กู้หรูชิวรู้สึกว่าวันนี้น้องเก้าไม่ปกติแต่นางไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับน้องเก้าอย่างไรน้องเก้าในตอนนี้ คงจะต้องเสียใจมากอยู่แน่ๆ?คนที่ใกล้ชิดกับตัวเองที่สุดไม่อยู่แล้ว แต่กลับนางดูสงบมาก"พี่แปด เหตุใดจึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้? หรือว่า เรื่องในจวนแม่ทัพมันร้ายแรง?" กู้อวิ๋นซีถามกู้หรูชิวยังเหม่อลอยอยู่นางขยับริมฝีปาก แต่ก็ไม่พูดอะไรสุดท้าย ก็พูดออกมาเบาๆ ว่า "ตอนนี้...ยังไม่มีอะไร วันนี้ได้ยินว่าเสวียนอ๋องเข้าวัง ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่""เรื่องในจวนแม่ทัพ เจ้ายังไม่ต้องยุ่งหรอก ข้าจะกลับไปสอบถามข่าวคราวความคืบหน้าบ่อยๆ"กู้หรูชิวกุมมือของนางเอาไว้ ถึงได้พบว่ามือของนางเย็นมากนางมองเสื้อคลุมบนตัวของกู้อวิ๋นซี นัยน์ตาเคร่งขรึม "น้องเก้า ต่อไป...เสื้อคลุมของผู้ชายคนอื่น อย่าได้เอามาคลุมตัวไว้เชียว"พูดจบก็ถอดเสื้อคลุมของเยี่ยนอีบนตัวของกู้อวิ๋นซีทิ้งไปอย่างไม่ใยดีกู้อวิ๋นซีพูดเบาๆ ว่า "พี่แปดก็คงจะได้ยินเรื่องซุบซิบมาสินะ?"คำถามนี้ กู้หรูชิวไม่กล้าตอบ เกรงว่าจะทำให้นางเสียใจกู้อวิ๋นซีเองก็ไม่ได้ถามต่อ ดูท่า จะมีคนซุบซิบหรือไม่คงไม่สำคัญอะไรสำหรับน
กู้อวิ๋นซียังคงมองเขาอย่างสงบนิ่ง แต่ว่าราวกับว่านางจะตกใจกับคำพูดของเขามาก"ท่านอ๋องไม่ชอบที่ข้าว่าง่ายเหรอ?" คำพูดนี้ฟังดูแล้วไม่เหมือนการประชดจวินเย่เสวียนรู้สึกหนักอึ้งในใจอย่างประหลาดเขาชอบที่นางว่าง่าย แต่ว่าไม่ใช่การว่าง่ายแบบนี้!ไม่เหมือนกัน!นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาอยากได้!ตอนนี้กู้อวิ๋นซี ราวกับเป็นหุ่นเชิดไร้ชีวิต!เป็นหุ่นเชิดจริงๆ!"ดังนั้นตอนนี้เจ้าคิดได้แล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่ว่าข้าจะให้เจ้าทำอะไร เจ้าก็จะทำเหรอ?"คำถามนี้ กู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบ นางเพียงมองเขานิ่งอยู่อย่างนั้นจวินเย่เสวียนรู้สึกอัดอั้นในอก มันตื้อไปหมดจู่ๆ เขาก็อุ้มนางขึ้นมา เดินเข้าไปทางฝั่งเตียงนอนหลังใหญ่กู้อวิ๋นซียังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ก็ถูกเขาโยนลงไปบนเตียงแล้วไม่ขัดขืน ไม่มีแม้แต่สีหน้าที่จะขัดขืนเลยสักนิด"ถอด!" เขาพูดอย่างเย็นชากู้อวิ๋นซีลุกขึ้นมานั่ง ยื่นมือออกมาแล้วเริ่มถอดเสื้อของตัวเองออกจริงๆท่าทางแบบนี้!จวินเย่เสวียนโมโหจนต้องกำหมัดไว้แน่น!ในตอนที่กู้อวิ๋นซีกำลังเปิดเสื้อของตัวเองออก จู่ๆ เขาก็ก้มหน้าลงมา จับคางของนางเอาไว้แน่น เชิดหน้าเล็กๆ ขาวซีดของนางขึ้นมา"เ
เหล้าในคืนนี้ ช่างอึดอัดและอึมครึมตอนหลัง หลังจากที่จวินเย่เสวียนดื่มไปอีกหลายแก้วก็บอกให้กู้อวิ๋นซีนั่งลง กินข้าวเป็นเพื่อนเขาความจริงเขาดูออกว่าตอนนี้นางเหนื่อยมากแล้ว"ไม่มีอะไรจะพูดกับข้าเหรอ?" หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ก็ให้สาวใช้มาเก็บกวาดแล้วเปลี่ยนเป็นชาเซียงหมิงกาหนึ่งแทนจวินเย่เสวียนจ้องมองไปยังสายตาที่เรียบเฉยจนเกินไปของกู้อวิ๋นซีด้วยจิตใจที่สับสนตลอดช่วงเวลาตอนกินข้าวเย็น จิตใจเขาก็ว้าวุ่นไปหมด ผู้หญิงน่าโมโหคนนี้ สีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา สายตาก็เฉยเมยไร้ความรู้สึกเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ครั้งนี้กู้อวิ๋นซีมองเขา ในที่สุดก็ทำท่าคล้ายกับอยากจะพูดอะไร "คนที่แอบเข้ามาในจวนอ๋อง ลอบทำร้ายท่านอ๋องเป็นพี่ใหญ่ของข้าจริงๆ เหรอเพคะ?""ใช่" คำพูดนี้ไม่ต้องสงสัย "ข้าเป็นคนจับเขาได้ด้วยตัวเอง แล้วก็เอาตัวเขาส่งเข้าในวัง นอกจากว่าคนที่อยู่ในคุกวังหลวงจะไม่ใช่กู้หนานฟงน่ะนะ""เช่นนั้น สามารถพาข้าไปหาเขาหน่อยได้หรือไม่ ให้แยกดูว่าเขาใช่พี่ใหญ่ของข้าจริงหรือไม่?" กู้อวิ๋นซีถามอีกครั้ง"เจ้าที่ช่างได้คืบจะเอาศอก" จวินเย่เสวียนพูดอย่างเย็นชาที่แท้ที่ทำตัวเชื่อฟังตลอดทั้งคืน
กู้อวิ๋นซีพูด "พี่ใหญ่ ท่านจะถือสาหรือไม่ถ้าข้าจะขอดูสักหน่อย? จำเป็นต้องให้ท่านถอดเสื้อออก"กู้หนานฟงถอดเสื้อออกในทันทีน้องสาวตรวจอาการให้พี่ชาย มีอะไรถือสาไม่ถือสากันล่ะ?เขาแค่เพียงแปลกใจ "เจ้าเคยศึกษาเรื่องพิษกู่?""เพียงแค่ตอนที่จะรักษาให้อาหลี เคยศึกษามาบ้าง ยังรู้ไม่มาก แต่ก็น่าจะมีประโยชน์บ้าง"คืนนี้กู้อวิ๋นซีเตรียมตัวมาดี นางเอากล่องยามาด้วยปักเข็มเล่มยาวลงไป ครั้งนี้นางดูดเลือดจากหัวใจของกู้หนานฟงมาด้วยกู้หนานฟงที่ถูกดูดเลือดไป อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด"หลายวันนี้อาจจะรู้สึกทรมานหน่อย ถึงอย่างไรเลือดจากหัวใจก็เป็นของที่สำคัญของชีวิตคนๆ หนึ่ง แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีการใดๆ"กู้อวิ๋นซีมองเขา แล้วพูดอย่างปลอบใจ "พี่ใหญ่ ดูแลตัวเองให้ดี ข้ากับเฟยหย่าจะพยายามกันเต็มที่"เมื่อพูดถึงมู่เฟยหย่า แววตาของกู้หนานฟงก็เจื่อนลงเล็กน้อย"หากว่าครั้งหน้าเจ้าได้เจอกับเฟยหย่า บอกนางด้วยว่าอย่าได้ลำบากเพื่อข้าอีกเลย""ท่านไม่ชอบนางจริงๆ เหรอ?" ในใจของพี่ใหญ่มีคนอื่น นางรู้"ผู้หญิงที่ท่านชอบ เป็นใครกันแน่? รู้จักกันที่อูฉงอย่างนั้นเหรอ?"ก่อนที่พี่ใหญ่จะออกเดินทางไปคุ้มครองเมือ
กู้อวิ๋นซีหันหน้ากลับไปมองเขา "ว่ากันด้วยเรื่องนี้ อย่างน้อยท่านอ๋องก็ไม่ปรักปรำคนดี""หมายความว่าอย่างไร?" จวินเย่เสวียนเดินขึ้นมาตีคู่กับนาง เดินไปข้างหน้าพร้อมกับนางอย่างช้าๆกู้อวิ๋นซีก้มหน้า มองไปยังเงาร่างของทั้งสองคนบนพื้น"พี่ใหญ่ลอบสังหารท่านอ๋อง ถูกท่านอ๋องจับได้ด้วยตัวเอง มีหลักฐานชัดเจน ว่ากันตามหลักเหตุผล คดีนี้ก็น่าจะปิดไปได้แล้ว แต่ท่านอ๋องก็ประวิงเวลาจนถึงตอนนี้ ไม่ยอมปิดคดี""หากว่าข้าทายไม่ผิด ท่านอ๋องคงจะรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน ท่านอ๋อง...ส่งคนไปสืบข่าวเรื่องสาเหตุที่พี่ใหญ่ถูกพิษที่อูฉงแล้วเหรอเพคะ?""เยี่ยนอีบอกเจ้าอย่างนั้นเหรอ?" จวินเย่เสวียนนัยน์ตาเคร่งขรึมกู้อวิ๋นซีส่ายหน้า "บางทีเขาอาจจะมีความรู้สึกดีกับข้าอยู่บ้างก็จริง แต่เรื่องแบบนี้ เขาไม่มีทางหักหลังท่านอ๋องหรอก""เจ้ากำลังช่วยพูดให้เขาอยู่อย่างนั้นเหรอ?" จวินเย่เสวียนเลิกคิ้ว"ข้าจะกล้าได้อย่างไร? ตัวข้าเองยังมีชีวิตลำบากเช่นนี้ ยังจะมีแรงเหลือไปช่วยคนอื่นได้อย่างไร?"จวินเย่เสวียนไม่พูดอะไร เพียงแค่มองหน้านางอยู่อย่างนั้น ราวกับกำลังประเมินอยู่ว่านางพูดความจริงสักแค่ไหนกู้อวิ๋นซีไม่รอใ
"เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?"แววตาของจวินเย่เสวียนมีร่องรอยของความอันตรายฉายชัดอันเซี่ยตายไปแล้ว เขาสงสารนางแต่นี่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่แค้นนาง!ความแค้นที่เขามีต่อนาง ไม่เคยจืดจางลง!ข้าก็เพียงล้อเล่นเท่านั้น เหตุใดท่านอ๋องจะต้องจริงจังด้วย?คางของนางถูกบีบแน่นอีกแล้ว แต่ว่านางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าแรงบีบของเขาในครั้งนี้ดูจะอ่อนลงกว่าครั้งก่อนที่แท้การตายของอันเซี่ย สามารถช่วยนางได้มากขนาดนี้จริงๆในใจของอันเซี่ยเองก็คงรู้ดีใช่ไหมอย่างน้อย ตอนนี้เสวียนอ๋องก็ยังรู้สึกสงสารนางอยู่นิดหน่อย"ท่านอ๋อง โชคชะตาของคนทั้งครอบครัวข้าล้วนอยู่ในกำมือของท่าน ข้าคงไม่อาจหนีไปได้หรอก ในใจของท่านก็รู้ดี"ก่อนที่เขาจะพูดอะไร กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นก่อนว่า "ข้าก็รู้ว่าที่ท่านรั้งข้าเอาไว้ก็เพื่อที่จะแก้แค้น"ริมฝีปากของจวินเย่เสวียนสั่นไหวน้อยๆ แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีทั้งๆ ที่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ แต่เมื่อนางเป็นคนพูดมันออกมาเอง เหตุใดจึงรู้สึกขัดใจถึงเพียงนี้?"ท่านอ๋อง ข้าไม่อยากทำให้ท่านโกรธเลย ตอนนี้อันเซี่ยก็ไม่อยู่แล้ว ข้าเองก็กลัวว่าสักวันตัวเองจะถูก
ความจริงแล้วมู่เฟยหย่ากับพี่รองของนางล้วนไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆได้ยินว่ามู่หงยื่อยังมีลูกชายอีกคนหนึ่ง แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครทุกคนรู้เพียงว่า พรรคไป๋ถันยังมีคุณชายอีกคนหนึ่งแต่ว่าคุณชายคนนั้น ได้จากพรรคไป๋ถันไปตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว ขนาดมู่เฟยหย่ากับมู่อันหนิงก็เคยเจอเขาแค่ตอนเด็กๆ เท่านั้นไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเท่าไรหากว่าวันนี้ได้พบกันอีกครั้ง ก็ไม่แน่ว่าจะจำกันได้ส่วนมู่เฟยหย่ากับมู่อันหนิง ทั้งสองคนมีนิสัยต่างกันตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกันตามประสาพี่น้องเท่าไรเมื่อได้ยินคำพูดของกู้อวิ๋นซี มู่เฟยหย่าก็คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหัว "ข้าไม่รู้ เหมือนว่า...ไม่รู้จักกันนะ แต่ก็เหมือนว่า...""พวกเขาไม่เคยพูดคุยกัน แต่กลับดูราวกับว่ารู้จักกัน ใช่ไหม?" กู้อวิ๋นซีถามมู่เฟยหย่างับนิ้วมือก่อนจะคิดอย่างตั้งใจ แล้วพยักหน้าออกมา "นี่เป็น...ความรู้สึกของข้าคนเดียวนะ""ข้ารู้แล้ว"กู้อวิ๋นซีพยักหน้า หลุบตาลง มองไปยังมุมหนึ่งตรงหน้า"มู่อันหนิงถูกข้าทำให้บาดเจ็บสาหัส บางที อีกไม่กี่วันข้าก็ควรจะไปเยี่ยมนางสักหน่อยแล้ว""นางจะบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร?" มู่เฟย
เขากลับมาแล้วมาอย่างรีบร้อนคราบฝุ่นยังเปื้อนตัวไม่ได้รอพระสนมหรง ไม่รอใครสักคน หนีออกมาจากขบวนเดินทางคนเดียว เพื่อเร่งกลับมาก่อนเพื่อหวังที่จะได้พบนางเร็วขึ้นแต่จวินฉู่หลีไม่นึกไม่ฝันเลยว่า หลังจากกลับมา ที่หอหนิงซีจะไม่มีคนอยู่นางย้ายเข้าไปอยู่ที่เรือนหลังของท่านพี่สี่แล้ว พักอยู่ในเรือนหลังเล็กๆ ที่ซ่อมซ่อยิ่งกว่าที่พักของคนรับใช้ซะอีกเขายิ่งคิดไม่ถึงว่าสาวใช้คนสนิทของนาง อันเซี่ย จะผูกคอฆ่าตัวตายจวินฉู่หลีจับมือกู้อวิ๋นซีเดินกลับไปที่หอหนิงซี ไล่คนอื่นออกไปทั้งหมดจนเกือบจะมีเรื่องกับเยียนเป่ยเยียนเป่ยจนใจ ทำได้เพียงกลับไปรายงานจวินเย่เสวียนเท่านั้นหลีอ๋องกลับมาแล้ว เรื่องนี้ ขนาดจวินเย่เสวียนยังเพิ่งรู้ได้รู้ข่าวเรื่องที่เขาหนีออกจากขบวนเดินทาง หลังจากที่เขากลับมาถึงจวนได้ชั่วโมงกว่าแล้วเลยเขาเดินทางกลับมาเร็วกว่าหน่วยข่าวกรองของเขาซะอีก!"เหตุใดท่านพี่สี่ถึงทำกับเจ้าเช่นนี้?" จวินฉู่หลียังคงกอบกุมมือของกู้อวิ๋นซีไว้ตลอด ไม่ยอมปล่อยออกเลยนางผอมลงไปมาก ดูเผินๆ ใบหน้านางตอบจนแทบจะไม่มีเนื้ออยู่แล้วถึงแม้จะไม่ถึงขั้นซูบผอม แต่ก็ดูอ่อนแอมาก น่าสงสารเหลือเกิน"เ
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี