กู้หรูชิวมองนาง อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดกู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วน้อยๆ ในใจเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ "เสวียนอ๋องบังคับให้ท่านมาอยู่ที่นี่เหรอ?"แต่จวินเย่เสวียนกับพี่แปด ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไรล่ะ?ก่อนหน้านี้ตอนที่จวินเย่เสวียนคัดเลือดพระชายา พี่แปดเองก็ไม่ได้ส่งแม้แต่ภาพวาดเข้ามาด้วยทำไมตอนนี้ถึงพัฒนาความสัมพันธ์กันได้รวดเร็วขนาดนี้?"ซีเออร์ ข้ากับเสวียนอ๋องไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เจ้าอย่าโมโหไปเลย" กู้หรูชิวกล่าวคำพูดนี้หากว่าเป็นผู้หญิงคนอื่นพูด ก็น่าจะกำลังพูดเหน็บแนมนางทางอ้อมอยู่แต่กู้หรูชิวพูดมันออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางสงบนิ่ง ไม่ได้แฝงเจตนาไม่ดีไว้เลยนางดึงกู้อวิ๋นซีให้มานั่งลงที่โต๊ะ มองไปรอบๆ ก่อนจะพูดเสียงเบาๆ ว่า "พี่ใหญ่ถูกจับตัวไปขังเข้าคุกสวรรค์แล้ว""ว่ายังไงนะ?" กู้อวิ๋นซีตกใจจนแทบจะกระเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนหน้านี้นางป่วยหนัก จากนั้นก็ถูกจับขังอยู่แต่ในจวนเสวียนอ๋องเพื่อพักฟื้น ความจริงก็ไม่ทราบข่าวคราวที่เกิดขึ้นด้านนอกมากว่าหนึ่งเดือนแล้วพี่ใหญ่..."เพราะอะไร?""ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ได้ยินว่าพี่ใหญ่ต้องการลอบสังหารเสวียนอ๋อง และเสวีย
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมกู้หนานฟงจะต้องลอบสังหารจวินเย่เสวียนแต่กู้อวิ๋นซีรู้ดีว่าคนที่แอบบุกเข้าจวนเสวียนอ๋อง เพื่อสืบข่าวที่หออวิ๋นหลีครั้งก่อนก็คือกู้หนานฟงแต่มีจุดหนึ่งที่นางไม่เข้าใจก็คือ ตอนที่นางถามเรื่องนี้กับพี่ใหญ่ สายตาของพี่ใหญ่ดูจริงใจและไม่รู้เรื่องถึงแม้นางจะเพิ่งข้ามมิติมาได้เพียงแค่ปีกว่า แต่ในช่วงเวลาปีกว่านี้ ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ขอเพียงพี่ใหญ่อยู่ที่จวน พวกเขาสองพี่น้องก็จะตัวติดกันตลอดพี่ใหญ่มีใจจงรักภักดีต่อบ้านเมือง มีเมตตาและคุณธรรม เขาไม่มีทางเป็นกบฎแน่แต่ทำไมเขาจะต้องบุกเข้าจวนเสวียนอ๋องตอนกลางดึกด้วย? ทำไมจะต้องลอบสังหารจวินเย่เสวียนด้วย?ในนี้มันมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันอยู่แน่?กู้อวิ๋นซีหยุดอยู่ที่ห้องของกู้หรูชิวเป็นเวลานานกู้หรูชิวได้เล่ารายละเอียดเรื่องน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นกับจวนแม่ทัพตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาให้กับกู้อวิ๋นซีได้ฟังทั้งหมดแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่ลูกคนหนึ่งที่เกิดจากเมียน้อย ลูกที่ไม่ได้เป็นที่รักของท่านพ่อ วันๆ ก็ได้แต่คลุกตัวอยู่ในเรือนกับน้าเซวียทั้งวัน ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปข้างนอกมากนักดังนั้น เรื่องที่นางรู้ก็ไม่ได้เยอะมา
อันเซี่ยไม่รู้ นางจะรู้ได้ยังไง?เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ตัวนางถูกโบยจนสลบไปตั้งหลายครั้งก็ถูกราดด้วยร้ำเย็นให้ตื่นขึ้นมาถูกโบยไปตั้งยี่สิบไม้ ตอนนี้นางยังงงๆ อยู่เลยตอนสุดท้ายที่นางถูกส่งตัวกลับไปในห้อง ถูกโยนลงไปบนเตียง ไม่นานก็สลบไปเลยพอตื่นมาอีกที ก็เห็นคุณหนูเข้ามาและกำลังใส่ยาให้นางแล้วเมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่รู้ชัดเจนเลย"หรือว่า คุณหนูเองก็ถูกโบยด้วย?" แต่ ไม่สิ วันต่อมาถึงคุณหนูจะดูเพลียๆ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีแผลจากการถูกโบยนะ"มู่อันหนิง มีอะไรก็รีบพูดมา! มาหาข้าถึงนี่ ไม่ใช่เพื่อจะมาพูดจาบั่นทอนจิตใจข้าหรือไง?"อันเซี่ยเองก็ไม่ได้โง่ มู่อันหนิงเห็นคุณหนูของนางเป็นศัตรูมาตลอดที่นางมา ย่อมไม่ได้มาดีแน่นอน!แต่ตอนนี้อันเซี่ยร้อนใจจริงๆ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณหนูบ้างคุณหนูไม่ใช่คนที่ชอบเปิดเผยความรู้สึกให้คนอื่นรู้ เรื่องที่นางไม่อยากพูด อันเซี่ยเองก็บอกให้นางพูดไม่ได้นางรู้สึกร้อนใจจริงๆ!มู่อันหนิงเองก็ไม่ได้ใจเย็นแบบที่อันเซี่ยคิดไม่นานนางก็พูดเข้าประเด็น "เจ้าถูกโบย เพราว่าคุณหนูของเจ้าไม่ยอมปรนนิบัติเสวียนอ๋อง เจ้าคงรู
มู่อันหนิงจ้องอันเซี่ยอันเซี่ยเขม็ง นางยืนขึ้นแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าของอันเซี่ยหลุบตาลง จ้องไปยังกระโปรงตัวนั้นที่คลุมตัวของนางเอาไว้อยู่"เจ้าก็ไม่ดูสภาพของตัวเองเลยว่าสภาพของเจ้าเช่นนี้มีแต่เป็นภาระให้กับกู้อวิ๋นซี""มู่อันหนิง ยัยผู้หญิงชั่วร้าย เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก!"ตอนนี้คุณหนูอยู่ในจวนหลีอ๋องคนเดียว โดดเดี่ยว ไม่มีคนคอยช่วยเหลืออย่างน้อยถ้านางยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูได้แต่ถ้าหากแม้แต่นางก็ตายไปด้วย คุณหนูคนเดียวคงจะโดดเดี่ยวไร้ทางสู้ คุณหนูจะเสียใจมากจนไม่อยากจะมีชีวิคอยู่ต่อไปเลยหรือเปล่า?มู่อันหนิงไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมาแทน "ยังคิดว่าเจ้าจะภักดีกับคุณหนูของเจ้าสักแค่ไหนกันเชียว คิดไม่ถึงเลยว่าเป็นเพียงความภักดีแค่เปลือกนอกเท่านั้น!""เจ้าก็เป็นเพียงแค่คนที่รักตัวกลัวตาย กับกู้อวิ๋นซีก็แค่แสร้งทำเป็นภักดีไปอย่างนั้น!"อันเซี่ยจ้องนาง แต่ก็ไม่ได้โกรธ เพียงแค่สะบัดเสียงออกไปอย่างเย็นชา"ไม่ต้องใช้วิธีพูดกระตุ้นเพื่อหลอกให้ข้าไปตายหรอก ข้าไม่ยอมตายแน่!" นางจะอยู่เป็นเพื่อนคุณหนู อยู่กับคุณหนูตลอดไป!"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า เจ้าก็ใช้ร
เยี่ยนอีแววตาหม่นแสงไม่ไม่นานเขาก็ปรับอารมณ์ให้กลับมาสงบได้ดังเดิม สีหน้าเรียบเฉย "ข้าซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อท่านอ๋อง ไม่กลัวว่าเจ้าจะใส่ความยังไง"มู่อันหนิงยังคงยิ้มเยอะอย่างนั้น "เช่นนั้น จะไปหาเย่เสวียนพร้อมกันเลยไหม พูดกันต่อหน้าให้รู้เรื่องไปเลย?"เยี่ยนอีไม่เกรงกลัวการข่มขู่เลยสักนิด "ใจข้าบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะพูดที่ไหนก็เหมือนกัน!"คิดไม่ถึงว่ามู่อันหนิงยังไม่ทันจะคิดคำพูดต่อไปออก เยียนเป่ยก็เข้ามาซะแล้วเขามองมาที่มู่อันหนิง สีหน้าเคร่งขรึม "ท่านอ๋องมีรับสั่งเรียกให้เจ้าไปหา"มู่อันหนิงถลึงตาใส่เขา ในจวนอ๋องแห่งนี้ นางเกลียดขี้หน้าเยียนเป่ยเป็นที่สุดเพราะว่าเยียนเป่ยคนนี้ ไม่เคยพูดดีๆ กับนางเลย แถมท่าทางที่ปฏิบัติต่อนางก็แย่มาก!ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ ถึงแม้เยียนเป่ยจะแค้นกู้อวิ๋นซี แต่เขาก็ปฏิบัติกับกู้อวิ๋นซีสองนายบ่าวอย่างดีมากมาโดยตลอด!มู่อันหนิงทำหน้าเคร่งขรึม ก่อนพูดอย่างเย็นชาว่า "ได้ พอดีเลยข้าก็มีบางเรื่อง ที่อยากจะบอกเย่เสวียนอยู่เหมือนกัน"นางหันหน้าไปมองเยี่ยนอีอีกครั้ง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "รบกวนใต้เท้าเยี่ยนอีไปกับข้าหน่อยเถอะ แน่นอนว่าท่านจะไม่ไปก็ได้ ข
เยี่ยนอียังคงมีสีหน้าเรียบเฉย และก็ไม่เห็นจะมีสีหน้าที่ละอายใจแต่อย่างใดแต่มู่อันหนิงจะยอมความง่ายๆ ได้อย่างไรรอให้เอาเรื่องจริงมาพูดตรงหน้าก่อนเถอะ ดูสิว่าเขาจะแก้ตัวยังไง!ไม่มีใครพูดอะไร ขนาดจวินเย่เสวียนก็ยังคงนั่งอ่านหนังสืออย่างสงบราวกับว่าทุกคนไม่สนใจในสิ่งที่นางพูดเลยมู่อันหนิงเองก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาคนหนึ่ง ถูกเมินแบบนี้ ย่อมต้องรู้สึกน้อยใจเป็นธรรมดานางมองไปที่จวินเย่เสวียน พูดว่า "คืนนั้นข้าเห็นกับตาว่าเยี่ยนอีอุ้มกู้อวิ๋นซีเข้าห้องไป"เยี่ยนอีไม่ได้พูดอะไร จวินเย่เสวียนเองก็แค่มองนางทีหนึ่งอย่างเฉยชา จากนั้นก็ก้มหน้าอ่านจดหมายต่อมีเพียงเยียนเป่ยที่สีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดออกมาอย่างไม่พอใจ "เยี่ยนอีจงรักภักดีกับท่านอ๋องเป็นที่สุด กับพระชายา...กับแม่นางซีก็ให้ความเคารพ เจ้าอย่ามาพูดใส่ร้ายหน่อยเลย""ข้าไม่ได้โกหกนะ ข้าเห็นเองกับตาจริงๆ กู้อวิ๋นซีในสภาพเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ถูกเยี่ยนอีอุ้มกลับมา"มู่อันหนิงหันหน้ากลับไปมองเยี่ยนอี สะบัดเสียงไม่พอใจว่า "เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าไม่เคยทำเรื่องนั้น? คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเสื้อผ้าบนร่างกายของกู้อวิ๋นซี? ด้านในเสื้อคลุมไม่
"เย่เสวียน..." จวินเย่เสวียนไม่พูดอะไรเลย จนมู่อันหนิงอดพูดขึ้นไม่ได้ "เขากับกู้อวิ๋นซีมีอะไรเกินเลยกันแล้ว ท่านจะไม่...""กระหม่อมกับแม่นางซีบริสุทธิ์ ไม่เคยกระทำการใดที่ไม่เหมาะสม แม่นางมู่สามารถดูถูกกระหม่อมได้ แต่อย่าได้ใส่ร้ายทำให้แม่นางซีต้องเสื่อมเสีย!" เยี่ยนอีพูดอย่างเย็นชามู่อันหนิงเห็นว่าเขายอมรับผิดง่ายขนาดนั้น คิดว่าเขาคงจะไม่พูดโต้แย้งใดๆ ซะอีก!อีกอย่าง กู้อวิ๋นซีคนนั้น นอนกับใครมาตั้งไม่รู้กี่คนแล้ว ยังจะมีอะไรที่ให้เสื่อมเสียอีกกัน?ก็มีแต่ผู้ชายพวกนี้ที่ยังเห็นนางเป็นสมบัติล้ำค่าอยู่!"เย่เสวียน...""เจ้ามาพูดเรื่องพวกนี้กับข้า คิดจะทำอะไรกันแน่? หรือเจ้าไม่พอใจเยี่ยนอี เลยคิดอยากจะยืมมือข้ากำจัดเขาทิ้ง?"จวินเย่เสวียนสะบัดเสียงอย่างเย็นชา สีหน้าเย็นเยียบ ทำให้คนมองไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน"หรือว่า เจ้าไม่พอใจทั้งเยี่ยนอีและกู้อวิ๋นซี คิดอยากจะยิงปีนนัดเดียวได้นกสองตัว ให้ข้าช่วยเจ้ากำจัดพวกเขาไปทั้งคู่?"คำพูดของจวินเย่เสวียน ทำให้มู่อันหนิงตกใจจนหน้าเผือดสีนางรีบพูดอย่างร้อนใจ "เย่เสวียน ท่านพูดอะไรของท่าน? ข้าจำทำอย่างนั้นได้ยังไง...""เจ้าคิดจ
เยี่ยนอีก็แค่คิดอยากจะปกป้องดูแลกู้อวิ๋นซีด้วยความจริงใจความคิดนี้ ไม่ได้เคลือบแฝงความรู้สึกอื่นใด เขาก็แค่อยากปกป้องนางเยียนเป่ยทำงานร่วมกับเขามาสิบกว่าปี ความคิดของเยี่ยนอี เขามองออกเยียนเป่ยอดที่จะพูดอย่างโมโหไม่ได้ "เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่? เจ้าไม่รู้หรือไงว่านางทำร้ายท่านอ๋องไว้หนักหนาขนาดไหน? แต่เจ้ากลับไปสงสารผู้หญิงคนนั้น! ในใจของเจ้ามีท่านอ๋องอยู่ไหมเนี่ย?"ในใจของเยี่ยนอีเองก็รู้สึกเครียดมากเขาควรที่จะเกลียดกู้อวิ๋นซี แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นท่าทางอ่อนแอของนาง เขาก็ทำใจเกลียดไม่ลงจริงๆ!เขาทำอย่างอื่นไม่ได้!เขาทำได้แค่เกลียดตัวเองเท่านั้น!เยี่ยนอีหมุนตัวไป หันหลังให้กับเยียนเป่ย สายตายังคงมองไปที่มุมๆ หนึ่ง "เจ้าเคยเห็นสภาพตอนนางร้องไห้หรือเปล่า?"เยียนเป่ยไม่อยากจะตอบคำถามนี้ ก็แค่ร้องไห้เอง ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ร้องไห้?มีอะไรน่าแปลกกัน?"นางนั่งอยู่ในมุมเล็กๆ มุมหนึ่งคนเดียว บนถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน เพราะว่าไม่มีคน นางถึงกล้าที่จะกอดตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ"ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ภาพนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา สลัดยังไงก็ไม่ออกเขาหลงรักผู้หญิงอ่อนแอ
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี