หวังหยวนรู้สึกปิติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับตัวภรรยา ส่วนตระกูลหลี่นั้น ใบหน้าของซ่งชิงเหอน่าเกลียดมาก ในขณะที่หลี่อีเหนียนถอนหายใจ หวังหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะกินข้าวที่ตระกูลหลี่ บวกกับหน้าตาไม่รับแขกของซ่งชิงเหอ หลี่อีเหนียนจึงไม่ได้จัดงานเลี้ยงให้กับหวังหยวน ยิ่งไปกว่านั้น เขามีแผนการของเขาในตอนนี้ “หวังหยวน ในเมื่อเจ้าได้รับตัวน้องเล็กแล้ว จากนี้ไป จะไม่มีความขุ่นเคืองระหว่างตระกูลหลี่ของข้าและตระกูลหวังของเจ้าอีก” “น้องเล็ก ในเมื่อเจ้าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหวัง เจ้ามีชีวิตเพื่อตระกูลหวัง และตายไปก็เป็นผีของตระกูลหวัง เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลหลี่ของเรา” หลี่อีเหนียนหน้านิ่ง หลังจากพูดเช่นนี้ หลี่ซื่อหานก็ตกตะลึง “พี่ใหญ่...ท่าน...ท่านพูดอะไร” หลี่อีเหนียนไม่พูดอะไรต่อ แต่โบกมือให้หวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกไปทันที หลี่ซื่อหานเสียใจมาก แต่หวังหยวนกลับถอนหายใจและเข้าใจเหตุผล หลังจากพาภรรยากลับไปถึงบ้าน และเห็นนางทุกข์ใจมาก หวังหยวนจึงพูดว่า “น้องหญิง เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจเกินไป อันที่จริง พี่ชายของเจ้าแค่แสดงต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้น” หลี่ซื่อหานตกตะลึงอยู่ครู
หลี่ซื่อหานเอ่ยพูดทันที และคำพูดของนางไม่มีความไม่พอใจสักนิด ซึ่งทำให้หวังหยวนรู้สึกประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าหมายถึงอะไร?” หวังหยวนอดไม่ได้ที่จะถาม หลี่ซื่อหานยิ้มและพูดว่า “ข้าเดาน่ะเจ้าค่ะ” “แล้วเจ้า...ไม่โกรธเหรอ?” หวังหยวนถามอีกครั้ง “ไม่โกรธ ข้าเข้าใจหลักการจริยธรรมของมนุษย์ แน่นอนว่าข้าไม่ใส่ใจ ยิ่งกว่านั้นท่านจะต้องรับอนุในไม่ช้าก็เร็ว หากว่าข้าไม่ยอมรับ ข้าคงจะทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่” “นอกจากนี้ ข้ารู้ว่าท่านมีข้าอยู่ในใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว มนุษย์...ไม่ควรโลภเกินไป” หลี่ซื่อหานพูดอย่างเคร่งขรึม ซึ่งทำให้หวังหยวนมีความสุขมาก แม้ว่าเขาจะรู้สึกไร้เหตุผล ท้ายที่สุดแล้วเขาได้รับการศึกษาจากอีกโลกหนึ่งที่มีคู่สมรสคนเดียว ดังนั้นเมื่อมีภรรยาแล้ว และมีความรู้สึกต่อสตรีคนอื่นอีก เขามักจะรู้สึกไม่สบายใจเสมอ แต่หลังจากคำพูดของหลี่ซื่อหาน หวังหยวนก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่พวกเขาไขว่คว้า คือในใจของสามีมีพวกนางอยู่หรือไม่ และนั่นก็เพียงพอแล้ว “น้องหญิง เจ้าสบายใจได้ ชั่วชีวิตนี้ข้ายอมทรยศต่อทุกคนในโลกนี้ แต่ข้าจะไม่ทรยศเจ้า!” คำพูดของหวังหยวนทำให้หลี่ซื่อหานซาบซึ้งใจย
หวังหยวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “นับตั้งแต่เหตุการณ์แคว้นหวงครั้งก่อน ราชสำนักได้ขอให้ผู้ตรวจราชการมณฑลต่าง ๆ เริ่มปรับปรุงเมือง ผู้ตรวจราชการมณฑลเฉิงโจว ใต้เท้าฝูเฉิงเหลียวไปตรวจสอบสามเมืองโดยรอบ และพาบุตรชายไปพร้อมเขาด้วย บัดนี้เขากลับถึงจวนผู้ตรวจราชการมณฑลในเฉิงโจวแล้ว” หลังจากที่หวงเจียวเจียวพูดสิ่งนี้ หวังหยวนก็ประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนอื่น เขาไม่ได้มีข้อขัดแย้งโดยตรงกับผู้ตรวจราชการมณฑล หากว่ามีนั่นก็เป็นเพียงเพราะตระกูลหลี่คิดที่จะให้ภรรยาของเขาแต่งงานกับผู้ตรวจราชการมณฑลเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้ตระกูลหลี่ได้ขีดเส้นแบ่งเรื่องนี้กับตัวเองอย่างเปิดเผยแล้ว แม้ว่าผู้ตรวจราชการมณฑลนั่นต้องการสร้างปัญหาให้เขา เกรงว่าอาจไม่ง่ายขนาดนั้น ส่วนบุตรชายของผู้ตรวจราชการมณฑลเฉิงเหลียวนั้น หวังหยวนก็ไม่ได้กังวลเช่นกัน เขากับหลี่ซื่อหานแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ เป็นไปได้ไหมที่เขายังจะกล้าแย่งชิงนาง? แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซ้ำยังถูกตำหนิด้วยซ้ำ แต่ภูเขาสูง และจักรพรรดิอยู่ห่างไกล หวังหยวนก็มีวิธีป้องกันตัวเองเช่นกัน “ค
“พี่หยวน ผู้ตรวจราชการมณฑลกลับมาแล้ว เป็นไปได้ไหมว่า…” หวังหยวนรู้ว่าเขากังวล แต่ก็ส่ายหัว “ไม่ ไม่ต้องกังวล” หวังหยวนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผู้ตรวจราชการมณฑลมากนัก แต่เรื่องของหวงเจียวเจียวผู้นี้ เขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัย! เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่จ้าวหลินหาหวังหยวนจนเจอ เขาพูดด้วยท่าทางกังวลว่า “อาหยวน เกิดเรื่องแล้ว ดูเหมือนว่าวังฉงโหลวจะถูกคนเล่นงาน!” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หวังหยวนก็สะดุ้งทันที และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถูกเล่นงาน เกิดอะไรขึ้น?” จากนั้นหลี่จ้าวหลินก็เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ วังฉงโหลวมาที่เฉิงโจว เพราะเขามีสัญญาแต่งงานกับตระกูลซุนในเฉิงโจว บรรพบุรุษของตระกูลซุนหาเลี้ยงชีพด้วยการทำผ้า และครอบครัวของพวกเขาก็เจริญรุ่งเรืองหลังจากทำธุรกิจมาหลายชั่วอายุ พวกเขาจึงมีอำนาจเช่นทุกวันนี้ เดิมทีผู้สนับสนุนตระกูลซุนคือตระกูลหวัง แต่ตระกูลซุนเกือบจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของวังไห่เทียน ดังนั้นตั้งแต่นั้นมาจึงไม่มีใครกล่าวถึงเรื่องการแต่งงานอีก บวกกับที่เด็กทั้งสองคนยังอายุไม่มากพอที่จะพูดคุยการแต่งงานได้ แต่คราวนี้ เมื่อวังฉงโหลวมาถึงตระกูลซุน ไม่เพียงแต่เขาไม่เจอคุณห
วังฉงโหลวไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงแม้จะไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจ! เสนาบดีฝ่ายขวาทั้งกลุ่ม! ขณะนั้นอารองเป็นกุนซืออยู่ข้างแม่ทัพมู่ ทันทีที่มีการออกคำสั่งให้แม่ทัพมู่ถึงแก่ชีวิต ไม่นานหลังจากนั้น อารองก็ถูกปลดให้เกษียณด้วย! ต่อมากลุ่มเสนาบดีฝ่ายขวามีอำนาจมากขึ้นในราชสำนัก บัดนี้ฮ่องเต้ได้สร้างเสนาบดีฝ่ายซ้ายขึ้นมาแล้ว! ภายใต้เรื่องราวนี้ มีใครบ้างที่มองไม่ออก? เพียงแต่ว่าทุกคนหลีกเลี่ยงคำต้องห้ามบางอย่างเท่านั้น! แม้ว่าวังฉงโหลวจะไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง แต่ใต้เท้าผู้ตรวจราชการมณฑลก็มาจากฝ่ายเสนาบดีฝ่ายขวา หากคำพูดเหล่านี้เข้าหูเสนาบดีฝ่ายขวา เขาจะต้องมีโทสะอย่างแน่นอน! เพราะเขารู้ดีว่าคนที่ถูกพูดถึงก็คือตัวเขา! “แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำ แต่... การใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่รู้ วังฉงโหลว มันไม่ง่ายเลยที่มรดกสามรุ่นของตระกูลซุนของข้าได้มาถึงจุดนี้ ในวันนี้จะถูกตระกูลวังของเจ้าทำเสียหายไม่ได้!” “ถึงแม้ว่าอารองของเจ้าจะมาเข้าพบด้วยตนเอง ข้าก็จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้!” ซุนเต๋อไห่พูดทันที เดิมทีเขากำลังมองหาโอกาสที่จะยุติการแต่งงา
ซุนเต๋อไห่รู้สึกประหลาดใจทันที เป็นไปได้ไหมที่หวังหยวนมาที่นี่เพื่อทำกิจการนี้กับเขา? “คุณชายหวัง ถ้วยคริสตัลนี้ดีจริง ๆ ทว่า...ท่านคงไม่คิดที่จำทำกิจการนี้กับข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?” หลังจากที่ซุนเต๋อไห่พูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้า “ถูกต้อง ข้าเพิ่งมาใหม่ และต้องการประมูลผลิตภัณฑ์คริสตัลหลายอย่าง แต่ข้ายังขาดหุ้นส่วน หากว่าเถ้าแก่ซุนเต็มใจ ข้าอยากจะใช้เส้นสายของท่านเพื่อจัดการประมูลระดับสูงในเฉิงโจว” “ผลิตภัณฑ์คริสตัลทั้งหมดจะถูกประมูลในเวลานั้น และท่านจะได้รับสองส่วนของราคาประมูล อย่างไรเล่า?” สองส่วน... ดูเหมือนไม่มาก! แต่มูลค่าของสิ่งนี้มีมูลค่าสูงยิ่งนัก! เพียงแค่ถ้วยคริสตัลนี้ก็สามารถประมูลได้ในราคาหลายพันเหรียญทอง! ซุนเต๋อไห่กลืนน้ำลายลงไป นั่นเป็นเหรียญทองหลายร้อยตำลึง! “คุณชายหวัง... ไม่ทราบว่าท่านมีผลิตภัณฑ์แก้วพวกนี้กี่ชิ้น…” หวังหยวนกล่าวว่า “ไม่มากนัก มีเพียงยี่สิบชิ้นเท่านั้น” ครั้งแรกหวังหยวนไม่ได้เอามามากนัก ทว่าของที่หายากย่อมมีราคาแพง หากผลิตมากเกินไปราคาก็จะลดลง ยี่สิบชิ้นเรียกได้ว่าสามารถขายได้ในเฉิงโจว “ยี่สิบชิ้น...” ซุนเต๋อไห่ได้เริ่มคำนวณ
คราวนี้ลูกชายใต้เท้าผู้ตรวจการมาจริง ๆ!ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน!หรือว่าไอหมอนี้จะรู้เรื่องเกี่ยวกับงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้?ซุนเต๋อไห่ถึงกับหน้าถอดสี เขากลืนสิ่งที่เขาพูดแล้วรีบออกไปทักทายในไม่ช้า หวังหยวนก็เห็นคุณชายผู้สง่างามสวมเสื้อผ้าที่ชั้นเลิศถือพัดเข้าเดินมาใกล้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งในเฉิงโจวผู้ตรวจการราชการมีอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้า ในฐานะลูกชายเฉิงอู๋จี้ย่อมต้องมีเงินอย่างแน่นอนซุนเต๋อไห่ท่าทางเหมือนหมาปั๊กที่กระดิกหางตามหลังเขา ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยล้นฟ้ามาจากไหน เมื่อเจอผู้มีอำนาจก็ต้องทำท่าทีประจบประแจงเช่นนี้“คุณชายเฉิง ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่ขอรับ?”ซุนเต๋อไห่ถามอย่างระมัดระวัง เฉิงอู๋จี้ก็ยิ้มบาง ๆ ออกมา“เถ้าแก่ซุน ข้าเพิ่งกลับมาจากการลาดตระเวนกับท่านพ่อ ข้ามาที่นี่เพื่อเจอเจ้า”ทันทีที่เฉิงอู๋จี้พูดจบ สีหน้าซุนเต๋อไห่ก็เปลี่ยนไปทันที!ดู ๆ แล้ว…ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ มาดูกันต่อดีกว่า!ซุนเต๋อไห่เป็นคนฉลาด และมักจะทำงานใกล้ชิดเสี่ยงอันตรายกับพวกคนใหญ่คนโต เขารู้ตัวดีว่าโดยปกติทั่วไปนั้น ระยะห่างของเขาและผู้ตรวจการห่างกันแค่ไหน
“คุณชายเฉิง นี่... เรื่องนี้…”ซุนเต๋อไห่ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน แน่นอนว่าเขายินดีที่จะทำตามที่ใต้เท้าผู้ตรวจการต้องการเรื่องแต่งงานของลูกสาวอย่างไรก็ตาม สัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซุนได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน หากตกลงเห็นด้วยกับเฉิงอู๋จี้ เกรงว่าในภายหลังอาจเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นได้!“เถ้าแก่ซุนเป็นอะไรหรือไม่?”เฉิงอู๋จี้ที่ทำทีเป็นตกใจ และแสร้งทำเป็นสับสนซุนเต๋อไห่มองไปมาสายตาหลอกแหล่ก และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็โน้มตัวกระซิบข้างหูของเฉิงอู๋จี้“คุณชายเฉิง ท่านมาผิดเวลาแล้ว ข้ากำลังยกเลิกการหมั้นหมายกับตระกูลวังอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว สัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซุนได้ถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อย มันอาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้ในอนาคต ฉะนั้น... "ซุนเต๋อไห่ฉลาดมากที่ทำแบบนี้ เขาบอกกับเฉิงอู๋จี้อย่างชัดเจน และยังป้องกันไม่ให้วังฉงโหลวและหวังหยวนรู้ถึงเรื่องนี้อีกด้วยนี่ถือได้ว่าไม่ได้เป็นการล่วงเกินทั้งสองฝ่ายหวังหยวนหรี่ตา และรู้ด้วยว่าซุนเต๋อไห่กำลังพูดถึงอะไรแต่เขาก็เข้าใจได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วในเฉิงโจว คำพ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห