แต่ใครจะคาดคิดว่าตระกูลหลี่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงทฤษฎีเล็ก ๆ เท่านั้น หวังหยวนไม่นำมาใส่ใจเลย! วันรุ่งขึ้น ภายในหอไป๋เฟิง หวงเจียวเจียวตกลงที่จะโฆษณาน้ำหอมของหวังหยวนและเริ่มเตรียมการ “แม่นมอัน ข้าอยากจัดงานเลี้ยงร่ายรำที่หอไป๋เฟิง” หวงเจียวเจียวถือขวดน้ำหอมไว้ในมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แม่นมอันเป็นผู้ดูแลหอไป๋เฟิง อย่างไรก็ตาม หวงเจียวเจียวรู้ตัวตนเบื้องหลังของนาง “คุณหนูหวง ท่านจริงจังใช่หรือไม่?” หวงเจียวเจียวพยักหน้า “ท่านลืมสิ่งที่ท่านผู้นั้นส่งจดหมายมา และข้อความที่กล่าวไว้ในจดหมายแล้วหรือ? โน้มน้าวหวังหยวนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แม้ว่าจะหมายถึง...อุทิศตัวเองก็ตาม...” แม่นมอันสูดหายใจเข้าลึก และได้แต่ตอบตกลงเท่านั้น ในไม่ช้า ข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วถนนและตรอกซอกของเฉิงโจว ว่าหวงเจียวเจียวนักขับร้องอันดับหนึ่งแห่งหอไป๋เฟิงจะจัดงานเลี้ยงร่ายรำที่หอไป๋เฟิงในคืนนี้ นางไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไรมาก แค่ข่าวดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มมากมายในเฉิงโจวโหยหาในเสน่ห์ของนางแล้ว เมื่อหวังหยวนได้รับข่าวนี้ เขาก็หัว
กลิ่นหอมนี้แรงมาก และกลิ่นนี้ติดตามไปกับตัวของหวงเจียวเจียว ซึ่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งหอไป๋เฟิง! หวงเจียวเจียวร่ายรำอย่างสง่างาม บวกกับกลิ่นหอมที่ชวนหลงใหลก็ยิ่งหอมมากขึ้น! ทุกคนถึงกับตกตะลึง! “กลิ่นหอมมาก...วันนี้ตัวนางโลมหวงมีกลิ่นหอมขนาดนี้ได้อย่างไร!” “ใช่! นี่คือถุงหอมอันใดกัน เหตุใดจึงมีกลิ่นหอมเช่นนี้!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง และหลังจากร่ายรำจบ หวงเจียวเจียวก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านสนใจกลิ่นหอมบนตัวของข้าหรือ?” ขณะที่นางพูด หวงเจียวเจียวก็โบกแขนผ้ายาวของนางอีกครั้ง และกลิ่นหอมก็กระทบใบหน้า “ใช่น่ะซิ...คุณหนูหวง กลิ่นนี้เป็นถุงหอมแบบไหนกัน บ้านไหนเป็นผู้สร้างมัน มันแตกต่างกับกลิ่นทั่วไปยิ่งนัก!” “กลิ่นหอมฟุ้งละมุนแต่ไม่ฉุน กลิ่นติดทนยาวนาน ละเอียดอ่อนราวกับอยู่ท่ามกลางดอกไม้ และมองดูสวนที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม!” ทุกคนพูดด้วยความประหลาดใจ แต่ละคนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่ในเวลานี้ หวงเจียวเจียวก็กล่าวว่า “สิ่งนี้เรียกว่าน้ำหอม คุณชายหวังหยวนและคุณหนูหลี่ซื่อหานได้สร้างมันขึ้นมาร่วมกัน มีชื่อเรียกว่าหอมไกลนับหมื่นลี้ ด้วยขวดเล็กเพียงขวดเดียวนี้สาม
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหวังหยวนจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้! “นายน้อย ตอนนี้ทุกคนในเฉิงโจวรู้แล้วว่าคุณหนูกับหวังหยวนไม่ได้หย่าร้างกันจริง ๆ…” “ข่าวลือที่เราแพร่ออกไป...บางที...” ใบหน้าของหลี่อีเหนียนมืดมนอย่างยิ่ง เมื่อซ่งชิงเหอรู้ข่าวนี้ นางก็โกรธมากจนโยนชามทิ้ง! “เจ้าสารเลวหวังหยวนผู้นี้ ถึงกับทำให้หวงเจียวเจียวออกมารับหน้าแทนเขา เด็กคนนี้ทำได้อย่างไรกัน!” หลี่อีเหนียนเดือดดาลยิ่งนัก “คิดจะรับน้องสาวของข้าไปแบบนี้ ข้าจะตอบตกลงได้อย่างไร!” เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากจวนตระกูลหลี่ ทว่าในเวลานี้ หลี่ซื่อหานก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน ไม่มีความลับอยู่บนโลก ยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลหลี่ บวกกับไป๋เฟยเฟยที่ตั้งใจแอบช่วยอย่างลับ ๆ ดังนั้นหลี่ซื่อหานจึงได้ยินข่าวนี้ได้ไม่ยาก “ตกหลุมรักนิรันด์... ท่านพี่ทำให้ข้าไม่ผิดหวังจริง ๆ!” หลี่ซื่อหานตื่นเต้นมาก ในตอนนี้นางอยากเดินออกจากจวนตระกูลหลี่ และไปหาหวังหยวนโดยไม่รีรอ แต่บ่าวรับใช้ด้านนอกจวนไม่ยอมให้นางก้าวเท้าออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ซึ่งทำให้หลี่ซื่อหานกระวนกระวายใจยิ่งนัก “ท่านพี่จะต้องรู้สถานการณ์ตอนนี้ของข้าอย่างแน่
แน่นอนว่าจุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ก็เพื่อกระจายข่าวไปยังตระกูลหลี่ด้วย! เขาอยากบอกภรรยาว่าเขามาที่เฉิงโจวเพื่อพานางกลับบ้าน! ตราบใดที่ซื่อหานรู้ข่าวนี้ แผนการของตระกูลหลี่จะต้องแพ้ภัยตัวเอง! เขารู้นิสัยของภรรยาเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเขาเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลี่อีเหนียน เขาก็ยิ่งมั่นใจในแผนการของตระกูลหลี่มากขึ้น หวังหยวนยิ้มและดื่มในอึกเดียว จากนั้นเขาก็พูดว่า “พี่เขย ข้ารู้ว่าท่านดูถูกข้า ตลอดชีวิตของข้าหวังหยวน ข้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะดูถูกข้าหรือไม่” “สิ่งที่ข้าต้องการ คือขอแค่คนที่ข้ารักใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข” “ข้าไม่สนใจราชสำนักหรือชื่อเสียงความมั่งคั่ง ข้าไม่มีความทะเยอทะยาน ท่านเองก็รู้ แทนที่จะเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ ไม่สู่ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลไปตลอดชีวิตเสียจะดีกว่า” “ข้าเข้าใจนิสัยของซื่อหาน นางจะไม่ทรยศข้า ข้าหวังหยวนสาบานต่อเทพเจ้าว่าข้าจะไม่ทรยศนางเช่นกัน หากว่าท่านหวังดีกับน้องสาวของท่านจริง ๆ ปล่อยพวกเรากลับบ้านกันเถอะ” หวังหยวนพูดอย่างจริงใจมาก เขารู้ว่าถึงแม้หลี่อีเหนียนจะดูถูกเขา แต่เขาก็รักและเอ็นดูน้องสาวของเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นบ
หลี่อีเหนียนยิ้มและพูดว่า “เมื่อครู่เจ้าเจอข้าแต่ไม่เห็นเจ้าเคารพข้าเลย ตอนนี้บรรลุเป้าหมายของเจ้าแล้วกลับสุภาพขึ้นมาทันที” หวังหยวนส่ายหัว “ไม่ โค้งคำนับนี่มาจากความชื่นชมจากใจจริงของข้า ท่านเป็นพี่ชายที่ดี และสมควรได้รับความเคารพ” “สำหรับเมื่อครู่นี้ พี่เขย ข้าขอพูดตามตรงนะ…ถึงปากของข้าไม่ได้พูด แต่ข้ายังดูถูกท่านอยู่ในใจอยู่ดี” ทันใดนั้นหลี่อีเหนียนก็หัวเราะ “เจ้าดูถูกข้าเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า...น่าสนใจจริง ๆ” หวังหยวนกล่าวอย่างราบเรียบว่า “เหตุผลที่ข้าดูถูกก็เพราะท่านเป็นบุตรชาย เป็นเกียรติและความอับอายของตระกูลหลี่ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับบุตรหญิงเลย บุรุษอย่างข้าอยากเผชิญโลกกว้าง เหตุใดต้องพึ่งสตรีเล่า?” หลี่อีเหนียนรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า จากนั้นเขาจึงเข้าใจว่าหวังหยวนกำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้สึกตกใจในใจ แม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเขา และมักจะทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ทว่า... เขาพูดถูก! บุรุษควรถือดาบไปรอบ ๆ เหตุใดต้องให้สตรีมารับหน้าแทน? หลี่อีเหนียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นและโค้งคำนับเช่นกัน “วันนี้ ข้าหลี่อีเหนียนได้รับบทเรียนแล้ว” หวังหยวนรีบตอบกลับไป “พี่เขยกล่า
หวังหยวนรู้สึกปิติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับตัวภรรยา ส่วนตระกูลหลี่นั้น ใบหน้าของซ่งชิงเหอน่าเกลียดมาก ในขณะที่หลี่อีเหนียนถอนหายใจ หวังหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะกินข้าวที่ตระกูลหลี่ บวกกับหน้าตาไม่รับแขกของซ่งชิงเหอ หลี่อีเหนียนจึงไม่ได้จัดงานเลี้ยงให้กับหวังหยวน ยิ่งไปกว่านั้น เขามีแผนการของเขาในตอนนี้ “หวังหยวน ในเมื่อเจ้าได้รับตัวน้องเล็กแล้ว จากนี้ไป จะไม่มีความขุ่นเคืองระหว่างตระกูลหลี่ของข้าและตระกูลหวังของเจ้าอีก” “น้องเล็ก ในเมื่อเจ้าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหวัง เจ้ามีชีวิตเพื่อตระกูลหวัง และตายไปก็เป็นผีของตระกูลหวัง เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลหลี่ของเรา” หลี่อีเหนียนหน้านิ่ง หลังจากพูดเช่นนี้ หลี่ซื่อหานก็ตกตะลึง “พี่ใหญ่...ท่าน...ท่านพูดอะไร” หลี่อีเหนียนไม่พูดอะไรต่อ แต่โบกมือให้หวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกไปทันที หลี่ซื่อหานเสียใจมาก แต่หวังหยวนกลับถอนหายใจและเข้าใจเหตุผล หลังจากพาภรรยากลับไปถึงบ้าน และเห็นนางทุกข์ใจมาก หวังหยวนจึงพูดว่า “น้องหญิง เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจเกินไป อันที่จริง พี่ชายของเจ้าแค่แสดงต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้น” หลี่ซื่อหานตกตะลึงอยู่ครู
หลี่ซื่อหานเอ่ยพูดทันที และคำพูดของนางไม่มีความไม่พอใจสักนิด ซึ่งทำให้หวังหยวนรู้สึกประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าหมายถึงอะไร?” หวังหยวนอดไม่ได้ที่จะถาม หลี่ซื่อหานยิ้มและพูดว่า “ข้าเดาน่ะเจ้าค่ะ” “แล้วเจ้า...ไม่โกรธเหรอ?” หวังหยวนถามอีกครั้ง “ไม่โกรธ ข้าเข้าใจหลักการจริยธรรมของมนุษย์ แน่นอนว่าข้าไม่ใส่ใจ ยิ่งกว่านั้นท่านจะต้องรับอนุในไม่ช้าก็เร็ว หากว่าข้าไม่ยอมรับ ข้าคงจะทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่” “นอกจากนี้ ข้ารู้ว่าท่านมีข้าอยู่ในใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว มนุษย์...ไม่ควรโลภเกินไป” หลี่ซื่อหานพูดอย่างเคร่งขรึม ซึ่งทำให้หวังหยวนมีความสุขมาก แม้ว่าเขาจะรู้สึกไร้เหตุผล ท้ายที่สุดแล้วเขาได้รับการศึกษาจากอีกโลกหนึ่งที่มีคู่สมรสคนเดียว ดังนั้นเมื่อมีภรรยาแล้ว และมีความรู้สึกต่อสตรีคนอื่นอีก เขามักจะรู้สึกไม่สบายใจเสมอ แต่หลังจากคำพูดของหลี่ซื่อหาน หวังหยวนก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่พวกเขาไขว่คว้า คือในใจของสามีมีพวกนางอยู่หรือไม่ และนั่นก็เพียงพอแล้ว “น้องหญิง เจ้าสบายใจได้ ชั่วชีวิตนี้ข้ายอมทรยศต่อทุกคนในโลกนี้ แต่ข้าจะไม่ทรยศเจ้า!” คำพูดของหวังหยวนทำให้หลี่ซื่อหานซาบซึ้งใจย
หวังหยวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “นับตั้งแต่เหตุการณ์แคว้นหวงครั้งก่อน ราชสำนักได้ขอให้ผู้ตรวจราชการมณฑลต่าง ๆ เริ่มปรับปรุงเมือง ผู้ตรวจราชการมณฑลเฉิงโจว ใต้เท้าฝูเฉิงเหลียวไปตรวจสอบสามเมืองโดยรอบ และพาบุตรชายไปพร้อมเขาด้วย บัดนี้เขากลับถึงจวนผู้ตรวจราชการมณฑลในเฉิงโจวแล้ว” หลังจากที่หวงเจียวเจียวพูดสิ่งนี้ หวังหยวนก็ประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนอื่น เขาไม่ได้มีข้อขัดแย้งโดยตรงกับผู้ตรวจราชการมณฑล หากว่ามีนั่นก็เป็นเพียงเพราะตระกูลหลี่คิดที่จะให้ภรรยาของเขาแต่งงานกับผู้ตรวจราชการมณฑลเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้ตระกูลหลี่ได้ขีดเส้นแบ่งเรื่องนี้กับตัวเองอย่างเปิดเผยแล้ว แม้ว่าผู้ตรวจราชการมณฑลนั่นต้องการสร้างปัญหาให้เขา เกรงว่าอาจไม่ง่ายขนาดนั้น ส่วนบุตรชายของผู้ตรวจราชการมณฑลเฉิงเหลียวนั้น หวังหยวนก็ไม่ได้กังวลเช่นกัน เขากับหลี่ซื่อหานแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ เป็นไปได้ไหมที่เขายังจะกล้าแย่งชิงนาง? แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซ้ำยังถูกตำหนิด้วยซ้ำ แต่ภูเขาสูง และจักรพรรดิอยู่ห่างไกล หวังหยวนก็มีวิธีป้องกันตัวเองเช่นกัน “ค
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่
“ช่างสมกับเป็นท่านหวัง ไม่มีสิ่งใดปิดบังท่านได้จริง ๆ”ไท่สื่อลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้แอบหนีออกมาจากห้อง เขาจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านหมอเทวดาอันแล้ว เขาได้บอกอาการของฮูหยินกับข้าทั้งหมดแล้วขอรับ”“อีกทั้งยังบอกวิธีที่จะทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นด้วย”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกาย“ท่านหมายถึง...”หวังหยวนไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา แต่ชี้ไปที่ท้องของตนไท่สื่อลี่เข้าใจความหมายในทันที จากนั้นก็พยักหน้า“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”“เช่นนั้นรีบบอกข้ามา วิธีแก้ต้องทำอย่างไร?”“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ข้าได้ถามท่านหมอเทวดาแล้วว่ามีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นหรือไม่ ท่านหมอเทวดาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ข้านึกว่าไม่อาจรักษาภรรยาของข้าให้หายได้...”“ดูท่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจงใจปิดบังข้า!”หวังหยวนเข้าใจดีว่าอันจูหมิงคงมีเหตุผลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกเรื่องนี้กับไท่สื่อลี่ไท่สื่อลี่รีบโบกมือกล่าวว่า “ท่านหวังอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าท่านหมอเทวดาอันไม่อยากบอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าตัวยาที่ใช้รักษาฮูหยินนั้นหายา
เมื่อกลับถึงห้อง ด้วยการดูแลของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนจึงจำต้องนอนลงบนเตียงเมื่อเห็นนางพลิกตัวไปมาไม่หยุด หวังหยวนก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเพราะนางไม่อยากนอนหลับ“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้?”“ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไรในตัวเจ้า!”“หากรู้ล่วงหน้าว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบเจอกับเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ก็ควรจะให้เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังแต่แรก เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย”“สุดท้ายแล้วก็เป็นความผิดของข้า...”หวังหยวนจิบชาพลางพึมพำกับตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ภาพในความคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของอันจูหมิงก่อนหน้านี้ยามนี้เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้กับหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สำหรับหวังหยวนแล้ว การไม่อาจตั้งครรภ์ได้นั้นสำคัญตรงไหนกัน?ครอบครัวของเขามีเหล่าภรรยาที่เพียบพร้อม ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่สำหรับหลิ่วหรูเยียนแล้ว สตรีที่ไม่มีบุตรก็ไม่นับว่าเป็นสตรีเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังหยวนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร?ดูท่าแล้วคงต้องหาจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นค่อยบอกความจริงกับหลิ่วหรูเยียน นางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก“นี่ท่านกำลังคิดอ
“เอาล่ะ!”“ตอนนี้เจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเจ้าใช่หรือไม่?”“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นคำพูดของพี่สะใภ้ก็ไม่มีค่าแล้วใช่หรือไม่?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายภาคหน้าเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าจะออกไปเดินเล่นเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมาเอาเรื่องกับเจ้า ถึงตอนนั้นก็คอยดูเถิดว่าจะเป็นอย่างไร!”หลิ่วหรูเยียนเฉลียวฉลาด ไฉจวิ้นผู้ไม่ประสีประสาจะต่อกรกับนางได้อย่างไร?เพียงชั่วครู่ ไฉจวิ้นถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็รีบวิ่งตาม พลางประจบประแจงว่า “พี่สะใภ้! ท่านอย่าได้ทำให้ช้าต้องลำบากใจเลยขอรับ ตกลงหรือไม่?”“ท่านเพิ่งจะหายป่วย สภาพร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่ดี อีกทั้งท่านหมอเทวดาก็บอกแล้วว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ท่านถึงจะหายดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนนะขอรับ!”“แต่ในเมื่อท่านยืนกรานจะออกไป เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็รีบกลับมาก็ได้ ตกลงหรือไม่ขอรับ?”ในที่สุดไฉจวิ้นก็ยอมอ่อนข้อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นผู้ที่เขาไม่อาจล่วงเกิน!ล่วงเกินหวังหยวนก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าพวกเขาล้วนเ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย
ไท่สื่อลี่ก็เอ่ยเสริมขึ้นบ้าง “ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านเกาไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยล้าไม่น้อย รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”“ส่วนท่านหวัง ให้ข้าดูแลเองเถิด”พวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดีแก่ใจ เกาเล่อเพียงแค่ไม่วางใจเท่านั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ซ้ำร้ายหลิ่วหรูเยียนยังบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นมือขวาของหวังหยวน ย่อมต้องรู้สึกว่าตนมีความผิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“ช่างเถิด หากข้ากลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะพักผ่อนไม่เต็มที่”“รอฮูหยินหายดีแล้ว ข้าค่อยพักผ่อนให้เต็มที่”เกาเล่อยิ้มพลางโบกมือหวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ มีพี่น้องเช่นนี้อยู่เคียงข้างจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า?เขาไม่ได้บังคับเกาเล่ออีกแต่ไม่ได้หมายความว่าไฉจวิ้นไม่ดี เพียงแต่จิตใจของไฉจวิ้นไม่ละเอียดอ่อนเท่าเกาเล่อ จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เพียงชั่วครู่ ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งในอีกหลายชั่วยามต่อมา อันจูหมิงและหลิ่วหรูเยียนก็ยังคงอยู่ในห้องเห็นได้ชัดว่าอันจูหมิงเหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะการฝังเข็มต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเช่นกันหวังหยวนและคนอื่น ๆ ได้เตรียมตัวยาสมุนไพรไว้พร้อมแล้ว ยามนี้การฝังเข็มได้เสร็จสิ้นลง ประ
หวังหยวนไม่เอ่ยคำใด ดวงตาจับจ้องไปที่อันจูหมิง รอคอยคำพูดต่อไป อันจูหมิงเอ่ยต่อว่า “เกรงว่าภายภาคหน้า ฮูหยินของท่านจะไม่อาจมีบุตรได้อีก”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เพียงแค่ไม่อาจมีบุตรได้!”“เรื่องนี้ สำหรับข้าแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”“เพียงแค่ให้หรูเยียนหายดีก็เพียงพอแล้ว!”“ในสายตาของข้า สตรีไม่ใช่เครื่องมือในการสืบสกุล แต่เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า!”อันจูหมิงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าหวังหยวนรักษาผู้คนมาครึ่งชีวิต เขาได้พบเจอโรคภัยไข้เจ็บอันแปลกประหลาดมากมาย อีกทั้งยังได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาคนที่มีจิตใจเป็นอิสระและง่ายดายอย่างหวังหยวนนั้น ช่างหาได้ยากยิ่ง!ในโลกนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่เมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ก็จะเปลี่ยนท่าทีไปในทันที แม้กระทั่งขับไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ฐานะของหวังหยวนก็สูงส่ง กลับไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!อันจูหมิงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อท่านหวังเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ข้าจะฝังเข็ม
“ข้าน้อยอันจูหมิง คำนับท่านหวัง!”ชายชราผู้มีผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังหยวน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ท่านอย่าได้เกรงใจ รีบมาดูอาการภรรยาของข้าก่อนเถิด!”“แม้แต่หมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าเย่ยังจนปัญญา ข้าต้องขอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านแล้ว”ขณะที่พูด เกาเล่อและไฉจวิ้นก็อุ้มร่างของหลิ่วหรูเยียนออกมาเมื่อมองดูแล้ว สภาพของหลิ่วหรูเยียนยิ่งแย่ลง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าหวังหยวนจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงรอคอยการวินิจฉัยของอันจูหมิงในไม่ช้า หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างช่วยกันนำร่างของหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในห้อง ภายในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและอันจูหมิงส่วนคนอื่นรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างอดทนเวลาผ่านไปเท่ากับหนึ่งก้านธูปไหม้หมด อันจูหมิงยังคงจับชีพจรของหลิ่วหรูเยียน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมายากจะคาดเดาความคิดในใจเขาหวังหยวนรู้สึกกดดันยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้าอันจูหมิง ทำได้เพียงกำหมัดแน่น รอคอยผลลัพธ์อย่างอดทนความหวังสุดท้ายอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่หากแม้แต่อันจูหมิงก็จนปัญญา เช่นนั้นจะทำเช่นไร?หรือว่า...เขาจะต้องพลัดพรากจ
“ในที่สุดพวกท่านก็มาถึง!”แม้ว่าหวังหยวนจะยังไม่เห็นตัวผู้พูด แต่เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นผู้ใดจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ไท่สื่อลี่?สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ไท่สื่อลี่ จากนั้นรีบลงจากรถม้า แล้วกล่าวว่า “ท่านไท่สื่อ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาย้อนความหลังกัน ได้ยินว่าท่านหาหมอเทวดาพบแล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบไปที่เผ่ากันเลยดีหรือไม่?”“ดีขอรับ ดีขอรับ!”“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ท่านหวังตามข้ามาก็พอ!”ในไม่ช้าคณะเดินทางก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าอย่างโอ่อ่าในช่วงเวลาที่หวังหยวนกลับไปยังต้าเย่ ไท่สื่อลี่ใช้ความสามารถอันล้ำเลิศของตน ประกอบกับความช่วยเหลือจากหวังหยวนเข้าควบคุมชนเผ่าอื่นได้สำเร็จ!ยามนี้เผ่าทางเหนือทั้งหมดตกอยู่ในมือของเขา และเขาก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนเหนือ!ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณหวังหยวนอีกทั้งเขารู้ดีแก่ใจว่าหากเป็นศัตรูกับหวังหยวน รากฐานที่ตนอุตส่าห์สร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงในชั่วพริบตาในคืนนั้น เมื่อพลบค่ำมาเยือน ขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงเผ่าเมื่อมองออกไปจะเห็นคนในเผ่ายืนรออยู่สองข้างทาง ทุกคนล้วนรอคอยก