เข็มฉีดยาของกู้อวิ๋นซี ฉีดเข้าไปโดนจุดตายของจวินเย่เสวียนตั้งแต่แรกจากนั้น ก็ฉีดยาที่นางเป็นคนปรุงขึ้นมาเองเข้าไปสู่ในร่างกายของเขาคืนนั้น ในครึ่งคืนแรกสีหน้าของจวินเย่เสวียนยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่ในครึ่งคืนหลัง สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจนกระทั่งอมม่วง!ดูแล้วราวกับคนถูกวางยาต่อจากนั้น หนังตาของเขาก็กระตุกอย่างแรง ดูแล้วเหมือนมีแววว่ามีปาฏิหาริย์ที่จะฟื้นขึ้นมาเลยหลานโจวตื่นเต้นสุดๆ รีบเข้าไปจับชีพจรให้กับจวินเย่เสวียนทันที"เหตุใด...ชีพจรถึงได้สับสนเช่นนี้?" เขามองไปที่กู้อวิ๋นซีแต่กู้อวิ๋นซีกลับพูดว่า "หลานโจว ข้ามีเรื่องที่จะต้องพูดกับเขา เจ้าจะออกไปก่อนได้ไหม?"หลานโจวไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่มองไปที่จวินเย่เสวียนแล้วก็ได้แต่ทำท่าลังเล"หรือว่า เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเขา?" กู้อวิ๋นซียิ้มเย็น "คนที่ทำร้ายเขาจริงๆ แล้วเป็นใคร เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ"หลานโจวยังคงไม่พูดอะไรตามเดิม เพียงแค่ครั้งนี้ เขายอมที่จะหมุนตัวเดินออกไปด้านนอกเยียนเป่ยกับเยี่ยนอีจ้องหน้าเขา สีหน้าประหลาดน้อยๆหลานโจวก็ยังคงไม่พูดอะไร เพียงแค่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูไม่ยอมจากไปไหนเช่นเดีย
หากว่าความอบอุ่นไม่สามารถเรียกเขาให้ฟื้นได้ เช่นนั้นก็ลองใช้ความแค้นดูแล้วกัน!กู้อวิ๋นซีเพียงแค่คิดไม่ถึงว่า ตัวเองเพิ่งจะพูดจบ ชั่วพริบตานั้น อุณหภูมิในห้องจะลดลงหลายองศาในทันทีนิ้วมือของเขากำลังค่อยๆ กำแน่นกู้อวิ๋นซีรู้สึกกังวลในใจ กำลังจะเอื้อมไปกุมมือเขาไว้ "เย่เสวียน..."แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันที่มือของนางจะได้โดนมือของเขา จู่ๆ มือของจวินเย่เสวียนก็ยกขึ้นมาฉับพลันวินาทีต่อมา กู้อวิ๋นซีก็รู้สึกเจ็บปวดบริเวณลำคอ!นางถูกบีบคอ ภาพทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปทันที!นางถูกกดไว้บนเตียงเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็สบตาเข้ากับดวงตาเย็นเยียบอย่างจังเขาจ้องหน้านาง ในแววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร"กู้อวิ๋นซี...เจ้ากล้า!""เย่...อื้ออ"จู่ๆ ชายหนุ่มก็บีบนิ้วมือแน่น กู้อวิ๋นซีรู้สึกหายใจลำบาก กำลังจะขาดอากาศหายใจหายใจไม่ออกแล้ว"ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วว่าเจ้าลงมือฆ่าลูกของข้าด้วยตัวเอง!"เขาบีบนิ้วมือแน่นขึ้นเรื่อยๆกู้อวิ๋นซีกำลังดีใจที่เขาตื่นขึ้นมาได้ แต่ไม่นานก็พบว่า ตัวเองไม่มีทางรอดแล้วที่แท้ มู่อันหนิงมีประโยคหนึ่งที่พูดได้ไม่ผิด ถ้าเขาตื่นขึ้นมาจะต้องฆ่านางด้วยมือ
คนเราจะเข้าสู่สภาวะสิ้นหวังเมื่อไรเหรอ?เมื่อก่อนกู้อวิ๋นซีไม่รู้ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่านาง จะรับรู้ถึงรสชาติของความสิ้นหวังแล้วผู้ชายคนนั้น ไม่เชื่อนางอีกแล้วคืนนั้น หลังจากพ้นเที่ยงคืนไป กู้อวิ๋นซีกับอันเซี่ยก็ออกไปทางประตูหลังไม่ได้เอาของอะไรไปมาก เอาไปเพียงเงินนิดหน่อย แล้วก็ป้ายคำสั่งที่เมื่อก่อนจวินฉู่หลีเคยให้นางเอาไว้ถ้ามีป้ายคำสั่งนี้ ไม่ว่าเมื่อไร ทหารคุ้มกันเมืองก็จะเปิดประตูให้นางเสมอ"คุณหนู เหตุใดพวกเราจึงไม่กลับจวนแม่ทัพล่ะเจ้าคะ?" อันเซี่ยไม่เข้าใจไม่กลับจวนแม่ทัพ ข้างนอกกว้างใหญ่ปานนี้ อันเซี่ยไม่รู้จริงๆ ว่าที่ไหนจะเป็นที่พักพิงให้กับพวกนางได้"ก่อนหน้านี้เสวียนอ๋องก็มีอคติกับจวนแม่ทัพอยู่แล้ว หากว่าตอนนี้ข้ากลับไปที่จวนแม่ทัพ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย"เรื่องคนร้ายในคืนนั้น ต่อให้ตอนหลังจะไม่มีการพูดถึง แต่ในใจของกู้อวิ๋นซีรู้ดีว่าจวินเย่เสวียนสงสัยในตัวกู้หนานฟงเรื่องนี้ ยังเป็นปัญหาที่คาใจอยู่ตอนนั้นยังพอเห็นแก่นางบ้าง ไม่ลงมือกับคนในจวนแม่ทัพชั่วคราวแต่ตอนนี้ จวินเย่เสวียนเกลียดนางเข้ากระดูก หากว่านางกลับไปที่จวนแม่ทัพ พี่ใหญ่ก็จะต
กู้อวิ๋นซียังไม่ทันวิ่งไปได้ไกลเท่าไร จู่ๆ ม้าก็ร้องออกมาแล้วก็หยุดวิ่งเองดื้อๆมันรับรู้ได้ถึงอันตราย!กู้อวิ๋นซีรีบดึงเชือกม้าไปอีกด้านหนึ่งทันทีโดยไม่คิด อยากจะรีบออกไปให้เร็วที่สุดคิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะกลับตัวก็มองเห็นว่าไม่ไกลมีทหารสิบกว่านายกำลังขี่ม้าพุ่งเข้ามาอย่างเร็วเมื่อหันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง ยังทิศทางเมื่อครู่ ก็มีอีกสิบกว่าคน กำลังขวางทางเอาไว้อยู่หนีไม่รอดแล้วกู้อวิ๋นซีมองแผ่นหลังของทั้งสิบกว่าคนนั้นอย่างที่คิด ทหารสิบกว่านายค่อยๆ ขี่ม้าแหวกทางออก ด้านหลังมีคนผู้หนึ่งกำลังขี่ม้าเดินเข้ามาช้าๆเจิ้งอ๋อง!คนที่เดินตามข้างหลังเจิ้งอ๋องมา เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กู้อวิ๋นซีเคยได้พบแล้ว เป็นผู้หญิงข้างกายของเจิ้งอ๋อง จูจี้เรื่องนี้ช่างเกินคาดของกู้อวิ๋นซีเหลือเกิน"พระชายาหลีอ๋อง ไม่เจอกันนาน ยังจำข้าได้หรือไม่?" เจิ้งอ๋องหยุดท้าตรงหน้าที่ห่างจากกู้อวิ๋นซีไม่ไกลกู้อวิ๋นซีพยายามเก็บอารมณ์ ทำใจตัวเองให้สงบขึ้นนางกระโดดลงจากหลังม้า เดินขึ้นหน้าไปสองก้าว ค้อมตัวทำความเคารพไปทางจวินฉีเจิ้ง "ยินดีที่ได้พบองค์ชายใหญ่""ดึกดื่นป่านนี้ เหตุใดพระชายาหลีอ๋องถึงจะออกไปนอ
กู้อวิ๋นซีกำฝ่ามือไว้แน่นนางไม่รู้ว่าใครกันที่แอบส่งข่าวให้กับจวินฉีเจิ้ง ตัวเองเพิ่งออกนอกเมืองมาได้ เขาก็มาไล่จับด้วยตัวของตัวเองแล้วแต่ในเมื่อขนาดเจิ้งอ๋องยังมาด้วยตัวเอง วันนี้ถ้าจะคิดหนี เกรงว่าคงไม่ง่ายนางถอยร่นไปอีกสองก้าว ถอยไปยืนอยู่ข้างม้า"องค์ชายใหญ่ ข้ามีความผิดหรือไม่ ไม่ควรจะเป็นเสด็จพ่อเป็นคนตัดสินหรือ?""เจ้าอยากให้ข้าส่งตัวเจ้าให้เสด็จพ่ออย่างนั้นเหรอ?" จวินฉีเจิ้งอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ "พระชายาหลีอ๋องเอ๋ยพระชายาหลีอ๋อง เจ้าคิดว่า เสด็จพ่อจะยอมช่วยเจ้าโดยไม่สนใจชื่อเสียงของราชวงศ์อย่างนั้นเหรอ?""ขอเพียงวันนี้ข้ายืนกรานว่าพระชายาหลีอ๋องสมคบคิดกับกบฎ ใครจะช่วยเจ้าได้?"เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันไปพูดยิ้มๆ ว่า "ไม่สิ มีอยู่คนหนึ่ง ที่จะต้องมาช่วยเจ้าโดยไม่สนใจชีวิตตัวเองแน่ เจ้าลองทายดูสิว่าใคร?""อาหลีอยู่ไกลถึงภูเขาหิมะ ต่อให้เขาอยากมา..."พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็ยกมือขึ้นหนึ่งทีแสงสีเงินจำนวนหนึ่ง ถูกส่งออกไปทางจวินฉีเจิ้งไม่มีใครคาดคิด! ทุกคน ไม่คาดคิดมาก่อน!"ท่านอ๋อง!""คุ้มครอง!"ทหารองครักษ์สิบกว่านายรีบวิ่งเข้าไปทันทีเพื่อปกป้องจวิ
กู้อวิ๋นซีถูกบีบไปจนถึงริมหน้าผาแล้ว。ด้านหลังเป็นหุบเหวลึกสุดหยั่งด้านหน้ากลับเป็นทหารองครักษ์สิบกว่านายของเจิ้งอ๋องหากถูกพวกเขาจับตัวกลับไป เจิ้งอ๋องจะต้องไม่ปล่อยนางไปแน่แต่ถ้าหากกระโดดลงไป...กู้อวิ๋นซีมองไปทางหุบเหวทีหนึ่ง ด้านล่างมืดมิด ลึกสุดประมาณถ้ากระโดดลงไป จะต้องตายแน่นอน"พระชายาหลีอ๋อง ท่านไม่มีทางให้หนีแล้ว ยอมกลับไปกับพวกกระหม่อมดีๆ เถิด"หนึ่งในทหารองครักษ์เดินขึ้นมา เข้ามาใกล้นางขึ้นเรื่อยๆกู้อวิ๋นซีกำฝ่ามือไว้แน่นนางไม่อยากตาย แต่ก็เกรงว่าหากถูกคนของเจิ้งอ๋องพากลับไป ถูกใส่ร้ายว่าสมคบคิดกับพวกกบฎ เช่นนั้น ทั้งจวนแม่ทัพก็จะถูกเคราะห์กรรมตามไปด้วยทหารองครักษ์คนนั้น อยู่ห่างจากนางเพียงสิบก้าวสายตาของกู้อวิ๋นซีมองเลยพวกเขาไป ก็เห็นเจิ้งอ๋องกำลังควบม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว และคนที่ตามเจิ้งอ๋องมาด้วยก็คือจูจี้หากว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา คงจะทรมานยิ่งกว่าตายแต่หากว่ากระโดดลงไป บางที...บางทีอาจจะไม่ตายก็ได้มั้ง?จะเป็นไปได้ไหม จะมีทางรอดไหมนะ?เมื่อเห็นว่าเจิ้งอ๋องเดินมาอยู่ตรงหน้าของทหารองครักษ์แล้ว กำลังจะเดินเข้ามากู้อวิ๋นซีก็สูดลมหายใจเข้าลึ
คืนนี้เจิ้งอ๋องเชิญเสวียนอ๋องมาคำพูดของจูจี้วนอยู่ในหัวของกู้อวิ๋นซีตลอดทั้งวันตั้งแต่ถูกพาตัวกลับมาในเวลาเที่ยงคืน จนถึงตอนนี้ก็ดึกแล้วนางก็อยู่แต่ในห้อง ราวกับเป็นหุ่นกระบอกจูจี้สั่งให้คนมารับใช้นางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง จากนั้นก็แต่งหน้าแต่งตัวกู้อวิ๋นซีไม่มีการตอบสนองใดๆแต่เมื่อจูจี้ที่ได้เห็นกู้อวิ๋นซีแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อย ในแววตากลับปรากฎเป็นสายตาที่ซับซ้อน"พระชายาหลีอ๋องช่างเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาก่อนเลย มิน่า...เขาถึงชอบท่านขนาดนั้น"นางอดที่จะยกมือขึ้นมาลูบไปบนใบหน้าของกู้อวิ๋นซีเบาๆ ไม่ได้กู้อวิ๋นซีไม่ได้สนใจนางผู้หญิงส่วนมากต่างอิจฉาในใบหน้านี้ของนาง ต่างก็อยากที่จะทำลายแต่นางไม่สนใจก็แค่ใบหน้าเท่านั้น"พระชายาหลีอ๋องช่างใจเย็นเหลือเกิน ไม่กลัวว่าข้าจะทำลายใบหน้าของท่านเนื่องจากความริศยาจนเกิดเป็นความแค้นหรืออย่างไร?"จูจี้ยิ้ม ใช้นิ้วชี้เชิดคางของนางขึ้นมาให้นางได้มองเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกให้ชัดๆช่างเป็นใบหน้าที่งดงามยิ่ง โดยเฉพาะจูจี้มีทักษะในการแต่งหน้าดีเยี่ยมกู้อวิ๋นซีในคืนนี้ ผมยาวถูกนางจับเกล้าขึ้นอย่างเรียบง่า
จวินเย่เสวียนไม่ได้แสดงอารมณ์ทางสีหน้ามากมาย กระทั่งไม่สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำราวกับเขาก็แค่ถามเพื่อรักษามารยาทกับจวินฉีเจิ้งเท่านั้น "เห็นอะไร?""ข้าเห็น พระชายาหลีอ๋องแห่งจวนเสวียนอ๋อง กำลังนัดพบกับกบฎอย่างลับๆ"จวินฉีเจิ้งแสร้งมองไปที่จวินเย่เสวียนทีหนึ่งอย่างไม่จงใจ แต่ความจริงแล้ว เขากำลังลอบสังเกตสีหน้าของจวินเย่เสวียนอยู่อย่างละเอียดใบหน้าของเขาไม่แสดงสีหน้าที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย สายตาของจวินฉีเจิ้งถึงค่อยมองไปที่กู้อวิ๋นซี"พระชายาหลีอ๋อง เจ้าแอบลักลอบนัดพบกับกบฎ ควรมีโทษสถานใด?"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นมามองเขา ไม่แก้ตัวใดๆ เพียงแค่พูดอย่างเสียงเรียบว่า "ถ้าอยากจะใส่ร้ายใคร จะอ้างอะไรก็ได้""ข้ากับคนของข้าล้วนเห็นกับตาตัวเอง ยังจะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร?" จวินฉีเจิ้งยิ้มเย็น "น้องสี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ชายที่ลักลอบนัดพบกับนางเป็นใคร?""เป็นใคร?" จวินเย่เสวียนถามต่อ ฟังดูก็เหมือนกับเขาแค่ถามไปงั้นๆจวินฉีเจิ้งไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องนี้น้องสี่ของเขาคนนี้ เคยยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือกู้อวิ๋นซีมาแล้วก็แค่แสร้งทำเป็นใจเย็นต่อหน้าเขาก็เท่านั้น"คนที
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี