แชร์

ตอนที่ 7

ผู้เขียน: มายารัตติกาล
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-16 20:05:44

“ท่านย่า ท่านย่าขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”

เสียงตะโกนที่ดังลั่นมาแต่ไกลทำให้นางหูถึงกับสะดุ้ง มือเหี่ยวย่นเกือบจะปล่อยหม้อที่ถือไว้หลุดจากมือ นางหันหน้าไปมองหลานชายและเอ่ยเสียงดุ 

“หมิงเอ๋อร์ เหตุใดจึงส่งเสียงดังนักเล่า ย่าเกือบทำหม้อหลุดมือ”

“ท่านย่า ข้ามีของดีมาฝากขอรับ”

จางอี้หมิงวางตะกร้าผักบนพื้น เขาก้มลงหยิบสิ่งที่ถือไว้ออกมา มันเป็นห่อขนาดไม่ใหญ่นัก ทำมาจากใบไม้ใหญ่ซ้อนกัน มือเล็ก ๆ คลายออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน แม้จะเก็บมาเพียงเล็กน้อย แต่เขามั่นใจว่านางหูไป๋หงต้องพอใจอย่างแน่นอน อี้หมิงยื่นมันให้ท่านย่าดูพร้อมรอยยิ้มกว้าง แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเพราะสิ่งที่ได้กลับมาไม่ใช่คำชมอย่างที่ตนหวัง แต่เป็นเสียงดุยกใหญ่

“หมิงเอ๋อร์ เจ้าเก็บสิ่งใดมา ย่าไม่เห็นรู้จัก เอาผักป่ามาให้ย่าได้แล้ว”

“ท่านย่า ท่านไม่รู้จักสิ่งนี้หรือขอรับ”

“มันคืออะไรเล่า”

“มันคือผำหรือไข่น้ำขอรับ นำมาทำน้ำแกง ผัดใส่ไข่ อร่อยมากเลยขอรับ ข้าเก็บมานิดเดียว เพราะว่ากลัวตกลงไปในบึง รอบหน้าข้ารบกวนท่านย่าไปเก็บให้ข้าหน่อยได้ไหมขอรับ”

“หมิงเอ๋อร์ อย่าบอกนะว่าเจ้าเดินออกนอกเส้นทางไปทางบึงน้ำ มันอันตรายมาก ครั้งหน้าเจ้าห้ามไปคนเดียว เข้าใจที่ย่าบอกหรือไม่”

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ต่อไปข้าจะไม่ทำให้ท่านย่าเป็นห่วงอีก ข้ายังมีผักอีกอย่างนะขอรับ ท่านย่าพอจะรู้จักผักชนิดนี้หรือไม่”

จางอี้หมิงคอตกและวางห่อไข่น้ำลงบนพื้น เขาหยิบผักอีกชนิดออกมา มันเป็นผักที่มีลักษณะเป็นปล้อง เส้นยาว ใบและลำต้นออกสีเขียว ผู้คนนิยมนำมารับประทานไม่น้อย เด็กน้อยยื่นให้ท่านย่าดูพลางจ้องมองด้วยดวงตาใสซื่อ นางหูต้องรู้จักแน่

“มันมิใช่หญ้าหรือหมิงเอ๋อร์”

ผิดคาด...ท่านย่าไม่รู้จักผักชนิดนี้หรอกหรือ

“หญ้าหรือขอรับ” อี้หมิงเอียงคอ “เหตุใดท่านย่าจึงบอกว่ามันคือหญ้าขอรับ”

“ไม่มีใครเอาต้นนี้ไปทำอาหาร” นางหูตอบ “มันมีเยอะแยะตามลำธาร เจ้าคิดว่ามันกินได้หรือหมิงเอ๋อร์”

“ท่านย่า นี่เรียกว่าผักบุ้ง มันกินได้ขอรับ เอามาผัดไฟแดง อร่อยมากเชียวล่ะ” 

“ผัดไฟแดงเป็นอย่างไรหรือ” 

“ผัดไฟแดงคือการผัดผักบุ้งในน้ำมันด้วยไฟที่แรงมาก ๆ ขอรับ”

“การผัดคืออันใด แล้วน้ำมันคืออันใด” ท่านย่าขมวดเรียวคิ้ว “เจ้าพูดสิ่งใดกันหมิงเอ๋อร์”

“ห๊า!!! ท่านย่าไม่รู้จักน้ำมันสำหรับผัดหรือขอรับ”

หูไป๋หงส่ายหน้าเป็นคำตอบ ตั้งแต่นางเกิดมาจนอายุปูนนี้ ผ่านอะไรมามากมายแต่ไม่เคยได้ยินคำว่าผัดและน้ำมัน จางอี้หมิงถึงกับยกมือขึ้นตบหน้าผากตนเอง เขาหลุดมาอยู่ยุคไหนกันแน่ เหตุใดจึงยังไม่มีการทำอาหารด้วยน้ำมัน ยังไม่รู้จักการผัดหรือผักบุ้ง ในนิยายที่เขาเขียนมาหลายเรื่อง มันยังไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ 

“หมิงเอ๋อร์ เราพักเรื่องผัก เรื่องผัดพวกนี้ไว้ก่อนดีหรือไม่ ย่าขอทำอาหารให้พ่อกับแม่ของเจ้าเสียก่อน ป่านนี้อาจจะหิวจนเป็นลมแล้วก็ได้” นางหูเอ่ยตัดบท ตอนนี้ลูกชายและลูกสะใภ้คงหิวแย่แล้ว ทำงานกันตั้งแต่เช้าจนตะวันขึ้นตรงหัว 

“นี่ขอรับ ผักป่าที่ข้านำไปล้าง” เด็กน้อยหยิบตะกร้าผักขึ้นมาและยื่นให้ผู้เป็นย่า เขาไม่ลืมหยิบผักบุ้งแยกออกมาด้วย 

จางอี้หมิงเดินไปดูว่าวิธีการทำอาหารที่ท่านย่าเอ่ยถึงว่าเป็นอย่างไร การทำงานเป็นคนขายอาหารตามสั่งดึงดูดให้เขาสนใจและอยากเรียนรู้การทำอาหารในยุคนี้ เผื่อจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย ไม่อยากจะคุย แต่รสมือของเขาเป็นเลิศไม่แพ้ใคร

นางหูต้มโจ๊กธัญพืชไว้รออยู่แล้วระหว่างที่หลานชายนำผักป่าไปล้าง เมื่อได้ผักที่สะอาดแล้ว นางจึงนำมาเด็ดให้สั้นลงแล้วใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝา ทิ้งไว้ไม่นานก็ยกลงจากเตา จางอี้หมิงถึงกับตกใจจนตาโตที่ขั้นตอนในการทำมีแค่ต้มธัญพืชแล้วใส่ผักป่าลงไปเท่านั้น ไม่ได้ใส่เครื่องปรุงอะไรเลย 

“ท่านย่าขอรับ เหตุใดถึงไม่มีเครื่องปรุงอันใดใส่ลงไปเลยเล่าขอรับ”

“เครื่องปรุงบ้านเราไม่มีหรอกหมิงเอ๋อร์ ครอบครัวเราไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อเครื่องปรุง ได้แต่กินโจ๊กผักต้มแบบนี้แหละ”

ตายแล้วไอ้นนท์ นี่มันไม่ยากจนแล้ว แต่มันโครตจนเลยต่างหาก จนถึงขนาดที่ไม่มีอะไรจะกินแล้ว แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เขาจะโตกันล่ะ ว่าแล้วก็ก้มลงมองไปยังร่างกายที่ผอมแห้งของตนเอง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างปลงสังเวช

“เครื่องปรุงมีอันใดบ้างขอรับ”

“เกลือให้รสเค็ม น้ำตาลให้รสหวาน ซีอิ้ว เหล้า แล้วก็เครื่องเทศต่าง ๆ ใช้ปรุงรส หมิงเอ๋อร์ถามทำไมหรือ”

ยังดีที่มีซีอิ้ว นึกว่าจะไม่มีเครื่องปรุงรสอื่นแล้วนอกจากเกลือกับน้ำตาลเหมือนนิยายเรื่องอื่น 

“เกลือ น้ำตาล ซีอิ้ว เครื่องเทศพวกนี้คงมีราคาแพงมากเลยใช่ไหมขอรับ บ้านเราถึงไม่มีแม้สักอย่าง”

“ใช่จ้ะ เครื่องปรุงมีราคาแพงมาก เกลือแพงที่สุด รองลงมาคือซีอิ้ว น้ำตาล แล้วก็เครื่องเทศต่าง ๆ” ท่านย่าพยักหน้า นางตอบไปด้วยท่าทางที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนนักแต่ในใจกลับปวดร้าว ยิ่งหลานชายเอ่ยถามด้วยความใสซื่อก็ยิ่งน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง

“หมิงเอ๋อร์อยู่บ้านคนเดียวได้หรือไม่ ย่าจะเอาอาหารไปส่งให้บิดามารดาของเจ้าที่ไร่หัวหน้าหมู่บ้าน” หญิงชราเอ่ยถามพร้อมแย้มรอยยิ้มบาง ๆ นางตักโจ๊กใส่ภาชนะเพื่อเตรียมนำไปให้บุตรชายและสะใภ้

“ท่านย่า ข้าไปด้วยขอรับ ข้าอยากเห็นไร่และรอบ ๆ หมู่บ้าน” จางอี้หมิงอ้อน เขาไม่ยอมอยู่บ้านคนเดียวแน่ มันน่าเบื่อจะตายไป การออกไปข้างนอกเดินรอบ ๆ หมู่บ้านอาจจะทำให้เขามีหนทางที่จะหาอาหารและเงินเข้าบ้านได้ เพราะนิยายเรื่องไหน ๆ มันก็ต้องเข้าป่าหาอาหารกันทั้งนั้น

“ได้สิ” หูไป่หงมองหลาน “ไปกันเถอะ ป่านนี้พ่อแม่เจ้าคงรอนานแล้ว” 

สองย่าหลานเดินทางไปที่ไร่ของหัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไป ใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งเค่อครึ่งก็ถึง นางหูจับมือหลานชายไว้ตลอดเวลา ในตอนแรกเด็กชายไม่ยินยอม เขาอายุขนาดนี้แล้ว สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องจับมือถือแขนให้กลัวหลง แต่เพราะท่านย่าขู่ว่าจะไม่พาไปด้วย จางอี้หมิงจึงยอมแต่โดยดี 

เดินจูงมือกันแบบนี้ก็อบอุ่นดีเหมือนกันแฮะ

ระหว่างทาง เด็กตัวน้อยเอ่ยถามถึงเรื่องราวในหมู่บ้านหลัวถงตั้งแต่เดินออกจากบ้านจนถึงไร่ที่จางอี้เทากับหลี่อ้ายทำงาน ท่านย่าเต็มใจตอบคำถาม นางเล่าเรื่องราวมากมายในขณะที่หลานชายก็เอ่ยถามไม่หยุด เสียงเจื้อยแจ้วจึงดังตลอดทาง

จากข้อมูลที่สอบถามมา จางอี้หมิงจึงได้ข้อสรุปว่าโลกใบนี้และหมู่บ้านหลัวถงเป็นโลกคู่ขนาน มีกลิ่นอายคล้ายประเทศจีน ไม่ว่าจะการแต่งกาย ภาษา วัฒนธรรมต่าง ๆ เพียงแต่มีบางอย่างที่มันขัดกับความรู้ที่เขารู้มา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 8

    แคว้นที่เขาอาศัยอยู่นี้มีชื่อว่าแคว้นฉิน มีการปกครองด้วยองค์จักรพรรดิ เมืองหลวงมีชื่อว่า ซูโจว ที่นั่นเคยเป็นบ้านของเขาก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านหลัวถง ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งในเมืองไห่ถัง เมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีสิ่งใดนัก แม้แต่การเดินทางจากเมืองหลวงมายังหมู่บ้านหลัวถงเองก็ใช้เวลานานกว่าสิบวันขณะนี้ บ้านเมืองอยู่ในช่วงสงบศึกหลังสงครามเพียงแค่ สิบห้าปี อาหารจึงยังไม่เพียงพอ แรงงานยังคงขาดแคลน แต่ศิลปะการแสดงเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งสำหรับการเดินทางจากหมู่บ้านหลัวถงเข้าไปในเมืองไห่ถัง ใช้เวลาเดินเท้าหนึ่งชั่วยาม หากเดินทางด้วยเกวียนจะใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรถม้าหรือม้า ก็จะย่นระยะเวลาไปอีกครึ่งหนึ่งของการเดินทางด้วยเกวียนค่าแรงชาวบ้านทั่วไปขั้นต่ำอยู่ที่ยี่สิบอีแปะต่อวัน โดยคนจ้างไม่ได้เลี้ยงอาหาร ชาวบ้านกินอาหารวันละสองมื้อ คือมื้อแรกเวลาประมาณ ยามอู่ (11.00 – 12.59) มื้อสุดท้ายประมาณยามโหย่ว (17.00 – 18.59) การซื้อขายสินค้าจ่ายเป็นเงินตำลึง ครอบครัวจางไปรับจ้างทำงานในไร่ของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อแลกกับธัญพืชโดยไม่รับเงินค่าจ้างแต่อย่างใดค่าเงินหนึ่งพัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-17
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 9

    เวลาสำหรับมื้ออาหารผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางหูและจางอี้หมิงจึงพาหลี่อ้ายกลับบ้าน เด็กน้อยบอกลาจางอี้เทาที่กำลังกลับไปทำงานตามปกติ พวกเขาเดินตามเส้นทางเดิม แต่เพราะขากลับมีคนป่วยมาด้วย การเดินทางจึงช้าลงไปเกือบเท่าตัว “หลี่อ้าย นอนพักตรงนี้ก่อน แม่จะไปเอาน้ำมาให้เจ้าดื่ม” หูไป๋หงเอ่ยกับลูกสะใภ้ นางให้หลี่อ้ายนั่งรอใต้ร่มไม้ก่อนจะเดินไปตักน้ำ พวกเขาเดินกันมาได้สักพักแล้ว จางอี้หมิงมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่รู้ว่าตรงนี้คือที่ใดและเวลาใดจึงเอ่ยถาม“ท่านย่าขอรับ ตอนนี้ยามไหนแล้วขอรับ”“น่าจะยามเว่ย (13.00 – 14.59) นะหมิงเอ๋อร์ มีอะไรหรือ”“ข้าอยากขึ้นเขาไปหาผักป่าหรือของกินขอรับ ถ้าเรารีบไปตอนนี้อาจจะหาอะไรมากินได้บ้างก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน” “ไม่ได้นะหมิงเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งฟื้นขึ้นมาวันนี้ เหตุใดจึงดื้อรั้นอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก รอให้บิดาของเจ้ากลับมาจากไร่เสียก่อน ถ้าบิดาเจ้าไม่อนุญาต ย่าก็ไม่อนุญาตเช่นกัน ตอนนี้มารดาเจ้าล้มป่วยอยู่คนหนึ่งแล้ว หากเจ้าต้องมาล้มป่วยอีกคน ครอบครัวเราคงรับไม่ไหวแน่” นางหูถึงกับปฏิเสธทันควัน สถานการณ์ตอนนี้เป็นดังคำที่นางว่า คร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-20
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 10

    นางหูและจางอี้หมิงช่วยกันเก็บผักบุ้งมาได้พอประมาณ ทั้งสองรีบกลับไปหาหลี่อ้าย ก่อนจะพากันเดินกลับไปยังบ้านของตนเอง เพียงไม่นาน หัวหน้าครอบครัวก็เดินกลับเข้าบ้านพร้อมธัญพืชหยาบที่ได้จากการไปทำงานในวันนี้“ท่านแม่ เข้าบ้านก่อนเถอะขอรับ แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”จางอี้เทาเดินเอาห่อธัญพืชหยาบกับห่อเนื้อสัตว์วางไว้กลางบ้าน เขานั่งลงเพื่อพักผ่อนจากอาการปวดล้า จางอี้หมิงเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปหยิบน้ำมาให้บิดา เขาไม่ลืมเอาผ้าเช็ดหน้าพร้อมขันน้ำใบเล็กมาด้วย“หมิงเอ๋อร์ ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ขอบใจเจ้ามาก”“ไม่เป็นไรขอรับ ข้ารักท่านพ่อ ท่านพ่อทำงานเหนื่อย ข้าอยากช่วยท่านพ่อทำงานขอรับ” “อาเทา นี่มัน....” นางหูที่เดินเข้าไปดูห่อผ้าถึงกับเอ่ยถามด้วยความแปลกใจสิ่งที่นางเห็นในตอนนี้คือเนื้อสัตว์แน่ ๆ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนเนื้อติดประปราย ที่เหลือมีแต่ไขมันเป็นส่วนมากก็เถอะ แต่ก็มีค่ามากนัก เนื้อชินนี้หากกะด้วยสายตาก็น่าจะประมาณเกือบห้าชั่ง“มีอะไรหรือเปล่าอาเทา”“วันนี้ทำงานที่ไร่วันสุดท้ายแล้วขอรับ พืชผลเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ท่านพี่เย่จ่ายค่าจ้างเป็นธัญพืชตามที่เราแจ้งไป แต่ท่านพี่เย่คงสงสารบ้านเรา จึงแบ่งเนื้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-21
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 11

    สองย่าหลานช่วยกันถือห่อธัญพืชและเนื้อเลวเดินเข้าไปในครัว นางหูคิดไม่ตกว่าเนื้อที่อุดมไปด้วยไขมันจะกลายมาเป็นเนื้อสวรรค์ได้อย่างไร เมื่อมาถึงที่หมาย จางอี้หมิงจึงบอกให้ท่านย่าทำตาม ด้วยขนาดตัวที่เล็กเท่าเด็กห้าขวบ จะให้มาทำอาหารก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แค่จะจับหม้อหรือกระทะ ก็ยกไม่ขึ้นแล้ว เขายังไม่อยากตายซ้ำสองเร็ว ๆ นี้หรอกนะ“ท่านย่า เตานี้สำหรับต้มโจ๊กธัญพืช ส่วนเตานี้ทำน้ำมันนะขอรับ ท่านย่าตัดเอาส่วนเนื้อออกไว้ก่อนนะขอรับ ส่วนวิธีทำง่ายมาก ขั้นแรกคือตั้งกระทะให้ร้อน ใช้ไฟแรง ๆ ในตอนแรก แล้วใส่ไขมันทั้งหมดลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย เสียดายที่ไม่มีเกลือ แต่ไม่ใส่ก็ไม่เป็นไรขอรับ แล้วค่อย ๆ คนให้ทั่ว ถ้าน้ำมันเริ่มออก เราจะเปลี่ยนไปใช้ไฟกลาง ต้องค่อย ๆ คน ป้องกันไม่ให้มันแตก ความร้อนจะทำให้ไขมันละลายออกมา เราจะเอาน้ำมันที่ออกมาจากไขมันนี้ไปทำอาหารขอรับ”“ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือหมิงเอ๋อร์”“ง่ายขนาดนั้นเลยขอรับท่านย่า แต่ว่าต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเจียวน้ำมันออกมาจนหมด ท่านย่าอาจจะต้องเมื่อยมือหน่อยนะขอรับ ส่วนกากไขมันที่ได้ เราจะเอาไปใส่ในผัดผักบุ้งขอรับ” ได้ยินดังนั้น นางหูก็เริ่มทำการเจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 12

    เช้าวันถัดมา หลังจากที่ตื่นนอนล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย จางอี้เทาซึ่งไม่ต้องไปทำงานในไร่ของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว จึงเตรียมตัวขึ้นไปบนภูเขา เขาหวังจะได้ผักป่ามาไว้ทำอาหารและถ้าโชคดีอาจจะได้สมุนไพรมาขายเพื่อให้ครอบครัวมีเงินบ้าง“ท่านพ่อจะไปไหนขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามบิดา เขาเห็นจางอี้เทาถือมีดและแบกตะกร้าสานสะพายขึ้นหลังเตรียมตัวออกจากบ้าน“หมิงเอ๋อร์ พ่อจะขึ้นเขาไปหาผักป่า ถ้าโชคดีเราอาจจะได้สมุนไพรมาขาย” “ขึ้นเขาหรือขอรับ” จางอี้หมิงทวนคำก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าไปด้วยขอรับ”“ไม่ได้ หมิงเอ๋อร์เพิ่งหายป่วยเมื่อวาน เจ้าไปกับพ่อไม่ได้” จางอี้เทารีบห้าม ลูกของเขาตัวเท่านี้จะไปสันทัดการปีนเขาได้อย่างไร หากผลัดตกหกล้มบาดเจ็บขึ้นมาจะแย่เอา“แต่ท่านพ่อขอรับ ท่านพ่อลืมไปแล้วหรือขอรับว่าท่านเทพได้รักษาโรคให้ข้าแล้ว ตอนนี้ข้าแข็งแรงดี อีกอย่าง ข้าอาจจะเจอสมุนไพรหรืออาหารสวรรค์อีกก็ได้นะขอรับ” จางอี้หมิงรีบอธิบาย เด็กชายออดอ้อนบิดาตนเอง ในนิยายไม่ว่าจะเรื่องไหน ๆ ที่เขาหาข้อมูลมานักต่อนัก ส่วนมากแล้ว อาหารและสมุนไพรต่าง ๆ อยู่บนภูเขากันทั้งนั้น ดังนั้นจางอี้หมิงจะไม่ยอมพลาดโอกาสติดสอยหอยตามจางอี้เทาเด็ดข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 13

    “ท่านพ่อ เราสร้างบ้านได้โดยไม่ต้องใช้เงินสักอีแปะขอรับ”“เจ้าว่าอย่างไรนะหมิงเอ๋อร์ มันจะเป็นไปได้ยังไง พ่อยังไม่เคยได้ยินว่าการสร้างบ้านไม่ต้องเสียเงินมาก่อน” จางอี้เทาถามกลับด้วยความตื่นเต้นจางอี้หมิงยกยิ้ม หลังจากที่นอนคิดมาทั้งคืน เขาเห็นสมควรที่จะต้องสร้างบ้านอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทนอากาศหนาวและหิมะที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งเรื่องการตุนเสบียงและเชื้อเพลิงให้เพียงพอกับฤดูหนาวด้วยเขาค้นทุกรอยหยักในสมองเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้ค้นคว้ามาตลอดหลายปีในการรับจ้างหาข้อมูลให้นักเขียน จนเขาจำได้ถึงเรื่องการสร้างบ้านดินที่หลังคาทำด้วยไม้ไผ่ มันสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ นับว่าตอบโจทย์ไม่น้อย แต่อีกปัญหานั่นคือแรงงาน ครอบครัวเขาไม่มีเงินแม้แต่อีแปะเดียว แล้วจะเอาเงินที่ไหนจ้างชาวบ้านให้มาช่วยสร้างบ้านดิน ถึงแม้ว่าวัสดุจะไม่ต้องซื้อ แต่แรงงานก็ยังเป็นปัญหาอยู่ดีนอนคิดพลิกตัวไปแปดแสนล้านตลบ เขาก็หาคำตอบไม่ได้ แต่เมื่อครู่ท่านพ่อบอกว่า ถ้ายังเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ พวกเราคงไม่ลำบากเช่นนี้ ใช่แล้ว!! ท่านพ่อเคยเป็นอาจารย์ ท่านพ่อรู้หนังสือ แต่ชาวบ้านไม่รู้หนังสือ ถ้าท่านพ่อเสนอการสอนหนังสือให้ลูกหลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 14

    “ท่านพ่อ ท่านไม่รู้จักต้นพวกนั้นหรือขอรับ” อี้หมิงถามเสียงใส มือก็ชี้ไปที่เหล่ากอหญ้าขนาดไม่ใหญ่นัก“หมิงเอ๋อร์ พวกนั้นมันต้นหญ้าทั้งนั้น ไม่ใช่สมุนไพร ไม่ใช่อาหาร ไม่ใช่ผักป่าและยังไม่ใช่ดอกไม้ด้วย ไม่มีใครกินมัน กลิ่นมันเหม็นเขียวและฉุน พ่อขึ้นเขามาก็เห็นแบบนี้ตลอด”“ท่านพ่อ มันคือต้นหญ้าหวาน มันให้รสหวานเหมือนน้ำตาลเลยขอรับ”“รสหวานเหมือนน้ำตาลเช่นนั้นหรือ”“ใช่แล้วขอรับ แต่ว่ามันต้องเอาไปตากแห้งก่อนแล้วนำไปต้มกับน้ำ มันจะกลายเป็นน้ำเชื่อม เราสามารถเอาไปทำอาหาร ทำขนม หรือชงดื่มเป็นชาได้ขอรับ ข้อดีอีกอย่างคือเก็บไว้ได้นาน” อี้หมิงเริ่มอธิบายอีกครั้ง “ท่านพ่อ น้ำตาลและเกลือในตลาดราคาเท่าไรหรือขอรับ”“ถ้าพ่อจำไม่ผิด น้ำตาลราคาจินละสี่สิบอีแปะ เกลือแพงมาก ราคาประมาณจินละหกสิบห้าอีแปะ”“แพงมากเลยขอรับ ท่านพ่อไปทำงานที่บ้านท่านลุงเย่ได้ค่าจ้างวันละยี่สิบอีแปะเท่านั้นเอง ข้าเข้าใจแล้วขอรับว่าเหตุใด บ้านเราถึงไม่มีเกลือหรือน้ำตาลกินเลย เพราะมันแพงเช่นนี้นี่เอง ถ้าข้าทำน้ำตาลผักออกมาขาย ท่านพ่อว่ามันจะขายได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงเงยหน้าเอ่ยกับบิดา ดวงตามีไฟลุกวาวด้วยความตื่นเต้น “น้ำตาลผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12
  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 15

    เมื่อกลับมาถึงบ้าน นางหูได้ทำโจ๊กธัญพืชและผัดผักบุ้งไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จางอี้หมิงบอกให้บิดานำต้นหญ้าหวานมาเด็ดเอาแต่ใบอ่อนล้างให้สะอาดก่อนจะนำไปตากแดด เสร็จแล้วทั้งครอบครัวจึงเริ่มนั่งล้อมวงกินข้าวมื้อแรกของวัน เว้นแต่หลี่อ้ายที่ไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วย จางอี้เทาจึงนำโจ๊กไปป้อนให้ภรรยาถึงเตียงนอนหลังจากที่ตนเองกินเรียบร้อยแล้ว“เมื่อวานแม่ว่าผัดผักบุ้งอร่อยมากแล้ว วันนี้อร่อยกว่าเมื่อวานเสียอีก” นางหูเอ่ยขึ้นมาหลังจากคีบผัดผักบุ้งเข้าปาก รสชาติมันอร่อยถูกปากกว่าเดิมเป็นไหน ๆ“เพราะท่านย่ารู้จักการควบคุมไฟแล้วอย่างไรเล่าขอรับ รวมถึงรู้ว่าความสุกจะเอามากน้อยเพียงไหน ลองทำไปอีกสักสี่ห้าครั้ง ท่านย่าก็สามารถไปเป็นแม่ครัวหลวงได้สบายเลยขอรับ”“หมิงเอ๋อร์ เจ้าช่างปากหวาน ย่าแค่พอทำได้ คนที่เก่งคือหมิงเอ๋อร์ต่างหากเล่า”“ข้าเก่งเช่นท่านพ่อขอรับ” จางอี้หมิงยกความดีความชอบให้บิดาพร้อมกับชูนิ้วโป้งทั้งสองมือ หูไป๋หงและจางอี้เทาถึงกับหัวเราะออกมา นานเท่าไรแล้วที่ครอบครัวจางไม่ได้หัวเราะเสียงดังเช่นนี้ คงตั้งแต่ย้ายออกมาจากเมืองหลวงกระมัง“อาเทา แม่เห็นเจ้าตากอะไรกลางลานบ้าน เจ้าได้สมุนไพรมาเช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12

บทล่าสุด

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 63

    “ทางออกอันใดหรือเด็กน้อย” เฉินเจียเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขามองดูเด็กน้อยตรงหน้าอย่างพินิจ“ทางออกของเรื่องทั้งหมดนี้เช่นไรเล่าขอรับ ข้าขอเสนอให้พวกท่านทั้งสิบคนแลกเปลี่ยนนิลเง็กเซียนกับสามสหายท่องหล้า แบ่งปันกันชิมคนละคำสองคำ เช่นนี้แล้วพวกท่านทั้งหมดก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชิมอาหารชนิดใหม่ด้วยวิธีการปรุงแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”“สำหรับค่าอาหารจากที่ท่านเฉินเจียกับท่านฉีหมิงต้องจ่ายคนละห้าสิบตำลึง สองจานรวมเป็นหนึ่งร้อยตำลึง เมื่อแลกเปลี่ยนอาหารกันแล้ว พวกท่านเพียงจ่ายคนละสิบตำลึงเท่านั้น เช่นนี้แล้วพวกท่านทุกคนจึงเท่าเทียมเหมือนกันแล้วขอรับ”“ในอนาคต เหลาอาหารซิ่งฝูจะมีรายการอาหารชนิดใหม่ออกมาทุกเดือน เพื่อเป็นการตอบแทนท่านทั้งสิบคน เหลาอาหารซิ่งฝูยินดีที่จะให้ท่านเป็นลูกค้าพิเศษ เมื่อมีรายการอาหารชนิดใหม่ในแต่ละครั้ง เหลาซิ่งฝูจะทำการเชิญท่านทั้งสิบมาทำการลิ้มลองอาหารก่อนเป็นกลุ่มแรก เช่นนี้แล้ว ท่านลุง ท่านตาทั้งหลายพอใจหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงอธิบายเสร็จแล้วจึงถอยหลังกลับไปยืนข้างท่านปู่ด้วยความสงบเรียบร้อย“ฮะ ฮะ ฮะ” ฉีหมิงหัวเราะออกมาและกล่าวชมเชยหลินไห่“เถ้าแก่หลิน หลานชายข

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 62

    “ข้าไม่เคยได้ชิมอาหารจานผักเช่นนี้มาก่อนเลย จะว่าเป็นน้ำแกงก็มีน้ำน้อยเกินไป จะว่าเป็นผักต้มแต่กลับมีกลิ่นของกระเทียม รสชาติกลมกล่อมเกินกว่าจะเป็นผักต้มได้ เถ้าแก่หลิน สามสหายท่องหล้าคืออาหารชนิดใดกันแน่ขอรับ” ชายคนแรกที่ตั้งข้อสงสัยถามเถ้าแก่หลินขึ้นมา“เรียนลูกค้า สามสหายท่องหล้าเป็นอาหารจานผัก ส่วนวิธีการปรุงนั้นทำมาจากการผัด” เถ้าแก่หลินไห่เอ่ยตอบด้วยท่าทางสุขุม“การผัดเช่นนั้นหรือ มันคืออันใดกันเล่า ข้าอายุแก่จนปูนนี้แล้ว ยังมิเคยได้ยินว่ามีการปรุงอาหารด้วยการผัดมาก่อน พวกเจ้าเล่า เคยได้ยินมาก่อนหรือไม่” ชายชราที่อายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยออกมาเสียงไม่เบานัก ก่อนจะหันไปถามผู้ที่ร่วมชิมสามสหายท่องหล้าด้วยกัน“ข้าไม่เคย”“ข้าก็ไม่เคย” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน“ข้าคงมิสามารถตอบได้เนื่องจากว่าเป็นความลับของเหลาซิ่งฝู ขอลูกค้าอย่าได้ถามอีกเลย” หลินไห่ตอบกลับด้วยความสุภาพ“เจ้าว่าอันใดนะ สามสหายท่องหล้าของพวกเจ้า ปรุงขึ้นมาจากวิธีการปรุงอาหารแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนั้นหรือ” ฉีหมิงเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขายินดียิ่งนักที่ได้เป็นคนกลุ่มแรกซึ่งได้ชิมรายการอาหารชนิดใหม่ประเภทจ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 61

    หลินไห่เดินจูงมือจางอี้หมิงนำหน้าอู๋เจ๋อและอู๋หมินออกมา ที่มือของคนครัวทั้งคู่ถือถาดไม้บรรจุนิลเง็กเซียนส่งกลิ่นหอมฉุย พวกเขาเดินนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะของผู้ชนะการประมูลซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกันเถ้าแก่หลินเป็นผู้อธิบายถึงรายการอาหารรสเลิศตรงหน้า ทั้งกลิ่นหอมกรุ่ม ทั้งควันที่ลอยออกมาบ่งบอกว่าเพิ่งผ่านการปรุงมาใหม่ ๆ รวมถึงการตกแต่งจานอาหารให้มีสีสันน่ากิน ประกอบกับล่วงเลยเวลาอาหารมื้อแรกของวันมานานพอสมควรแล้ว ยิ่งทำให้เมนูใหม่ดูน่าเย้ายวนลูกค้าที่แพ้การประมูลทั้งหลายเกือบจะกระโดดออกไปยึดเอาถาดไม้ใส่อาหารมาเป็นของตนเองอยู่รอมร่อ เพียงแต่พอมองหน้าเถ้าแก่หลินแล้ว พวกเขาได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน รออาหารอีกชนิดหนึ่งแทน ซึ่งพวกตนก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอันใดและจะมีกลิ่นหอมเหมือนกับอาหารของผู้ชนะหรือไม่“ท่านเฉินเจียและท่านฉีหมิง อาหารชนิดใหม่ตรงหน้าท่าน เป็นอาหารจานเนื้อ เรียกว่า นิลเง็กเซียน เนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศเข้มข้น ข้าขอแนะนำให้นำเนื้อจิ้มลงไปในน้ำแกงก่อนกิน แล้วตามด้วยข้าวสวยร้อน ๆ ดอกไม้ซีหงซื่อและแตงกวาที่วางอยู่บนจาน พวกท่านสามารถนำมากินแก้อาการเลี่ยนได้ เชิญท่านทั้งสองลิ้มลองอา

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 60

    “พี่ชายหมิน รบกวนหยิบมะเขือเทศกับแตงกวามาให้ข้าที อย่าลืมล้างให้เรียบร้อยด้วยนะขอรับ มาทำตรงโต๊ะเตรียมวัตถุดิบนะขอรับ” จางอี้หมิงบอกแล้วจึงเดินไปรอที่โต๊ะกลางห้องอู๋หมินรีบหยิบผักออกมา เมื่อล้างแตงกวาและมะเขือเทศจนสะอาดแล้วจึงเดินมาสมทบกับอี้หมิงทันที เขาวางวัตถุดิบทั้งสองอย่างไว้บนโต๊ะ แล้วยกตัวของเด็กน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ส่วน อู๋หมินยืนอยู่ข้าง ๆ อีกที“หมิงหมิงน้อยบอกว่าจะทำดอกไม้จากซีหงซื่อเช่นนั้นหรือ”“พี่ชายหมิน ต่อไปต้องเรียกมะเขือเทศนะขอรับ ห้ามเรียกซีหงซื่ออีก”“ดะ ได้ หมิงหมิงน้อยจะทำดอกไม้จากมะเขือเทศเช่นนั้นหรือ” อู๋หมินลนลานถามอีกครั้ง คำพวกนี้ระหว่างที่รอสองพ่อลูกบ้านจางไปขายผ้า พวกเขาก็ถูกเถ้าแก่บังคับให้ฝึกเรียกไว้ก่อนแล้วเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเถ้าแก่จะเห่อหลานชายคนใหม่ยิ่งนัก เพียงแต่ช่วงแรก ๆ เขาก็มีหลงลืมเผลอใช้คำที่คุ้นเคยเช่นเดิมไปบ้างเท่านั้น“ขอรับ ดอกไม้จากมะเขือเทศทำง่ายมาก เพียงพี่ชาย หมินเอามีดมาปอกเปลือกมะเขือเทศให้เป็นเส้นจากบนลงล่างโดยที่ไม่ให้เปลือกมะเขือเทศขาดออกจากกัน ความกว้างของเส้นเอาสักสองข้อมือข้านี่แหละขอรับ เสร็จแล้วม้วนเปลือกเข้าหากันมันจะ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 59

    “เด็กน้อย เหลาเฟิงฟู่ทำอาหารได้เลิศรสจริงอันนี้ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง แต่จะให้ข้า เฉินเจียผู้นี้กินอาหารแบบเดิม ๆ ทุกครั้ง เจ้าว่าข้าจะทำได้หรือไม่ นานแค่ไหนแล้วที่เหลาเฟิงฟู่ไม่มีรายการอาหารใหม่ ๆ ให้พวกข้าได้ลองชิมกัน” “วันนี้ในระหว่างที่ข้ากำลังจะมากินอาหารที่เหลาเฟิงฟู่ ระหว่างทางไปข้าเดินผ่านเหลาอาหารซิ่งฝู ข้าได้กลิ่นอาหารที่ หอมมาก หอมจนข้าอดใจไม่ไหวถึงได้เดินเข้ามาที่เหลาซิ่งฝูแห่งนี้ เสี่ยวเอ้อร์บอกเพียงว่าเขาเองก็ไม่รู้ จนเถ้าแก่หลินออกมาอธิบายให้พวกข้าฟังว่าเป็นอาหารชนิดใหม่ และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เจ้ารับรู้ในตอนนี้”“อ๋อ เป็นเช่นนี้นั่นเอง แล้วพวกท่านก็เป็นเช่นท่านเฉินเจียเหมือนกันหรือขอรับ” จางอี้หมิงหันหน้าไปถามบรรดาลูกค้าทั้งหลายที่ยืนออกันอยู่ตรงหน้า แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ในใจ พวกเขาทุกคนต่างพากันพยักหน้าถือเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี“ข้าไม่มีสิ่งใดสงสัยแล้วขอรับ เชิญท่านปู่ทำการประมูลต่อได้เลยขอรับ” อี้หมิงหันหน้ากลับมาบอกหลินไห่“พวกท่านพอใจกับราคาเปิดประมูลหรือไม่ หากคิดว่าราคาแพงไป ดังนั้นขอเชิญสั่งอาหารตามรายการที่ทางเหลาซิ่งฝูมีอยู่แล้วได้เลย” หลินไห่ถามย้ำอีกครั้ง เ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 58

    ทันทีที่เถ้าแก่หลินเดินออกมาจากห้องครัว เหล่าคหบดีที่นั่งรออยู่ก็พากันลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาต่างตั้งใจรอฟังว่าเจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูจะแก้ปัญหานี้อย่างไร หลินไห่แย้มรอยยิ้มกว้าง เขาใช้เสียงดังป่าวประกาศออกไป“ท่านลูกค้าทั้งหลาย เหลาอาหารซิ่งฝูต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในรายการอาหารชนิดใหม่มากถึงเพียงนี้ ตามที่ข้าได้แจ้งให้พวกท่านทราบไปก่อนหน้านี้แล้ว อาหารที่เหลาซิ่งฝูทดลองทำมีปริมาณไม่เพียงพอกับทุกคน ในตอนนี้เหลาซิ่งฝูสามารถให้พวกท่านได้ทดลองชิมเพียงสองจานเท่านั้น แต่เท่าที่ข้านับได้ พวกท่านมีประมาณสิบคน ดังนั้นข้าจึงได้มีความคิดหนึ่ง หวังว่าพวกท่านจะเห็นด้วยกับความคิดนี้”คหบดีมากมายยืนนิ่งรอฟัง มีบ้างที่เกือบชักสีหน้าเมื่อรู้ว่าอาหารมีไม่เพียงพอ แต่เถ้าแก่หลินก็รีบกล่าวเสริมต่อ“ข้าจะเปิดประมูลอาหารสองจานนี้ ใครที่ให้ราคามากที่สุดจึงจะได้อาหารทั้งสองจานนี้ไปลิ้มลอง ค่าอาหารทั้งหมดที่ได้รับในวันนี้ ข้าหลินไห่ เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูจะนำไปบริจาคและช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน โดยแจ้งแก่พวกชาวบ้านว่าเป็นสินน้ำใจจากพวกท่านทั้งหลาย ไม่ทราบว่าพวกท่านเห็นเป็นเช่นใดบ้าง”“…”ห

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 57

    “นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ให้พวกนั้นตีกันแล้ว ยังได้เงินมาช่วยเหลือคนยากจนอีกด้วย เหล่าคหบดี ข้าราชสำนักพวกนั้นชอบให้คนยกยอตนเองอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาอยากชิม ก็จ่ายเงินมา ถ้าไม่จ่าย ก็ไม่ได้ชิม เหลาซิ่งฝูก็ไม่ต้องมากังวลว่าพะโล้จะไม่พอให้ชิม ต้องมาทำอะไรวุ่นวายไปหมด ที่ข้าชอบที่สุดเห็นจะเป็นเหลาอาหารซิ่งฝูยังได้กระจายข่าวรายการอาหารใหม่อีกสอง รายการโดยที่ไม่ต้องทำอันใด ลูกค้าพวกนั้นจะเป็นคนกระจายข่าวให้เหลาอาหารของพวกเราเอง” หลินไห่พึมพำถึงข้อดีของการแก้ปัญหานี้กับตนเอง ก่อนที่จะหันไปถามหัวหน้าพ่อครัวถึงอาหารที่มีตอนนี้“ว่าแต่อู๋เจ๋อ เจ้าลองตักใส่จานดูสิ พะโล้ในหม้อมีจำนวนกี่จาน” “รอสักครู่ขอรับ”อู๋เจ๋อรีบเดินไปตักพะโล้แห้งใส่จาน เขามองดูแล้วว่าได้ทั้งหมดเพียงสองจานเท่านั้น เสร็จแล้วชายวัยกลางคนจึงถือจานมาวางไว้บนโต๊ะที่เถ้าแก่หลินนั่งอยู่“มีเพียงสองจานเท่านี้เองหรือ ไม่เป็นไร ยิ่งมีน้อยความต้องการยิ่งสูงราคายิ่งแพงตามไปด้วย อู๋เจ๋อ เจ้าให้พ่อครัวเตรียมวัตถุดิบทำสามสหายท่องหล้าขึ้นมาสักสิบจาน ข้าจะเอาไว้ปลอบใจให้กับคนที่ประมูลพะโล้แห้งไม่ได้” เถ้าแก่หลินเอ่ยสั่งงานหัวหน้าพ่อครัวด้วยอารมณ์ที

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 56

    หลินไห่ จางอี้เทา จางอี้หมิง รวมทั้งซีฮันเข้ามายังห้องครัว เท้ายังไม่พ้นประตูดี อู๋เจ๋อที่รออยู่ข้างในครัวด้วยความกระวนกระวายถึงกับถลาเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าตื่นตูม“หมิงหมิงน้อย เจ้ากลับมาแล้ว เถ้าแก่เป็นเช่นไรบ้างขอรับ”ใครจะคิดว่าอาหารสูตรบ้านจางจะส่งอิทธิพลขนาดนั้น หลินไห่พยักหน้าตอบพ่อครัว เขากับจางอี้เทาเดินเลี่ยงไปนั่งตรงมุมพักผ่อนเช่นเดิม“ท่านลุงอู๋ พะโล้ได้ที่แล้วกระมังขอรับ รบกวนท่านลุงอู๋ชิมดูได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามหัวหน้าพ่อครัว “ลุงก็ไม่รู้ว่าพะโล้สุกได้ที่แล้วหรือไม่ เพราะหมิงหมิงน้อยเพียงแต่บอกให้ตุ๋นรอเจ้ากลับมา ลุงจะยกลงก็เกรงว่าจะผิดสูตร จึงได้แต่รอเจ้ากลับมานี่แหละ” อู๋เจ๋อเรียกสติของตนเองและตอบกลับ“ท่านลุงลองชิมพะโล้ดูก่อนขอรับ ถ้าเนื้อหมูนุ่ม ซอส เอ่อ น้ำแกงเหลือขลุกขลิก รสชาติใช้ได้แล้วก็ยกลงได้เลย ลองให้ท่านปู่หลินช่วยชิมดูอีกคนก็ได้ขอรับ” อู๋เจ๋อเดินไปที่เตาหม้อตุ๋นหมูพะโล้ เขาก้มลงดูอาหารด้านใน เมื่อเห็นว่าน้ำแกงแห้งขอด มีเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยตามที่เด็กชายได้เอ่ยบอกไว้ เขาจึงหยิบจานใบเล็กมาตักหมูพะโล้วางลงไป แล้วจึงปิดฝาหม้อไว้เช่นเดิม

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 55

    หน้าเหลาอาหารซิ่งฝูในตอนนี้มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินวนเวียนไปมาอย่างร้อนใจ ซีฮันชะเง้อคอมองหาสองพ่อลูกเจ้าของสูตรอาหาร และเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินกลับมาแล้วจึงรีบปรี่เข้าไปหาโดยไม่รอให้จางอี้เทาและจางอี้หมิงเดินมาถึงหน้าเหลาอาหารเสียด้วยซ้ำ บุรุษบ้านจางต่างวัยขมวดคิ้วพร้อมกันด้วยความสงสัยเกิดเหตุอันใดขึ้นระหว่างที่พวกเขาสองคนพ่อลูกไปขายผ้าปักเช่นนั้นหรือ“พี่อี้เทา หมิงหมิงน้อย พวกเจ้ากลับมาแล้ว รีบขึ้นไปหาเถ้าแก่และท่านลุงอู๋โดยเร็วเถอะ” ซีฮันไม่ปล่อยให้สองพ่อลูกเอ่ยถามอันใด เขารีบบอกออกไปทันที“อาฮัน เกิดอันใดขึ้นเช่นนั้นหรือ” อี้เทาถามออกไปด้วยความข้องใจ“เถ้าแก่น่ะสิ ร้อนใจอยากให้พวกเจ้ารีบกลับมาตั้งนานแล้ว เจ้าไม่รู้อันใดเสียแล้วว่าพะโล้มันส่งกลิ่นรบกวนทุกคน ลูกค้าที่มากินอาหารที่เหลาโวยวายเสียงดังยกใหญ่” ซีฮันบอกด้วยเสียงเครียดขรึม“พะโล้ส่งกลิ่นรบกวนลูกค้าเช่นนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” อี้หมิงพึมพำกับตนเองเบา ๆหรือว่ามีปัญหาในขั้นตอนการปรุง แต่เขาจำได้ว่าในการปรุงพะโล้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการหมักไปจนถึงการตุ๋น ก่อนที่เขาจะออกจากร้านไป มันไม่มีขั้นตอนไหนผิดพลาดนี่นา“พวก

DMCA.com Protection Status