"เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?"แววตาของจวินเย่เสวียนมีร่องรอยของความอันตรายฉายชัดอันเซี่ยตายไปแล้ว เขาสงสารนางแต่นี่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่แค้นนาง!ความแค้นที่เขามีต่อนาง ไม่เคยจืดจางลง!ข้าก็เพียงล้อเล่นเท่านั้น เหตุใดท่านอ๋องจะต้องจริงจังด้วย?คางของนางถูกบีบแน่นอีกแล้ว แต่ว่านางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าแรงบีบของเขาในครั้งนี้ดูจะอ่อนลงกว่าครั้งก่อนที่แท้การตายของอันเซี่ย สามารถช่วยนางได้มากขนาดนี้จริงๆในใจของอันเซี่ยเองก็คงรู้ดีใช่ไหมอย่างน้อย ตอนนี้เสวียนอ๋องก็ยังรู้สึกสงสารนางอยู่นิดหน่อย"ท่านอ๋อง โชคชะตาของคนทั้งครอบครัวข้าล้วนอยู่ในกำมือของท่าน ข้าคงไม่อาจหนีไปได้หรอก ในใจของท่านก็รู้ดี"ก่อนที่เขาจะพูดอะไร กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นก่อนว่า "ข้าก็รู้ว่าที่ท่านรั้งข้าเอาไว้ก็เพื่อที่จะแก้แค้น"ริมฝีปากของจวินเย่เสวียนสั่นไหวน้อยๆ แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีทั้งๆ ที่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ แต่เมื่อนางเป็นคนพูดมันออกมาเอง เหตุใดจึงรู้สึกขัดใจถึงเพียงนี้?"ท่านอ๋อง ข้าไม่อยากทำให้ท่านโกรธเลย ตอนนี้อันเซี่ยก็ไม่อยู่แล้ว ข้าเองก็กลัวว่าสักวันตัวเองจะถูก
ความจริงแล้วมู่เฟยหย่ากับพี่รองของนางล้วนไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆได้ยินว่ามู่หงยื่อยังมีลูกชายอีกคนหนึ่ง แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครทุกคนรู้เพียงว่า พรรคไป๋ถันยังมีคุณชายอีกคนหนึ่งแต่ว่าคุณชายคนนั้น ได้จากพรรคไป๋ถันไปตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว ขนาดมู่เฟยหย่ากับมู่อันหนิงก็เคยเจอเขาแค่ตอนเด็กๆ เท่านั้นไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเท่าไรหากว่าวันนี้ได้พบกันอีกครั้ง ก็ไม่แน่ว่าจะจำกันได้ส่วนมู่เฟยหย่ากับมู่อันหนิง ทั้งสองคนมีนิสัยต่างกันตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกันตามประสาพี่น้องเท่าไรเมื่อได้ยินคำพูดของกู้อวิ๋นซี มู่เฟยหย่าก็คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหัว "ข้าไม่รู้ เหมือนว่า...ไม่รู้จักกันนะ แต่ก็เหมือนว่า...""พวกเขาไม่เคยพูดคุยกัน แต่กลับดูราวกับว่ารู้จักกัน ใช่ไหม?" กู้อวิ๋นซีถามมู่เฟยหย่างับนิ้วมือก่อนจะคิดอย่างตั้งใจ แล้วพยักหน้าออกมา "นี่เป็น...ความรู้สึกของข้าคนเดียวนะ""ข้ารู้แล้ว"กู้อวิ๋นซีพยักหน้า หลุบตาลง มองไปยังมุมหนึ่งตรงหน้า"มู่อันหนิงถูกข้าทำให้บาดเจ็บสาหัส บางที อีกไม่กี่วันข้าก็ควรจะไปเยี่ยมนางสักหน่อยแล้ว""นางจะบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร?" มู่เฟย
เขากลับมาแล้วมาอย่างรีบร้อนคราบฝุ่นยังเปื้อนตัวไม่ได้รอพระสนมหรง ไม่รอใครสักคน หนีออกมาจากขบวนเดินทางคนเดียว เพื่อเร่งกลับมาก่อนเพื่อหวังที่จะได้พบนางเร็วขึ้นแต่จวินฉู่หลีไม่นึกไม่ฝันเลยว่า หลังจากกลับมา ที่หอหนิงซีจะไม่มีคนอยู่นางย้ายเข้าไปอยู่ที่เรือนหลังของท่านพี่สี่แล้ว พักอยู่ในเรือนหลังเล็กๆ ที่ซ่อมซ่อยิ่งกว่าที่พักของคนรับใช้ซะอีกเขายิ่งคิดไม่ถึงว่าสาวใช้คนสนิทของนาง อันเซี่ย จะผูกคอฆ่าตัวตายจวินฉู่หลีจับมือกู้อวิ๋นซีเดินกลับไปที่หอหนิงซี ไล่คนอื่นออกไปทั้งหมดจนเกือบจะมีเรื่องกับเยียนเป่ยเยียนเป่ยจนใจ ทำได้เพียงกลับไปรายงานจวินเย่เสวียนเท่านั้นหลีอ๋องกลับมาแล้ว เรื่องนี้ ขนาดจวินเย่เสวียนยังเพิ่งรู้ได้รู้ข่าวเรื่องที่เขาหนีออกจากขบวนเดินทาง หลังจากที่เขากลับมาถึงจวนได้ชั่วโมงกว่าแล้วเลยเขาเดินทางกลับมาเร็วกว่าหน่วยข่าวกรองของเขาซะอีก!"เหตุใดท่านพี่สี่ถึงทำกับเจ้าเช่นนี้?" จวินฉู่หลียังคงกอบกุมมือของกู้อวิ๋นซีไว้ตลอด ไม่ยอมปล่อยออกเลยนางผอมลงไปมาก ดูเผินๆ ใบหน้านางตอบจนแทบจะไม่มีเนื้ออยู่แล้วถึงแม้จะไม่ถึงขั้นซูบผอม แต่ก็ดูอ่อนแอมาก น่าสงสารเหลือเกิน"เ
จวินเย่เสวียนมาแล้วตอนนี้พี่น้องทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด"ซีเออร์เป็นพระชายาของข้า ขอเพียงนางยินยอม ตำแหน่งพระชายาหลีอ๋อง ก็จะเป็นของนางตลอดชีวิต"นี่เป็นครั้งแรกที่จวินฉู่หลีเผชิญหน้ากับจวินเย่เสวียนด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวเช่นนี้สายตาของจวินเย่เสวียนเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็ง "นางเป็นผู้หญิงของข้า!"คำพูดนี้ทำให้หัวใจของจวินฉู่หลีรู้สึกเจ็บปวดแต่พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่า ในตอนนี้ กู้อวิ๋นซีจะเดินออกมาจากห้องโถงเอง"ข้าจะกลับเรือนหลังเล็กในหอชมจันทร์" นางกล่าวจวินฉู่หลีอึ้งไป "ซีเออร์ ไหนเจ้าบอกว่า...""ข้ากับเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว รักษาอาการป่วยของเจ้าหายดีแล้ว ข้าก็ไม่ติดค้างอะไรเจ้าอีก" นางหันหน้าหนีจวินฉู่หลีร้อนใจ "ข้าไม่เคยติดค้างอะไรข้าเลย ตอนนี้ เป็นข้าที่เป็นหนี้ชีวิตเจ้า!"แต่กู้อวิ๋นซีกลับเพียงส่ายหน้าแล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าของจวินเย่เสวียน"ท่านอ๋อง ข้าไม่ได้เลือกอะไรเองเลย หากว่าท่านจะโกรธ ก็อย่ามาระบายความโกรธกับข้า ข้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย"จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร คว้าตัวนางมาโอบไว้แล้วหมุนตัวเดินออกไป"ท่านพี่สี่!" จวินฉู่หลีไล่ตามไ
"ไม่ใช่เขาพาตัวข้าไป ก็เป็นท่านที่พาตัวข้ากลับมา ข้าเลือกได้ด้วยหรือยังไง?"ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ทุกครั้งตัวนางไม่เคยได้มีสิทธิ์เลือกเลย แต่ทุกครั้งคนที่เป็นคนรับความโกรธนั้นก็จะเป็นนางทุกทีทำไมกัน?จวินเย่เสวียนเพียงมองนางนิ่งๆ ในสายตาเย็นชานั้นไม่มีความรู้สึกใดๆกู้อวิ๋นซีนั่งตัวตรง ไม่นานนางก็สามารถควบคุมความโมโหของตัวเองได้นางกลับมาสงบนิ่งอีกครั้งแต่ทุกครั้งที่นางสงบ คนที่ไม่สงบกลับต้องกลายเป็นเขาเสมอ"เจ้าคุยอะไรกับเขากันแน่?" เขาก้มหน้าจ้องไปในสายตาของนางอย่างจับผิด"ข้าบอกเขาว่าข้าไม่อยากเป็นแม่นางซีอะไรนั่น ถ้าไม่ตาย ก็ต้องเป็นพระชายา""เจ้ายังอยากที่จะเป็นพระชายาหลีอ๋องอีกเหรอ?" แววตาของจวินเย่เสวียนโกรธจัด ร้อนแรงลุกโชนราวกับไฟแต่กู้อวิ๋นซีกลับได้แต่จนใจ "เหตุใด...จะเป็นพระชายาเสวียนอ๋องไม่ได้ล่ะ?"เขาตะลึงไปเรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยเพราะเขารู้ว่านางไม่สนใจ ขนาดเมื่อก่อนนางยังเที่ยวโพนทะนาจัดการเรื่องคัดเลือกพระชายาให้เขาอยู่เลย"แม่นางซี แค่เมียน้อยคนหนึ่ง ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ใครๆ ก็สามารถรังแกข้าได้ ขนาดสาวใช้คนสนิทขิงข้ายังถูกคนข้าตายได้อย่างง
คืนนั้นกู้อวิ๋นซีค้างคืนอยู่ที่ห้องนอนของจวินเย่เสวียนแต่เขากลับทำสิ่งที่เหลือเชื่อ เขาไม่ได้มีอะไรกับนางตอนที่ต่อต้านเขาก็บังคับขืนใจอย่างรุนแรง แต่พอตอนนี้นางเชื่อฟังแล้ว เขากลับเพียงแค่นอนกอดนางเข้านอนไปด้วยกันเฉยๆขนาดจวินเย่เสวียนเองยังบอกไม่ได้เลยว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา ตลอดทั้งคืนดูจะนอนหลับสบายเลยไม่ได้ตื่นมากลางดึกเลยแม้แต่ครั้งเดียวส่วนคนที่นอนไม่หลับกลับกลายเป็นเขาเช้าวันต่อมา จวินเย่เสวียนที่นอนไม่หลับแทบทั้งคืนก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวด้านนอกประตูเยียนเป่ยรู้ว่าเมื่อคืนกู้อวิ๋นซีค้างคืนที่นี่ ดังนั้นเขาก็เพียงหยุดอยู่ในห้องโถงไม่ได้เดินเข้ามาเคาะประตูรอให้จวินเย่เสวียนเดินออกมาเอง เขาถึงได้เข้าไปพูดกระซิบเบาๆ ว่า "ท่านอ๋อง ฝ่าบาทเรียกเข้าเฝ้าด่วนพ่ะย่ะค่ะ!"จวินเย่เสวียนรีบไปเปลี่ยนชุดทันที แล้วเข้าวังไปพร้อมกับเยียนเป่ยเพียงแค่คิดไม่ถึงว่า ด้านในท้องพระโรงจะยังมีอีกสองคนจวินฉู่หลีกับกู้หนานฟง"เสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ลูกเดินทางไปที่ภูเขาน้ำแข็ง ทิ้งซีเออร์ให้อยู่ในจวนอ๋องคนเดียว พอได้ข่าวว่
ทางพลิกสถานการณ์ที่กู้อวิ๋นซีพูดถึง เพิ่งพูดจบก็มาเลยจวินฉู่หลีกลับมา พานางเข้าวังค้างคืนที่ตำหนักของไทเฮา"เจ้าจะทำให้ท่านพี่สี่ของเจ้าโมโหตายได้นะ" กู้อวิ๋นซีเดินมาอยู่ข้างกายของจวินฉู่หลีเพิ่งจะไปคารวะไทเฮาเสร็จ ตอนนี้พวกเขากำลังเดินอยู่ระหว่างทางที่จะกลับห้องนอน"ข้าได้ไปขอประทานอนุญาตจากเสด็จพ่อแล้วว่าจะสร้างจวนหลีอ๋อง และเพื่อร่นระยะเวลา ข้าเลยเลือกจวนมาหลังหนึ่งที่มีอยู่เดิมแล้วจะเอามาปรับปรุงเพิ่มเติมแทน""การสร้างจวนอ๋องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เหตุใดถึงไปเอาบ้านเก่าของคนอื่นมาปรับปรุงต่อเติมตามใจล่ะ? เดี๋ยวเขาก็เข้าใจว่าหลีอ๋องขาดแคลนเงินทองจริงๆ หรอก"กู้อวิ๋นซีเห็นว่าข้างหน้ามีชิงช้าก็เลยเดินเข้าไปนั่งบนนั้นจวินฉู่หลียืนอยู่ข้างหลังนางแล้วก็ออกแรงผลักนางเบาๆ"ถึงแม้ข้าจะไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่ว่าก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกับท่านพี่สี่จริงๆ...""เจ้าต้องการจะพูดอะไร?" กู้อวิ๋นซีเลิกคิ้ว"แต่ถ้าหากเจ้าไม่รังเกียจ มันก็เพียงพอที่จะเลี้ยงดูเจ้าได้นะ"กู้อวิ๋นซีหัวเราะ "ข้ามีสิทธิ์อะไรจะไปรังเกียจกัน? ถึงยังไงก็ดีกว่าการที่ต้องเป็นเมียน้อยอยู่ในจวนเสวียนอ๋องอยู่แล้ว อย่างน้อย ก
กู้อวิ๋นซีนวดขมับทุกอย่างมันดำเนินไปอย่างราบรื่นเกินไปแล้วกลับยิ่งทำให้รู้สึกไม่วางใจ"ซีเออร์ เจ้ารู้สึกว่าฝ่าบาทตอบตกลงไวไปใช่หรือไม่?"มู่เฟยหย่าไม่เก่งเรื่องการคาดเดาจิตใจของคนอื่น แต่นางรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่ว่าจะอนุญาตได้เลยท่าทีของฝ่าบาท ช่างทำให้น่าสงสัยจริงๆ"แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจไม่ได้ เกรงว่าฝ่าบาทคงกลัวว่าเสวียนอ๋องจะยิ่งใหญ่เกินไป จนเป็นอันตรายต่อราชบัลลังก์ของเขา"ดังนั้นขนาดฝ่าบาทเองก็ยังมีเจตนาจะแยกเสวียนอ๋องกับหลีอ๋องออกจากกัน? มู่เฟยหย่าเอียงคอขบคิดถึงปัญหานี้นางพบว่า หลังจากได้มาอยู่ข้างกายของกู้อวิ๋นซีแล้ว ดูเหมือนสมองของนางก็จะแล่นได้เร็วขึ้นก็จริง ยังจะมีความสัมพันธ์อะไรที่แนบชิดสนิทสนมยิ่งไปกว่าความสัมพันธ์ของคู่แฝดอีกล่ะ?หลีอ๋องป่วยมานานหลายปี ตอนนี้หายป่วยแล้ว ฝ่าบาทคงไม่อาจปล่อยให้เขาไร้ซึ่งอำนาจใดๆ ในมือได้แต่ถ้าหากหลีอ๋องซึ่งมีอำนาจจริงอยู่ในมือร่วมมือกับเสวียนอ๋องขึ้นมา เช่นนั้น อำนาจของฝ่ายเสวียนอ๋องก็จะเพิ่มขึ้นมาในทันทีเดิมทีอำนาจของเสวียนอ๋องก็มากมายอยู่แล้ว ตอนนี้ถ้าได้รับการสนับสนุนจากหลีอ๋องอีก ทางเจิ้งอ๋องจะจะต้อ