คราวนี้ลูกชายใต้เท้าผู้ตรวจการมาจริง ๆ!ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน!หรือว่าไอหมอนี้จะรู้เรื่องเกี่ยวกับงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้?ซุนเต๋อไห่ถึงกับหน้าถอดสี เขากลืนสิ่งที่เขาพูดแล้วรีบออกไปทักทายในไม่ช้า หวังหยวนก็เห็นคุณชายผู้สง่างามสวมเสื้อผ้าที่ชั้นเลิศถือพัดเข้าเดินมาใกล้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งในเฉิงโจวผู้ตรวจการราชการมีอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้า ในฐานะลูกชายเฉิงอู๋จี้ย่อมต้องมีเงินอย่างแน่นอนซุนเต๋อไห่ท่าทางเหมือนหมาปั๊กที่กระดิกหางตามหลังเขา ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยล้นฟ้ามาจากไหน เมื่อเจอผู้มีอำนาจก็ต้องทำท่าทีประจบประแจงเช่นนี้“คุณชายเฉิง ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่ขอรับ?”ซุนเต๋อไห่ถามอย่างระมัดระวัง เฉิงอู๋จี้ก็ยิ้มบาง ๆ ออกมา“เถ้าแก่ซุน ข้าเพิ่งกลับมาจากการลาดตระเวนกับท่านพ่อ ข้ามาที่นี่เพื่อเจอเจ้า”ทันทีที่เฉิงอู๋จี้พูดจบ สีหน้าซุนเต๋อไห่ก็เปลี่ยนไปทันที!ดู ๆ แล้ว…ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ มาดูกันต่อดีกว่า!ซุนเต๋อไห่เป็นคนฉลาด และมักจะทำงานใกล้ชิดเสี่ยงอันตรายกับพวกคนใหญ่คนโต เขารู้ตัวดีว่าโดยปกติทั่วไปนั้น ระยะห่างของเขาและผู้ตรวจการห่างกันแค่ไหน
“คุณชายเฉิง นี่... เรื่องนี้…”ซุนเต๋อไห่ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน แน่นอนว่าเขายินดีที่จะทำตามที่ใต้เท้าผู้ตรวจการต้องการเรื่องแต่งงานของลูกสาวอย่างไรก็ตาม สัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซุนได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน หากตกลงเห็นด้วยกับเฉิงอู๋จี้ เกรงว่าในภายหลังอาจเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นได้!“เถ้าแก่ซุนเป็นอะไรหรือไม่?”เฉิงอู๋จี้ที่ทำทีเป็นตกใจ และแสร้งทำเป็นสับสนซุนเต๋อไห่มองไปมาสายตาหลอกแหล่ก และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็โน้มตัวกระซิบข้างหูของเฉิงอู๋จี้“คุณชายเฉิง ท่านมาผิดเวลาแล้ว ข้ากำลังยกเลิกการหมั้นหมายกับตระกูลวังอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว สัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซุนได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อย มันอาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้ในอนาคต ฉะนั้น... "ซุนเต๋อไห่ฉลาดมากที่ทำแบบนี้ เขาบอกกับเฉิงอู๋จี้อย่างชัดเจน และยังป้องกันไม่ให้วังฉงโหลวและหวังหยวนรู้ถึงเรื่องนี้อีกด้วยนี่ถือได้ว่าไม่ได้เป็นการล่วงเกินทั้งสองฝ่ายหวังหยวนหรี่ตา และรู้ด้วยว่าซุนเต๋อไห่กำลังพูดถึงอะไรแต่เขาก็เข้าใจได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วในเฉิงโจว คำพ
เฉิงอู๋จี้โกรธและด่าเขากลับทันที“หวังหยวน เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้เหรอ?”หวังหยวนรู้อยู่แล้วว่าเขามาที่นี่วันนี้เพื่อก่อเรื่อง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดทำตัวไว้หน้าด้วยอยู่แล้ว“มิกล้า ๆ แต่ข้าแค่พูดความจริง ทั้งสองตระกูลหมั้นกันอยู่ก่อน แล้วคุณชายเฉิงก็มาเพื่อขอยกเลิกการหมั้นอย่างไม่มีเหตุผล ดูไม่ดียิ่งนัก”“ผู้ว่าราชการเฉิงเป็นขุนนางราชสำนัก ทุกคำพูดและการกระทำของเขาล้วนเป็นตัวแทนของราชสำนัก ทำไมเขาถึงใช้อำนาจของเขากลั่นแกล้งผู้อื่นเช่นนี้?”“ถ้าอย่างนั้น ยื่นฏีกาต่อราชสำนักให้ยุติเรื่องนี้ดีไหม?”น้ำเสียงของหวังหยวนดูสงบ แต่คำพูดเหล่านี้ทำให้เฉิงอู๋จี้หน้าซีดหากเรื่องนี้ถึงราชสำนัก คงไม่น่าฟังนัก!ยิ่งไปกว่านั้น เสนาธิการฝ่ายขวาไม่เพียงแต่มีอำนาจล้นฟ้า แต่เสนาธิการฝ่ายซ้ายยังจับตาดูเขาด้วย แม้ว่าเรื่องของอู๋หลิงจะส่งผลกระทบต่อฝ่ายของเสนาธิการฝ่ายซ้าย แต่ทุกคนที่มีสายตาที่เฉียบแหลม ก็รู้ดีว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะไม่ฆ่าเสนาธิฝ่ายซ้ายอย่างแน่นอนเช่นเดียวกับตอนแรกเริ่ม เสนาธิการฝ่ายซ้ายถูกใช้งามาจัดการกับเสนาธิการฝ่ายขวานี่เป็นฝีมือของฝ่าบาท เป็นการถ่วงดุลอำนาจกัน!หากเรื่องนี
แม้ว่าหวังหยวนจะพูดแบบนี้ แต่วังฉงโหลวก็ยังโทษตัวเองอยู่“มันคงจะดีกว่าถ้าเมื่อคืน... ข้า... ข้าไม่ได้พูดคำพวกนั้นออกมา”เมื่อหวังหยวนเห็นวังฉงโหลวเป็นเช่นนี้ เขาก็ส่ายหน้าทันที "ฉงโหลว ที่เจ้าพูดมันผิดนะ!"“ที่พูดมาไม่ผิด ทำไมต้องยอมรับผิด ที่ผิดคือราชสำนัก ที่ผิดคือยุคสมัยนี้ต่างหาก”“อาหยวนจะบอกเจ้าวันนี้ว่าอย่าฝืนใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา ลุงรองของเจ้าเป็นเปิดเผยไม่มีเล่ห์เหลี่ยม แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่เคยพูดออกมาจากจิตสำนึกเลย”“ในโลกนี้ เป็นเพราะมีการโกหกมากมายเกินไป จึงทำให้ผู้คนตกอยู่ในความเสื่อมทราม”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ วังฉงโหลวก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่าเดิมทีเขาคิดว่าหวังหยวนจะโกรธเขา เพราะคำพูดเมามายเมื่อคืนนี้จึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายแต่ไม่คิดว่าอาหยวนจะใจดีขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังให้กำลังใจตัวเองด้วยไม่น่าแปลกใจที่ลุงรองจะให้ความเคารพอาหยวนมาก ตอนนี้เขายิ่งชื่นชมเขามากยิ่งขึ้นไปอีก!“ข้าทราบแล้วขอรับ อาหยวน”วังฉงโหลวพยักหน้าอย่างแรงในตอนนี้ หวังหยวนถามออกมาอย่างสงสัย "เรื่องการหมั้น เป็นมาอย่างไรกันแน่?"“ข้าไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงเรื่องนี้
เฉิงเหลียววางหนังสือในมือลง แล้วมองเฉิงอู๋จี้ลูกชายของเขา“ลูกเอ๋ย แม้ว่าข้าจะไม่รู้จักหวังหยวนมากนัก แต่ข้าก็ยังรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา”“ไม่ต้องพูดถึงเสนาธิการฝ่ายขวา หากว่ากันแล้ว หวังหยวนก็มีความสามารถมาก ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่กลัวเขาได้อย่างไร”เฉิงอู๋จี้สูดหายใจเข้าลึก และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ท่านพ่อ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า สิ่งที่อู๋หลิงพูดเกี่ยวกับข้าศึกชาวหวงที่ถูกตีแตก หวังหยวนคือผู้ที่คิดแผนการนี้อยู่เบื้องหลังจริง ๆ งั้นหรือ"เฉิงเหลียวพยักหน้า “เรื่องนี้น่าเป็นเรื่องจริง บุคคลที่มีความสามารถยอดเยี่ยม เสนาธิการฝ่ายขวาเองก็อยากจะรับเขาไปเป็นลูกน้องด้วย”“แต่คนคนนี้...ดูเหมือนจะเป็นคนคนละแบบกับเสนาธิการฝ่ายขวา และคนอื่น ๆ จึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ดังนั้น... คนแบบนี้เป็นมิตรไม่ได้ อย่าได้ทำให้เป็นศัตรูกันเด็ดขาด”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉิงอู๋จี้ก็รีบพูดว่า "ท่านพ่อ เราควรทำอย่างไรดี? ฆ่าเขาเลยดีไหม?"“ฆ่า? เจ้าคิดว่าเขาฆ่าง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ทั้งเทือกเขาชิงหลง ค่ายต้าเฟิง ไอหมอนี้เหมือนเดินในที่ราบไม่มีผิด”“แล้วเจ้าลืมเรื่องเผยเซียนเจิ้งไปแล้วหรือไง? เขาตกในสภาพนั้นได้ยังไง
“คน ๆ นั้นจากตระกูลหลี่เป็นตาแก่เจ้าเล่ห์ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเกือบทำให้ตระกูลหลี่ล่มสลาย ตอนนี้เขายังกล้าเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องวุ่นวายในราชสำนักอยู่อีกหรือ?”“เสนาธิการฝ่ายขวาเคยบอกข้ามานานแล้วว่าตระกูลหลี่... เขาใช้มันไม่ได้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้มัน”หลังจากที่เฉิงเหลียวพูดจบ ในที่สุดเฉิงอู๋จี้ก็เข้าใจ“ท่านพ่อ บอกข้าทีเถอะว่าเราต้องจัดการกับหวังหยวนหรือไม่?”“ถ้าเราจัดการเขา เสนาธิการฝ่ายขวาคงจะต้องดีใจมากแน่”เฉิงเหลียวพยักหน้า “ว่ากันแล้ว เรื่องนี้กันเรายังต้องพิจารณากันอีกนาน หากอยากจะกำจัดหวังหยวน เจ้าต้องลงมือในครั้งเดียว ไม่ให้เขาลุกขึ้นมาตั้งตัวได้อีก อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น!”“แม้... การที่เราไม่ลงมือเองเป็นการดีที่สุด ยืมมือคนอื่นจัดการกับเขานั้นแหละคือหนทางที่ดีที่สุด!”เฉิงอู๋จี้เริ่มสับสนและถามว่า "ท่านพ่อ แล้ว...เราจะยืมมือใครได้บ้าง?"เฉิงเหลียวยิ้มเล็กน้อย “เขาอยู่นอกราชสำนัก ดังนั้นเราจึงต้องยืมมืออำนาจนอกราชสำนักเป็นธรรมดา อีกทั้ง... มีหลายคนกำลังจับตาดูเขาอยู่ ในยุคนี้ ถ้าเจ้ารวยและมีความสามารถ นั่นแหละน่ากลัวที่สุด!"“ธุรกิจในมือของเขาเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบแล้ว ต้าหู่จึงได้เข้าใจในตอนนี้ ในห้องหรูหราอันมืดสลัวในหอไป๋เฟิง ไป๋เฟยเฟยและผู้หญิงชุดม่วงกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่นี่“แม้ว่าข้าจะมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่มา ข้ารู้สึกว่าที่นี่ไม่เลวเลย นี่คือสถานที่ที่ผู้ชายควรมาจริง ๆ”ไป๋เฟยเฟยโบกพัดขำเล็กน้อย นางดูเหมือนนายน้อยที่มาสนุกกับที่นี่จริง ๆ“ในฐานะผู้หญิง มาอยู่ในสถานที่แบบนี้ เจ้านั้นช่างไร้ยางอายจริง ๆ ”ผู้หญิงชุดสีม่วงพูดอย่างโกรธเคือง ไป๋เฟยเฟยหัวเราะทันทีที่ได้ยิน "เจ้าก็ไม่มาที่นี่เหมือนกันเหรอ อันที่จริงเจ้าน่าจะเรียนรู้ไว้ว่าผู้หญิงที่นี่ทำให้ผู้ชายพอใจได้อย่างไร นับว่าเป็นทักษะแขนงหนึ่งด้วยนะ"โดยปกติแล้ว ผู้หญิงชุดสีม่วงจะต้องโกรธมาก แต่ตอนนี้นางยิ้มแล้วพูดว่า "ที่จริงแล้ว เจ้าควรเรียนรู้มันไว้ต่างหาก ว่าไปแล้วบางทีอาจจัดการหวังหยวนได้จริง ๆ นะ?"ไป๋เฟยเฟยพูดอย่างขุ่นเคือง "เจ้าไม่เห็นหรือว่าหวังหยวนเป็นคนที่ซื่อสัตย์ยึดมั่นแค่ไหน ขนาดหวงเจียวเจียวสวยมากขนาดนั้น แม้ว่านางจะเป็นนักร้องอันดับหนึ่งในเฉิงโจวก็ตาม นางยังเอาชนะเขาไม่ได้เลย"ผู้หญิงชุดสีม่วงทำตามอย่างที่นางทำและส่ายหน้า "ไ
อู๋หลิงรู้ถึงความสามารถของตัวเขาเองเป็นอย่างดี แล้วฝ่ายเสนาธิการฝ่ายซ้ายก็ย่อมรู้ดีเช่นกันนอกจากกลยุทธ์ของตนเองในการรักษาเสถียรภาพของประเทศแล้ว พวกเขาทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ และไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ส่วนเสนาธิการฝ่ายขวานั้น การสามารถดำรงตำแหน่งในราชสำนักได้นานหลายปี โดยไม่สูญเสียอำนาจนั้น ถือเป็นความสามารถพิเศษส่วนตัวเป็นอย่างยิ่งนอกจากนี้พวกเขากลัวมาก จนพวกเขาอยากยืมมือฝ่าบาทจัดการเขาจนตาย ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาแสร้งทำเป็นเลอะเลือน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเข้าใจอยู่แล้ว!วันนี้หากมีคนหนึ่งที่ไม่รู้จักความสามารถ และความรู้ที่แท้จริงของหวังหยวน ก็จะคิดว่าเป็นเพียงคนที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองเป็นอย่างมากเท่านั้น“น้องไป๋เป็นคนดีมาก” หวังหยวนดึงสติของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มไป๋เฟยเฟยกล่าวต่อ "สถานการณ์ปัจจุบันของพี่หวังไม่จำเป็นต้องพูดเพิ่มเติม เดิมทีด้วยฝ่ายเสนาธิการฝ่ายซ้ายและคนอื่น ๆ ไม่กล้าแตะต้องท่าน แต่ตอนนี้คำสั่งของฝ่าบาททำให้สถานการณ์ของท่านแย่ลง ฝ่ายเสนาธิการฝ่ายซ้ายเองก็ยากที่จะปกป้องท่านได้”“ประกอบกับทางฝั่งเสนาธิการฝ่ายขวาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องจ
“ขอเพียงท่านไว้ชีวิตข้า เงินเหล่านี้ล้วนเป็นของท่าน!”“ถือเสียว่าข้าขอขมาลาโทษ!”หวังหยวนเย้ยหยัน หรือว่าเจ้าผู้นี้คิดว่าเงินทองซื้อได้ทุกอย่าง?หวังหยวนเตะเข้าที่ข้อมือของเขา ตั๋วเงินปลิวว่อน ผู้คนที่มุงดูต่างกรูกันเข้ามาแย่งชิง!สถานการณ์ช่างอลหม่าน!เฉินเทียนรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบ!เงินจำนวนมากถูกคนอื่นแย่งชิงไปหมดแล้วหรือ?ในใจเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร?“ท่านผู้นำ จะจัดการกับมันอย่างไรดีขอรับ?”เกาเล่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว“พาตัวเขาไปหาตระกูลเฉิน ข้าอยากรู้ว่าเฉินเจิ้นหนานผู้นี้มีความสามารถมากเพียงใด!”“ถึงกล้าปล่อยให้ลูกชายอาละวาดในเมืองอู่เจียง!”หวังหยวนกล่าวอย่างเย็นชาหากเขามาไม่ถึงที่นี่คงไม่ยุ่งเรื่องวุ่นวายของชาวบ้านเช่นนี้ แต่ในเมื่อเขามาถึงเมืองอู่เจียงแล้ว ที่นี่ก็เป็นเขตของเขา เมื่อพบเจอคนพาล ย่อมไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ!เหงื่อเม็ดโตหยดลงมาจากหน้าผากของเฉินเทียนไม่หยุดขอเพียงไม่เอาชีวิตเขาก็ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ไม่ว่าหวังหยวนจะมีความสามารถล้นฟ้าหรือไม่ เมื่อไปถึงตระกูลเฉิน หวังหยวนย่อมไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน!ในเมืองอู่เจียง ไม่มีใครไม่ให้เกียรติ
เฉินเทียนที่เพิ่งถูกหวังหยวนสั่งสอนวิ่งนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งมา ปรากฏว่าเขาพาบ่าวไพร่มาล้อมพวกหวังหยวนไว้เกาเล่อมองไปที่หวังหยวน ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยเท่าที่เขาจำได้ เขาไม่เคยเห็นเฉินเทียนมาก่อน จู่ ๆ อีกฝ่ายก็มาหาเรื่องพวกเขาหรือว่าเป็นเพราะหวังหยวน?แต่หวังหยวนเพิ่งมาถึงเมืองอู่เจียง จะสร้างศัตรูเร็วเช่นนี้เลยหรือ?หวังหยวนไม่ได้อธิบาย เพียงแต่จ้องมองไปที่เฉินเทียนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่มีเวลาสนใจเจ้า รีบไสหัวไปซะ!”“ไม่เช่นนั้นก็จงรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”ได้ยินเช่นนั้น เฉินเทียนไม่เพียงไม่กลัว กลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!เขาชี้หน้าหวังหยวนแล้วกล่าวเยาะเย้ย “สมองเจ้าโดนลาเตะมาหรือ?”“เจ้าดูสิว่าที่นี่คือที่ใด!”“ดูฐานะของข้าด้วย!”“ข้าเป็นคนของตระกูลเฉิน!”“ในเมืองอู่เจียง นอกจากสามตระกูลใหญ่แล้ว แม้แต่ผู้ว่าราชการเมือง เมื่อเจอข้าก็ยังต้องพูดจาด้วยความเคารพ!”“เจ้าเป็นใครไม่ทราบ?”สีหน้าของเกาเล่อพลันเปลี่ยนไปทั่วทั้งใต้หล้ามีสักกี่คนที่กล้าพูดกับหวังหยวนเช่นนี้ ช่างบังอาจนัก!ในพริบตาก็เห็นเขาวิ่งไปหาเฉินเทียนอย่างรวดเร็ว และเตะเข้าที่หน้าอกของเฉินเทียน!เฉินเ
แม้แต่หวังหยวนก็ไม่กล้ากระโดดลงมาจากชั้นสามโดยง่าย !แต่เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะประเมินแม่นางหรูเยียนต่ำเกินไป นางกลับเหาะหนีไปต่อหน้าต่อตา!ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!“ดูท่าต้องหาวิธีอื่นแล้ว!”หวังหยวนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็เตรียมลงไปชั้นล่างอย่างไรเสีย ตอนนี้ก็จำใบหน้าของแม่นางหรูเยียนได้แล้ว แค่บอกกล่าวกับเกาเล่อ ต่อไปก็ยังสามารถตามหาตัวนางได้นางคิดหนี มีหรือจะง่ายดาย?ไม่มีทางหนีรอดพ้นฝ่ามือของเขาไปได้!หวังหยวนตัดสินใจแน่วแน่ จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างในขณะนี้แม่นางหรูเยียนกระโดดลงมาจากชั้นสาม และกำลังหลบอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งโชคดีที่นางเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาและใบหน้ายังคลุมด้วยผ้าขาว ไม่มีใครจำนางได้ จึงไม่เกิดความวุ่นวายใด ๆ“ข้าจำเจ้าได้ หวังหยวนใช่หรือไม่?”“เจ้ารอข้าก่อนเถิด!”“ฟ้ายังมีตา วันหน้าข้าจะกลับมาแก้แค้นเจ้า!”“ถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าแล้วก้มหัวขอขมาข้า!”“เพื่อให้เจ้ารู้ว่า การบังอาจรุกรานข้ามีผลเช่นไร!”แม่นางหรูเยียนพูดต่ออีกสองสามประโยค จากนั้นไม่เอ่ยคำใดอีก เดินลึกเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็ว!ในเมืองอู่เจียง หวังหยวนมีอำนาจล้นฟ้า หากเขาต้อ
“เจ้าช่างสมควรตายจริง ๆ...” แม่นางหรูเยียนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหวังหยวนที่ดูจริงจังไร้ซึ่งการล้อเล่น นางก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นความโกรธไว้นางครุ่นคิดด้วยความลังเลชั่วครู่ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ว่ามาเถิด ท่านปรารถนาจะรู้เรื่องใดจากข้า?”หวังหยวนเผยยิ้มมุมปาก “ไม่ยากเลย ข้าเพียงต้องการรู้ที่ตั้งของพรรคทมิฬเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรทั้งสิ้น”“เจ้าเชื่อมั่นศรัทธาในพรรคทมิฬมากและเชื่อมั่นในความสามารถของสาวกพรรคทมิฬ ต่อให้เจ้าจะบอกที่ตั้งแก่ข้า เจ้าก็คงมั่นใจว่าเบื้องบนย่อมรับมือได้ ดังนั้นการเปิดเผยเรื่องนี้ก็ไม่มีผลอะไรไม่ใช่หรือ?” แม่นางหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะวางแผนโจมตีพรรคทมิฬ! หากเขารู้ที่ตั้งฐานทัพของพรรคทมิฬ พรรคทมิฬคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือเขาเป็นแน่! ยิ่งช่วงนี้สาวกพรรคทมิฬได้ออกอาละวาดทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้าด้วย ไม่ใช่แค่หวังหยวน แม้แต่ราชวงศ์ต้าเย่และต้าเป่ยต่างก็ต้องการกำจัดพรรคทมิฬให้สิ้นซาก!หวังหยวนและคนเหล่านั้นต่างยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันหากพวกเขาร่วมมือกัน พรรคทมิฬคงถึงคราวต้องลำบาก...
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”