หวังหยวนรู้สึกปิติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับตัวภรรยา ส่วนตระกูลหลี่นั้น ใบหน้าของซ่งชิงเหอน่าเกลียดมาก ในขณะที่หลี่อีเหนียนถอนหายใจ หวังหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะกินข้าวที่ตระกูลหลี่ บวกกับหน้าตาไม่รับแขกของซ่งชิงเหอ หลี่อีเหนียนจึงไม่ได้จัดงานเลี้ยงให้กับหวังหยวน ยิ่งไปกว่านั้น เขามีแผนการของเขาในตอนนี้ “หวังหยวน ในเมื่อเจ้าได้รับตัวน้องเล็กแล้ว จากนี้ไป จะไม่มีความขุ่นเคืองระหว่างตระกูลหลี่ของข้าและตระกูลหวังของเจ้าอีก” “น้องเล็ก ในเมื่อเจ้าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหวัง เจ้ามีชีวิตเพื่อตระกูลหวัง และตายไปก็เป็นผีของตระกูลหวัง เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลหลี่ของเรา” หลี่อีเหนียนหน้านิ่ง หลังจากพูดเช่นนี้ หลี่ซื่อหานก็ตกตะลึง “พี่ใหญ่...ท่าน...ท่านพูดอะไร” หลี่อีเหนียนไม่พูดอะไรต่อ แต่โบกมือให้หวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกไปทันที หลี่ซื่อหานเสียใจมาก แต่หวังหยวนกลับถอนหายใจและเข้าใจเหตุผล หลังจากพาภรรยากลับไปถึงบ้าน และเห็นนางทุกข์ใจมาก หวังหยวนจึงพูดว่า “น้องหญิง เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจเกินไป อันที่จริง พี่ชายของเจ้าแค่แสดงต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้น” หลี่ซื่อหานตกตะลึงอยู่ครู
หลี่ซื่อหานเอ่ยพูดทันที และคำพูดของนางไม่มีความไม่พอใจสักนิด ซึ่งทำให้หวังหยวนรู้สึกประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าหมายถึงอะไร?” หวังหยวนอดไม่ได้ที่จะถาม หลี่ซื่อหานยิ้มและพูดว่า “ข้าเดาน่ะเจ้าค่ะ” “แล้วเจ้า...ไม่โกรธเหรอ?” หวังหยวนถามอีกครั้ง “ไม่โกรธ ข้าเข้าใจหลักการจริยธรรมของมนุษย์ แน่นอนว่าข้าไม่ใส่ใจ ยิ่งกว่านั้นท่านจะต้องรับอนุในไม่ช้าก็เร็ว หากว่าข้าไม่ยอมรับ ข้าคงจะทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่” “นอกจากนี้ ข้ารู้ว่าท่านมีข้าอยู่ในใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว มนุษย์...ไม่ควรโลภเกินไป” หลี่ซื่อหานพูดอย่างเคร่งขรึม ซึ่งทำให้หวังหยวนมีความสุขมาก แม้ว่าเขาจะรู้สึกไร้เหตุผล ท้ายที่สุดแล้วเขาได้รับการศึกษาจากอีกโลกหนึ่งที่มีคู่สมรสคนเดียว ดังนั้นเมื่อมีภรรยาแล้ว และมีความรู้สึกต่อสตรีคนอื่นอีก เขามักจะรู้สึกไม่สบายใจเสมอ แต่หลังจากคำพูดของหลี่ซื่อหาน หวังหยวนก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่พวกเขาไขว่คว้า คือในใจของสามีมีพวกนางอยู่หรือไม่ และนั่นก็เพียงพอแล้ว “น้องหญิง เจ้าสบายใจได้ ชั่วชีวิตนี้ข้ายอมทรยศต่อทุกคนในโลกนี้ แต่ข้าจะไม่ทรยศเจ้า!” คำพูดของหวังหยวนทำให้หลี่ซื่อหานซาบซึ้งใจย
หวังหยวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “นับตั้งแต่เหตุการณ์แคว้นหวงครั้งก่อน ราชสำนักได้ขอให้ผู้ตรวจราชการมณฑลต่าง ๆ เริ่มปรับปรุงเมือง ผู้ตรวจราชการมณฑลเฉิงโจว ใต้เท้าฝูเฉิงเหลียวไปตรวจสอบสามเมืองโดยรอบ และพาบุตรชายไปพร้อมเขาด้วย บัดนี้เขากลับถึงจวนผู้ตรวจราชการมณฑลในเฉิงโจวแล้ว” หลังจากที่หวงเจียวเจียวพูดสิ่งนี้ หวังหยวนก็ประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนอื่น เขาไม่ได้มีข้อขัดแย้งโดยตรงกับผู้ตรวจราชการมณฑล หากว่ามีนั่นก็เป็นเพียงเพราะตระกูลหลี่คิดที่จะให้ภรรยาของเขาแต่งงานกับผู้ตรวจราชการมณฑลเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้ตระกูลหลี่ได้ขีดเส้นแบ่งเรื่องนี้กับตัวเองอย่างเปิดเผยแล้ว แม้ว่าผู้ตรวจราชการมณฑลนั่นต้องการสร้างปัญหาให้เขา เกรงว่าอาจไม่ง่ายขนาดนั้น ส่วนบุตรชายของผู้ตรวจราชการมณฑลเฉิงเหลียวนั้น หวังหยวนก็ไม่ได้กังวลเช่นกัน เขากับหลี่ซื่อหานแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ เป็นไปได้ไหมที่เขายังจะกล้าแย่งชิงนาง? แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซ้ำยังถูกตำหนิด้วยซ้ำ แต่ภูเขาสูง และจักรพรรดิอยู่ห่างไกล หวังหยวนก็มีวิธีป้องกันตัวเองเช่นกัน “ค
“พี่หยวน ผู้ตรวจราชการมณฑลกลับมาแล้ว เป็นไปได้ไหมว่า…” หวังหยวนรู้ว่าเขากังวล แต่ก็ส่ายหัว “ไม่ ไม่ต้องกังวล” หวังหยวนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผู้ตรวจราชการมณฑลมากนัก แต่เรื่องของหวงเจียวเจียวผู้นี้ เขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัย! เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่จ้าวหลินหาหวังหยวนจนเจอ เขาพูดด้วยท่าทางกังวลว่า “อาหยวน เกิดเรื่องแล้ว ดูเหมือนว่าวังฉงโหลวจะถูกคนเล่นงาน!” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หวังหยวนก็สะดุ้งทันที และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถูกเล่นงาน เกิดอะไรขึ้น?” จากนั้นหลี่จ้าวหลินก็เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ วังฉงโหลวมาที่เฉิงโจว เพราะเขามีสัญญาแต่งงานกับตระกูลซุนในเฉิงโจว บรรพบุรุษของตระกูลซุนหาเลี้ยงชีพด้วยการทำผ้า และครอบครัวของพวกเขาก็เจริญรุ่งเรืองหลังจากทำธุรกิจมาหลายชั่วอายุ พวกเขาจึงมีอำนาจเช่นทุกวันนี้ เดิมทีผู้สนับสนุนตระกูลซุนคือตระกูลหวัง แต่ตระกูลซุนเกือบจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของวังไห่เทียน ดังนั้นตั้งแต่นั้นมาจึงไม่มีใครกล่าวถึงเรื่องการแต่งงานอีก บวกกับที่เด็กทั้งสองคนยังอายุไม่มากพอที่จะพูดคุยการแต่งงานได้ แต่คราวนี้ เมื่อวังฉงโหลวมาถึงตระกูลซุน ไม่เพียงแต่เขาไม่เจอคุณห
วังฉงโหลวไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงแม้จะไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจ! เสนาบดีฝ่ายขวาทั้งกลุ่ม! ขณะนั้นอารองเป็นกุนซืออยู่ข้างแม่ทัพมู่ ทันทีที่มีการออกคำสั่งให้แม่ทัพมู่ถึงแก่ชีวิต ไม่นานหลังจากนั้น อารองก็ถูกปลดให้เกษียณด้วย! ต่อมากลุ่มเสนาบดีฝ่ายขวามีอำนาจมากขึ้นในราชสำนัก บัดนี้ฮ่องเต้ได้สร้างเสนาบดีฝ่ายซ้ายขึ้นมาแล้ว! ภายใต้เรื่องราวนี้ มีใครบ้างที่มองไม่ออก? เพียงแต่ว่าทุกคนหลีกเลี่ยงคำต้องห้ามบางอย่างเท่านั้น! แม้ว่าวังฉงโหลวจะไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง แต่ใต้เท้าผู้ตรวจราชการมณฑลก็มาจากฝ่ายเสนาบดีฝ่ายขวา หากคำพูดเหล่านี้เข้าหูเสนาบดีฝ่ายขวา เขาจะต้องมีโทสะอย่างแน่นอน! เพราะเขารู้ดีว่าคนที่ถูกพูดถึงก็คือตัวเขา! “แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำ แต่... การใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่รู้ วังฉงโหลว มันไม่ง่ายเลยที่มรดกสามรุ่นของตระกูลซุนของข้าได้มาถึงจุดนี้ ในวันนี้จะถูกตระกูลวังของเจ้าทำเสียหายไม่ได้!” “ถึงแม้ว่าอารองของเจ้าจะมาเข้าพบด้วยตนเอง ข้าก็จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้!” ซุนเต๋อไห่พูดทันที เดิมทีเขากำลังมองหาโอกาสที่จะยุติการแต่งงา
ซุนเต๋อไห่รู้สึกประหลาดใจทันที เป็นไปได้ไหมที่หวังหยวนมาที่นี่เพื่อทำกิจการนี้กับเขา? “คุณชายหวัง ถ้วยคริสตัลนี้ดีจริง ๆ ทว่า...ท่านคงไม่คิดที่จำทำกิจการนี้กับข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?” หลังจากที่ซุนเต๋อไห่พูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้า “ถูกต้อง ข้าเพิ่งมาใหม่ และต้องการประมูลผลิตภัณฑ์คริสตัลหลายอย่าง แต่ข้ายังขาดหุ้นส่วน หากว่าเถ้าแก่ซุนเต็มใจ ข้าอยากจะใช้เส้นสายของท่านเพื่อจัดการประมูลระดับสูงในเฉิงโจว” “ผลิตภัณฑ์คริสตัลทั้งหมดจะถูกประมูลในเวลานั้น และท่านจะได้รับสองส่วนของราคาประมูล อย่างไรเล่า?” สองส่วน... ดูเหมือนไม่มาก! แต่มูลค่าของสิ่งนี้มีมูลค่าสูงยิ่งนัก! เพียงแค่ถ้วยคริสตัลนี้ก็สามารถประมูลได้ในราคาหลายพันเหรียญทอง! ซุนเต๋อไห่กลืนน้ำลายลงไป นั่นเป็นเหรียญทองหลายร้อยตำลึง! “คุณชายหวัง... ไม่ทราบว่าท่านมีผลิตภัณฑ์แก้วพวกนี้กี่ชิ้น…” หวังหยวนกล่าวว่า “ไม่มากนัก มีเพียงยี่สิบชิ้นเท่านั้น” ครั้งแรกหวังหยวนไม่ได้เอามามากนัก ทว่าของที่หายากย่อมมีราคาแพง หากผลิตมากเกินไปราคาก็จะลดลง ยี่สิบชิ้นเรียกได้ว่าสามารถขายได้ในเฉิงโจว “ยี่สิบชิ้น...” ซุนเต๋อไห่ได้เริ่มคำนวณ
คราวนี้ลูกชายใต้เท้าผู้ตรวจการมาจริง ๆ!ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน!หรือว่าไอหมอนี้จะรู้เรื่องเกี่ยวกับงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้?ซุนเต๋อไห่ถึงกับหน้าถอดสี เขากลืนสิ่งที่เขาพูดแล้วรีบออกไปทักทายในไม่ช้า หวังหยวนก็เห็นคุณชายผู้สง่างามสวมเสื้อผ้าที่ชั้นเลิศถือพัดเข้าเดินมาใกล้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งในเฉิงโจวผู้ตรวจการราชการมีอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้า ในฐานะลูกชายเฉิงอู๋จี้ย่อมต้องมีเงินอย่างแน่นอนซุนเต๋อไห่ท่าทางเหมือนหมาปั๊กที่กระดิกหางตามหลังเขา ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยล้นฟ้ามาจากไหน เมื่อเจอผู้มีอำนาจก็ต้องทำท่าทีประจบประแจงเช่นนี้“คุณชายเฉิง ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่ขอรับ?”ซุนเต๋อไห่ถามอย่างระมัดระวัง เฉิงอู๋จี้ก็ยิ้มบาง ๆ ออกมา“เถ้าแก่ซุน ข้าเพิ่งกลับมาจากการลาดตระเวนกับท่านพ่อ ข้ามาที่นี่เพื่อเจอเจ้า”ทันทีที่เฉิงอู๋จี้พูดจบ สีหน้าซุนเต๋อไห่ก็เปลี่ยนไปทันที!ดู ๆ แล้ว…ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ มาดูกันต่อดีกว่า!ซุนเต๋อไห่เป็นคนฉลาด และมักจะทำงานใกล้ชิดเสี่ยงอันตรายกับพวกคนใหญ่คนโต เขารู้ตัวดีว่าโดยปกติทั่วไปนั้น ระยะห่างของเขาและผู้ตรวจการห่างกันแค่ไหน
“คุณชายเฉิง นี่... เรื่องนี้…”ซุนเต๋อไห่ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน แน่นอนว่าเขายินดีที่จะทำตามที่ใต้เท้าผู้ตรวจการต้องการเรื่องแต่งงานของลูกสาวอย่างไรก็ตาม สัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซุนได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน หากตกลงเห็นด้วยกับเฉิงอู๋จี้ เกรงว่าในภายหลังอาจเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นได้!“เถ้าแก่ซุนเป็นอะไรหรือไม่?”เฉิงอู๋จี้ที่ทำทีเป็นตกใจ และแสร้งทำเป็นสับสนซุนเต๋อไห่มองไปมาสายตาหลอกแหล่ก และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็โน้มตัวกระซิบข้างหูของเฉิงอู๋จี้“คุณชายเฉิง ท่านมาผิดเวลาแล้ว ข้ากำลังยกเลิกการหมั้นหมายกับตระกูลวังอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว สัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซุนได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อย มันอาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้ในอนาคต ฉะนั้น... "ซุนเต๋อไห่ฉลาดมากที่ทำแบบนี้ เขาบอกกับเฉิงอู๋จี้อย่างชัดเจน และยังป้องกันไม่ให้วังฉงโหลวและหวังหยวนรู้ถึงเรื่องนี้อีกด้วยนี่ถือได้ว่าไม่ได้เป็นการล่วงเกินทั้งสองฝ่ายหวังหยวนหรี่ตา และรู้ด้วยว่าซุนเต๋อไห่กำลังพูดถึงอะไรแต่เขาก็เข้าใจได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วในเฉิงโจว คำพ
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท
“ทุกท่านดื่มกันเถิด!”“ไม่ต้องสนใจข้า!”“ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปราบพรรคทมิฬได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เมืองอู่เจียงเจริญรุ่งเรือง เส้นทางคมนาคมทางน้ำก็เปิดใช้งานแล้วทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะความร่วมมือของพวกท่าน!”หวังหยวนยกจอกสุราขึ้นดื่มกับทุกคนวันนี้มีสุรา วันนี้ก็เมามาย ช่างรื่นรมย์ยิ่งนัก!เมื่อฟ้าสาง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ เช้าวันรุ่งขึ้น หวังหยวนออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านต้าหวังภายในค่ำวันนั้น หวังหยวนก็กลับมาถึงหมู่บ้านต้าหวัง“ท่านหวัง! ไม่ได้พบกันนานเลยนะเจ้าคะ!”“กำลังนึกถึงท่านพอดีเลยเจ้าค่ะ!”เมื่อหวังหยวนเข้าเมืองหลิงก็เห็นไป๋ลั่วหลีเดินเข้ามาหาได้พบเพื่อนเก่า หวังหยวนรู้สึกยินดี รีบลงจากม้าเดินไปหาไป๋ลั่วหลี แล้วถามว่า “คุณหนูไป๋มาที่นี่ได้อย่างไร?”“ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอบคุณท่าน!”“หากไม่ใช่เพราะว่าท่านมอบปืนไรเฟิลซุ่มยิงให้ ข้าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ยิ่งกว่านั้น ครั้งก่อนที่เมืองอู่เจียง ท่านยังช่วยชีวิตข้าด้วย บัดนี้ข้าหายดีแล้ว จึงต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองเจ้าค่ะ!”พี่น้องต้าหู่และเอ้อหู่ได้รออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองยืนต้อนรับอยู่ข้าง ๆ ด
ทุกคนต่างพยักหน้าแต่ในใจก็รู้สึกอาลัยการได้อยู่เคียงข้างหวังหยวนนับเป็นโชคดี ใครบ้างอยากจากเขาไป?เพราะการได้อยู่ใกล้ชิดหวังหยวนย่อมมีโอกาสก้าวหน้า!แต่น่าเสียดาย ในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจเช่นนี้แล้ว พวกเขาได้แต่ทำตาม“ข้าจะไปล่องเรือต่อ!”“พวกท่านกลับเข้าเมืองกันก่อนเถิด!”“งานเลี้ยงเตรียมพร้อมแล้ว เมื่อขึ้นฝั่งก็ไปที่วังของข้า แล้วข้าจะรีบตามไป ไม่ต้องรอพิธีรีตอง!”ทุกคนรับคำ แล้วลงเรือเล็กมุ่งหน้ากลับเมืองอู่เจียง!ทางด้านหวังหยวนก็พาหลิ่วหรูเยียนและต่งอวี่ล่องเรือชมแม่น้ำต่อ“ลั่วเฉินเป็นอย่างไรบ้าง?”“ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ได้ยินว่าเขายังคงปากแข็งได้อีกหรือ?”หวังหยวนมองไปที่ต่งอวี่แล้วถามขึ้นดูเหมือนว่าเขาคงไม่มีวาสนาได้ทรัพย์สมบัติของพรรคทมิฬ จึงเสียเวลามากมายไปโดยเปล่าประโยชน์!“ข้าละอายใจนักขอรับ!”“ข้าตัดนิ้วเขาไปหลายนิ้ว ใช้วิธีทรมานไปมากมาย แต่เขาก็ยังไม่ยอมปริปากพูด เหมือนกับปากทำด้วยเหล็กเลยขอรับ!”“ข้าคิดว่าแม้จะให้เวลาข้าอีกหนึ่งสัปดาห์ ข้าก็คงเปิดปากเขาไม่ได้...”“คนผู้นี้ช่างดื้อรั้นนัก!”ต่งอวี่ถอนหายใจ แต่ก็อดชื่นชมไม่ได้!แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู
“ไม่ใช่เช่นนั้น!”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ในเมื่อหวังหยวนซื่อสัตย์กับนาง นางก็ไม่ควรปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีใจให้ท่านมานานแล้ว แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ข้าเริ่มหลงรักท่าน!”“ข้าแค่กลัวว่าคนรอบข้างท่านจะรับข้าไม่ได้!”“เพราะก่อนหน้านี้ข้าทำเรื่องไม่ดีกับท่านไว้มากมาย...”“ซ้ำยังเกือบฆ่าท่านด้วย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจากใจจริง นี่คือสิ่งที่นางกังวลหวังหยวนหัวเราะ ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “เจ้าพูดผิดแล้ว! คนรอบข้างข้าล้วนเชื่อฟังข้า จะน่ากลัวอย่างที่เจ้าคิดได้อย่างไร?”“ส่วนภรรยาของข้าไม่ใช่คนชอบสร้างปัญหา ไม่เช่นนั้นข้าจะวางใจปล่อยให้พวกนางอยู่ข้างหลังได้อย่างไร?”“บ้านของข้าจะสงบสุขได้อย่างไร?”หลิ่วหรูเยียนตกตะลึง แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริง!หวังหยวนเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก การมีสตรีอยู่รอบกายหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้เป็นฮ่องเต้ แต่เขาก็มีคุณสมบัติของผู้นำเทียบเท่าฮ่องเต้ทั้งสาม!การมีภรรยาหลายคนจะเป็นอะไรไป?“ในเมื่อท่านไม่รังเกียจ ข้าก็ยินดีอยู่เคียงข้างท่าน!”“เป็นผู้หญิงของท่าน!”หลิ่วหรูเยียนกล่า
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ