หวังหยวนมองสำรวจไป๋เฟยเฟยอย่างระมัดระวัง หากอู๋หลิงไม่บอกว่าคุณชายไป๋เป็นสตรี หวงหยวนก็คงไม่อาจแยกแยะได้หากสังเกตจากเคล็ดลับการปลอมตัวของแล้ว แม้จะแต่งกายเรียบง่าย ทว่ากลับไม่มีข้อบกพร่องเลยเพียงแต่...กล่าวคือใบหน้าขาวผ่องและผิวอ่อนนุ่มของนางดูไม่เหมือนบุรุษเอาเสียเลยไม่ประหลาดใจเลยที่อู๋หลิงจะไม่พอใจทุกครั้ง ที่เห็นหญิงสาวในชุดสีม่วงที่เขาชอบตัวติดกับไป๋เฟยเฟย เพราะเขารู้ความลับทุกอย่างแล้วหนึ่งคนมีลูกสองใบ นางจะเลือกโลกใบใดกันแน่?หวังหยวนคลี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นถอนหายใจพลางกล่าวทักทายอีกฝ่าย“ท่านหมิงถัน ท่านจะรังเกียจหรือไม่ที่ผู้น้อยแซ่ไป๋มาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ?”ไป๋เฟยเฟยพับพัดด้ามจิ้วในมืออย่างมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย เช่นเดียวกับเหล่าคุณชายผู้ร่ำรวยในนิทาน“ไม่มีทาง พวกเราเป็นกัลยาณมิตรกันมิใช่หรือขอรับ”หวังหยวนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ครั้งล่าสุดพวกเขาก็มาโดยไม่ได้รับเชิญเพื่อแนะนำตนเอง และเมื่อเขาเดินทางมาถึงเฉิงโจวในครั้งนี้ ไป๋เฟยเฟยก็ต้องปรากฏตัวเป็นธรรมดา และหวังหยวนก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว“ในเมื่อพวกเราล้วนเป็นเพื่อนกัน เช่นนั้นการพูดอย่างตรงไปตรงม
หวังหยวนยิ้ม ทว่าไม่ได้ปฏิเสธ เพราะมันคงไม่เป็นการเหมาะสมหากปฏิเสธคำเชิญชวนยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องการขยับขยายธุรกิจมายังเฉิงโจว หากผูกมิตรกับตระกูลไป๋ไว้คงจะราบรื่นกว่ามาก“เฉิงโจวมีสถานที่มหัศจรรย์อยู่สามแห่ง ได้แก่ หอจุ้ยเซียน หอไป๋เฟิง และต้นน้ำของทะเลสาบเย่หู ซึ่งคืนนี้ข้าจะจัดงานที่ทะเลสาบ โดยเชิญพ่อครัวจากหอจุ้ยเซียน และนักร้องจากหอไป๋เฟยมาทำการแสดง ท่านจะให้เกียรติร่วมดื่มสุรากับข้า และเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลสาบได้หรือไม่?”ก่อนที่จะเดินทางมายังเฉิงโจว เขารู้จักสถานที่มหัศจรยย์เหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ที่น่าจดจำทีเดียวไม่มีสิ่งใดในโลกใบนี้สามารถเทียบอาหารเลิศรสที่หอจุ้ยเซียน เสียงเพลงในหอไป๋เฟิง และทิวทัศน์ของต้นน้ำแม่น้ำเย่หูได้ซึ่งในตอนนี้ไป๋เฟยเฟยสามารถรวมทั้งสามสิ่งมาอยู่ ณ สถานที่เดียวกัน แล้วหวังหยวนจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร“น่าสนใจยิ่งนักขอรับ คุณชายไป๋”ไป๋เฟยเฟยยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะส่งรถม้ามารับท่าน”สิ้นคำ ไป๋เฟยเฟยก็พาหญิงสาวในชุดสีม่วงเดินออกไป“คืนนี้จะต้องมีการแสดงที่น่าสนใจเป็นแน่...”ไป๋เฟยเฟยหัวเราะ หลังจากขึ้
เมื่อหลี่ซื่อหานมองจดหมายในมือ ใบหน้างดงามของนางพลันซีดขาวทันที!“ข้าจะบอกเจ้าว่าหวังหยวนใจดำยิ่งนัก ข้าคิดว่าเขาเดินทางมาที่เฉิงโจวครั้งนี้เพื่อมารับเจ้า แต่ใครจะรู้ว่าเขานัดหมายกับตระกูลไป๋เพื่อมีความสุขกับนักร้องจากหอไป๋เฟิง!”“คืนนี้พวกเขาจะร่ำสุราและสังสรรค์กันที่ทะเลสาบ นายน้อยตระกูลไป๋เป็นคนสุรุ่ยสุร่าย และมักจะมีหญิงงามข้างกายเสมอ เจ้าลองคิดดูสิว่าทั้งสองคนจะทำอะไรบ้าง?”ซ่งชิงเหอเติมเชื้อเพลิงให้โหมไหม้ ขณะเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย!ตราบใดที่หลี่ซื่อหานยอมแพ้ ปัญหานี้ก็จะจบลง!ในสายตาของนาง หวังหยวนไม่มีค่าแม้แต่น้อย!“เป็นไปไม่ได้... สามีของข้าจะทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้... ข้า... ข้าอยากพบสามี!”หลี่ซื่อหานกล่าวขณะกำลังจะวิ่งออกไป ทว่าถูกซ่งชิงเหอห้ามไว้ก่อน“คนโง่ ถ้าออกไปตอนนี้ เจ้าก็คือหน้าตาของตระกูลหลี่ หลังจากหวังหยวนทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ เจ้าก็ยังจะไปหาเขาอยู่อีกรึ พี่ชายและพ่อของเจ้าจะต้องโมโหมากเป็นแน่!”ซ่งชิงเหอรีบกล่าวออกพร้อมกับพาดพิงถึงผู้นำตระกูลหลี่“ข้า... ข้าอยากจะคุยกับสามีให้ชัดเจน ไม่ว่าเขาจะต้องการข้าหรือไม่ ข้า... ข้าอยากได้ยินจากปาก
“ข้าขอแนะนำ แม่นางผู้นี่คือนักขับร้องหญิงคนแรกในหอไป๋เฟิง และนางก็เป็นอันดับหนึ่งในเฉิงโจวของเราอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นางขายศิลป์ แต่ไม่ขายร่างกายมาโดยตลอด ทว่าแยกแยะผู้คนเช่นกัน เมื่อนางได้พบกับคุณชายหมิงถันผู้โด่งดังไปทั่วหล้าเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้คนตกหลุมรักโดยปริยาย” ไป๋เฟยเฟยแนะนำนางอย่างรวดเร็ว สายตาของหวังหยวนมองไปที่สตรีในชุดสีเหลือง งาม! งดงามยิ่งนัก! ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์และรูปร่างช่างไร้ที่ติ เสน่ห์ระหว่างคิ้วของนางนั่นเป็นครั้งแรกที่หวังหยวนได้พบเห็นสตรีโฉมงามเช่นนี้ ราวกับว่า... ดวงตาของนางสามารถดึงดูดใจผู้คนได้! สมกับเป็นนักขับร้องคนแรก! อันดับหนึ่ง! “คุณชายไป๋ล้อข้าเล่นแล้ว ข้าจะไปมีชื่อเสียงได้อย่างไรเล่า ถึงแม้ว่าข้าจะมี แต่ก็เป็นชื่อเสียงที่ไม่ดี” หวังหยวนรีบโบกมือพร้อมละสายตาจากหวงเจียวเจียว ฉากนี้ทำให้ไป๋เฟยเฟยตกตะลึง หวงเจียวเจียวตกตะลึง แม้แต่สตรีในชุดม่วงนั่นก็ยังตกตะลึงเช่นกัน หวงเจียวเจียวในเฉิงโจว มีบุรุษใดบ้างที่ไม่มึนเมากับความงามเช่นนี้? ชายคนนี้เพียงแค่เหลือบมองเท่านั้นแล้วละสายตาหรือนี่? สตรีในชุดสีม่วงและหวงเจียวเจียวต่างก็ตกตะลึ
ไป๋เฟยเฟยสูดหายใจลึก แม้ว่านางจะตกใจแต่นางก็ไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากรู้ตัวว่าเข้าใจหวังหยวนผิด นางก็ลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ! “คุณชายหมิงถัน น้องชายไม่ได้มีเจตนา ทว่าข้ายังมีข้อสงสัยอยู่ในใจ” คำพูดของไป๋เฟยเฟยทำให้หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “มีข้อสงสัยอันใด?” เมื่อพูดเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็โบกมือโดยไม่รีรอ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างถอยออกไปแล้ว แม้แต่หวงเจียวเจียวก็ออกไปด้วย! ในห้องเหลือเพียงคนสามคน ไป๋เฟยเฟย สตรีในชุดม่วง และหวังหยวน! ไป๋เฟยเฟยมองไปที่หวังหยวนและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณชายหมิงถันคงจะรู้ว่าข้ากำลังมองหาผู้มีความสามารถ ครั้งก่อนที่ข้าเชิญท่านมาที่ตระกูลไป๋เพื่อเป็นที่ปรึกษา” “ดังนั้น...ข้าย่อมสนองตอบความต้องการของคุณชายหมิงถันโดยปริยาย ทว่าเมื่อดูจากข้อมูลทั้งหมดที่ข้ามี ท่าน... น่าจะปฏิบัติต่อสาวงาม...” ไป๋เฟยเฟยอยากจะพูดข้อมูลที่รวบรวมมาว่า เขาเป็นคนมักมากในตัณหา! อย่างไรก็ตาม คำพูดประโยคนี้ฟังดูค่อนข้างน่าเกลียดอยู่ไม่น้อย นางจึงไม่ได้พูดมันออกมา! หวังหยวนยิ้มพร้อมมองไป๋เฟยเฟยอย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า “ในเมื่อน้องชายเอ่ยปากพูดอย่างเอาใจใส
หวังหยวนยิ้มและพูดว่า “กิจการนี้ บางทีเราอาจขอความช่วยเหลือจากคุณหนูหวงได้” ไป๋เฟยเฟยกระพริบตา ยิ้มและไม่พูดอะไรอีก ทว่าประสานมือไว้ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยพูดจบ นางก็ออกจากที่นี่ ในขณะนี้ หวงเจียวเจียวก็เดินเข้ามาอีกครั้ง ใบหน้าที่งดงามของนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย “คุณชายหวัง ท่านเรียกข้า” หวงเจียวเจียวนั่งลงข้างหวังหยวนพร้อมกลิ่นหอมจาง ๆ ที่พัดโชยมา ฉากดังกล่าวทำให้บุรุษนั้นรู้สึกลุ่มหลงจริง ๆ แต่หวังหยวนเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหนูหวง ข้ามีธุระบางอย่างต้องการให้เจ้าช่วยข้า” หวงเจียวเจียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ลังเลเลย “คุณชายรีบสั่งมาเถอะ ไม่ว่าท่านจะขอให้ข้าทำอะไร ข้าจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้” หวงเจียวเจียวไม่มีข้อแก้ตัว ไม่เพียงแต่บรรลุความตั้งใจของไป๋เฟยเฟยเท่านั้น แต่เพื่อภารกิจของนางเองด้วย หวังหยวนหยิบขวดน้ำหอมออกมาแล้วยื่นให้ “คุณหนูหวง สิ่งนี้เรียกว่าน้ำหอม ทาบนแขนและหลังใบหู กลิ่นหอมจะคงอยู่หลายวัน เจ้าลองดูได้” ใบหน้าของหวงเจียวเจียวดูสับสน แต่หลังจากหยิบขวดเล็ก ๆ และเปิดมันเบา ๆ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที “กลิ่นหอมมาก...
ดวงตาของหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยน้ำตา นางมองเรือใหญ่ของนางโลมในทะเลสาบอย่างสิ้นหวัง พร้อมร้องไห้อย่างตรอมใจ “เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้...” นางพึมพำกับตัวเอง หัวใจของนางเจ็บช้ำราวกับน้ำแข็ง หลี่อีเหนียนที่อยู่ข้าง ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ การเห็นน้องสาวทุกข์ใจเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ทว่าเมื่อคิดว่าจะสามารถเด็ดบัวไม่เหลือใยกับหวังหยวนด้วยวิธีนี้ได้ เขาก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก อารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ทำให้สีหน้าของเขาดูไม่มั่นคง “เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ ซื่อหาน ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้ไม่อยากให้เจ้าพบเขา ชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนสารเลวจริง ๆ เดิมทีเขาเคยทุบตีและดุเจ้า ตอนนี้เขามีเงินและมีหน้ามีตา จริง ๆ เขาใช้เวลาทั้งคืนกับนางโลมจากหอไป๋เฟิงต่อหน้าตระกูลหลี่ของเรา ชายหนุ่มเช่นนี้ไม่คู่ควรให้เจ้าชอบ!” ซ่งชิงเหอใช้ประโยชน์จากทุกโอกาส และไม่แสดงความมีเยื่อใยสักนิดเมื่อพูดเช่นนี้ พวกเขาคำนวณเวลาไว้แล้ว เวลาที่หวังหยวนก้าวขึ้นเรือ และเวลาที่หวังหวนจะลงจากเรือ พวกเขาจึงพาหลี่ซื่อหานไปดู เรียกได้ว่าทุ่มเททั้งใจ “เอาล่ะ น้องสาว เรากลับกันเถอะ” หลี่อีเหนียนสูดหายใจเข้าลึกและทำได้เพ
แต่ใครจะคาดคิดว่าตระกูลหลี่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงทฤษฎีเล็ก ๆ เท่านั้น หวังหยวนไม่นำมาใส่ใจเลย! วันรุ่งขึ้น ภายในหอไป๋เฟิง หวงเจียวเจียวตกลงที่จะโฆษณาน้ำหอมของหวังหยวนและเริ่มเตรียมการ “แม่นมอัน ข้าอยากจัดงานเลี้ยงร่ายรำที่หอไป๋เฟิง” หวงเจียวเจียวถือขวดน้ำหอมไว้ในมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แม่นมอันเป็นผู้ดูแลหอไป๋เฟิง อย่างไรก็ตาม หวงเจียวเจียวรู้ตัวตนเบื้องหลังของนาง “คุณหนูหวง ท่านจริงจังใช่หรือไม่?” หวงเจียวเจียวพยักหน้า “ท่านลืมสิ่งที่ท่านผู้นั้นส่งจดหมายมา และข้อความที่กล่าวไว้ในจดหมายแล้วหรือ? โน้มน้าวหวังหยวนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แม้ว่าจะหมายถึง...อุทิศตัวเองก็ตาม...” แม่นมอันสูดหายใจเข้าลึก และได้แต่ตอบตกลงเท่านั้น ในไม่ช้า ข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วถนนและตรอกซอกของเฉิงโจว ว่าหวงเจียวเจียวนักขับร้องอันดับหนึ่งแห่งหอไป๋เฟิงจะจัดงานเลี้ยงร่ายรำที่หอไป๋เฟิงในคืนนี้ นางไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไรมาก แค่ข่าวดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มมากมายในเฉิงโจวโหยหาในเสน่ห์ของนางแล้ว เมื่อหวังหยวนได้รับข่าวนี้ เขาก็หัว
“ขอเพียงท่านไว้ชีวิตข้า เงินเหล่านี้ล้วนเป็นของท่าน!”“ถือเสียว่าข้าขอขมาลาโทษ!”หวังหยวนเย้ยหยัน หรือว่าเจ้าผู้นี้คิดว่าเงินทองซื้อได้ทุกอย่าง?หวังหยวนเตะเข้าที่ข้อมือของเขา ตั๋วเงินปลิวว่อน ผู้คนที่มุงดูต่างกรูกันเข้ามาแย่งชิง!สถานการณ์ช่างอลหม่าน!เฉินเทียนรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบ!เงินจำนวนมากถูกคนอื่นแย่งชิงไปหมดแล้วหรือ?ในใจเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร?“ท่านผู้นำ จะจัดการกับมันอย่างไรดีขอรับ?”เกาเล่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว“พาตัวเขาไปหาตระกูลเฉิน ข้าอยากรู้ว่าเฉินเจิ้นหนานผู้นี้มีความสามารถมากเพียงใด!”“ถึงกล้าปล่อยให้ลูกชายอาละวาดในเมืองอู่เจียง!”หวังหยวนกล่าวอย่างเย็นชาหากเขามาไม่ถึงที่นี่คงไม่ยุ่งเรื่องวุ่นวายของชาวบ้านเช่นนี้ แต่ในเมื่อเขามาถึงเมืองอู่เจียงแล้ว ที่นี่ก็เป็นเขตของเขา เมื่อพบเจอคนพาล ย่อมไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ!เหงื่อเม็ดโตหยดลงมาจากหน้าผากของเฉินเทียนไม่หยุดขอเพียงไม่เอาชีวิตเขาก็ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ไม่ว่าหวังหยวนจะมีความสามารถล้นฟ้าหรือไม่ เมื่อไปถึงตระกูลเฉิน หวังหยวนย่อมไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน!ในเมืองอู่เจียง ไม่มีใครไม่ให้เกียรติ
เฉินเทียนที่เพิ่งถูกหวังหยวนสั่งสอนวิ่งนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งมา ปรากฏว่าเขาพาบ่าวไพร่มาล้อมพวกหวังหยวนไว้เกาเล่อมองไปที่หวังหยวน ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยเท่าที่เขาจำได้ เขาไม่เคยเห็นเฉินเทียนมาก่อน จู่ ๆ อีกฝ่ายก็มาหาเรื่องพวกเขาหรือว่าเป็นเพราะหวังหยวน?แต่หวังหยวนเพิ่งมาถึงเมืองอู่เจียง จะสร้างศัตรูเร็วเช่นนี้เลยหรือ?หวังหยวนไม่ได้อธิบาย เพียงแต่จ้องมองไปที่เฉินเทียนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่มีเวลาสนใจเจ้า รีบไสหัวไปซะ!”“ไม่เช่นนั้นก็จงรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”ได้ยินเช่นนั้น เฉินเทียนไม่เพียงไม่กลัว กลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!เขาชี้หน้าหวังหยวนแล้วกล่าวเยาะเย้ย “สมองเจ้าโดนลาเตะมาหรือ?”“เจ้าดูสิว่าที่นี่คือที่ใด!”“ดูฐานะของข้าด้วย!”“ข้าเป็นคนของตระกูลเฉิน!”“ในเมืองอู่เจียง นอกจากสามตระกูลใหญ่แล้ว แม้แต่ผู้ว่าราชการเมือง เมื่อเจอข้าก็ยังต้องพูดจาด้วยความเคารพ!”“เจ้าเป็นใครไม่ทราบ?”สีหน้าของเกาเล่อพลันเปลี่ยนไปทั่วทั้งใต้หล้ามีสักกี่คนที่กล้าพูดกับหวังหยวนเช่นนี้ ช่างบังอาจนัก!ในพริบตาก็เห็นเขาวิ่งไปหาเฉินเทียนอย่างรวดเร็ว และเตะเข้าที่หน้าอกของเฉินเทียน!เฉินเ
แม้แต่หวังหยวนก็ไม่กล้ากระโดดลงมาจากชั้นสามโดยง่าย !แต่เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะประเมินแม่นางหรูเยียนต่ำเกินไป นางกลับเหาะหนีไปต่อหน้าต่อตา!ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!“ดูท่าต้องหาวิธีอื่นแล้ว!”หวังหยวนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็เตรียมลงไปชั้นล่างอย่างไรเสีย ตอนนี้ก็จำใบหน้าของแม่นางหรูเยียนได้แล้ว แค่บอกกล่าวกับเกาเล่อ ต่อไปก็ยังสามารถตามหาตัวนางได้นางคิดหนี มีหรือจะง่ายดาย?ไม่มีทางหนีรอดพ้นฝ่ามือของเขาไปได้!หวังหยวนตัดสินใจแน่วแน่ จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างในขณะนี้แม่นางหรูเยียนกระโดดลงมาจากชั้นสาม และกำลังหลบอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งโชคดีที่นางเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาและใบหน้ายังคลุมด้วยผ้าขาว ไม่มีใครจำนางได้ จึงไม่เกิดความวุ่นวายใด ๆ“ข้าจำเจ้าได้ หวังหยวนใช่หรือไม่?”“เจ้ารอข้าก่อนเถิด!”“ฟ้ายังมีตา วันหน้าข้าจะกลับมาแก้แค้นเจ้า!”“ถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าแล้วก้มหัวขอขมาข้า!”“เพื่อให้เจ้ารู้ว่า การบังอาจรุกรานข้ามีผลเช่นไร!”แม่นางหรูเยียนพูดต่ออีกสองสามประโยค จากนั้นไม่เอ่ยคำใดอีก เดินลึกเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็ว!ในเมืองอู่เจียง หวังหยวนมีอำนาจล้นฟ้า หากเขาต้อ
“เจ้าช่างสมควรตายจริง ๆ...” แม่นางหรูเยียนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหวังหยวนที่ดูจริงจังไร้ซึ่งการล้อเล่น นางก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นความโกรธไว้นางครุ่นคิดด้วยความลังเลชั่วครู่ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ว่ามาเถิด ท่านปรารถนาจะรู้เรื่องใดจากข้า?”หวังหยวนเผยยิ้มมุมปาก “ไม่ยากเลย ข้าเพียงต้องการรู้ที่ตั้งของพรรคทมิฬเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรทั้งสิ้น”“เจ้าเชื่อมั่นศรัทธาในพรรคทมิฬมากและเชื่อมั่นในความสามารถของสาวกพรรคทมิฬ ต่อให้เจ้าจะบอกที่ตั้งแก่ข้า เจ้าก็คงมั่นใจว่าเบื้องบนย่อมรับมือได้ ดังนั้นการเปิดเผยเรื่องนี้ก็ไม่มีผลอะไรไม่ใช่หรือ?” แม่นางหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะวางแผนโจมตีพรรคทมิฬ! หากเขารู้ที่ตั้งฐานทัพของพรรคทมิฬ พรรคทมิฬคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือเขาเป็นแน่! ยิ่งช่วงนี้สาวกพรรคทมิฬได้ออกอาละวาดทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้าด้วย ไม่ใช่แค่หวังหยวน แม้แต่ราชวงศ์ต้าเย่และต้าเป่ยต่างก็ต้องการกำจัดพรรคทมิฬให้สิ้นซาก!หวังหยวนและคนเหล่านั้นต่างยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันหากพวกเขาร่วมมือกัน พรรคทมิฬคงถึงคราวต้องลำบาก...
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”