Share

ตอนที่ 10

นางหูและจางอี้หมิงช่วยกันเก็บผักบุ้งมาได้พอประมาณ ทั้งสองรีบกลับไปหาหลี่อ้าย ก่อนจะพากันเดินกลับไปยังบ้านของตนเอง เพียงไม่นาน หัวหน้าครอบครัวก็เดินกลับเข้าบ้านพร้อมธัญพืชหยาบที่ได้จากการไปทำงานในวันนี้

“ท่านแม่ เข้าบ้านก่อนเถอะขอรับ แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”

จางอี้เทาเดินเอาห่อธัญพืชหยาบกับห่อเนื้อสัตว์วางไว้กลางบ้าน เขานั่งลงเพื่อพักผ่อนจากอาการปวดล้า จางอี้หมิงเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปหยิบน้ำมาให้บิดา เขาไม่ลืมเอาผ้าเช็ดหน้าพร้อมขันน้ำใบเล็กมาด้วย

“หมิงเอ๋อร์ ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ขอบใจเจ้ามาก”

“ไม่เป็นไรขอรับ ข้ารักท่านพ่อ ท่านพ่อทำงานเหนื่อย ข้าอยากช่วยท่านพ่อทำงานขอรับ” 

“อาเทา นี่มัน....” นางหูที่เดินเข้าไปดูห่อผ้าถึงกับเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

สิ่งที่นางเห็นในตอนนี้คือเนื้อสัตว์แน่ ๆ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนเนื้อติดประปราย ที่เหลือมีแต่ไขมันเป็นส่วนมากก็เถอะ แต่ก็มีค่ามากนัก เนื้อชินนี้หากกะด้วยสายตาก็น่าจะประมาณเกือบห้าชั่ง

“มีอะไรหรือเปล่าอาเทา”

“วันนี้ทำงานที่ไร่วันสุดท้ายแล้วขอรับ พืชผลเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ท่านพี่เย่จ่ายค่าจ้างเป็นธัญพืชตามที่เราแจ้งไป แต่ท่านพี่เย่คงสงสารบ้านเรา จึงแบ่งเนื้อเลวมาให้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยมีเนื้อเท่าไร แต่ถ้าเราเลือกเอาหน่อย อาจจะทำน้ำแกงเนื้อได้สักมื้อน่ะขอรับ”

“อาเย่ช่างเป็นคนดีจริง ๆ ความจริงวันนี้อาเย่ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างเมียเจ้าเต็มวันก็ได้ แต่นี่นอกจากจะไม่ว่าแล้ว ยังจ่ายธัญพืชมาเต็มส่วนด้วย ส่วนเนื้อนี่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเนื้อเลว แต่อย่างที่เจ้าว่า เราเลือกเอาสักหน่อยน่าจะได้น้ำแกงเนื้อสักมื้อ ตั้งแต่เรามาที่นี่ยังไม่เคยได้กินจานเนื้อเลย หมิงเอ๋อร์คงดีใจไม่น้อย”

“ท่านย่า เหตุใดถึงเรียกว่าเนื้อเลวล่ะขอรับ” จางอี้หมิงที่นั่งฟังอยู่นานถึงกับขมวดคิ้ว 

“เพราะมันมีเนื้อนิดเดียวอย่างไรเล่า เจ้าลองมองดูสิ ที่เหลือมีแต่ไขมันทั้งนั้น ไม่มีผู้ใดกินไขมันนะหมิงเอ๋อร์ เวลาเอาไปต้มมันทั้งเลี่ยนและยังทำให้รู้สึกอยากอาเจียน รสชาติก็ไม่อร่อยเอาเสียเลย”

“ท่านแม่ พี่เย่ยังให้เครื่องเทศมาอย่างละนิดหน่อยด้วยขอรับ” จางอี้เทาพูดขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าเลี่ยน เขานึกขึ้นได้ว่าลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านให้เครื่องเทศมาด้วย ซุนซุเย่รู้ว่าครอบครัวของเขายากจน คงไม่มีเครื่องปรุงสำหรับทำเนื้อ จึงเมตตาสงสารแบ่งมาให้ด้วย

“ดีจริง ๆ ชาตินี้ครอบครัวเราคงตอบแทนบุญคุณครอบครัวซุนไม่หมดแน่”

นางหูยกยิ้ม ดวงตาสั่นระริกจนต้องยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา ตั้งแต่ออกจากเมืองหลวง อย่าว่าแต่อาหารจานเนื้อเลย แม้แต่เครื่องปรุง เครื่องเทศ ครอบครัวนางก็ไม่เคยได้แตะอีก

“ท่านย่า นี่ไม่ใช่เนื้อเลวแม้แต่นิดเดียว มันคืออาหารสวรรค์ มีค่าดั่งทองเชียวล่ะขอรับ” จางอี้หมิงถึงกับหัวเราะและยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเขามองเห็นกองไขมันที่วางอยู่ตรงหน้า

“หมิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไปแล้ว เหตุใดจึงหัวเราะออกมาเช่นนี้” นางหูเอ่ยถาม ท่าทางของหลานชายช่างพิลึกพิลั่นชวนสงสัย

“ท่านย่า นี่คืออาหารชั้นยอดเลยนะขอรับ ท่านย่าจำได้หรือไม่ ที่ท่านเคยถามข้าว่า น้ำมันคืออันใด การผัดคืออันใด วันนี้ข้าจะแสดงให้ดูขอรับ รับรองว่ามื้อนี้ท่านย่าต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ขอรับ” 

“หมิงเอ๋อร์ อย่าบอกนะว่าท่านเทพบอกเจ้ามาอีกแล้ว”

“ท่านแม่ หมิงเอ๋อร์ กำลังคุยกันเรื่องอันใดขอรับ” จางอี้เทาถาม เขางุนงงกับบทสนทนาระหว่างมารดาและลูกชาย

“อาเทา หมิงเอ๋อร์เล่าให้แม่ฟังว่าในตอนที่สลบไป ในฝันท่านเทพมาพาหมิงเอ๋อร์ออกไปเที่ยวยังเมืองสวรรค์แล้วจึงพากลับมา ท่านเทพยังได้รักษาร่างกายของหมิงเอ๋อร์ให้แข็งแรงและสอนเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ให้ด้วย”

“วันนี้หมิงเอ๋อร์ นำผักกลับมาจากลำธารสองอย่างแล้วบอกว่ามันคืออาหาร แม่เห็นว่ามันคือหญ้าที่ขึ้นตามบึงน้ำ ไม่มีใครเอาหญ้ามากินกัน แต่หมิงเอ๋อร์ยืนยันนักหนาว่ากินได้ อ้อ อีกอย่างคือการทำอาหาร หมิงเอ๋อร์บอกว่ามีการทำอาหารมากกว่าการต้ม นึ่ง ย่างและอบ” 

“หมิงเอ๋อร์ เป็นความจริงหรือ”

“ขอรับ” เด็กน้อยยิ้มสดใส

ขอขอโทษนะท่านพ่อ

“ดีจริง ๆ ขอบคุณท่านเทพที่ช่วยรักษาหมิงเอ๋อร์ของพ่อให้แข็งแรง”

จางอี้เทากอดลูกชายไว้แน่น เขาตื้นตันใจที่ลูกมีบุญวาสนา แต่ในขณะเดียวกัน ก็กลัวว่าจะเกิดอันตราย จึงเอ่ยเตือนลูกชายเอาไว้ก่อน

“หมิงเอ๋อร์ เรื่องท่านเทพ เจ้าจะพูดออกไปไม่ได้เป็นอันขาดรู้หรือไม่ ถ้าคนอื่นถาม ก็บอกว่ายาของหมอผิงรักษาเจ้า”

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ แต่ท่านพ่อขอรับ ข้าหายใจไม่ออก”

“โอ๊ะ หมิงเอ๋อร์ พ่อขอโทษ” จางอี้เทาได้ยินดังนั้นจึงรีบคลายอ้อมกอดออกจากลูกชาย เขาดีใจมากจริง ๆ จนเผลอรัดวงแขนแน่นไปหน่อย

“ข้านึกว่าจะขาดใจเสียแล้ว” จางอี้หมิงสูดหายใจเข้าเต็มปอด ท่าทางราวกับคนใกล้จะขาดอากาศ จางอี้เทาถึงกับส่ายหน้าให้กับท่าทางของบุตรชาย

“ข้าขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะขอรับ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าร่างกายตนชุ่มไปด้วยเหงื่อมาตลอดทั้งวันก็อยากจะไปชำระกายคลายร้อน จางอี้เทาลุกขึ้นแล้วเดินแยกตัวออกไป

“ไปเถอะ” หูไป๋หงบอกก่อนที่บุตรชายจะเดินออกไป

“ท่านย่าขอรับ พวกเราไปทำอาหารสวรรค์กันเถอะขอรับเพราะมันต้องใช้เวลาในการทำพอสมควร เมื่อท่านพ่อกลับมาจากอาบน้ำ ท่านแม่คงตื่นพอดี เย็นนี้เราจะกินให้พุงกางไปเลย” 

“เจ้าตัวน้อย โอ้อวดเสียจริง ไปสิ ย่าอยากรู้เช่นกันว่าอาหารเมืองสวรรค์จะอร่อยขนาดไหนเชียว”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status