“ข้าขอแนะนำ แม่นางผู้นี่คือนักขับร้องหญิงคนแรกในหอไป๋เฟิง และนางก็เป็นอันดับหนึ่งในเฉิงโจวของเราอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นางขายศิลป์ แต่ไม่ขายร่างกายมาโดยตลอด ทว่าแยกแยะผู้คนเช่นกัน เมื่อนางได้พบกับคุณชายหมิงถันผู้โด่งดังไปทั่วหล้าเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้คนตกหลุมรักโดยปริยาย” ไป๋เฟยเฟยแนะนำนางอย่างรวดเร็ว สายตาของหวังหยวนมองไปที่สตรีในชุดสีเหลือง งาม! งดงามยิ่งนัก! ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์และรูปร่างช่างไร้ที่ติ เสน่ห์ระหว่างคิ้วของนางนั่นเป็นครั้งแรกที่หวังหยวนได้พบเห็นสตรีโฉมงามเช่นนี้ ราวกับว่า... ดวงตาของนางสามารถดึงดูดใจผู้คนได้! สมกับเป็นนักขับร้องคนแรก! อันดับหนึ่ง! “คุณชายไป๋ล้อข้าเล่นแล้ว ข้าจะไปมีชื่อเสียงได้อย่างไรเล่า ถึงแม้ว่าข้าจะมี แต่ก็เป็นชื่อเสียงที่ไม่ดี” หวังหยวนรีบโบกมือพร้อมละสายตาจากหวงเจียวเจียว ฉากนี้ทำให้ไป๋เฟยเฟยตกตะลึง หวงเจียวเจียวตกตะลึง แม้แต่สตรีในชุดม่วงนั่นก็ยังตกตะลึงเช่นกัน หวงเจียวเจียวในเฉิงโจว มีบุรุษใดบ้างที่ไม่มึนเมากับความงามเช่นนี้? ชายคนนี้เพียงแค่เหลือบมองเท่านั้นแล้วละสายตาหรือนี่? สตรีในชุดสีม่วงและหวงเจียวเจียวต่างก็ตกตะลึ
ไป๋เฟยเฟยสูดหายใจลึก แม้ว่านางจะตกใจแต่นางก็ไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากรู้ตัวว่าเข้าใจหวังหยวนผิด นางก็ลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ! “คุณชายหมิงถัน น้องชายไม่ได้มีเจตนา ทว่าข้ายังมีข้อสงสัยอยู่ในใจ” คำพูดของไป๋เฟยเฟยทำให้หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “มีข้อสงสัยอันใด?” เมื่อพูดเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็โบกมือโดยไม่รีรอ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างถอยออกไปแล้ว แม้แต่หวงเจียวเจียวก็ออกไปด้วย! ในห้องเหลือเพียงคนสามคน ไป๋เฟยเฟย สตรีในชุดม่วง และหวังหยวน! ไป๋เฟยเฟยมองไปที่หวังหยวนและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณชายหมิงถันคงจะรู้ว่าข้ากำลังมองหาผู้มีความสามารถ ครั้งก่อนที่ข้าเชิญท่านมาที่ตระกูลไป๋เพื่อเป็นที่ปรึกษา” “ดังนั้น...ข้าย่อมสนองตอบความต้องการของคุณชายหมิงถันโดยปริยาย ทว่าเมื่อดูจากข้อมูลทั้งหมดที่ข้ามี ท่าน... น่าจะปฏิบัติต่อสาวงาม...” ไป๋เฟยเฟยอยากจะพูดข้อมูลที่รวบรวมมาว่า เขาเป็นคนมักมากในตัณหา! อย่างไรก็ตาม คำพูดประโยคนี้ฟังดูค่อนข้างน่าเกลียดอยู่ไม่น้อย นางจึงไม่ได้พูดมันออกมา! หวังหยวนยิ้มพร้อมมองไป๋เฟยเฟยอย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า “ในเมื่อน้องชายเอ่ยปากพูดอย่างเอาใจใส
หวังหยวนยิ้มและพูดว่า “กิจการนี้ บางทีเราอาจขอความช่วยเหลือจากคุณหนูหวงได้” ไป๋เฟยเฟยกระพริบตา ยิ้มและไม่พูดอะไรอีก ทว่าประสานมือไว้ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยพูดจบ นางก็ออกจากที่นี่ ในขณะนี้ หวงเจียวเจียวก็เดินเข้ามาอีกครั้ง ใบหน้าที่งดงามของนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย “คุณชายหวัง ท่านเรียกข้า” หวงเจียวเจียวนั่งลงข้างหวังหยวนพร้อมกลิ่นหอมจาง ๆ ที่พัดโชยมา ฉากดังกล่าวทำให้บุรุษนั้นรู้สึกลุ่มหลงจริง ๆ แต่หวังหยวนเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหนูหวง ข้ามีธุระบางอย่างต้องการให้เจ้าช่วยข้า” หวงเจียวเจียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ลังเลเลย “คุณชายรีบสั่งมาเถอะ ไม่ว่าท่านจะขอให้ข้าทำอะไร ข้าจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้” หวงเจียวเจียวไม่มีข้อแก้ตัว ไม่เพียงแต่บรรลุความตั้งใจของไป๋เฟยเฟยเท่านั้น แต่เพื่อภารกิจของนางเองด้วย หวังหยวนหยิบขวดน้ำหอมออกมาแล้วยื่นให้ “คุณหนูหวง สิ่งนี้เรียกว่าน้ำหอม ทาบนแขนและหลังใบหู กลิ่นหอมจะคงอยู่หลายวัน เจ้าลองดูได้” ใบหน้าของหวงเจียวเจียวดูสับสน แต่หลังจากหยิบขวดเล็ก ๆ และเปิดมันเบา ๆ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที “กลิ่นหอมมาก...
ดวงตาของหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยน้ำตา นางมองเรือใหญ่ของนางโลมในทะเลสาบอย่างสิ้นหวัง พร้อมร้องไห้อย่างตรอมใจ “เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้...” นางพึมพำกับตัวเอง หัวใจของนางเจ็บช้ำราวกับน้ำแข็ง หลี่อีเหนียนที่อยู่ข้าง ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ การเห็นน้องสาวทุกข์ใจเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ทว่าเมื่อคิดว่าจะสามารถเด็ดบัวไม่เหลือใยกับหวังหยวนด้วยวิธีนี้ได้ เขาก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก อารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ทำให้สีหน้าของเขาดูไม่มั่นคง “เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ ซื่อหาน ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้ไม่อยากให้เจ้าพบเขา ชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนสารเลวจริง ๆ เดิมทีเขาเคยทุบตีและดุเจ้า ตอนนี้เขามีเงินและมีหน้ามีตา จริง ๆ เขาใช้เวลาทั้งคืนกับนางโลมจากหอไป๋เฟิงต่อหน้าตระกูลหลี่ของเรา ชายหนุ่มเช่นนี้ไม่คู่ควรให้เจ้าชอบ!” ซ่งชิงเหอใช้ประโยชน์จากทุกโอกาส และไม่แสดงความมีเยื่อใยสักนิดเมื่อพูดเช่นนี้ พวกเขาคำนวณเวลาไว้แล้ว เวลาที่หวังหยวนก้าวขึ้นเรือ และเวลาที่หวังหวนจะลงจากเรือ พวกเขาจึงพาหลี่ซื่อหานไปดู เรียกได้ว่าทุ่มเททั้งใจ “เอาล่ะ น้องสาว เรากลับกันเถอะ” หลี่อีเหนียนสูดหายใจเข้าลึกและทำได้เพ
แต่ใครจะคาดคิดว่าตระกูลหลี่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงทฤษฎีเล็ก ๆ เท่านั้น หวังหยวนไม่นำมาใส่ใจเลย! วันรุ่งขึ้น ภายในหอไป๋เฟิง หวงเจียวเจียวตกลงที่จะโฆษณาน้ำหอมของหวังหยวนและเริ่มเตรียมการ “แม่นมอัน ข้าอยากจัดงานเลี้ยงร่ายรำที่หอไป๋เฟิง” หวงเจียวเจียวถือขวดน้ำหอมไว้ในมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แม่นมอันเป็นผู้ดูแลหอไป๋เฟิง อย่างไรก็ตาม หวงเจียวเจียวรู้ตัวตนเบื้องหลังของนาง “คุณหนูหวง ท่านจริงจังใช่หรือไม่?” หวงเจียวเจียวพยักหน้า “ท่านลืมสิ่งที่ท่านผู้นั้นส่งจดหมายมา และข้อความที่กล่าวไว้ในจดหมายแล้วหรือ? โน้มน้าวหวังหยวนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แม้ว่าจะหมายถึง...อุทิศตัวเองก็ตาม...” แม่นมอันสูดหายใจเข้าลึก และได้แต่ตอบตกลงเท่านั้น ในไม่ช้า ข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วถนนและตรอกซอกของเฉิงโจว ว่าหวงเจียวเจียวนักขับร้องอันดับหนึ่งแห่งหอไป๋เฟิงจะจัดงานเลี้ยงร่ายรำที่หอไป๋เฟิงในคืนนี้ นางไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไรมาก แค่ข่าวดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มมากมายในเฉิงโจวโหยหาในเสน่ห์ของนางแล้ว เมื่อหวังหยวนได้รับข่าวนี้ เขาก็หัว
กลิ่นหอมนี้แรงมาก และกลิ่นนี้ติดตามไปกับตัวของหวงเจียวเจียว ซึ่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งหอไป๋เฟิง! หวงเจียวเจียวร่ายรำอย่างสง่างาม บวกกับกลิ่นหอมที่ชวนหลงใหลก็ยิ่งหอมมากขึ้น! ทุกคนถึงกับตกตะลึง! “กลิ่นหอมมาก...วันนี้ตัวนางโลมหวงมีกลิ่นหอมขนาดนี้ได้อย่างไร!” “ใช่! นี่คือถุงหอมอันใดกัน เหตุใดจึงมีกลิ่นหอมเช่นนี้!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง และหลังจากร่ายรำจบ หวงเจียวเจียวก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านสนใจกลิ่นหอมบนตัวของข้าหรือ?” ขณะที่นางพูด หวงเจียวเจียวก็โบกแขนผ้ายาวของนางอีกครั้ง และกลิ่นหอมก็กระทบใบหน้า “ใช่น่ะซิ...คุณหนูหวง กลิ่นนี้เป็นถุงหอมแบบไหนกัน บ้านไหนเป็นผู้สร้างมัน มันแตกต่างกับกลิ่นทั่วไปยิ่งนัก!” “กลิ่นหอมฟุ้งละมุนแต่ไม่ฉุน กลิ่นติดทนยาวนาน ละเอียดอ่อนราวกับอยู่ท่ามกลางดอกไม้ และมองดูสวนที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม!” ทุกคนพูดด้วยความประหลาดใจ แต่ละคนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่ในเวลานี้ หวงเจียวเจียวก็กล่าวว่า “สิ่งนี้เรียกว่าน้ำหอม คุณชายหวังหยวนและคุณหนูหลี่ซื่อหานได้สร้างมันขึ้นมาร่วมกัน มีชื่อเรียกว่าหอมไกลนับหมื่นลี้ ด้วยขวดเล็กเพียงขวดเดียวนี้สาม
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหวังหยวนจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้! “นายน้อย ตอนนี้ทุกคนในเฉิงโจวรู้แล้วว่าคุณหนูกับหวังหยวนไม่ได้หย่าร้างกันจริง ๆ…” “ข่าวลือที่เราแพร่ออกไป...บางที...” ใบหน้าของหลี่อีเหนียนมืดมนอย่างยิ่ง เมื่อซ่งชิงเหอรู้ข่าวนี้ นางก็โกรธมากจนโยนชามทิ้ง! “เจ้าสารเลวหวังหยวนผู้นี้ ถึงกับทำให้หวงเจียวเจียวออกมารับหน้าแทนเขา เด็กคนนี้ทำได้อย่างไรกัน!” หลี่อีเหนียนเดือดดาลยิ่งนัก “คิดจะรับน้องสาวของข้าไปแบบนี้ ข้าจะตอบตกลงได้อย่างไร!” เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากจวนตระกูลหลี่ ทว่าในเวลานี้ หลี่ซื่อหานก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน ไม่มีความลับอยู่บนโลก ยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลหลี่ บวกกับไป๋เฟยเฟยที่ตั้งใจแอบช่วยอย่างลับ ๆ ดังนั้นหลี่ซื่อหานจึงได้ยินข่าวนี้ได้ไม่ยาก “ตกหลุมรักนิรันด์... ท่านพี่ทำให้ข้าไม่ผิดหวังจริง ๆ!” หลี่ซื่อหานตื่นเต้นมาก ในตอนนี้นางอยากเดินออกจากจวนตระกูลหลี่ และไปหาหวังหยวนโดยไม่รีรอ แต่บ่าวรับใช้ด้านนอกจวนไม่ยอมให้นางก้าวเท้าออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ซึ่งทำให้หลี่ซื่อหานกระวนกระวายใจยิ่งนัก “ท่านพี่จะต้องรู้สถานการณ์ตอนนี้ของข้าอย่างแน่
แน่นอนว่าจุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ก็เพื่อกระจายข่าวไปยังตระกูลหลี่ด้วย! เขาอยากบอกภรรยาว่าเขามาที่เฉิงโจวเพื่อพานางกลับบ้าน! ตราบใดที่ซื่อหานรู้ข่าวนี้ แผนการของตระกูลหลี่จะต้องแพ้ภัยตัวเอง! เขารู้นิสัยของภรรยาเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเขาเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลี่อีเหนียน เขาก็ยิ่งมั่นใจในแผนการของตระกูลหลี่มากขึ้น หวังหยวนยิ้มและดื่มในอึกเดียว จากนั้นเขาก็พูดว่า “พี่เขย ข้ารู้ว่าท่านดูถูกข้า ตลอดชีวิตของข้าหวังหยวน ข้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะดูถูกข้าหรือไม่” “สิ่งที่ข้าต้องการ คือขอแค่คนที่ข้ารักใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข” “ข้าไม่สนใจราชสำนักหรือชื่อเสียงความมั่งคั่ง ข้าไม่มีความทะเยอทะยาน ท่านเองก็รู้ แทนที่จะเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ ไม่สู่ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลไปตลอดชีวิตเสียจะดีกว่า” “ข้าเข้าใจนิสัยของซื่อหาน นางจะไม่ทรยศข้า ข้าหวังหยวนสาบานต่อเทพเจ้าว่าข้าจะไม่ทรยศนางเช่นกัน หากว่าท่านหวังดีกับน้องสาวของท่านจริง ๆ ปล่อยพวกเรากลับบ้านกันเถอะ” หวังหยวนพูดอย่างจริงใจมาก เขารู้ว่าถึงแม้หลี่อีเหนียนจะดูถูกเขา แต่เขาก็รักและเอ็นดูน้องสาวของเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นบ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่
“ช่างสมกับเป็นท่านหวัง ไม่มีสิ่งใดปิดบังท่านได้จริง ๆ”ไท่สื่อลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้แอบหนีออกมาจากห้อง เขาจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านหมอเทวดาอันแล้ว เขาได้บอกอาการของฮูหยินกับข้าทั้งหมดแล้วขอรับ”“อีกทั้งยังบอกวิธีที่จะทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นด้วย”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกาย“ท่านหมายถึง...”หวังหยวนไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา แต่ชี้ไปที่ท้องของตนไท่สื่อลี่เข้าใจความหมายในทันที จากนั้นก็พยักหน้า“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”“เช่นนั้นรีบบอกข้ามา วิธีแก้ต้องทำอย่างไร?”“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ข้าได้ถามท่านหมอเทวดาแล้วว่ามีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นหรือไม่ ท่านหมอเทวดาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ข้านึกว่าไม่อาจรักษาภรรยาของข้าให้หายได้...”“ดูท่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจงใจปิดบังข้า!”หวังหยวนเข้าใจดีว่าอันจูหมิงคงมีเหตุผลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกเรื่องนี้กับไท่สื่อลี่ไท่สื่อลี่รีบโบกมือกล่าวว่า “ท่านหวังอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าท่านหมอเทวดาอันไม่อยากบอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าตัวยาที่ใช้รักษาฮูหยินนั้นหายา
เมื่อกลับถึงห้อง ด้วยการดูแลของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนจึงจำต้องนอนลงบนเตียงเมื่อเห็นนางพลิกตัวไปมาไม่หยุด หวังหยวนก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเพราะนางไม่อยากนอนหลับ“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้?”“ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไรในตัวเจ้า!”“หากรู้ล่วงหน้าว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบเจอกับเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ก็ควรจะให้เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังแต่แรก เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย”“สุดท้ายแล้วก็เป็นความผิดของข้า...”หวังหยวนจิบชาพลางพึมพำกับตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ภาพในความคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของอันจูหมิงก่อนหน้านี้ยามนี้เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้กับหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สำหรับหวังหยวนแล้ว การไม่อาจตั้งครรภ์ได้นั้นสำคัญตรงไหนกัน?ครอบครัวของเขามีเหล่าภรรยาที่เพียบพร้อม ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่สำหรับหลิ่วหรูเยียนแล้ว สตรีที่ไม่มีบุตรก็ไม่นับว่าเป็นสตรีเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังหยวนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร?ดูท่าแล้วคงต้องหาจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นค่อยบอกความจริงกับหลิ่วหรูเยียน นางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก“นี่ท่านกำลังคิดอ
“เอาล่ะ!”“ตอนนี้เจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเจ้าใช่หรือไม่?”“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นคำพูดของพี่สะใภ้ก็ไม่มีค่าแล้วใช่หรือไม่?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายภาคหน้าเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าจะออกไปเดินเล่นเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมาเอาเรื่องกับเจ้า ถึงตอนนั้นก็คอยดูเถิดว่าจะเป็นอย่างไร!”หลิ่วหรูเยียนเฉลียวฉลาด ไฉจวิ้นผู้ไม่ประสีประสาจะต่อกรกับนางได้อย่างไร?เพียงชั่วครู่ ไฉจวิ้นถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็รีบวิ่งตาม พลางประจบประแจงว่า “พี่สะใภ้! ท่านอย่าได้ทำให้ช้าต้องลำบากใจเลยขอรับ ตกลงหรือไม่?”“ท่านเพิ่งจะหายป่วย สภาพร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่ดี อีกทั้งท่านหมอเทวดาก็บอกแล้วว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ท่านถึงจะหายดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนนะขอรับ!”“แต่ในเมื่อท่านยืนกรานจะออกไป เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็รีบกลับมาก็ได้ ตกลงหรือไม่ขอรับ?”ในที่สุดไฉจวิ้นก็ยอมอ่อนข้อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นผู้ที่เขาไม่อาจล่วงเกิน!ล่วงเกินหวังหยวนก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าพวกเขาล้วนเ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย
ไท่สื่อลี่ก็เอ่ยเสริมขึ้นบ้าง “ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านเกาไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยล้าไม่น้อย รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”“ส่วนท่านหวัง ให้ข้าดูแลเองเถิด”พวกเขาทั้งสองล้วนรู้ดีแก่ใจ เกาเล่อเพียงแค่ไม่วางใจเท่านั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ซ้ำร้ายหลิ่วหรูเยียนยังบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นมือขวาของหวังหยวน ย่อมต้องรู้สึกว่าตนมีความผิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“ช่างเถิด หากข้ากลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะพักผ่อนไม่เต็มที่”“รอฮูหยินหายดีแล้ว ข้าค่อยพักผ่อนให้เต็มที่”เกาเล่อยิ้มพลางโบกมือหวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ มีพี่น้องเช่นนี้อยู่เคียงข้างจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า?เขาไม่ได้บังคับเกาเล่ออีกแต่ไม่ได้หมายความว่าไฉจวิ้นไม่ดี เพียงแต่จิตใจของไฉจวิ้นไม่ละเอียดอ่อนเท่าเกาเล่อ จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เพียงชั่วครู่ ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งในอีกหลายชั่วยามต่อมา อันจูหมิงและหลิ่วหรูเยียนก็ยังคงอยู่ในห้องเห็นได้ชัดว่าอันจูหมิงเหนื่อยล้าไม่น้อย เพราะการฝังเข็มต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเช่นกันหวังหยวนและคนอื่น ๆ ได้เตรียมตัวยาสมุนไพรไว้พร้อมแล้ว ยามนี้การฝังเข็มได้เสร็จสิ้นลง ประ
หวังหยวนไม่เอ่ยคำใด ดวงตาจับจ้องไปที่อันจูหมิง รอคอยคำพูดต่อไป อันจูหมิงเอ่ยต่อว่า “เกรงว่าภายภาคหน้า ฮูหยินของท่านจะไม่อาจมีบุตรได้อีก”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เพียงแค่ไม่อาจมีบุตรได้!”“เรื่องนี้ สำหรับข้าแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”“เพียงแค่ให้หรูเยียนหายดีก็เพียงพอแล้ว!”“ในสายตาของข้า สตรีไม่ใช่เครื่องมือในการสืบสกุล แต่เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า!”อันจูหมิงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าหวังหยวนรักษาผู้คนมาครึ่งชีวิต เขาได้พบเจอโรคภัยไข้เจ็บอันแปลกประหลาดมากมาย อีกทั้งยังได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาคนที่มีจิตใจเป็นอิสระและง่ายดายอย่างหวังหยวนนั้น ช่างหาได้ยากยิ่ง!ในโลกนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่เมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ก็จะเปลี่ยนท่าทีไปในทันที แม้กระทั่งขับไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ฐานะของหวังหยวนก็สูงส่ง กลับไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก!อันจูหมิงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อท่านหวังเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ข้าจะฝังเข็ม
“ข้าน้อยอันจูหมิง คำนับท่านหวัง!”ชายชราผู้มีผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังหยวน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ท่านอย่าได้เกรงใจ รีบมาดูอาการภรรยาของข้าก่อนเถิด!”“แม้แต่หมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าเย่ยังจนปัญญา ข้าต้องขอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านแล้ว”ขณะที่พูด เกาเล่อและไฉจวิ้นก็อุ้มร่างของหลิ่วหรูเยียนออกมาเมื่อมองดูแล้ว สภาพของหลิ่วหรูเยียนยิ่งแย่ลง ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าหวังหยวนจะเจ็บปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงรอคอยการวินิจฉัยของอันจูหมิงในไม่ช้า หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างช่วยกันนำร่างของหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในห้อง ภายในห้องเหลือเพียงหวังหยวนและอันจูหมิงส่วนคนอื่นรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างอดทนเวลาผ่านไปเท่ากับหนึ่งก้านธูปไหม้หมด อันจูหมิงยังคงจับชีพจรของหลิ่วหรูเยียน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมายากจะคาดเดาความคิดในใจเขาหวังหยวนรู้สึกกดดันยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้าอันจูหมิง ทำได้เพียงกำหมัดแน่น รอคอยผลลัพธ์อย่างอดทนความหวังสุดท้ายอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่หากแม้แต่อันจูหมิงก็จนปัญญา เช่นนั้นจะทำเช่นไร?หรือว่า...เขาจะต้องพลัดพรากจ
“ในที่สุดพวกท่านก็มาถึง!”แม้ว่าหวังหยวนจะยังไม่เห็นตัวผู้พูด แต่เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นผู้ใดจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ไท่สื่อลี่?สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ไท่สื่อลี่ จากนั้นรีบลงจากรถม้า แล้วกล่าวว่า “ท่านไท่สื่อ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาย้อนความหลังกัน ได้ยินว่าท่านหาหมอเทวดาพบแล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบไปที่เผ่ากันเลยดีหรือไม่?”“ดีขอรับ ดีขอรับ!”“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ท่านหวังตามข้ามาก็พอ!”ในไม่ช้าคณะเดินทางก็ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าอย่างโอ่อ่าในช่วงเวลาที่หวังหยวนกลับไปยังต้าเย่ ไท่สื่อลี่ใช้ความสามารถอันล้ำเลิศของตน ประกอบกับความช่วยเหลือจากหวังหยวนเข้าควบคุมชนเผ่าอื่นได้สำเร็จ!ยามนี้เผ่าทางเหนือทั้งหมดตกอยู่ในมือของเขา และเขาก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนเหนือ!ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณหวังหยวนอีกทั้งเขารู้ดีแก่ใจว่าหากเป็นศัตรูกับหวังหยวน รากฐานที่ตนอุตส่าห์สร้างขึ้นมาก็จะพังทลายลงในชั่วพริบตาในคืนนั้น เมื่อพลบค่ำมาเยือน ขบวนรถม้าก็เดินทางมาถึงเผ่าเมื่อมองออกไปจะเห็นคนในเผ่ายืนรออยู่สองข้างทาง ทุกคนล้วนรอคอยก