เงาสีดำนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก เห็นชัดว่าวิชาตัวเบาแข็งแกร่งขนาดไหนเขาเองก็คงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่บนเส้นทางเล็กๆ ไม่ทันระวังจึงชนปะทะเข้ากับกู้อวิ๋นซีอย่างจังเงาสีดำนั้นยกมือขึ้น กำลังจะออกฝ่ามือใส่คนที่ขวางทางแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าคนที่ยืนขวางทางอยู่ชัดแล้วเขาก็หยุดการกระทำทั้งหมดลงแต่กู้อวิ๋นซีกลับลงมือเร็วกว่า นางดึงเอาผ้าสีดำที่ปิดหน้าของเขาอยู่ออกชายชุดดำคนนั้นตกใจ ผ้าปิดหน้าสีดำถูกกู้อวิ๋นซีดึงออกมาแล้วใบหน้าที่ถูกเปิดเผยภายใต้แสงของพระจันทร์ชัดเจนเพียงนี้!"ท่าน!" กู้อวิ๋นซีตกใจจนดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง ตกตะลึงพูดไม่ออกทำไมถึง...ทำไมถึงเป็นเขาไปได้?ชายชุดดำได้สติในฉับพลัน รู้สึกถึงว่าเยี่ยนอีกำลังไล่ตามมาข้างหลังอย่างรวดเร็วจู่ๆ เขาก็คว้าตัวกู้อวิ๋นซีแล้วโยนออกไปทางเยี่ยนอีเยี่ยนอีตกใจจนรีบกระโดดขึ้นไปรับตัวกู้อวิ๋นซีที่ถูกโยนขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศทั้งสองคนลงถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย"พระชายา ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?" เยี่ยนอีถามอย่างจริงจังกู้อวิ๋นซียังคงรู้สึกตระหนกตกใจอยู่ รีบส่ายหัวออกไปอย่างรวดเร็ว"รีบตามไป!" เยี่ยนอีออกคำสั่งเสียงเ
"ลีกเลี่ยง?" คำครหา จวินเย่เสวียนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา "ข้ากับเจ้ามีเรื่องอะไรให้ต้องหลีกเลี่ยงกัน?"กู้อวิ๋นซีไม่พูดอะไร เพียงแค่มองเขาอย่างเงียบๆจวินเย่เสวียนมาถึงตรงหน้านางแล้ว เขาก้มหน้าจ้องมองนาง ถึงแม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ใบหน้าก็ยังดูซีดขาวอยู่บ้างครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบจนถึงขีดสุด "ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง คนร้าย เป็นใครกันแน่?"กู้อวิ๋นซีไม่ตอบไม่อยากโกหกเขา แต่ก็ไม่อาจบอกความจริงกับเขาได้"คิดจริงๆ เหรอว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้?"ฉับพลันเขาโบกมือ พลิกตัวนางให้หันหลังแล้วกดลงไปกับโต๊ะกู้อวิ๋นซีรู้สึกเจ็บที่แขน การกระทำของเขาหยาบคายเกินไปนางกัดริมฝีปากขมวดคิ้วแล้วพูดออกไปเบาๆ "ถึงข้าจะดึงผ้าปิดหน้าของเขาออกได้ก็จริง แต่มันก็มืดมาก แสงจันทร์ถูกเงาของต้นไม้บดบัง ข้ามองใบหน้าของเขาไม่ชัดจริงๆ"จวินเย่เสวียนไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง คนร้ายในคืนนี้ไม่รู้ว่าทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง ไม่รู้ว่าได้ทำร้ายใครบ้างหรือเปล่า ยิ่งไม่รู้เลยว่าแอบสืบความลับที่ไม่อาจให้ใครล่วงรู้ไปได้ไหมสรุปคือคนร้ายคนนี้มีเจตนาไม่ดี เห็นได้ชัดว่าจวินเย่เสวียนยังคงมีคำสั่งให้คนตามจับตัวมาอยู่สามารถ
สุดท้ายจวินเย่เสวียนก็ยอมปล่อยกู้อวิ๋นซีไปกู้อวิ๋นซีรู้ดีว่าครั้งนี้เขาก็แค่เห็นแก่หน้าของอาหลีเท่านั้นคืนนี้ที่เขาทำกับนางก็ไร้เยื่อใยมากพอแล้วลากนางออกไปเพื่อจะโบยนางอย่างนั้นเหรอ?หากว่านางไม่ยอมพูดจริงๆ เขาก็คิดจะทำแบบที่ทำกับแม่เฒ่าชิง สั่งโบยนางจนตายเลยอย่างนั้นเหรอ?"ตกใจมากใช่ไหม?"จวินฉู่หลีช่วยประคองนางไปนั่งที่ข้างเตียงเขารินน้ำอุ่นมาจอกหนึ่งแล้วยื่นเข้าไปใกล้ริมฝีปากของกู้อวิ๋นซีน้ำเสียงที่พูดก็ยังอ่อนโยนเช่นเดิมไม่เปลี่ยน"คนร้ายในคืนนี้ แอบบุกเข้าไปในห้องลับของหออวิ๋นหลี ไม่มีใครรู้ว่าเขาเห็นอะไรไปบ้าง ท่านพี่สี่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก"กู้อวิ๋นซีรู้สึกเกร็งเครียดในใจฉับพลันนี่เขาแอบเข้าไปในห้องลับของหออวิ๋นหลีเชียวเหรอ?นางรู้ว่าในหออวิ๋นหลีจะต้องแอบซ่อนความลับอะไรไว้มากมาย ต้องเป็นพวกความลับที่สำคัญมากๆครั้งก่อนที่นางบุกเข้าไป อย่าว่าแต่บุกเข้าห้องลับอะไรเลย แค่แอบอยู่บนหลังคาเท่านั้นก็เกือบจะถูกแม่เฒ่าชิงลากออกไปฆ่าตายแล้วนางยังแอบสงสัยอยู่เลย หากว่าวันนั้นถูกจับได้ว่าคนที่แอบบุกเข้าไปคือตัวเอง พระสนมหรงจะฆ่านางจริงๆแบบไม่ปรานีเลยไหมจวนอ๋อ
คนของเจิ้งอ๋องมารับตัวพี่ใหญ่ไปแล้ว!ในใจของกู้อวิ๋นซีรู้สึกเป็นกังวลทำไมถึงต้องเป็นช่วงจังหวะเวลานี้ด้วย?"ท่านพ่อ ก่อนที่พี่ใหญ่จะออกไปได้สั่งความอะไรไว้หรือไม่?" กู้อวิ๋นซีรีบถามทันทีกู้เฉาหรานส่ายหน้า "หมู่นี้มีบางเรื่องของหนานฟงที่พ่อเองก็มองไม่ออกเหมือนกัน กระทั่งไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ด้วยซ้ำ"มีเพียงอยู่ต่อหน้าบุตรสาว กู้เฉาหรานถึงกล้าพูดคำพวกนี้ออกไป"ซีเออร์ ด้านเสวียนอ๋อง ช่วงนี้คิดอย่างไรกับจวนแม่ทัพของเราบ้าง? หากว่าเสวียนอ๋องคิดอะไรเจ้าจะต้องบอกให้พ่อรู้นะ"กู้อวิ๋นซีรีบตอบ "ถึงตัวข้าจะอยู่ในจวนเสวียนอ๋อง แต่องค์ชายสี่มีภารกิจมากมาย ข้าเองก็มีโอกาสเจอตัวเขาน้อยมากเช่นกัน"กู้เฉาหรานพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน"ท่านพ่อ ข้าจะไปหาเฟยหย่าสักหน่อย" กู้อวิ๋นซีลุกยืนขึ้นแต่สีหน้าของกู้เฉาหรานกลับไม่ค่อยดีสักเท่าไร"ท่านพ่อ ใช่หรือไม่ว่าท่านยังสงสัยในฐานะของเฟยหย่าอยู่?" ถึงอย่างไรมู่เฟยหย่าก็เป็นคนจากอูฉงในสถานการณ์ตอนนี้ ควรหลีกเลี่ยงเรื่องที่ไม่จำเป็นในบ้านมีคนจากอูฉงอยู่ คนทั้งจวนแม่ทัพต่างย่อมรู้สึกกังวลเป็นธรรมดากู้เฉาหรานพูดว่า "เด็กคนนั้น ข้าเห็นว
"เมื่อคืน?" กู้หนานฟงประหลาดใจ "เมื่อคืนข้าก็อยู่ที่จวนแม่ทัพนี่ไง ไม่ได้ไปไหนเลย มีอะไรเหรอ?"เขาแสดงสีหน้าสง่าผ่าเผย ไม่มีท่าทางละอายใจเลยแม้แต่น้อยจิตใจของกู้อวิ๋นซี ยิ่งหนักอึ้งในทันทีนางพูดลองเชิงออกไปเสียงเบาๆ "เมื่อคืน จวนเสวียนอ๋องมีคนร้าย และข้า...ได้เห็นหน้าของคนร้ายด้วย""เขาได้ทำอันตรายเจ้าหรือไม่!" กู้หนานฟงแสดงสีหน้าร้อนใจ เป็นกังวลทันที ก่อนจะประคองตัวนางให้มานั่งลงบนเก้าอี้เมื่อมั่นใจแล้วว่าบนร่างกายของนางไม่มีบาดแผลอะไร เขาถึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก "เป็นอย่างไรบ้าง? จับตัวคนร้ายได้หรือไม่?""ไม่ เขาหนีไปได้""ดันปล่อยให้เขาหนีไปได้!" กู้หนานฟงเป็นกังวล "แล้วคนร้ายคนนั้นเป็นใครกันแน่ เจ้ารีบไปบอกเสวียนอ๋องสิ ไม่เช่นนั้น ข้ากลัวว่าเขาจะมาฆ่าปิดปากเจ้าทีหลัง"มีเพียงพูดออกไป นางถึงจะปลอดภัย!กู้อวิ๋นซีกลับมองเขาอย่างอึ้งๆ ไม่พูดอะไร"เป็นอะไรไป?" กู้หนานฟงขมวดคิ้วเข้มของเขามุ่นอย่างไม่เข้าใจ "เหตุใดจึงมองพี่ใหญ่ด้วยสายตาเช่นนั้น?""พี่ใหญ่ เมื่อคืนท่าน...ไม่ได้ออกไปจากจวนแม่ทัพจริงๆ เหรอ?""ไม่อยู่แล้ว เมื่อคืนข้าอ่านคัมภีร์พิชัยสงคราม แล้วก็เข้านอนแต่เช้า เพร
"ข้าก็เป็นเพียงแค่พระชายาคนหนึ่งที่ว่างงานไม่มีอะไรทำในจวนเท่านั้น ขนาดสามีของข้าก็ยังไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ข้าจะไปได้ยินอะไรมาได้อย่างไร?"กู้อวิ๋นซียิ้มบางๆ เพื่อกลบเกลื่อนความคิดที่เก็บซ่อนในแววตากู้หนานฟงคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงไม่ได้คิดสงสัยอะไรและไม่ได้ถามต่อกลับเป็นกู้อวิ๋นซีที่มองเขาแล้วถามออกมาอย่างจริงจัง "พี่ใหญ่ ท่านคิดจะ...จัดการเรื่องของเฟยหย่าอย่างไรเหรอ?"กู้หนานฟงแววตาหม่นแสงลงเล็กน้อย เบือนหน้าหนี ไม่ยอมมองนาง เห็นได้ชัดว่ากำลังหลบสายตาของนางอยู่"ข้ารู้สึกขอบคุณนางที่ช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ว่า...""หรือว่าท่านก็แค่รู้สึกขอบคุณนางเท่านั้นเหรอ?" กู้อวิ๋นซีรู้สึกเครียดในใจ ในที่สุดเรื่องที่เป็นกังวลก็เกิดขึ้นจนได้กู้หนานฟงลังเลอยู่นาน ถึงค่อยพูดว่า "ใช่""พี่ใหญ่ นี่ท่าน...มีหญิงสาวที่ชอบอยู่ในใจนานแล้วใช่หรือไม่?"ความจริงแล้วก่อนหน้านี้นางก็เคยคุยกับมู่เฟยหย่าหลายครั้ง และก็ทายได้จากบทสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับมู่เฟยหย่าในทุกครั้งแต่มู่เฟยหย่าก็ยังมั่นคงไม่เชื่อฟังคำค้านใดๆ ทำให้นางก็มั่นใจในตัวมู่เฟยหย่ามากเช่นกัน ความคาดเดานี้ก็เลยถูกตัวเอง
ตอนที่จวินฉู่หลีมาถึง กู้อวิ๋นซีก็ได้แต่งหน้าให้ตัวเองดูสดใสมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อได้แต่งหน้า ใบหน้าก็ไม่ได้ดูขาวซีดเช่นเดิม แต่กลับทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นแต่อันเซี่ยกลับยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแย่"คุณหนู...""เอาล่ะ อันเซี่ย เจ้าออกไปเฝ้าข้างนอกเถอะ พยายามอย่าให้ใครเข้ามารบกวน" กู้อวิ๋นซีโบกมือไล่อันเซี่ยจนใจ ได้แต่กัดริมฝีปากแล้วเดินออกไปเฝ้าที่นอกประตูแทน"อาหลี" กู้อวิ๋นซีบอกให้จวินฉู่หลีนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง "เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่?""เชื่อสิ" จวินฉู่หลีตอบอย่างไม่ลังเล"หากว่าเจ้าเชื่อข้าจริง เช่นนั้น นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ห้ามไม่ให้ใครจับชีพจรให้เจ้า ให้ข้าจับได้แค่คนเดียว""พิษในร่างกายของเจ้า ข้าจะช่วยถอนพิษให้เอง แต่เจ้าจำเป็นจะต้องฟังข้า ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะยิ่งอ่อนแอลงทุกวัน ต่อให้มันจะดูเลวร้ายมากแค่ไหน เจ้าก็จะต้องเชื่อฟังที่ข้าบอก"ครั้งนี้จวินฉู่หลีกลับคิดพิจรณากู้อวิ๋นซีรู้สึกหวั่นใจ "อาหลี ข้ามั่นใจ เจ้าจะลองเชื่อใจข้าได้หรือไม่""ข้าเชื่อเจ้า" ในจุดนี้จวินฉู่หลีไม่มีข้องกังขาใดๆ"แต่ว่า หากสภาพร่างกายของข้ายิ่งแย่ลง
"เป็นใครที่กำลังพูดจาเหลวไหล ทำลายชื่อเสียงของจวนอ๋องกัน?"ฉินโหรวรีบเดินเข้าไปแล้วพูดอย่างตำหนิ "พวกคนชั้นต่ำ บังอาจปล่อยข่าวลือเหลวไหลในจวนอ๋องเช่นนี้!"บ่าวรับใช้หลายคนที่มองเห็นจวินเย่เสวียนที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินโหรว ก็พากันหวาดกลัวจนหน้าเผือดสี แล้วพากันคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว"ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย แม่นางฉินไว้ชีวิตด้วย!"ระยะหลังมานี้ ใครบ้างไม่รู้ว่าแม่นางฉินผู้นี้ดูจะมีอำนาจและฐานะที่สูงส่งในจวนอ๋องขึ้นทุกวัน?ได้ยินว่า เป็นตัวเต็งในการเป็นพระชายาเสวียนอ๋องที่พระสนมหรงโปรดปราณมากที่สุดในอนาคตจะต้องได้เป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋องนี้แน่ไม่มีใครบังอาจเสียมารยาทต่อหน้านาง!"เรื่องเหลวไหลเมื่อครู่ ใครเป็นคนปล่อยกันแน่ ออกมารับโทษด้วยตัวเองซะ!" ฉินโหรวพูดอย่างโมโห วางอำนาจในการเป็นประมุขหญิงของจวนสุดๆแต่ละคนได้แต่มองหน้ากันไปมา สุดท้าย ก็ได้ผลักตัวบ่าวรับใช้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผอมๆ คนหนึ่งออกมา"ทะ ท่านอ๋อง แม่นางฉิน นะ นี่ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเพคะ นี่...นี่เป็นเรื่องจริง บ่าวเห็นเองกับตาว่าหลีอ๋องร่างกายผ่ายผอมขนาดไหน อิด อิดโรยสุดๆ บ่าวเห็นมาเองกับตาเลยเพคะ!"ฉันพลันนา