กู้อวิ๋นซีก็ไม่รู้ว่านางกำลังกลัวอะไรบางทีนางอาจจะไม่ได้กลัว เพียงแต่ได้เห็นคนตายทีเดียวเยอะขนาดนี้ ในใจก็เลยรู้สึกแย่เท่านั้นภาพที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดเช่นนี้ สำหรับคนทั่วไปในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เป็นภาพที่ไม่มีทางได้เห็นเลย"องค์ชายสี่ พวกเราไปกันเถอะ อย่า...ฆ่ากันอีกเลย" นางพูดเสียงเบาจวินเย่เสวียนตะโกนบอกเสียงขรึม "ถอย!"จากนั้นก็ใช้มือหนึ่งบังคับม้า ส่วนอีกมือก็กอดนางไว้ ควบม้าพุ่งทะยานออกไปทางเล็กๆ ในช่องเขา เส้นทางขรุขระน้ำเสียงแหบพร่าของเขาที่เอ่ยขึ้นช่างหนาวเหน็บยิ่งกว่าสายลมในยามค่ำคืน "เจ้าจะไปออกรบไม่ใช่เหรอ? ระดับความโหดร้ายของที่นี่ถ้าเทียบกับสนามรบแล้ว ยังไม่ได้สักหนึ่งส่วนเลยด้วยซ้ำ"เจ้าเคยเห็นเลือดไหลเป็นสายน้ำ แม่น้ำทั้งสายเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานไหมล่ะ?"เจ้าเคยเห็นดินโคลนล้วนถูกย้อมด้วยสีแดงสด ไม่ว่าเจ้าจะเดินไปที่ไหน ทั้งมือทั้งเท้าทั้งเสื้อผ้าของเจ้าล้วนถูกย้อมด้วยสีแดงไหม?""เจ้าเคยเห็นศพของคนที่ตายไปพวกนั้นยังคงกระตุก สั่นไหว และเลือดหลั่งไหลไหม?""แล้วเจ้าเคยเห็น คนมากมายล้มลงอยู่แทบเท้าเจ้า พวกเขาล้วนยังไม่ตาย แต่ก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ มองเจ้าด
หลังจากที่ลงมาจากค่ายโจร กู้อวิ๋นซีก็รู้สึกว่า ตัวเองได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง"องค์ชายสี่ ให้ข้าลงไปเถอะ ข้าสามารถ...""เจ้าอยากลงเดินไปที่อูฉงเองเหรอ?"จวินเย่เสวียนเลิกคิ้ว "ก็ไม่ใช่จะไม่ได้นะ งั้นค่อยเจอกันที่อูฉงแล้วกัน"พูดจบก็จับเสื้อผ้าบริเวณช่วงเอวของนาง เตรียมจะโยนนางลงไปกู้อวิ๋นซีรีบคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที พูดอย่างรีบร้อนว่า "ข้าว่าเช่นนี้ก็ดีแล้ว...ดีมาก เหอะ""หัวเราะได้น่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้เสียอีก!" จวินเย่เสวียนพูดเหน็บแนมกู้อวิ๋นซีทำปากยื่น แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกหายากที่องค์ชายสี่จะยอมไปหาพี่ใหญ่ที่อูฉงเป็นเพื่อนนาง มีองค์ชายสี่อยู่ จะต้องหาพี่ใหญ่เจอได้อย่างรวดเร็วแน่นอนเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของพี่ใหญ่ อีกทั้งยังมีชะตาชีวิตของคนในจวนแม่ทัพ จะล้อเล่นไม่ได้กู้อวิ๋นซีทำได้เพียงพยายามจะนั่งหลังตรง ไม่ให้ร่างกายของนางไปโดนร่างกายของชายหนุ่มอีกแต่ว่า นี่ก็หกวันแล้วทั้งเหนื่อยทั้งง่วง คิดอยากที่จะนั่งหลังตรง แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเยี่ยนสืออีที่ไปสำรวจทางข้างหน้ากลับมาแล้ว "ท่านอ๋อง เส้นทางนี้สามารถไปถึงอูฉงได้ แต่ว่า ระหว่างทางจะต้องผ่านป่าท
เรื่องการจูบนี้มันมหัศจรรย์มากแรกเริ่มเดิมทีก็อาจคิดเพียงแค่จะลิ้มรสแค่เล็กน้อยแต่ไม่ทันระวังก็ถลำลึกลงไปเรื่อยๆจูบไปๆ ร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนเป็นประหลาดไปร้อนมาก ราวกับว่ามีสัตว์ป่าตัวน้อยขี้พยศกำลังค่อยๆ ตื่นขึ้นมาหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วก็เริ่มงัดเขี้ยวเล็บออกมาจนยากที่จะควบคุม มันเริ่มเรียกร้องเอาแต่ใจจูบนี้ แรกเริ่มเดิมทีนุ่มนวลมาก จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเผด็จการเอาแต่ใจคล้ายกับตอนที่ฉู่หลีต้องการนางมากตอนแรกก็จะนุ่มนวลอ่อนโยน แต่ทุกครั้งเมื่อถึงตอนท้ายก็จะทรมานนางจนแทบจะสิ้นสติฉู่หลี...กู้อวิ๋นซียื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว เกาะเกี่ยวลำคอเขาเอาไว้เป็นกลิ่นของฉู่หลีในที่สุดฉู่หลีก็กลับมาอยู่ข้างกายของนางสักทีเด็กสาวที่ยังคงไม่มีสติเต็มร้อย เพื่อจะเอาใจเขา จึงได้แลบลิ้นออกไปอย่างระมัดระวังเมื่อรู้สึกได้ถึงการตอบสนองของนาง ผู้ชายบนร่างก็รุกหนักขึ้นทันทีฝ่ามือใหญ่เปิดเสื้อผ้าของนางออกให้มันไหลร่วงลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วหัวใจของกู้อวิ๋นซีสั่นไหวอย่างเบาๆ กับเรื่องนี้ ถึงยังไงนางก็ยังแอบกลัวอยู่ดีทุกครั้ง ฉู่หลีมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ตลอดนางเพิ่งจะบรรลุนิ
นางร้องไห้อีกแล้วตอนนี้นางกำลังนั่งอยู่ริมแม่น้ำ บนร่างสวมชุดคลุมของเขาอยู่ ร้องไห้เงียบๆ อย่างไม่มีท่าทีใดๆไม่มีแม้แต่เสียงให้ได้ยิน เพียงแค่น้ำตาไหลรินลงมาอย่างเงียบๆ เท่านั้นจวินเย่เสวียนรู้สึกเพียงว่าจู่ๆ ก็รู้สึกปวดตุบๆ ตรงบริเวณขมับรำคาญ"เจ้ามานอนในอ้อมกอดของข้าเอง ข้าก็คิดว่าเจ้าอยากน่ะสิ!" เขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย!ถึงแม้เขาก็อยาก แต่เขาไม่ได้ชอบฉวยโอกาสตอนคนอื่นลำบากสักหน่อยลงมือกับคนที่ไม่มีสติครบถ้วน ไม่ใช่นิสัยของเขาเขาชอบข่มเหงนางตอนที่นางมีสติครบถ้วนมากกว่า!ไม่ใช่การหลอกลวง"ก็ข้าคิดว่าท่านคือฉู่หลี" กู้อวิ๋นซีกำหมัดแน่น พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่านางคิดจริงๆ ว่าเป็นฉู่หลีที่กำลังกอดตัวเองเหตุใดความรู้สึกของพวกเขาทั้งคู่ถึงได้เหมือนกันขนาดนี้?บางครั้ง สำหรับนางไฝเสน่ห์เม็ดนั้นก็คล้ายว่าจะไม่สำคัญแล้วที่สำคัญคือ ความรู้สึกมันเหมือนกันมาก! ขนาดลมหายใจยังเหมือนกันซะขนาดนั้น!ตอนที่กำลังหลับสะลึมสะลืออยู่ จะให้แยกได้อย่างไรเล่า?"ถึงกระนั้นก็เป็นปัญหาของเจ้าอยู่ดี เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? เจ้าจะร้องทำไม?"เมื่อเห็นนางร้องไห้ก็รู้สึกหงุดหงิดรู้สึกปวด
จวินเย่เสวียนคร้านจะสนใจนางแล้วในใจรู้สึกเสียใจอย่างประหลาดเขาเดินไปที่ริมแม่น้ำ วักน้ำขึ้นมาล้างหน้าตัวเองสายตาของกู้อวิ๋นซีเผลอมองไปยังมือของเขาเมื่อครู่นิ้วเรียวยาวนั้น เพิ่งจะ...ภาพเหล่านั้นปรากฎขึ้นมาในหัวของนาง จนถึงตอนนี้ ยังรู้สึกราวกับจะปวดหนึบๆ ระหว่างขาทั้งสองข้างอยู่เลยนางแอบหุบขาทั้งสองข้างชิดกันอย่างไม่รู้ตัวในใจรู้สึกหนักอึ้งถึงแม้พวกเขาจะยังไม่ได้ทำเรื่องนั้นกันจริงๆ แต่มือขององค์ชายสี่ก็...ขนาดนั้นแล้ว แตกต่างกับทำแล้วตรงไหนกัน?ต่อไปนางจะไปเผชิญหน้ากับฉู่หลีอย่างผ่าเผยได้อย่างไร?กู้อวิ๋นซีมองไปยังผิวน้ำที่อยู่ไม่ไกลแต่จิตใจกลับไม่สามารถทำให้เรียบสงบได้อย่างผิวน้ำกลับไปก็ค่อยไปพูดกับฉู่หลีให้ชัดเจนแล้วกันไม่ว่าฉู่หลีจะต้องการหรือไม่ต้องการนาง ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไงนางก็รับได้ทั้งนั้นก็นางทำผิดต่อฉู่หลีก่อนหนิถึงตอนนี้ นางจะต้องตั้งสติให้มั่น ทุกอย่างรอให้ช่วยพี่ใหญ่กลับมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากันนางก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปเช่นกัน ตักน้ำสะอาดขึ้นมาล้างหน้าให้กับตัวเองตอนที่หันข้างไปมองจวินเย่เสวียน สายตาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังรอยแผลโดนฟัน
"ท่านคือฉู่หลี..." กู้อวิ๋นซีเงยหน้าประสานสายตาเข้ากับแววตาลึกสุดหยั่งของจวินเย่เสวียนเขาคือฉู่หลีเขาจะต้องเป็นฉู่หลีแน่หากว่าเขาคือฉู่หลี เช่นนั้นทุกเรื่องก็กลายเป็นสมเหตุสมผลแล้ว!เขาจะต้องเป็นฉู่หลีแน่ๆ ใช่หรือไม่?จวินเย่เสวียนเองก็มองนางเช่นกัน เพียงแต่สายตาที่มองนาง จากทีแรกที่ดูลึกลับก็ค่อยๆ เพิ่มความหยอกล้อขึ้นมา"นี่เจ้าคาดหวังให้ข้าเป็นฉู่หลีมากขนาดไหนกันเนี่ย?"เขาหัวเราะอย่างเย็นชา ฉับพลันก็จับมือนางเอาไว้ กอบกุมมือน้อยๆ ของนางไว้ในฝ่ามือของเขาก้มลงไปกระซิบข้างตัวนาง "แต่ว่า ตอนที่เจ้ามีความปรารถนา หากถ้าคิดว่าข้าเป็นฉู่หลีแล้วจะทำให้เจ้าสบายใจขึ้น ข้าก็จะยอมเอาใจเจ้าสักหน่อยก็ได้นะ"กู้อวิ๋นซีรีบดึงมือของนางกลับออกมาอย่างแรงนี่นางคิดอะไรอยู่เนี่ย?เขาจะเป็นฉู่หลีไปได้อย่างไร?ฉู่หลีไม่ปฏิบัติกับนางเช่นนี้หรอก!กู้อวิ๋นซียืนขึ้น ปิดตาตัวเองลงอย่างแรงเพื่อพยายามสงบจิตใจตัวเองตอนนี้ เรื่องช่วยพี่ใหญ่สำคัญที่สุด!วันนี้จวินเย่เสวียนเองก็คล้ายจะไม่มีอารมณ์จะแกล้งนางอีก เขาหยิบน้ำยาออกมา ใช้น้ำยานั้นลบรอบแผลเป็นบนหน้าของตัวเองออกจากนั้นก็เรียกออกไปว่า "เ
พวกเขากอดกันด้วย!ไม่สิ น่าจะพูดว่า ผู้หญิงชุดขาวคนนั้นกอดจวินเย่เสวียนแต่จวินเย่เสวียนก็ไม่ได้ผลักนางออกกู้อวิ๋นซีจับขอบหน้าต่างเอาไว้ ในใจเกิดความรู้สึกประหลาด เป็นความรู้สึกที่ก็อธิบายไม่ถูกทันใดนั้นจวินเย่เสวียนเงยหน้าขึ้น สายตาคล้ายจะหันมามองทางนี้พอดีกู้อวิ๋นซีปิดหน้าต่างดังปึง ตัวพิงหน้าต่าง หัวใจเต้นระรัวเร็วทั้งๆ ที่คนแอบนัดเจอไม่ใช่ตัวเอง แต่ในตอนนี้ ตัวเองกลับรู้สึกเหมือนโดนตำรวจจับได้อย่างนั้นกว่าจะทำใจให้สงบลงได้ กู้อวิ๋นซีก็ยังอดไม่ได้ที่จะแง้มหน้าต่างออกดูไม่มีเงาร่างของจวินเย่เสวียนอยู่ด้านล่างแล้วเหลือเพียงผู้หญิงชุดขาวคนนั้นที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นก็เกิดการเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆกู้อวิ๋นซีรู้สึกตื่นตระหนก นางเห็นว่ามีผู้หญิงชุดขาวสี่คนเหาะลงมาจากฟ้า มายืนอยู่ด้านหลังของผู้หญิงชุดขาวคนนั้นการแต่งกายเหมือนกัน เป็นสีขาวล้วนแบบเดียวกัน หรือว่า จะเป็นคนของพรรคไป๋ถันจริงๆ?ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกับผู้หญิงชุดขาว สุดท้ายผู้หญิงชุดขาวก็หมุนตัวตามพวกเขาออกไปเงาแผ่นหลังดูจะออกเศร้าหมองนิดๆเหตุใดองค์ชายสี่ถึงรู้จักคนขอ
กู้อวิ๋นซีรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่าง ไม่รู้ว่าถูกคนพามาที่ไหนเหมือนกับว่าจะเป็นห้องๆ หนึ่งรอบๆ มีกลิ่นหอมดอกไม้จางๆแต่กลิ่นดอกไม้นี้หอมมาก ไม่เหมือนกับที่ได้กลิ่นตอนอยู่ในห้องพักร่างกายอ่อนเปลี้ย แขนขาไร้เรี่ยวแรง ขนาดแค่จะขยับยกนิ้วขึ้นมาก็ยังลำบากมากนางถูกวางยาสลบใครกันที่พานางมาที่นี่?ใครขณะที่กำลังงุนงงอยู่นั้น กู้อวิ๋นซีก็คล้ายว่าจะได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน"นางก็คือพระชายาของจวินฉู่หลีเหรอ?"เป็นเสียงของผู้หญิง ฟังดู เสียงมีอายุหน่อยๆ น่าจะเป็นผู้หญิงที่อายุเกินสี่สิบไปแล้วส่วนเสียงของผู้หญิงอีกคน น่าจะยังไม่ถึงยี่สิบดี "เจ้าค่ะ"เสียงนี้ฟังดูจะเคารพต่อหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งถามคำถามเมื่อกี้มาก"เหตุใดจวินฉู่หลีถึงแต่งภรรยาได้? สถานการณ์เขาเป็นเช่นไร เจ้ากับข้าต่างรู้ดี" หญิงวัยกลางคนพูดหัวเราะอย่างเย็นชาปลายนิ้วของกู้อวิ๋นซียังคงไร้เรี่ยวแรงเช่นเดิม แต่ก็ค่อยๆ เกร็งขึ้นเหตุใดนางจึงพูดว่าฉู่หลีไม่สามารถแต่งภรรรยาได้?หญิงสาววัยรุ่นพยักหน้าพูด "ใช่...ดังนั้นเรื่องนี้ ลูกก็รู้สึกว่าแปลกมากเหมือนกัน อีกอย่าง พระชายาของฉู่หลี หลายวันมานี้กลับอยู่กับเย่เสวียนตลอด