ก่อนที่แม่เฒ่าจะเข้ามา กู้อวิ๋นซีเพิ่งจะวาดไฝเสน่ห์ให้กับจวินเย่เสวียนเสร็จไปเธอเพิ่งจะโยนดินสอเขียนคิ้วทิ้งไปทาง แม่เฒ่าก็เปิดประตูก้าวเข้ามาด้านในพอดีเมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองคนตอนนี้ แม่เฒ่าก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข "อุ๊ยตาย ท่านอ๋องกับพระชายาช่างรักใคร่กันเหลือเกินเพคะ!"กู้อวิ๋นซีไม่เข้าใจในตอนแรก แต่เมื่อก้มลงมองตามสายตาของแม่เฒ่าแล้ว...ตอนไม่มองก็ไม่มีอะไร แต่พอมองก็ต้องเขินจนหน้าแดงก่ำ รีบลนลานจะลงมาทันทีเมื่อครู่ตอนที่จะวาดไฝเสน่ห์ให้จวินเย่เสวียนเธอดันใจร้อนไปหน่อย ก็เลยนั่งคร่อมลงไปบนตักของเขา!กริยาท่าทางแบบนี้ เธอจะมองหน้าฉู่หลีได้ยังไงกู้อวิ๋นซีรีบลงจากตักเขาอย่างหวาดหวั่น แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ที่เอวด้านหลังของเธอจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาจวินเย่เสวียนเอื้อมมือมากอดเธอไว้ให้อยู่ในอ้อมแขนของเขาต่อไป"องค์...ฉู่หลี อย่าทำแบบนี้ แม่เฒ่าก็อยู่นะ!" กู้อวิ๋นซีหน้าแดง รู้สึกกังวลเป็นอย่างมากแต่จวินเย่เสวียนกลับหรี่ตาเล็กลง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นๆ "หรือว่าแม่เฒ่าจะขัดขวางไม่ให้ข้ากับภรรยาของตัวเองได้ใกล้ชิดกันล่ะ"Comment by mzmmmwl9477@163.com: 建议改为ข้ากู้อวิ๋
ค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิ เหตุใดจึงรู้สึกร้อนได้ น่าแปลกจริงกู้อวิ๋นซีหมุนตัวกลับ เธอคิดจะเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศสักหน่อยคิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเดินไปได้แค่สองก้าว เธอจะเกิดอาการเข่าอ่อน โงนเงนจนจะร่วงลงบนพื้นซะก่อนแต่เธอก็ไม่ได้ร่วงลงไปบนพื้นจริงๆ แต่กลับตกอยู่ในอ้อมแขนของจวินเย่เสวียนแทนต่างหาก"องค์ชายสี่ เมื่อครู่ท่าน...ยังนั่งอยู่...บนเก้าอี้ไม่ใช่หรือ"ทำไมเขาถึงเดินมาเร็วขนาดนี้ แค่พริบตาเดียวก็เข้ามาประชิดตัวเธอได้แล้วแต่ไม่นานกู้อวิ๋นซีก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญประเด็นสำคัญคือ..."ร้อนจัง..." ทำไมมันถึงร้อนขึ้นเรื่อยๆ นะจวินเย่เสวียนเองก็ขมวดคิ้วมุ่นไม่ใช่แค่นางร้อนคนเดียว เขาก็ร้อน!ไอร้อนมันเหมือนจะลามขึ้นมาจากท้องน้อย เพียงครู่ก็พุ่งปรี๊ดขึ้นสมองไปเลย!เขาเข้าใจแล้วที่แท้น้ำแกงบุตรหลานที่เล่าลือกัน ก็คือ...น้ำยาปลุกอารมณ์นั่นเอง"องค์ชายสี่ ข้าไม่ไหวแล้ว" พลังปราณภายในของกู้อวิ๋นซีไม่แข็งแกร่งเท่าเขา จึงไม่อาจต้านทานฤทธิ์ของน้ำแกงบุตรหลานได้ในเวลารวดเร็วจวินเย่เสวียนช่วยพยุงตัวของเธอไปที่ข้างเตียงนอน ตอนที่กำลังจะปล่อยเท่านั้น จู่ๆ นางก็ยื่นมือออก
การกระทำของกู้อวิ๋นซี ทำให้จวินเย่เสวียนยิ่งบ้าคลั่งขึ้นไปอีกจิตสำนึกถูกละทิ้งไปหมดสิ้นภายใต้ฤทธิ์ของยานี้เขาดึงทึ้งเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรีบร้อนหัวไหล่ที่ขาวผ่องราวหิมะ ถูกเปิดเผยสู่สายตาของเขาในทันทีฝ่ามือที่หยาบกร้านจากการกรำศึกมานานหลายปี ค่อยๆ สอดลงไปครอบครองร่างกายบอบบางของเธอจากด้านบน!ตอนที่ถูกเขากอบกุม กู้อวิ๋นซีรู้สึกสูญสิ้นพละกำลัง ได้เพียงแค่ทิ้งตัวที่อ่อนปวกเปียกของเธอแนบชิดไปกับร่างกายของเขา"องค์ชายสี่..." เธอครางเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆจวินเย่เสวียนยิ่งกอดรัดนางแรงขึ้น เสียงแหบพร่าของเขาดังขึ้นจากลำคอที่ร้อนรุ่ม "ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่..."เสียงของเขา ฟังดูช่างไพเราะยิ่งนักแค่ได้ยินก็ทำให้เธอรู้สึกลุ่มหลง"องค์ชายสี่..."ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ทั้งสองก็กลิ้งตัวลงไปลมหายใจที่บ้าคลั่ง เอาแต่ใจของเขา ทำให้เธอจมดิ่งไม่อาจต้านทานร้อนมากจูบของเขา ทั้งเอาแต่ใจและหอมหวานยิ่งเขาดูดดื่มมากขึ้นเท่าไร กู้อวิ๋นซีก็อดไม่ได้ที่จะเชิดหน้าขึ้นเพื่อประสานทำนองไปพร้อมกับเขาหยดน้ำตาของเธอ ไหลร่วงรินลงมาจากหางตาของเธออย่างไม่มีเสียงใดๆความจริงแล้วเธอยังมีสติอยู่ เธอรู้อ
สติที่เพิ่งจะเรียกคืนกลับมาได้ของจวินเย่เสวียน เกือบจะต้องหายไปเพราะเสียงครางร้องเรียกของเธออีกครั้ง!โดยเฉพาะ ตอนที่ร่างกายของเธอเปลือยเปล่าด้วยเช่นนี้แล้วเมื่อผ้าห่มผืนบางร่วงลงมา ร่างกายขาวละเอียดดุจหิมะ ผิวกายนุ่มเด้งจนสามารถจิ้มให้แตกได้ก็ปรากฎออกมาสู่สายตาเขาอย่างชัดเจนอีกครั้ง...จวินเย่เสวียนปิดตาลง สองมือกำแน่นกู้อวิ๋นซีไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร แต่เมื่อกำลังจะเอื้อมไปกอดเขาก็เห็นที่มุมปากเขามีเลือดสีแดงสดไหลลงมาจากมุมปากสิ่งนี้ช่วยเรียกคืนสติของเธอให้กลับมาได้อีกครั้งองค์ชายสี่ กำลังเดินลมปราณเพื่อต้านทานฤทธิ์ยาอยู่แต่เธอไม่มีวรยุทธ์เก่งกาจเทียมเขา เธอทำไม่ได้!เธอในตอนนี้ แม้แต่พละกำลังที่จะเอาตัวเองให้หลุดออกมาจากอ้อมกอดเขายังไม่มีเลยสติของเธอ สับสนขึ้นทุกที มือเล็กๆ นั่น ยังคงปัดป่ายไปมาอยู่ที่บริเวณอกของจวินเย่เสวียนแต่ครูต่อมาก็ถูกเขาจับให้หยุดไว้พลังลมปราณแข็งแกร่งล้ำลึก ถูกถ่ายทอดสู่ร่างกายของกู้อวิ๋นซีความร้อนในร่างกายของเธอ ค่อยๆ ถูกควบคุมกดทับเอาไว้ดูเหมือนตอนนี้ร่างกายของเธอจะไม่ทรมานมากเท่าเดิมแล้วเธอซบตัวลงบนอกเขาอย่างอ่อนแรงไม่รู้ว่าผ่าน
สุดท้าย จวินเย่เสวียนก็ยอมหันไป ถึงแม้จะยังมีอาการไม่พอใจอยู่บ้างก็ตามแต่เหมือนกู้อวิ๋นซีจะได้พบกับความจริงข้อหนึ่ง นั่นก็คือ องค์ชายสี่ผู้นี้แท้จริงแล้วก็ไม่ได้เย็นชาไร้เมตตาขนาดนั้น เขาไม่ใช่คนเอาแต่ใจไม่คิดถึงคนอื่นขนาดนั้นเขาถึงขั้นช่วยเธอหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาส่งให้เธอที่เตียงด้วยจากนั้นเขาก็เดินไปนั่งพักที่ด้านข้าง มองดูบาดแผลที่ขาของตัวเอง แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจเยียนเป่ยถูกแยกตัวออกไปแล้ว ส่วนจะให้ไปตามหมอหลวงมาทำแผลให้ตอนนี้ก็ไม่ได้อีกก็เลยได้แต่นั่งมองเลือดที่ไหลออกจากปากแผลตัวเองอยู่อย่างนั้นในที่สุดกู้อวิ๋นซีก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นจวินเย่เสวียนกำลังฉีกผ้าผืนยาว คิดจะทำแผลให้ตัวเองอย่างลวกๆเธอรีบห้ามเขาอย่างรีบร้อน "องค์ชายสี่ มีเศษกระเบื้องฝังอยู่ที่แผลด้วยนะเพคะ ต้องทำความสะอาดแผลก่อน!"เธอพยายามคลำทางลงมาจากเตียง เพื่อจะเดินไปหยิบกล่องๆ หนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ทั้งๆ ที่ตอนนี้ขาของเธอก็ยังคงรู้สึกอ่อนแรงอยู่กล่องๆ นั้นบ่าวรับใช้เป็นคนเตรียมไว้ให้เธอ ข้างในมีห่อเก็บเข็มของเธออยู่ด้วยเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับห่อเข็ม
กู้อวิ๋นซีคิดไปถึงคืนวันเข้าหอที่บ้าระห่ำราวกับพายุคลั่งคืนนั้นทันทีผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเธอ จับใบหน้าของเธอให้หันไปรับจูบที่ดูดดื่มของเขาจูบนั้นทั้งลึกซึ้งและทรงพลังเธออยากจะมองหน้าเขา แต่เขาก็ไม่เคยเปิดโอกาสทุกครั้งที่เธอจะหันหลังกลับไปมองเขา ก็จะถูกเขากระทำรุนแรงด้วยพละกำลังมหาศาลจนเธอต้องกรีดร้องออกมาอย่างไม่เป็นภาษาตั้งแต่ต้นจนจบเธอจึงไม่มีโอกาสได้มองใบหน้าเขาชัดๆ เลย เธอเลยมองไม่ชัดว่าในดวงตาของเขาคู่นั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่กันแน่...ในเวลานี้กู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียน ร่างกายที่บอบบางของเธอเริ่มสั่นน้อยๆทันใดนั้น เขาก็ซ้อนมืออุ้มเธอขึ้นมากู้อวิ๋นซีตกใจจนใช้ฝ่ามือผลักเขาออกอย่างแรง "อย่ามาแตะต้องตัวข้า!"จวินเย่เสวียนใช้หน้าอกของเขารับแรงกระแทกจากฝ่ามือของเธอไปเต็มๆ โดยไม่ทันได้เตรียมตัวป้องกันใดๆเลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลออกจากบริเวณมุมปากของเขาทันทีกู้อวิ๋นซีได้สติในทันใด เธอเพิ่งตระหนักได้ว่าคืนนี้ตอนที่เขาใช้กำลังภายในควบคุมฤทธิ์ยา ก็ได้รับบาดเจ็บภายในมาประมาณหนึ่งแล้วเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีเรี่ยวแรงใดๆ แต่กลับสามารถรวบรวมพลังปราณม
เมื่อกู้อวิ๋นซีทำความเคารพไทเฮาเรียบร้อย ก็หันไปมองทางชายหนุ่มทันที "ฉู่หลี!"แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาหันกลับมา ทำให้กู้อวิ๋นซีเห็นใบหน้าของเขาชัดๆเขาใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาวทั้งตัว ซึ่งเป็นสีที่จวินฉู่หลีชอบใส่แต่ที่หางตาของเขา มันกลับไม่มีไฝเสน่ห์เม็ดนั้น!เขาคือองค์ชายสี่ จวินเย่เสวียน!ฉับพลับ ร่างกายของกู้อวิ๋นซีก็แน่นิ่งไปอย่างกับโดนสาป"ดูท่า กระทั่งภรรยาของน้องห้าคนนี้ ก็ยังจำสับสนระหว่างข้ากับน้องห้าได้โดยง่ายเช่นกัน"Comment by mzmmmwl9477@163.com: 建议改为ข้าจวินเย่เสวียนใช้สายตาเรียบสงบจับจ้องไปที่เธอไทเฮารู้จักนิสัยของหลานชายคนนี้ของเธอดี กลัวว่ากู้อวิ๋นซีจะไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจจึงพยายามพูดเชิงหยอกล้อว่า "ที่ผ่านมาเสวียนเออร์ไม่ใส่ชุดคลุมสีขาว อย่าว่าแต่ซีเออร์จะมองไม่ออกเลย ขนาดข้าเองเห็นครั้งแรกยังจำผิดเลย!"Comment by mzmmmwl9477@163.com: ข้า"มาๆๆ ซีเออร์รีบเข้ามา มานั่งตรงข้างๆ ข้านี่"Comment by mzmmmwl9477@163.com: 同上ไทเฮาดึงมือของกู้อวิ๋นซี ก่อนจะขมวดคิ้วถาม "เหตุใดมือจึงเย็นจัดเช่นนี้ หรือว่าที่ริมสระนี้ลมจะพัดแรงเกินไป เจ้าเลยหนาว""หลานไม่เป็นไรเพคะ
กู้อวิ๋นซีรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็วเธอไม่กล้าแตะต้องม่านกั้นประตูนั่นอีกเลยเธอมองค้อนจวินเย่เสวียน ถึงจะโมโหแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรรู้อย่างนี้เมื่อคืนไม่ช่วยเขาทำแผลก็คงดี ให้เขาเลือดไหลหมดตัวตายไปเลย!ดีแต่เที่ยวรังแกคนอื่นได้ทุกวี่ทุกวัน คนเลว!ฉู่หลีออกจะเป็นคนดีอบอุ่น ทำไมถึงมีพี่ชายที่นิสัยเสียแบบนี้ได้เนี่ย"อะไรของเจ้า" จวินเย่เสวียนจ้องหน้าเธอหน้าเธอเล็กแค่ฝ่ามือของเขาได้ ตัวก็เล็ก อ่อนแอขนาดนี้ทำไมถึงกล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจต่อหน้าเขาช่างกล้าไม่เบานะ!"องค์ชายสี่ เหตุใดถึงแสดงตัวด้วยสถานะนี้ล่ะเพคะ"ถ้าเสวียนอ๋องปรากฎตัว แล้ว "ฉู่หลี" ล่ะ คนทั้งคน ทำไมจู่ๆ ถึงหายไปได้"ข้าไม่อยากแสร้งเป็นสามีเจ้าอีก! เบื่อ!" จวินเย่เสวียนพูดอย่างไม่พอใจกู้อวิ๋นซีได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ในใจพูดอย่างกับว่าตัวเธอไม่เบื่ออย่างนั้นแหละ!ทำตัวเป็นปีศาจน่ากลัวอยู่ได้ทั้งวัน ใครจะอยากแกล้งเป็นสามีภรรยากับเขากันเหนื่อยจะตายแต่ว่า เสวียนอ๋องไม่ใช่คนโง่ ในเมื่อเขากล้าแสดงตัวในฐานะของตัวเอง ก็จะต้องมีข้ออ้างดีๆ แน่เมื่อครู่ตอนไทเฮาเจอเขาก็ไม่เห็นถามว่าฉู่หลีไปไหนเลยหนิไม่ใช่เหรอนั่นต
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี