Share

ตอนที่ 9

เวลาสำหรับมื้ออาหารผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางหูและจางอี้หมิงจึงพาหลี่อ้ายกลับบ้าน เด็กน้อยบอกลาจางอี้เทาที่กำลังกลับไปทำงานตามปกติ พวกเขาเดินตามเส้นทางเดิม แต่เพราะขากลับมีคนป่วยมาด้วย การเดินทางจึงช้าลงไปเกือบเท่าตัว 

“หลี่อ้าย นอนพักตรงนี้ก่อน แม่จะไปเอาน้ำมาให้เจ้าดื่ม” หูไป๋หงเอ่ยกับลูกสะใภ้ นางให้หลี่อ้ายนั่งรอใต้ร่มไม้ก่อนจะเดินไปตักน้ำ พวกเขาเดินกันมาได้สักพักแล้ว จางอี้หมิงมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่รู้ว่าตรงนี้คือที่ใดและเวลาใดจึงเอ่ยถาม

“ท่านย่าขอรับ ตอนนี้ยามไหนแล้วขอรับ”

“น่าจะยามเว่ย (13.00 – 14.59) นะหมิงเอ๋อร์ มีอะไรหรือ”

“ข้าอยากขึ้นเขาไปหาผักป่าหรือของกินขอรับ ถ้าเรารีบไปตอนนี้อาจจะหาอะไรมากินได้บ้างก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน” 

“ไม่ได้นะหมิงเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งฟื้นขึ้นมาวันนี้ เหตุใดจึงดื้อรั้นอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก รอให้บิดาของเจ้ากลับมาจากไร่เสียก่อน ถ้าบิดาเจ้าไม่อนุญาต ย่าก็ไม่อนุญาตเช่นกัน ตอนนี้มารดาเจ้าล้มป่วยอยู่คนหนึ่งแล้ว หากเจ้าต้องมาล้มป่วยอีกคน ครอบครัวเราคงรับไม่ไหวแน่” 

นางหูถึงกับปฏิเสธทันควัน สถานการณ์ตอนนี้เป็นดังคำที่นางว่า ครอบครัวนี้ไม่มีเงินเหลือแม้แต่อีแปะเดียว เงินก้อนสุดท้ายที่มีก็จ่ายค่ายาของจางอี้หมิงไปหมดแล้ว โชคดีที่ยังมีอาหารที่แลกมาจากการทำงานในไร่ให้พอประทังชีวิต 

“ท่านย่า ข้าขอโทษขอรับ” จางอี้หมิงหน้าหงอย เขาพยักหน้ารับรู้ “ข้าไม่ดื้อแล้วขอรับ” 

“หมิงเอ๋อร์ เข้าใจย่าใช่หรือไม่”

“ข้าเข้าใจขอรับ”

“ปล่อยให้แม่ของเจ้าพักผ่อนเถิด” นางมองใบหน้าสลดของหลานชายก่อนจะเอ่ยชวน “หมิงเอ๋อร์ ไปอาบน้ำกับย่าที่ลำธารกันเถอะ แล้วเดี๋ยวเจ้าพาย่าไปดูผักที่เจ้าว่ามันกินได้ เผื่อว่ามันจะเอามาทำอาหารได้” 

“ท่านย่า ไป ๆ ไปขอรับ” เขารีบพยักหน้า เด็กน้อยหันไปมองหน้ามารดาที่ซีดเซียวและรีบสาวเท้าก้าวตามท่านย่า

สองย่าหลานเดินไปที่ลำธารใหญ่ที่เดิม  จางอี้หมิงจูงมือท่านย่าไปดูบึงที่เต็มไปด้วยไข่น้ำ เรียวปากเล็กส่งเสียงเจื้อยแจ้วบอกถึงวิธีการคัดเลือกสำหรับนำมาทาน เขาหันไปมองตามแนวริมฝั่งแล้วพานางหูเดินไปดูผักบุ้ง พวกมันแผ่ขยายยาวไปตามบึงมีบางส่วนยื่นออกไปอยู่ในน้ำด้วย เขาอธิบายวิธีการเก็บและการทำอย่างดี

“หมิงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงรู้เรื่องทั้งหมดนี่”

“เอ่อ...คือ คือว่าข้า...” 

เอาแล้วไงไอ้นนท์ จะตอบยังไงล่ะที่นี่ ร่างนี้อายุแค่ห้าขวบเท่านั้นเอง ขืนพูดอะไรผิดไป มีหวังความแตกแน่ แต่เอ๊ะ! ในนิยายเขาใช้มุขนี้นี่หว่า แถมคนรอบข้างก็เชื่อด้วย เอาล่ะ มาลองใช้ในสถานการณ์จริงดีกว่า

“ท่านย่า ความจริงแล้ว ตอนที่ข้านอนหลับไม่ได้สติอยู่เกือบเดือนนั้น ข้าฝัน แล้วในฝัน ท่านเทพได้มารับข้าไปเที่ยวเมืองสวรรค์ขอรับ ท่านเทพสอนข้ามากมายเกี่ยวกับผักพวกนี้และยังบอกอีกว่าจะมาพาข้าไปเที่ยวบ่อย ๆ ท่านเทพเป็นคนมอบความรู้ทั้งหมดให้ข้าขอรับ” 

จางอี้หมิงเงยหน้าตอบนางหู เขาปั้นหน้าซื่อทำเหมือนกับเด็กน้อยที่ไม่รู้จักการตลบตะแลงหรือการโกหกแม้แต่น้อย หูไป๋หงได้ยินหลานชายตอบเช่นนั้นก็ตื่นตกใจ รีบคว้าเอาร่างเล็กมากอดไว้แน่น

“หมิงเอ๋อร์ เป็นความจริงหรือที่ท่านเทพมาพาเจ้าไป โธ่สวรรค์...ขอบคุณ ขอบคุณที่คืนหมิงเอ๋อร์หลานข้ากลับคืนมา ได้โปรด อย่าพรากหลานชายเพียงคนเดียวของข้าไปอีกเลย” 

นางหูรีบปล่อยหลานชายออกจากอ้อมแขน หันหน้าไปทั้งสี่ทิศและก้มกราบปลก ๆ เอ่ยขอบคุณสวรรค์ด้วยความปลาบปลื้ม นางรีบหันมาคว้าหลานชายพร้อมสวมกอดอีกครั้ง

“ท่านย่า ไม่เป็นไรแล้ว ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ ตอนนี้ข้าแข็งแรงมากท่านย่าก็เห็น เพราะท่านเทพช่วยรักษาข้าน่ะขอรับ ต่อไปนี้ พวกเราจะมีความสุขแน่นอนขอรับ ท่านเทพได้บอกข้าไว้ในการพบกันครั้งก่อน” 

จางอี้หมิงเอ่ยกับย่าของตนเอง แต่มือข้างขวาก็แอบไขว้ไว้ด้านหลัง

ข้าขอโทษขอรับท่านย่า

“ดี ดีจริง ๆ งั้นพวกเรามาช่วยกันเก็บผักพวกนี้ไปกันเถอะ”

“ท่านย่า เก็บแค่ผักบุ้งก็พอนะขอรับ เพราะไข่น้ำถ้าไม่ปรุงด้วยเครื่องเทศ มันจะคาวและไม่อร่อย แต่ผักบุ้งพอกินได้ขอรับ” 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status