได้ยินเหมือนกับข้าหรือไม่? คุณชายหนิงพึ่งปลุกพลังวิญญาณได้เพียงไม่นานเเต่กลับเป็นถึงราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณแล้ว ช่างน่าตกใจยิ่ง!!''บ้าไปเเล้ว!! บางคนปลุกพลังวิญญาณตั้งเเต่เจ็ดขวบปีเเต่ยังไม่สา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่35 สัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษา

    ด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายทำให้เขาต้องรู้สึกอับอายเช่นนี้ จางเหยากวงจึงตัดสินใจอัญเชิญสัตว์อสูรของตนออกมาในทันทีจงออกมา อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬ!!!!วูบ!โฮก!อสูรรับใช้ของจางเหยากวงนั้นปรากฏเป็นรูปลักษณ์คล้ายกับเสือดำที่มีลำตัวสูงใหญ่มีเปลวเพลิงสีดำลึกลับลุกท่วมไปทั่วทั้งตัว ดวงตาสีแดงเข้มดุดัน รอบตัวรายล้อมไปด้วยกลิ่นอันตรายราวกับว่าพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งให้มอดเป็นจุลผู้คนที่อยู่โดยรอบสนามประลองต่างส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม ด้วยเพราะว่าในตอนนี้อสูรมายาระดับกลางได้ปรากฎในสนามประลองอีกครั้งเเล้วย่อมสร้างความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นไปอีกมาก กลิ่นอายของสัตวอสูรมายาระดับกลาง ราชันย์ศารกูลทมิฬที่ได้เเผ่ออกมานั้นทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบสนามประลองรู้สึกอึดอัด แม้ว่าจะมีเกราะป้องกันเวทย์ที่คอยปกป้องอยู่เเล้วก็ตาม...'บ้าไปแล้วสัตว์อสูมายาระดับกลางอีกตัวเช่นนั้นรึ?? นี่ไม่ใช่งานประลองของผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เเล้ว''แล้วทางคุณชายหนิงจะไหวหรือไม่นั่นเจอทั้งบทเวทย์ระดับสูงอีกทั้งสัตว์อสูรมายาที่แข็งแกร่งว่องไวเช่นนี้...'"จัดการมัน!!!" จางเหยากวงชี้ไปทางหนิงอ้าย ก่อนที่อสูรราชันย์ศารกูลทมิฬได้พุ่งเข้าโจมตีหนิงอ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ    บทที่36 ชัยชนะที่สมศักดิ์ศรี

    บรรดาเหล่าฮ่องเต้ผู้ปกครองกแคว้น ต่างรู้สึกอิจฉาฮ่องเต้แคว้นเต่าดำยิ่งนักที่มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์มากไปด้วยความเก่งกาจและครอบครองสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาเช่นนี้ ฮ่องเต้ของแคว้นเต่าดำนั้นสัมผัสได้ถึงความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านั้นได้ใบหน้าหล่อเหลาจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ฉายชัดถึงความภูมิใจและขอบคุณตนที่ได้ตัดสินใจที่รับเป็นเจ้าภาพในการประลองครั้งนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคงจะถูกเล่าขานกันอีกนานเท่านานเหล่าบรรดาสำนักต่าง ๆ นั้นพากันปรึกษากันภายในอย่างเร่งด่วน เพราะหากสำนักของตนนั้นได้ตัวของคุณชายหนิงผู้นี้มาเป็นศิษย์ในสำนักของตนได้นั้นนอกจากที่จะได้ผู้ฝึกตนที่มีฝีมือดีสามารถเป็นกำลังหลักให้สำนักของตนได้เเล้วนั้น ยังจะนำมาซึ่งชื่อเสียงของสำนักของตน..."ช่างน่าเห็นใจเสียจริง สัตว์อสูรในพันธะของคุณชายคงใช้เวลาไม่น้อยกว่าที่จะพักฟื้นได้ดังเดิม ไม่รู้ว่าข้าได้บอกกล่าวไปแล้วหรือยังว่าทุกการโจมตีของเจียวซิ่นล้วนแฝงไปด้วยปราณธาตุพฤกษากลายพันธ์ จึงมีความสามารถแฝงนั่นคือการกัดกร่อนแก่นสมุทรลมปราณของสัตว์อสูรได้ และหากรักษาไม่ทันก็คง...""เจ้า!!!! เจ้านี่มันสารเลวต่ำทรามยิ่งนัก ลูกไม้สกปรกลอบทำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06

บทล่าสุด

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status