“ข้าขอแนะนำ แม่นางผู้นี่คือนักขับร้องหญิงคนแรกในหอไป๋เฟิง และนางก็เป็นอันดับหนึ่งในเฉิงโจวของเราอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นางขายศิลป์ แต่ไม่ขายร่างกายมาโดยตลอด ทว่าแยกแยะผู้คนเช่นกัน เมื่อนางได้พบกับคุณชายหมิงถันผู้โด่งดังไปทั่วหล้าเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้คนตกหลุมรักโดยปริยาย” ไป๋เฟยเฟยแนะนำนางอย่างรวดเร็ว สายตาของหวังหยวนมองไปที่สตรีในชุดสีเหลือง งาม! งดงามยิ่งนัก! ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์และรูปร่างช่างไร้ที่ติ เสน่ห์ระหว่างคิ้วของนางนั่นเป็นครั้งแรกที่หวังหยวนได้พบเห็นสตรีโฉมงามเช่นนี้ ราวกับว่า... ดวงตาของนางสามารถดึงดูดใจผู้คนได้! สมกับเป็นนักขับร้องคนแรก! อันดับหนึ่ง! “คุณชายไป๋ล้อข้าเล่นแล้ว ข้าจะไปมีชื่อเสียงได้อย่างไรเล่า ถึงแม้ว่าข้าจะมี แต่ก็เป็นชื่อเสียงที่ไม่ดี” หวังหยวนรีบโบกมือพร้อมละสายตาจากหวงเจียวเจียว ฉากนี้ทำให้ไป๋เฟยเฟยตกตะลึง หวงเจียวเจียวตกตะลึง แม้แต่สตรีในชุดม่วงนั่นก็ยังตกตะลึงเช่นกัน หวงเจียวเจียวในเฉิงโจว มีบุรุษใดบ้างที่ไม่มึนเมากับความงามเช่นนี้? ชายคนนี้เพียงแค่เหลือบมองเท่านั้นแล้วละสายตาหรือนี่? สตรีในชุดสีม่วงและหวงเจียวเจียวต่างก็ตกตะลึ
ไป๋เฟยเฟยสูดหายใจลึก แม้ว่านางจะตกใจแต่นางก็ไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากรู้ตัวว่าเข้าใจหวังหยวนผิด นางก็ลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ! “คุณชายหมิงถัน น้องชายไม่ได้มีเจตนา ทว่าข้ายังมีข้อสงสัยอยู่ในใจ” คำพูดของไป๋เฟยเฟยทำให้หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “มีข้อสงสัยอันใด?” เมื่อพูดเช่นนี้ ไป๋เฟยเฟยก็โบกมือโดยไม่รีรอ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างถอยออกไปแล้ว แม้แต่หวงเจียวเจียวก็ออกไปด้วย! ในห้องเหลือเพียงคนสามคน ไป๋เฟยเฟย สตรีในชุดม่วง และหวังหยวน! ไป๋เฟยเฟยมองไปที่หวังหยวนและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณชายหมิงถันคงจะรู้ว่าข้ากำลังมองหาผู้มีความสามารถ ครั้งก่อนที่ข้าเชิญท่านมาที่ตระกูลไป๋เพื่อเป็นที่ปรึกษา” “ดังนั้น...ข้าย่อมสนองตอบความต้องการของคุณชายหมิงถันโดยปริยาย ทว่าเมื่อดูจากข้อมูลทั้งหมดที่ข้ามี ท่าน... น่าจะปฏิบัติต่อสาวงาม...” ไป๋เฟยเฟยอยากจะพูดข้อมูลที่รวบรวมมาว่า เขาเป็นคนมักมากในตัณหา! อย่างไรก็ตาม คำพูดประโยคนี้ฟังดูค่อนข้างน่าเกลียดอยู่ไม่น้อย นางจึงไม่ได้พูดมันออกมา! หวังหยวนยิ้มพร้อมมองไป๋เฟยเฟยอย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า “ในเมื่อน้องชายเอ่ยปากพูดอย่างเอาใจใส
หวังหยวนยิ้มและพูดว่า “กิจการนี้ บางทีเราอาจขอความช่วยเหลือจากคุณหนูหวงได้” ไป๋เฟยเฟยกระพริบตา ยิ้มและไม่พูดอะไรอีก ทว่าประสานมือไว้ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยพูดจบ นางก็ออกจากที่นี่ ในขณะนี้ หวงเจียวเจียวก็เดินเข้ามาอีกครั้ง ใบหน้าที่งดงามของนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย “คุณชายหวัง ท่านเรียกข้า” หวงเจียวเจียวนั่งลงข้างหวังหยวนพร้อมกลิ่นหอมจาง ๆ ที่พัดโชยมา ฉากดังกล่าวทำให้บุรุษนั้นรู้สึกลุ่มหลงจริง ๆ แต่หวังหยวนเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหนูหวง ข้ามีธุระบางอย่างต้องการให้เจ้าช่วยข้า” หวงเจียวเจียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ลังเลเลย “คุณชายรีบสั่งมาเถอะ ไม่ว่าท่านจะขอให้ข้าทำอะไร ข้าจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้” หวงเจียวเจียวไม่มีข้อแก้ตัว ไม่เพียงแต่บรรลุความตั้งใจของไป๋เฟยเฟยเท่านั้น แต่เพื่อภารกิจของนางเองด้วย หวังหยวนหยิบขวดน้ำหอมออกมาแล้วยื่นให้ “คุณหนูหวง สิ่งนี้เรียกว่าน้ำหอม ทาบนแขนและหลังใบหู กลิ่นหอมจะคงอยู่หลายวัน เจ้าลองดูได้” ใบหน้าของหวงเจียวเจียวดูสับสน แต่หลังจากหยิบขวดเล็ก ๆ และเปิดมันเบา ๆ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที “กลิ่นหอมมาก...
ดวงตาของหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยน้ำตา นางมองเรือใหญ่ของนางโลมในทะเลสาบอย่างสิ้นหวัง พร้อมร้องไห้อย่างตรอมใจ “เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้...” นางพึมพำกับตัวเอง หัวใจของนางเจ็บช้ำราวกับน้ำแข็ง หลี่อีเหนียนที่อยู่ข้าง ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ การเห็นน้องสาวทุกข์ใจเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ทว่าเมื่อคิดว่าจะสามารถเด็ดบัวไม่เหลือใยกับหวังหยวนด้วยวิธีนี้ได้ เขาก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก อารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ทำให้สีหน้าของเขาดูไม่มั่นคง “เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ ซื่อหาน ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้ไม่อยากให้เจ้าพบเขา ชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนสารเลวจริง ๆ เดิมทีเขาเคยทุบตีและดุเจ้า ตอนนี้เขามีเงินและมีหน้ามีตา จริง ๆ เขาใช้เวลาทั้งคืนกับนางโลมจากหอไป๋เฟิงต่อหน้าตระกูลหลี่ของเรา ชายหนุ่มเช่นนี้ไม่คู่ควรให้เจ้าชอบ!” ซ่งชิงเหอใช้ประโยชน์จากทุกโอกาส และไม่แสดงความมีเยื่อใยสักนิดเมื่อพูดเช่นนี้ พวกเขาคำนวณเวลาไว้แล้ว เวลาที่หวังหยวนก้าวขึ้นเรือ และเวลาที่หวังหวนจะลงจากเรือ พวกเขาจึงพาหลี่ซื่อหานไปดู เรียกได้ว่าทุ่มเททั้งใจ “เอาล่ะ น้องสาว เรากลับกันเถอะ” หลี่อีเหนียนสูดหายใจเข้าลึกและทำได้เพ
แต่ใครจะคาดคิดว่าตระกูลหลี่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงทฤษฎีเล็ก ๆ เท่านั้น หวังหยวนไม่นำมาใส่ใจเลย! วันรุ่งขึ้น ภายในหอไป๋เฟิง หวงเจียวเจียวตกลงที่จะโฆษณาน้ำหอมของหวังหยวนและเริ่มเตรียมการ “แม่นมอัน ข้าอยากจัดงานเลี้ยงร่ายรำที่หอไป๋เฟิง” หวงเจียวเจียวถือขวดน้ำหอมไว้ในมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แม่นมอันเป็นผู้ดูแลหอไป๋เฟิง อย่างไรก็ตาม หวงเจียวเจียวรู้ตัวตนเบื้องหลังของนาง “คุณหนูหวง ท่านจริงจังใช่หรือไม่?” หวงเจียวเจียวพยักหน้า “ท่านลืมสิ่งที่ท่านผู้นั้นส่งจดหมายมา และข้อความที่กล่าวไว้ในจดหมายแล้วหรือ? โน้มน้าวหวังหยวนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แม้ว่าจะหมายถึง...อุทิศตัวเองก็ตาม...” แม่นมอันสูดหายใจเข้าลึก และได้แต่ตอบตกลงเท่านั้น ในไม่ช้า ข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วถนนและตรอกซอกของเฉิงโจว ว่าหวงเจียวเจียวนักขับร้องอันดับหนึ่งแห่งหอไป๋เฟิงจะจัดงานเลี้ยงร่ายรำที่หอไป๋เฟิงในคืนนี้ นางไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไรมาก แค่ข่าวดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มมากมายในเฉิงโจวโหยหาในเสน่ห์ของนางแล้ว เมื่อหวังหยวนได้รับข่าวนี้ เขาก็หัว
กลิ่นหอมนี้แรงมาก และกลิ่นนี้ติดตามไปกับตัวของหวงเจียวเจียว ซึ่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งหอไป๋เฟิง! หวงเจียวเจียวร่ายรำอย่างสง่างาม บวกกับกลิ่นหอมที่ชวนหลงใหลก็ยิ่งหอมมากขึ้น! ทุกคนถึงกับตกตะลึง! “กลิ่นหอมมาก...วันนี้ตัวนางโลมหวงมีกลิ่นหอมขนาดนี้ได้อย่างไร!” “ใช่! นี่คือถุงหอมอันใดกัน เหตุใดจึงมีกลิ่นหอมเช่นนี้!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง และหลังจากร่ายรำจบ หวงเจียวเจียวก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านสนใจกลิ่นหอมบนตัวของข้าหรือ?” ขณะที่นางพูด หวงเจียวเจียวก็โบกแขนผ้ายาวของนางอีกครั้ง และกลิ่นหอมก็กระทบใบหน้า “ใช่น่ะซิ...คุณหนูหวง กลิ่นนี้เป็นถุงหอมแบบไหนกัน บ้านไหนเป็นผู้สร้างมัน มันแตกต่างกับกลิ่นทั่วไปยิ่งนัก!” “กลิ่นหอมฟุ้งละมุนแต่ไม่ฉุน กลิ่นติดทนยาวนาน ละเอียดอ่อนราวกับอยู่ท่ามกลางดอกไม้ และมองดูสวนที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม!” ทุกคนพูดด้วยความประหลาดใจ แต่ละคนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่ในเวลานี้ หวงเจียวเจียวก็กล่าวว่า “สิ่งนี้เรียกว่าน้ำหอม คุณชายหวังหยวนและคุณหนูหลี่ซื่อหานได้สร้างมันขึ้นมาร่วมกัน มีชื่อเรียกว่าหอมไกลนับหมื่นลี้ ด้วยขวดเล็กเพียงขวดเดียวนี้สาม
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหวังหยวนจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้! “นายน้อย ตอนนี้ทุกคนในเฉิงโจวรู้แล้วว่าคุณหนูกับหวังหยวนไม่ได้หย่าร้างกันจริง ๆ…” “ข่าวลือที่เราแพร่ออกไป...บางที...” ใบหน้าของหลี่อีเหนียนมืดมนอย่างยิ่ง เมื่อซ่งชิงเหอรู้ข่าวนี้ นางก็โกรธมากจนโยนชามทิ้ง! “เจ้าสารเลวหวังหยวนผู้นี้ ถึงกับทำให้หวงเจียวเจียวออกมารับหน้าแทนเขา เด็กคนนี้ทำได้อย่างไรกัน!” หลี่อีเหนียนเดือดดาลยิ่งนัก “คิดจะรับน้องสาวของข้าไปแบบนี้ ข้าจะตอบตกลงได้อย่างไร!” เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากจวนตระกูลหลี่ ทว่าในเวลานี้ หลี่ซื่อหานก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน ไม่มีความลับอยู่บนโลก ยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลหลี่ บวกกับไป๋เฟยเฟยที่ตั้งใจแอบช่วยอย่างลับ ๆ ดังนั้นหลี่ซื่อหานจึงได้ยินข่าวนี้ได้ไม่ยาก “ตกหลุมรักนิรันด์... ท่านพี่ทำให้ข้าไม่ผิดหวังจริง ๆ!” หลี่ซื่อหานตื่นเต้นมาก ในตอนนี้นางอยากเดินออกจากจวนตระกูลหลี่ และไปหาหวังหยวนโดยไม่รีรอ แต่บ่าวรับใช้ด้านนอกจวนไม่ยอมให้นางก้าวเท้าออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ซึ่งทำให้หลี่ซื่อหานกระวนกระวายใจยิ่งนัก “ท่านพี่จะต้องรู้สถานการณ์ตอนนี้ของข้าอย่างแน่
แน่นอนว่าจุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ก็เพื่อกระจายข่าวไปยังตระกูลหลี่ด้วย! เขาอยากบอกภรรยาว่าเขามาที่เฉิงโจวเพื่อพานางกลับบ้าน! ตราบใดที่ซื่อหานรู้ข่าวนี้ แผนการของตระกูลหลี่จะต้องแพ้ภัยตัวเอง! เขารู้นิสัยของภรรยาเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเขาเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลี่อีเหนียน เขาก็ยิ่งมั่นใจในแผนการของตระกูลหลี่มากขึ้น หวังหยวนยิ้มและดื่มในอึกเดียว จากนั้นเขาก็พูดว่า “พี่เขย ข้ารู้ว่าท่านดูถูกข้า ตลอดชีวิตของข้าหวังหยวน ข้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะดูถูกข้าหรือไม่” “สิ่งที่ข้าต้องการ คือขอแค่คนที่ข้ารักใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข” “ข้าไม่สนใจราชสำนักหรือชื่อเสียงความมั่งคั่ง ข้าไม่มีความทะเยอทะยาน ท่านเองก็รู้ แทนที่จะเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ ไม่สู่ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลไปตลอดชีวิตเสียจะดีกว่า” “ข้าเข้าใจนิสัยของซื่อหาน นางจะไม่ทรยศข้า ข้าหวังหยวนสาบานต่อเทพเจ้าว่าข้าจะไม่ทรยศนางเช่นกัน หากว่าท่านหวังดีกับน้องสาวของท่านจริง ๆ ปล่อยพวกเรากลับบ้านกันเถอะ” หวังหยวนพูดอย่างจริงใจมาก เขารู้ว่าถึงแม้หลี่อีเหนียนจะดูถูกเขา แต่เขาก็รักและเอ็นดูน้องสาวของเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นบ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห