“ไม่ว่าเราสองคนจะหย่าหรือไม่ ก็เป็นเรื่องระหว่างข้ากับซื่อหาน ข้าอยากพบซื่อหาน”เมื่อเจอหน้าภรรยาแล้ว ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลาย โดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบายมากมาย“พบ? เหตุใดเจ้าถึงต้องพบหน้านาง? เจ้ามีคุณสมบัติอันใด? ข้าจะบอกให้นะ ซื่อหานหมั้นหมายกับบุตรชายของผู้ตรวจการแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจะไม่มีวันพบกันอีก” ซ่งชิงเหอขมวดคิ้วพร้อมกล่าวออกมาหวังหยวนเข้าใจว่าตระกูลหลี่ต้องการบีบบังคับและควบคุมภรรยาของตน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหัวเราะเยาะในใจ และไม่กล่าวคำใดอีก“ในเมื่อตระกูลหลี่ไม่ต้อนรับข้า เช่นนั้นก็ลืมมันไปเสียเถิด”สิ้นคำ หวังหยวนก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไปอย่างไรเสีย พวกเขาก็คือครอบครัวของภรรยาของเขา ดังนั้นหวังหยวนจึงไม่อยากล่วงเกินอีกฝ่าย หากเป็นคนอื่นแล้ว เขาคงไม่ปล่อยมันไว้แน่!ยิ่งกว่านั้น เขาเชื่อมั่นในตัวภรรยาว่านางจะไม่มีวันทอดทิ้งเขา แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!“หึ! หากมันกลับมาอีก เจ้าก็อย่าทำให้มันไม่พอใจล่ะ บอกเพียงว่าตระกูลหลี่ไม่ต้อนรับก็พอแล้ว”ซ่งชิงเหอกล่าว ขณะเดินควงแขนหลี่อีเหนียนเข้าไปในห้องตำรา“ปล่อยไปเช่นนี้ดีแล้วหรือ?”หลี่อีเหนียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้เ
หวังหยวนมองสำรวจไป๋เฟยเฟยอย่างระมัดระวัง หากอู๋หลิงไม่บอกว่าคุณชายไป๋เป็นสตรี หวงหยวนก็คงไม่อาจแยกแยะได้หากสังเกตจากเคล็ดลับการปลอมตัวของแล้ว แม้จะแต่งกายเรียบง่าย ทว่ากลับไม่มีข้อบกพร่องเลยเพียงแต่...กล่าวคือใบหน้าขาวผ่องและผิวอ่อนนุ่มของนางดูไม่เหมือนบุรุษเอาเสียเลยไม่ประหลาดใจเลยที่อู๋หลิงจะไม่พอใจทุกครั้ง ที่เห็นหญิงสาวในชุดสีม่วงที่เขาชอบตัวติดกับไป๋เฟยเฟย เพราะเขารู้ความลับทุกอย่างแล้วหนึ่งคนมีลูกสองใบ นางจะเลือกโลกใบใดกันแน่?หวังหยวนคลี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นถอนหายใจพลางกล่าวทักทายอีกฝ่าย“ท่านหมิงถัน ท่านจะรังเกียจหรือไม่ที่ผู้น้อยแซ่ไป๋มาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ?”ไป๋เฟยเฟยพับพัดด้ามจิ้วในมืออย่างมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย เช่นเดียวกับเหล่าคุณชายผู้ร่ำรวยในนิทาน“ไม่มีทาง พวกเราเป็นกัลยาณมิตรกันมิใช่หรือขอรับ”หวังหยวนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ครั้งล่าสุดพวกเขาก็มาโดยไม่ได้รับเชิญเพื่อแนะนำตนเอง และเมื่อเขาเดินทางมาถึงเฉิงโจวในครั้งนี้ ไป๋เฟยเฟยก็ต้องปรากฏตัวเป็นธรรมดา และหวังหยวนก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว“ในเมื่อพวกเราล้วนเป็นเพื่อนกัน เช่นนั้นการพูดอย่างตรงไปตรงม
หวังหยวนยิ้ม ทว่าไม่ได้ปฏิเสธ เพราะมันคงไม่เป็นการเหมาะสมหากปฏิเสธคำเชิญชวนยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องการขยับขยายธุรกิจมายังเฉิงโจว หากผูกมิตรกับตระกูลไป๋ไว้คงจะราบรื่นกว่ามาก“เฉิงโจวมีสถานที่มหัศจรรย์อยู่สามแห่ง ได้แก่ หอจุ้ยเซียน หอไป๋เฟิง และต้นน้ำของทะเลสาบเย่หู ซึ่งคืนนี้ข้าจะจัดงานที่ทะเลสาบ โดยเชิญพ่อครัวจากหอจุ้ยเซียน และนักร้องจากหอไป๋เฟยมาทำการแสดง ท่านจะให้เกียรติร่วมดื่มสุรากับข้า และเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลสาบได้หรือไม่?”ก่อนที่จะเดินทางมายังเฉิงโจว เขารู้จักสถานที่มหัศจรยย์เหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ที่น่าจดจำทีเดียวไม่มีสิ่งใดในโลกใบนี้สามารถเทียบอาหารเลิศรสที่หอจุ้ยเซียน เสียงเพลงในหอไป๋เฟิง และทิวทัศน์ของต้นน้ำแม่น้ำเย่หูได้ซึ่งในตอนนี้ไป๋เฟยเฟยสามารถรวมทั้งสามสิ่งมาอยู่ ณ สถานที่เดียวกัน แล้วหวังหยวนจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร“น่าสนใจยิ่งนักขอรับ คุณชายไป๋”ไป๋เฟยเฟยยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะส่งรถม้ามารับท่าน”สิ้นคำ ไป๋เฟยเฟยก็พาหญิงสาวในชุดสีม่วงเดินออกไป“คืนนี้จะต้องมีการแสดงที่น่าสนใจเป็นแน่...”ไป๋เฟยเฟยหัวเราะ หลังจากขึ้
เมื่อหลี่ซื่อหานมองจดหมายในมือ ใบหน้างดงามของนางพลันซีดขาวทันที!“ข้าจะบอกเจ้าว่าหวังหยวนใจดำยิ่งนัก ข้าคิดว่าเขาเดินทางมาที่เฉิงโจวครั้งนี้เพื่อมารับเจ้า แต่ใครจะรู้ว่าเขานัดหมายกับตระกูลไป๋เพื่อมีความสุขกับนักร้องจากหอไป๋เฟิง!”“คืนนี้พวกเขาจะร่ำสุราและสังสรรค์กันที่ทะเลสาบ นายน้อยตระกูลไป๋เป็นคนสุรุ่ยสุร่าย และมักจะมีหญิงงามข้างกายเสมอ เจ้าลองคิดดูสิว่าทั้งสองคนจะทำอะไรบ้าง?”ซ่งชิงเหอเติมเชื้อเพลิงให้โหมไหม้ ขณะเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย!ตราบใดที่หลี่ซื่อหานยอมแพ้ ปัญหานี้ก็จะจบลง!ในสายตาของนาง หวังหยวนไม่มีค่าแม้แต่น้อย!“เป็นไปไม่ได้... สามีของข้าจะทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้... ข้า... ข้าอยากพบสามี!”หลี่ซื่อหานกล่าวขณะกำลังจะวิ่งออกไป ทว่าถูกซ่งชิงเหอห้ามไว้ก่อน“คนโง่ ถ้าออกไปตอนนี้ เจ้าก็คือหน้าตาของตระกูลหลี่ หลังจากหวังหยวนทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ เจ้าก็ยังจะไปหาเขาอยู่อีกรึ พี่ชายและพ่อของเจ้าจะต้องโมโหมากเป็นแน่!”ซ่งชิงเหอรีบกล่าวออกพร้อมกับพาดพิงถึงผู้นำตระกูลหลี่“ข้า... ข้าอยากจะคุยกับสามีให้ชัดเจน ไม่ว่าเขาจะต้องการข้าหรือไม่ ข้า... ข้าอยากได้ยินจากปาก
“ข้าขอแนะนำ แม่นางผู้นี่คือนักขับร้องหญิงคนแรกในหอไป๋เฟิง และนางก็เป็นอันดับหนึ่งในเฉิงโจวของเราอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นางขายศิลป์ แต่ไม่ขายร่างกายมาโดยตลอด ทว่าแยกแยะผู้คนเช่นกัน เมื่อนางได้พบกับคุณชายหมิงถันผู้โด่งดังไปทั่วหล้าเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้คนตกหลุมรักโดยปริยาย” ไป๋เฟยเฟยแนะนำนางอย่างรวดเร็ว สายตาของหวังหยวนมองไปที่สตรีในชุดสีเหลือง งาม! งดงามยิ่งนัก! ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์และรูปร่างช่างไร้ที่ติ เสน่ห์ระหว่างคิ้วของนางนั่นเป็นครั้งแรกที่หวังหยวนได้พบเห็นสตรีโฉมงามเช่นนี้ ราวกับว่า... ดวงตาของนางสามารถดึงดูดใจผู้คนได้! สมกับเป็นนักขับร้องคนแรก! อันดับหนึ่ง! “คุณชายไป๋ล้อข้าเล่นแล้ว ข้าจะไปมีชื่อเสียงได้อย่างไรเล่า ถึงแม้ว่าข้าจะมี แต่ก็เป็นชื่อเสียงที่ไม่ดี” หวังหยวนรีบโบกมือพร้อมละสายตาจากหวงเจียวเจียว ฉากนี้ทำให้ไป๋เฟยเฟยตกตะลึง หวงเจียวเจียวตกตะลึง แม้แต่สตรีในชุดม่วงนั่นก็ยังตกตะลึงเช่นกัน หวงเจียวเจียวในเฉิงโจว มีบุรุษใดบ้างที่ไม่มึนเมากับความงามเช่นนี้? ชายคนนี้เพียงแค่เหลือบมองเท่านั้นแล้วละสายตาหรือนี่? สตรีในชุดสีม่วงและหวงเจียวเจียวต่างก็ตกตะลึ
ไป๋เฟยเฟยสูดหายใจลึก แม้ว่านางจะตกใจแต่นางก็ไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากรู้ตัวว่าเข้าใจหวังหยวนผิด นางก็ลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ! “คุณชายหมิงถัน น้องชายไม่ได้มีเจตนา ทว่าข้ายังมีข้อสงสัยอยู่ในใจ” คำพูดของไป๋เฟยเฟยทำให้หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “มีข้อสงสัยอันใด?” เมื่อพูดเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็โบกมือโดยไม่รีรอ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างถอยออกไปแล้ว แม้แต่หวงเจียวเจียวก็ออกไปด้วย! ในห้องเหลือเพียงคนสามคน ไป๋เฟยเฟย สตรีในชุดม่วง และหวังหยวน! ไป๋เฟยเฟยมองไปที่หวังหยวนและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณชายหมิงถันคงจะรู้ว่าข้ากำลังมองหาผู้มีความสามารถ ครั้งก่อนที่ข้าเชิญท่านมาที่ตระกูลไป๋เพื่อเป็นที่ปรึกษา” “ดังนั้น...ข้าย่อมสนองตอบความต้องการของคุณชายหมิงถันโดยปริยาย ทว่าเมื่อดูจากข้อมูลทั้งหมดที่ข้ามี ท่าน... น่าจะปฏิบัติต่อสาวงาม...” ไป๋เฟยเฟยอยากจะพูดข้อมูลที่รวบรวมมาว่า เขาเป็นคนมักมากในตัณหา! อย่างไรก็ตาม คำพูดประโยคนี้ฟังดูค่อนข้างน่าเกลียดอยู่ไม่น้อย นางจึงไม่ได้พูดมันออกมา! หวังหยวนยิ้มพร้อมมองไป๋เฟยเฟยอย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า “ในเมื่อน้องชายเอ่ยปากพูดอย่างเอาใจใส
หวังหยวนยิ้มและพูดว่า “กิจการนี้ บางทีเราอาจขอความช่วยเหลือจากคุณหนูหวงได้” ไป๋เฟยเฟยกระพริบตา ยิ้มและไม่พูดอะไรอีก ทว่าประสานมือไว้ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยพูดจบ นางก็ออกจากที่นี่ ในขณะนี้ หวงเจียวเจียวก็เดินเข้ามาอีกครั้ง ใบหน้าที่งดงามของนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย “คุณชายหวัง ท่านเรียกข้า” หวงเจียวเจียวนั่งลงข้างหวังหยวนพร้อมกลิ่นหอมจาง ๆ ที่พัดโชยมา ฉากดังกล่าวทำให้บุรุษนั้นรู้สึกลุ่มหลงจริง ๆ แต่หวังหยวนเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหนูหวง ข้ามีธุระบางอย่างต้องการให้เจ้าช่วยข้า” หวงเจียวเจียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ลังเลเลย “คุณชายรีบสั่งมาเถอะ ไม่ว่าท่านจะขอให้ข้าทำอะไร ข้าจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้” หวงเจียวเจียวไม่มีข้อแก้ตัว ไม่เพียงแต่บรรลุความตั้งใจของไป๋เฟยเฟยเท่านั้น แต่เพื่อภารกิจของนางเองด้วย หวังหยวนหยิบขวดน้ำหอมออกมาแล้วยื่นให้ “คุณหนูหวง สิ่งนี้เรียกว่าน้ำหอม ทาบนแขนและหลังใบหู กลิ่นหอมจะคงอยู่หลายวัน เจ้าลองดูได้” ใบหน้าของหวงเจียวเจียวดูสับสน แต่หลังจากหยิบขวดเล็ก ๆ และเปิดมันเบา ๆ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที “กลิ่นหอมมาก...
ดวงตาของหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยน้ำตา นางมองเรือใหญ่ของนางโลมในทะเลสาบอย่างสิ้นหวัง พร้อมร้องไห้อย่างตรอมใจ “เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้...” นางพึมพำกับตัวเอง หัวใจของนางเจ็บช้ำราวกับน้ำแข็ง หลี่อีเหนียนที่อยู่ข้าง ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ การเห็นน้องสาวทุกข์ใจเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ทว่าเมื่อคิดว่าจะสามารถเด็ดบัวไม่เหลือใยกับหวังหยวนด้วยวิธีนี้ได้ เขาก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก อารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ทำให้สีหน้าของเขาดูไม่มั่นคง “เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ ซื่อหาน ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้ไม่อยากให้เจ้าพบเขา ชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนสารเลวจริง ๆ เดิมทีเขาเคยทุบตีและดุเจ้า ตอนนี้เขามีเงินและมีหน้ามีตา จริง ๆ เขาใช้เวลาทั้งคืนกับนางโลมจากหอไป๋เฟิงต่อหน้าตระกูลหลี่ของเรา ชายหนุ่มเช่นนี้ไม่คู่ควรให้เจ้าชอบ!” ซ่งชิงเหอใช้ประโยชน์จากทุกโอกาส และไม่แสดงความมีเยื่อใยสักนิดเมื่อพูดเช่นนี้ พวกเขาคำนวณเวลาไว้แล้ว เวลาที่หวังหยวนก้าวขึ้นเรือ และเวลาที่หวังหวนจะลงจากเรือ พวกเขาจึงพาหลี่ซื่อหานไปดู เรียกได้ว่าทุ่มเททั้งใจ “เอาล่ะ น้องสาว เรากลับกันเถอะ” หลี่อีเหนียนสูดหายใจเข้าลึกและทำได้เพ