“คุณชายเฉิง นี่... เรื่องนี้…”ซุนเต๋อไห่ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน แน่นอนว่าเขายินดีที่จะทำตามที่ใต้เท้าผู้ตรวจการต้องการเรื่องแต่งงานของลูกสาวอย่างไรก็ตาม สัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซุนได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน หากตกลงเห็นด้วยกับเฉิงอู๋จี้ เกรงว่าในภายหลังอาจเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นได้!“เถ้าแก่ซุนเป็นอะไรหรือไม่?”เฉิงอู๋จี้ที่ทำทีเป็นตกใจ และแสร้งทำเป็นสับสนซุนเต๋อไห่มองไปมาสายตาหลอกแหล่ก และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็โน้มตัวกระซิบข้างหูของเฉิงอู๋จี้“คุณชายเฉิง ท่านมาผิดเวลาแล้ว ข้ากำลังยกเลิกการหมั้นหมายกับตระกูลวังอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว สัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซุนได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อย มันอาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้ในอนาคต ฉะนั้น... "ซุนเต๋อไห่ฉลาดมากที่ทำแบบนี้ เขาบอกกับเฉิงอู๋จี้อย่างชัดเจน และยังป้องกันไม่ให้วังฉงโหลวและหวังหยวนรู้ถึงเรื่องนี้อีกด้วยนี่ถือได้ว่าไม่ได้เป็นการล่วงเกินทั้งสองฝ่ายหวังหยวนหรี่ตา และรู้ด้วยว่าซุนเต๋อไห่กำลังพูดถึงอะไรแต่เขาก็เข้าใจได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วในเฉิงโจว คำพ
เฉิงอู๋จี้โกรธและด่าเขากลับทันที“หวังหยวน เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้เหรอ?”หวังหยวนรู้อยู่แล้วว่าเขามาที่นี่วันนี้เพื่อก่อเรื่อง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดทำตัวไว้หน้าด้วยอยู่แล้ว“มิกล้า ๆ แต่ข้าแค่พูดความจริง ทั้งสองตระกูลหมั้นกันอยู่ก่อน แล้วคุณชายเฉิงก็มาเพื่อขอยกเลิกการหมั้นอย่างไม่มีเหตุผล ดูไม่ดียิ่งนัก”“ผู้ว่าราชการเฉิงเป็นขุนนางราชสำนัก ทุกคำพูดและการกระทำของเขาล้วนเป็นตัวแทนของราชสำนัก ทำไมเขาถึงใช้อำนาจของเขากลั่นแกล้งผู้อื่นเช่นนี้?”“ถ้าอย่างนั้น ยื่นฏีกาต่อราชสำนักให้ยุติเรื่องนี้ดีไหม?”น้ำเสียงของหวังหยวนดูสงบ แต่คำพูดเหล่านี้ทำให้เฉิงอู๋จี้หน้าซีดหากเรื่องนี้ถึงราชสำนัก คงไม่น่าฟังนัก!ยิ่งไปกว่านั้น เสนาธิการฝ่ายขวาไม่เพียงแต่มีอำนาจล้นฟ้า แต่เสนาธิการฝ่ายซ้ายยังจับตาดูเขาด้วย แม้ว่าเรื่องของอู๋หลิงจะส่งผลกระทบต่อฝ่ายของเสนาธิการฝ่ายซ้าย แต่ทุกคนที่มีสายตาที่เฉียบแหลม ก็รู้ดีว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะไม่ฆ่าเสนาธิฝ่ายซ้ายอย่างแน่นอนเช่นเดียวกับตอนแรกเริ่ม เสนาธิการฝ่ายซ้ายถูกใช้งามาจัดการกับเสนาธิการฝ่ายขวานี่เป็นฝีมือของฝ่าบาท เป็นการถ่วงดุลอำนาจกัน!หากเรื่องนี
แม้ว่าหวังหยวนจะพูดแบบนี้ แต่วังฉงโหลวก็ยังโทษตัวเองอยู่“มันคงจะดีกว่าถ้าเมื่อคืน... ข้า... ข้าไม่ได้พูดคำพวกนั้นออกมา”เมื่อหวังหยวนเห็นวังฉงโหลวเป็นเช่นนี้ เขาก็ส่ายหน้าทันที "ฉงโหลว ที่เจ้าพูดมันผิดนะ!"“ที่พูดมาไม่ผิด ทำไมต้องยอมรับผิด ที่ผิดคือราชสำนัก ที่ผิดคือยุคสมัยนี้ต่างหาก”“อาหยวนจะบอกเจ้าวันนี้ว่าอย่าฝืนใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา ลุงรองของเจ้าเป็นเปิดเผยไม่มีเล่ห์เหลี่ยม แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่เคยพูดออกมาจากจิตสำนึกเลย”“ในโลกนี้ เป็นเพราะมีการโกหกมากมายเกินไป จึงทำให้ผู้คนตกอยู่ในความเสื่อมทราม”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ วังฉงโหลวก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่าเดิมทีเขาคิดว่าหวังหยวนจะโกรธเขา เพราะคำพูดเมามายเมื่อคืนนี้จึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายแต่ไม่คิดว่าอาหยวนจะใจดีขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังให้กำลังใจตัวเองด้วยไม่น่าแปลกใจที่ลุงรองจะให้ความเคารพอาหยวนมาก ตอนนี้เขายิ่งชื่นชมเขามากยิ่งขึ้นไปอีก!“ข้าทราบแล้วขอรับ อาหยวน”วังฉงโหลวพยักหน้าอย่างแรงในตอนนี้ หวังหยวนถามออกมาอย่างสงสัย "เรื่องการหมั้น เป็นมาอย่างไรกันแน่?"“ข้าไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงเรื่องนี้
เฉิงเหลียววางหนังสือในมือลง แล้วมองเฉิงอู๋จี้ลูกชายของเขา“ลูกเอ๋ย แม้ว่าข้าจะไม่รู้จักหวังหยวนมากนัก แต่ข้าก็ยังรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา”“ไม่ต้องพูดถึงเสนาธิการฝ่ายขวา หากว่ากันแล้ว หวังหยวนก็มีความสามารถมาก ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่กลัวเขาได้อย่างไร”เฉิงอู๋จี้สูดหายใจเข้าลึก และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ท่านพ่อ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า สิ่งที่อู๋หลิงพูดเกี่ยวกับข้าศึกชาวหวงที่ถูกตีแตก หวังหยวนคือผู้ที่คิดแผนการนี้อยู่เบื้องหลังจริง ๆ งั้นหรือ"เฉิงเหลียวพยักหน้า “เรื่องนี้น่าเป็นเรื่องจริง บุคคลที่มีความสามารถยอดเยี่ยม เสนาธิการฝ่ายขวาเองก็อยากจะรับเขาไปเป็นลูกน้องด้วย”“แต่คนคนนี้...ดูเหมือนจะเป็นคนคนละแบบกับเสนาธิการฝ่ายขวา และคนอื่น ๆ จึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ดังนั้น... คนแบบนี้เป็นมิตรไม่ได้ อย่าได้ทำให้เป็นศัตรูกันเด็ดขาด”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉิงอู๋จี้ก็รีบพูดว่า "ท่านพ่อ เราควรทำอย่างไรดี? ฆ่าเขาเลยดีไหม?"“ฆ่า? เจ้าคิดว่าเขาฆ่าง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ทั้งเทือกเขาชิงหลง ค่ายต้าเฟิง ไอหมอนี้เหมือนเดินในที่ราบไม่มีผิด”“แล้วเจ้าลืมเรื่องเผยเซียนเจิ้งไปแล้วหรือไง? เขาตกในสภาพนั้นได้ยังไง
“คน ๆ นั้นจากตระกูลหลี่เป็นตาแก่เจ้าเล่ห์ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเกือบทำให้ตระกูลหลี่ล่มสลาย ตอนนี้เขายังกล้าเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องวุ่นวายในราชสำนักอยู่อีกหรือ?”“เสนาธิการฝ่ายขวาเคยบอกข้ามานานแล้วว่าตระกูลหลี่... เขาใช้มันไม่ได้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้มัน”หลังจากที่เฉิงเหลียวพูดจบ ในที่สุดเฉิงอู๋จี้ก็เข้าใจ“ท่านพ่อ บอกข้าทีเถอะว่าเราต้องจัดการกับหวังหยวนหรือไม่?”“ถ้าเราจัดการเขา เสนาธิการฝ่ายขวาคงจะต้องดีใจมากแน่”เฉิงเหลียวพยักหน้า “ว่ากันแล้ว เรื่องนี้กันเรายังต้องพิจารณากันอีกนาน หากอยากจะกำจัดหวังหยวน เจ้าต้องลงมือในครั้งเดียว ไม่ให้เขาลุกขึ้นมาตั้งตัวได้อีก อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น!”“แม้... การที่เราไม่ลงมือเองเป็นการดีที่สุด ยืมมือคนอื่นจัดการกับเขานั้นแหละคือหนทางที่ดีที่สุด!”เฉิงอู๋จี้เริ่มสับสนและถามว่า "ท่านพ่อ แล้ว...เราจะยืมมือใครได้บ้าง?"เฉิงเหลียวยิ้มเล็กน้อย “เขาอยู่นอกราชสำนัก ดังนั้นเราจึงต้องยืมมืออำนาจนอกราชสำนักเป็นธรรมดา อีกทั้ง... มีหลายคนกำลังจับตาดูเขาอยู่ ในยุคนี้ ถ้าเจ้ารวยและมีความสามารถ นั่นแหละน่ากลัวที่สุด!"“ธุรกิจในมือของเขาเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบแล้ว ต้าหู่จึงได้เข้าใจในตอนนี้ ในห้องหรูหราอันมืดสลัวในหอไป๋เฟิง ไป๋เฟยเฟยและผู้หญิงชุดม่วงกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่นี่“แม้ว่าข้าจะมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่มา ข้ารู้สึกว่าที่นี่ไม่เลวเลย นี่คือสถานที่ที่ผู้ชายควรมาจริง ๆ”ไป๋เฟยเฟยโบกพัดขำเล็กน้อย นางดูเหมือนนายน้อยที่มาสนุกกับที่นี่จริง ๆ“ในฐานะผู้หญิง มาอยู่ในสถานที่แบบนี้ เจ้านั้นช่างไร้ยางอายจริง ๆ ”ผู้หญิงชุดสีม่วงพูดอย่างโกรธเคือง ไป๋เฟยเฟยหัวเราะทันทีที่ได้ยิน "เจ้าก็ไม่มาที่นี่เหมือนกันเหรอ อันที่จริงเจ้าน่าจะเรียนรู้ไว้ว่าผู้หญิงที่นี่ทำให้ผู้ชายพอใจได้อย่างไร นับว่าเป็นทักษะแขนงหนึ่งด้วยนะ"โดยปกติแล้ว ผู้หญิงชุดสีม่วงจะต้องโกรธมาก แต่ตอนนี้นางยิ้มแล้วพูดว่า "ที่จริงแล้ว เจ้าควรเรียนรู้มันไว้ต่างหาก ว่าไปแล้วบางทีอาจจัดการหวังหยวนได้จริง ๆ นะ?"ไป๋เฟยเฟยพูดอย่างขุ่นเคือง "เจ้าไม่เห็นหรือว่าหวังหยวนเป็นคนที่ซื่อสัตย์ยึดมั่นแค่ไหน ขนาดหวงเจียวเจียวสวยมากขนาดนั้น แม้ว่านางจะเป็นนักร้องอันดับหนึ่งในเฉิงโจวก็ตาม นางยังเอาชนะเขาไม่ได้เลย"ผู้หญิงชุดสีม่วงทำตามอย่างที่นางทำและส่ายหน้า "ไ
อู๋หลิงรู้ถึงความสามารถของตัวเขาเองเป็นอย่างดี แล้วฝ่ายเสนาธิการฝ่ายซ้ายก็ย่อมรู้ดีเช่นกันนอกจากกลยุทธ์ของตนเองในการรักษาเสถียรภาพของประเทศแล้ว พวกเขาทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ และไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ส่วนเสนาธิการฝ่ายขวานั้น การสามารถดำรงตำแหน่งในราชสำนักได้นานหลายปี โดยไม่สูญเสียอำนาจนั้น ถือเป็นความสามารถพิเศษส่วนตัวเป็นอย่างยิ่งนอกจากนี้พวกเขากลัวมาก จนพวกเขาอยากยืมมือฝ่าบาทจัดการเขาจนตาย ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาแสร้งทำเป็นเลอะเลือน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเข้าใจอยู่แล้ว!วันนี้หากมีคนหนึ่งที่ไม่รู้จักความสามารถ และความรู้ที่แท้จริงของหวังหยวน ก็จะคิดว่าเป็นเพียงคนที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองเป็นอย่างมากเท่านั้น“น้องไป๋เป็นคนดีมาก” หวังหยวนดึงสติของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มไป๋เฟยเฟยกล่าวต่อ "สถานการณ์ปัจจุบันของพี่หวังไม่จำเป็นต้องพูดเพิ่มเติม เดิมทีด้วยฝ่ายเสนาธิการฝ่ายซ้ายและคนอื่น ๆ ไม่กล้าแตะต้องท่าน แต่ตอนนี้คำสั่งของฝ่าบาททำให้สถานการณ์ของท่านแย่ลง ฝ่ายเสนาธิการฝ่ายซ้ายเองก็ยากที่จะปกป้องท่านได้”“ประกอบกับทางฝั่งเสนาธิการฝ่ายขวาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องจ
หวังหยวนไม่คาดคิดว่าไป๋เฟยเฟยจะย้อนกลับมาถามตัวเขาแทนอันที่จริง ความทะเยอทะยานของหวังหยวนไม่ได้รุนแรงเท่าพวกเขาเขาแค่อยากมีชีวิตที่สุขสบาย ส่วนเรื่องเงินนั้น หวังหยวนคิดว่ายิ่งมากก็ยิ่งดี เพราะในโลกนี้ไม่มีเงินอยู่ไม่ได้หรอกแต่เมื่อเทียบกับตระกูลไป๋แล้ว ความทะเยอทะยานของเขาดูน้อยกว่ามากตระกูลไป๋เป็นตระกูลขุนนางที่มีเงินมากมาย และพวกเขายังเป็นพ่อค้าเหล็กรายใหญ่ที่สุด!รู้ไหมว่าเมื่อสงครามเกิดขึ้น สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดคือเงินและอาวุธ!โดยพื้นฐานแล้วตระกูลไป๋ก็เป็นเจ้าของของทั้งหมดนั้น ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ การมีความทะเยอทะยานจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริง“ข้าแค่พูดไปงั้น เจ้าก็พูดต่อสิ” หวังหยวนยิ้มและพูดจากนั้นไป๋เฟยเฟยก็พูดต่อว่า "นอกเหนือจากราชสำนักต้าเย่แล้ว พ่อค้าเกลือและพ่อค้าผ้าไหมล้วนถูกตระกูลใหญ่ควบคุมไว้ และท่านก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายเกลือ ในฐานะพ่อค้าเกลือรายใหญ่ที่สุดของต้าเย่ ตระกูลจีแห่งเมืองกู่โจวจะไม่นั่งอยู่เฉย ๆ แน่ ฉะนั้น... พวกเขาจะเป็นคนแรกที่จะลงมือจัดการท่าน!”“นอกจากนี้ ธนาคารและสถานรับแลกเงินทั้งหมดในโลกมีตระกูลใหญ่พวกนี้ควบคุมด้วยกัน ตระกูลไป๋เอง
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต