ตอนนี้สามีตั้งกลุ่มประมง เอาชนะหลี่ฉาง จัดประชุมหมู่บ้าน สร้างโรงอาหารขนาดใหญ่ ตั้งกลุ่มทำสบู่ เอาชนะใจชาวบ้าน เป็นดั่งสูญรวมจิตใจของทุกคน แล้วคนที่ทำได้แค่อ่านหนังสือสอบขุนนาง จะเทียบได้ได้อย่างไร!แต่หวังหยวนขัดจังหวะ “ซื่อหาน พี่ชายของเจ้าพูดถูก พวกเขาทุกคนดีกว่าข้า! ข้าเป็นเพียงเด็กบ้านนอก จะเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร”หลิวเจี้ยนเย่เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “น้องซื่อหาน เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเขาเองก็รู้ตัวดี!”“น่าเสียดายที่ร่ำเรียนมาหลายปี แต่กลับไม่รู้จักคำว่า 'ถ่อมตัว' ด้วยซ้ำ!”หลี่ซื่อหานพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “และโปรดเรียกข้าด้วยชื่อเต็มของข้าด้วย อย่าเรียกข้าว่าน้องอีก ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น”ใบหน้าของหลิวเจี้ยนเย่เปลี่ยนเป็นสีแดงและซีด เลือดไหลขึ้นสู่ศีรษะทันทีหวังหยวนส่ายหน้า ความแข็งแกร่งทางจิตใจของชายหนุ่มคนนี้แย่มาก จนเขาไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เพียงไม่กี่คำก็ตาม“เอาล่ะ น้องหญิงสาม นี่คือแขก พูดเช่นนี้ได้อย่างไร!”หลี่ซานซือเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงแผ่วเบา “รีบไปหาพี่สะใภ้ของเจ้าเถอะ แล้วสั่งให้ห้องครัวทำอาหารที่เจ้าชอบ
หวังหยวนทนไม่ไหวแล้ว “เจ้าจะมาพูดแทนข้าเพื่ออะไร? โบราณว่าไว้ว่าออกทัพแทนบิดา ชำระหนี้ให้บิดา เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่คำนับแทนข้า และขอโทษแทนข้าเสียเลยเล่า!”หลิวเจี้ยนเย่โกรธจัด “เจ้า!”ท่านไป๋หลี่หัวเราะ “พี่อู๋โยว สหายน้อยผู้นี้น่าสนใจนัก เหตุใดไม่แนะนำเขาให้รู้จัก!”หลิวเจี้ยนเย่ชอบประจบประแจง และเหยียบย่ำคนอื่น เขาอยู่ทั้งตำแหน่งสูงและต่ำมาหลายปีแล้ว จึงสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็วเขาไม่ชอบพฤติกรรมร้ายกาจเช่นนี้“เขา เฮ้อ!”หลังจากมองไปที่หวังหยวนแล้ว หลี่ซานซือก็ส่ายหน้า ไม่สามารถพูดคำว่า 'พี่เขย' ออกมาได้หลิวเจี้ยนเย่ตอบแทนว่า “ท่านไป๋หลี่ เขาเป็นหนุ่มเสเพล ไม่ได้ไปโรงเรียนมาสามปีแล้ว เขาล้างผลาญทรัพย์สินของครอบครัวไปจนหมดสิ้น ซ้ำยังจำนองบ้าน ที่ดินของบรรพบุรุษ และภรรยาอีกด้วย เขาเกือบจะขายตัวเองไปเป็นทาส”ท่านไป๋หลี่ขมวดคิ้ว “สหายน้อยเจี้ยนเย่ โปรดระวังคำพูดด้วย! แม้ว่าข้าจะไม่รู้จักสหายน้อยผู้นี้ดีนัก แต่เขาไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น”เขามีความสามารถในการสังเกตคน ต่างคนต่างมีนิสัยต่างกันมองเพียงปราดแรก ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อเหลา แต่เมื่อพิจารณาให้ดี เขาน่าจะมีความประพฤติสูงส
ท่านไป๋หลี่มองไปที่หวังหยวนอีกครั้ง “สหายน้อย เช่นนั้นเรามาคุยกันแบบสบาย ๆ เถอะ!”“ดูเหมือนว่าหากวันนี้ข้าไม่พูดอะไรเลย ท่านไป๋หลี่จะไม่ยอมปล่อยข้าไป”หวังหยวนเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่เข้าใจเรื่องภาษีจริง ๆ แต่ข้าสามารถเสนอแนะเกี่ยวกับการทำเงินได้นิดหน่อย”“ทำเงินรึ?”ดวงตาของท่านไป๋หลี่เป็นประกาย “สหายน้อยโปรดชี้แนะ!”พอไม่พูดเรื่องเก็บภาษีก็ยังมีวิธีหาเงิน คำกล่าวของสหายน้อยผู้นี้ชวนให้กระชุ่มกระชวยเสียจริง!หลี่ซานซือจ้องมองหวังหยวน ‘เจ้ากล้าพูดเรื่องสำคัญของประเทศเชียวรึ!’หลิวเจี้ยนเย่ตะคอก ‘ข้าไม่เชื่อว่าคนบ้านนอกเสเพลผู้นี้จะเก่งไปกว่าข้าด้านความรู้เรื่องภาษี’หวังหยวนเลิกคิ้ว “ท่านกำลังทำธุรกิจใช่หรือไม่? แน่นอนว่าใครก็ตามที่มีเงินก็ทำธุรกิจได้ทั้งนั้น กลับกันผู้ที่ทำงานหนักตลอดทั้งวันกลับไม่สามารถทำเงินได้ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักสักเพียงใดก็ตาม”ท่านไป๋หลี่ปรบมือแล้วหัวเราะ “สหายน้อย ขอเพียงมีเงินก็สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ แต่จะทำอย่างไรล่ะ?”หลี่ซานซือและหลิวเจี้ยนเย่รู้สึกหนาววาบที่กระดูกสันหลัง ‘พวกข้าทั้งสองจัดว่ามีเงินเหมือนกัน’หวังหยวนกล่าว “เราอาจ
บูม!ประโยคง่าย ๆ เพียงสี่ประโยคนี้ เปรียบเสมือนระฆังมังกร ทำให้ทั้งสามคนตกใจเพื่อสร้างมโนธรรมให้กับสวรรค์และโลก เพื่อสร้างโชคชะตาให้กับผู้คน เพื่อสืบทอดองค์ความรู้ของนักปราชญ์ไม่ให้สูญหาย เพื่อสร้างสันติสุขให้แก่คนรุ่นหลัง!บทกลอนสี่บาทนี้โด่งดังไปทั่วโลก แพร่กระจายไปตามยุคสมัย ทิ้งชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร์!หลิวเจี้ยนเย่นึกอิจฉา “เขาแต่งบทกวีสี่บาทที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”ใบหน้าของหลี่ซานซือดูซับซ้อนแม้ว่าสี่ประโยคนี้สามารถทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก แต่เขาก็ไม่สามารถก้าวสู่แนวหน้าได้ หากไม่ได้สอบเคอจวี่ และไม่ใช่ลูกเขยของตระหูลหลี่เช่นกัน“สร้างมโนธรรมให้กับสวรรค์และโลก สร้างโชคชะตาให้กับผู้คน สืบทอดองค์ความรู้ของนักปราชญ์ไม่ให้สูญหาย สร้างสันติสุขให้แก่คนรุ่นหลัง!"ท่านไป๋หลี่พึมพำทั้งน้ำตาไหลอาบหน้า ลุกขึ้นแล้วไล่ตามอีกฝ่ายออกไป “นายท่าน รอข้าด้วย!"ชายสองคนวิ่งตามออกไปเมื่อทั้งสามคนออกไปด้านนอก!หวังหยวนและรถม้าของเขาก็หายไปแล้ว!ท่านไป๋หลี่ประหลาดใจ “สหายน้อยหวูโยว เซียนเซิงท่านนี้มาอยู่ในจวนของเจ้าได้อย่างไร? ระหว่างพวกเจ้ามีความสัมพันธ์เช่นไรกัน? รู้หร
ในรถม้า หวังหยวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “ท่านไป๋ลี่ผู้นั้นน่าสนใจมาก!”รถม้ามาถึงตลาดฝั่งตะวันตกของเมือง เมื่อพบร้านขายของชำขนาดใหญ่ หวังหยวนก็เดินเข้าไปพร้อมกับสบู่“นายน้อยท่านนี้ต้องการอะไรหรือ?”เมื่อเห็นเสื้อผ้าและออร่าที่ไม่ธรรมดาของหวังหยวน เจ้าของร้านก็ออกมาและกอบหมัดเพื่อต้อนรับ!“ขออ่างน้ำหน่อย ข้าจะนำเสนอวิธีที่ท่านเจ้าของร้านจะทำเงินได้อย่างมากมาย!”หวังหยวนเอามือไพล่หลังแล้วพูดอย่างหยิ่งผยองธุรกิจที่ดีควรนำเสนอพร้อมกับความน่าเชื่อถือ ไม่อย่างนั้นก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจได้!เจ้าของร้านนึกสงสัย แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าอันดูดีของหวังหยวน เขาจึงสั่งให้เสมียนในร้านไปตักน้ำมาหวังหยวนหยิบสบู่ออกมา สอนเสมียนคนนั้นให้ล้างมือด้วยสบู่ ทันใดนั้นมือที่สกปรกของเขาก็ถูกล้างจนสะอาดทันที!เจ้าของร้านตาเป็นประกาย หยิบสบู่มาดูใกล้ ๆ สูดดมกลิ่นหอม ก่อนจะกอบหมัดแล้วกล่าวว่า “แซ่ของข้าคือสวี่ ไม่ทราบว่าท่านแซ่อะไรหรือ?”หวังหยวนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ข้าแซ่หวัง เจ้าของร้านสวี่ เรามาคุยเรื่องธุรกิจกันก่อนเถอะ!”เจ้าของร้านสวี่มองไปที่สบู่แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยหวัง ข้าข
โจวฉางฟา นายน้อยคนที่สามของตระกูลโจวเดินออกมาจากด้านหลังร้านขายของชำด้วยสีหน้าประหลาดใจหวังหยวนทักทายอย่างประหลาดใจ “เจ้าของร้านโจว เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”โจวฉางฟาหัวเราะแล้วตอบว่า “นี่คือร้านขายของชำของตระกูลโจว ข้ากำลังตรวจสอบบัญชีอยู่หลังหลัง! เมื่อได้ยินเสียงเจ้า ก็คิดว่าข้าคงหูฝาดไป แต่เมื่อออกมาดู กลับกลายเป็นว่าเป็นเจ้าจริง ๆ มีน้ำตาลคริสตัลมาขายอีกแล้วหรือ?”เขานำน้ำตาลคริสตัลน้ำหนักยี่สิบจินไปขายในตัวอำเภอ พบว่ามันเป็นที่นิยมไม่แพ้เมืองหลวงเลยเขาซื้อมาเพียงสามสิบก้วน แต่ขายได้กำไรกว่าหนึ่งร้อยก้วน ทั้งยังขายหมดอย่างรวดเร็วบุคคลสำคัญหลายคนยังกล่าวถึงการกินน้ำตาลคริสตัล ว่าเป็นขนมที่อร่อยที่สุดในโลกนอกจากนี้ยังมีบัณฑิตผู้รู้หนังสือและนักกวี เขียนบทกวีเกี่ยวกับน้ำตาลคริสตัลอีกด้วยทุกวันนี้ หากใครไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในเมือง พวกเขาสามารถให้หยิบยืมเงินได้หลายร้อยก้วน แต่พวกเขาจะไม่ใส่ใจดูแลเจ้ากลับกัน หากมอบน้ำตาลคริสตัลให้สักหนึ่งจิน พวกเขาจะจัดการเดินเรื่องให้เจ้าทันที ผลที่ได้คุ้มค่ากว่าเงินหนึ่งพันก้วนด้วยซ้ำตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจอย่างแท้จริง ว
คนรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้าไปในร้านขายของชำริมถนน แล้วรีบหยิบอ่างน้ำออกมาวางภายในรถ“จ๋อม…”เสียงล้างมือเบา ๆ ดังขึ้นต้าหู่กลั้นหายใจ สงสัยว่าแม่นางในรถจะสนใจซื้อสบู่ของพี่หยวนหรือไม่แม้ว่านางจะซื้อจริง แต่คนคนหนึ่งจะซื้อสักกี่ชิ้นกันเชียว?หวังหยวนเองก็กังวลเล็กน้อยเช่นกันหลังจากเอ่ยถึงสรรพคุณการฟื้นฟูผิว ทำให้ขาวใสขึ้น ลบเลือนริ้วรอย กลิ่นหอมติดทน เขาเชื่อว่าเจ้าของมือที่ขาวและอ่อนโยนคู่นี้จะต้องสนใจซื้อมันแน่ ไม่มีสตรีนางใดต้านทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้อยากรู้นักว่าแม่นางผู้นี้จะซื้อกี่ก้อน และความนิยมของมันจะแพร่กระจายไปในหมู่สหายสนิทของนางหรือไม่แท้จริงแล้วกลุ่มลูกค้าของสบู่ก็คือสาว ๆ เหล่านี้ คนธรรมดาอาจหาซื้อไม่ได้สักพักเสียงเย็นชาก็ดังมาจากภายในรถ “สบู่ของเจ้าราคาชิ้นละเท่าไหร่?”หวังหยวนตอบ “ราคาขายปลีกอยู่ที่ชิ้นละหนึ่งหรือสองก้วน หากซื้อมากกว่านั้น จะได้รับส่วนลดเพิ่ม!”ดวงตาของต้าหู่และคนรับใช้ทั้งสี่แทบถลนออกมา!เงินสองก้วนถือเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับเลี้ยงชีพครอบครัวตลอดหนึ่งเดือน ใครจะยอมควักจ่ายเพื่อซื้อสบู่ล้างมือกันเสียงเย็นชาในรถพูดอีกครั้ง “เหตุใดเจ้าไ
ฉากนี้ที่เกิดขึ้นบนถนน ทำให้หลายคนตกใจเช่นเดียวกัน!โจวฉางฟาเดินเข้ามาและพูดว่า “สหาย เจ้าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับนางจิ้งจอกนั่นเชียว ประเดี๋ยวนางจะฆ่าเจ้าเอาได้!”หวังหยวนงุนงง “นางจิ้งจอกคนไหน?”“บุตรสาวคนโตของตระกูลหูอย่างไรล่ะ!”โจวฉางฟาชี้ไปที่รถม้าแล้วกระซิบ “นางแต่งงานมาแล้วสามครั้ง แต่ละครั้งที่นางแต่งงานกินระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน จากนั้นสามีของนางก็สิ้นลมอย่างกะทันหัน บางคนบอกว่านางเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ชอบดูดพลังหยางของบุรุษ หากสัมผัสนางเข้า ชายทุกคนจะต้องตาย”หวังหยวนไม่เชื่อ “เลวร้ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”“อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนางเชียว ข้างนอกยังมีสตรีนางอื่นอีกมาก หลายนางต่างก็มีฐานะร่ำรวยกันทั้งนั้น!”โจวฉางฟาดูจริงใจทว่าที่เขากล่าวเช่นนั้น เป็นเพราะเกรงว่าหวังหยวนจะตายด้วยเหตุนี้ และในอนาคตเขาอาจไม่สามารถซื้อน้ำตาลคริสตัลจากเขาได้อีกได้!สิ่งที่กลัวยิ่งกว่านั้น คือหากหวังหยวนร่วมมือทางการค้ากับตระกูลหูจริง เขาคงไม่อาจครองตลาดการค้าน้ำตาลคริสตัลเพียงผู้เดียว“ขอบคุณเจ้าของร้านโจวที่เตือนข้า!”หวังหยวนขึ้นรถม้า มองดูผมยาวสลวยของเจ้าของร้านโจวด้วยดวงตาเป็นประกาย พู
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา
สตรีผู้นี้...หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย!เหตุผลที่เขาไม่อยากให้หลิ่วหรูเยียนไปด้วยก็เพื่อปกป้องนาง เพราะหลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว หวังหยวนก็รู้สึกเห็นใจ!หลายปีมานี้ นางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมากมาย บัดนี้ในที่สุดก็ได้พบกับญาติ จึงควรได้ใช้เวลากับครอบครัว!แต่นางกลับดื้อรั้น ยืนกรานจะตามไปเสี่ยงอันตรายกับเขา ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!“เจ้าตัดสินใจแล้วจริงหรือ?”หวังหยวนถามย้ำ“ใช่แล้ว!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่น“ได้!”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ประเดี๋ยวเจ้าไปเตรียมตัวได้เลย เช้านี้พวกเราจะออกเดินทาง!”ตานเฟยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก ต้องรีบจัดการเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีโอกาสหนีไปได้!เมื่อถึงเวลานั้นจะเสียทั้งฮูหยินและรี้พล!หวังหยวนไม่อยากพลาดโอกาสนี้!“ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”หลิ่วหรูเยียนกล่าว แล้วเดินออกไป ในดวงตาของนางปราศจากแววตื่นเต้น กลับมีแต่ความเย็นชา!การล้างแค้นคือเป้าหมายเดียวในใจนาง!ครึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อม เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญ หวังหยวนจึงเตรียมการอย่างรัดกุมไม่เพียงแต่เรียกทหาร
“เขาชื่อตานเฟย อายุสี่สิบกว่าปี แต่ข้ารู้แค่ชื่อ ส่วนหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้”“ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่คนอื่น ๆ ในพรรคทมิฬต่างไม่รู้เช่นกัน”“หลายปีมานี้ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่ให้ใครเห็นหน้าตาที่แท้จริง!”หลิ่วหรูเยียนอธิบายหวังหยวนพยักหน้า คนของพรรคทมิฬชอบปิดบังตัวตน จึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาไม่เช่นนั้นคงไม่สะดวกในการทำงาน!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดีหวังหยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “แล้วฐานทัพพรรคทมิฬอยู่ที่ไหน?”“เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่?”“ได้ยินว่าตานเฟยรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น แต่ย่อมต้องเชื่อใจเจ้า และพาเจ้าไปด้วยใช่หรือไม่?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็เปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวปรากฏว่าหลายปีที่ผ่านมา นางเห็นโจรเป็นพ่อมาโดยตลอด!ซ้ำยังช่วยเหลือโจรผู้นี้ทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนช่วยเหลือ นางคงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของตานเฟย!ยิ่งคิด ยิ่งโมโห!“ข้ารู้!”“สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลและอยู่ในหุบเขาลึก แม้ว่าข้าจะบอกท่าน ท่านก็คงหาไม่พบ!”“ข้ามีวิธีหนึ่ง ให้ข้านำทางพาท่า
ในคืนนั้น หลิ่วหรูเยียนอยู่กับลุงของนางในห้อง ทั้งสองพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินหลิ่วหรูเยียนไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นเพียงคนเดียวดาย แม้ว่าประมุขพรรคทมิฬจะดูแลนาง แต่นางกลับรู้สึกว่ามีความห่างเหินกับเขา ความรู้สึกนี้ แม้แต่นางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนอาจเป็นความรู้สึกแปลกแยกกระมัง?เพราะทั้งสองไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้ว่าจะเห็นเขาเป็นญาติ แต่ก็ไม่ใช่ญาติที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เขากลับเป็นคนที่ฆ่าบิดาของนาง!หลิ่วหรูเยียนเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังหยวนไม่ได้หลอกลวงนาง ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ!รุ่งเช้า หวังหยวนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเขาเดินออกไปก็เห็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่หากไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน แล้วจะเป็นใครได้?“เจ้าตื่นเช้าจัง!”“ลุงของเจ้าเล่า?”“เท่าที่ข้ารู้ ตั้งแต่เมื่อวานพวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอด เหตุใดตอนนี้จึงแยกกันแล้วเล่า?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางขมวดคิ้วกล่
เมื่อหลิ่วหรูเยียนและชายผู้นั้นหยดเลือดลงในชาม ก็เห็นเลือดทั้งสองหยดรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นนี้จริง ๆ!นั่นแสดงว่าทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน!“ท่านลุง!”ทันใดนั้น หลิ่วหรูเยียนก็ร้องไห้ออกมา แล้วจับมือชายผู้นั้นพลางเรียกเขานางไม่นึกเลยว่านางยังมีญาติอยู่ในโลกนี้!ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันยินดีกับหลิ่วหรูเยียนช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี!เจียงเสี่ยวอวี๋ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลส่วนหวังหยวนส่ายหน้าพลางยิ้มฝืดเฝื่อน เขาเป็นคนต่างยุคย่อมเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งการพิสูจน์สายเลือดด้วยการหยดเลือดลงน้ำไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมารองรับ!ตราบใดที่เลือดสองชนิดเป็นหมู่เดียวกันย่อมสามารถรวมตัวกันได้ แต่หมู่เลือดเป็นแค่การแบ่งประเภทเท่านั้นบางทีนี่อาจเป็นฟ้าลิขิตก็ได้ใช่หรือไม่?ยิ่งกว่านั้น คนในยุคนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องหมู่เลือดด้วย ในเมื่อเลือดของทั้งสองสามารถรวมตัวกันได้ ประกอบกับเกาเล่อได้สืบหาข้อมูลมานานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าทั้งสองเป็นญาติกันจริง!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นการช่วยให้หลิ่วหรูเยียนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วยเขาจึงไม่ขัดจังหวะ“ดี! ดี! ดี!”“น้องชายข้าม
“ฆ่าหมดแล้วขอรับ!”“ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!”สมาชิกองครักษ์นองเลือดตอบ พร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมโหด ปลาเน่าอยู่กับปลาเน่า กุ้งเน่าอยู่กับกุ้งเน่า คนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดี เป็นไปตามที่หวังหยวนกล่าวไม่มีผิด!ลั่วเฉินยิ้มอย่างพึงพอใจ“ดี!”“เช่นนั้นพวกเรากลับไปรับรางวัลได้แล้ว!”พูดจบ ทุกคนก็หายตัวไปจากยอดเขา!...ครึ่งชั่วยามต่อมา ขบวนรถม้าที่พาญาติของหลิ่วหรูเยียนมาก็เข้ามาในเมือง ก่อนจะถูกพามายังวังของหวังหยวน!วังของหวังหยวนนับว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองอู่เจียง!ในดินแดนทั้งเก้า สถานที่ที่ปลอดภัยยิ่งกว่าคือหมู่บ้านต้าหวัง!ไม่เพียงแต่มีทหารมากมาย แต่ยังมีเอ้อหู่คอยดูแลปกป้อง!แต่เนื่องจากหวังหยวนอยู่ที่นี่ จึงไม่จำเป็นต้องกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวัง!“ญาติของข้าอยู่ที่ไหน?”เมื่อหลิ่วหรูเยียนรู้ข่าวก็รีบมาที่ห้องโถงใหญ่ แล้วตะโกนถามหวังหยวนและคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ด้วยบนเก้าอี้ตัวหนึ่งมีชายสวมชุดสีขาวนั่งอยู่ เขามีอายุมากกว่าหกสิบปี ผมสีดอกเลา ในมือถือไม้เท้าเมื่อเห็นหลิ่วหรูเยียน ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ จากนั้นพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่แล้ว! นี่คือหรูเยียน!”“เจ้าเป็นห
“แต่เจ้าจงวางใจ ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”หวังหยวนกล่าวอย่างใจเย็นหลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าในตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางจึงรู้สึกว่าหวังหยวนดูสง่างามขึ้นมากดูเหมือนว่าหวังหยวนจะดีกว่าที่นางคิดไว้ ที่นางมีอคติกับหวังหยวน ล้วนเป็นเพราะประมุขพรรคทมิฬและโอวหยางอวี่คอยเป่าหูล้างสมองแต่เมื่อได้สัมผัสกับตัวจริง นางกลับพบว่าหวังหยวนไม่ได้เป็นอย่างที่ทั้งสองคนกล่าว!ไม่เช่นนั้นเขาจะได้รับความเคารพรักได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น จากการทดสอบก็พอจะพิสูจน์ได้ว่าญาติของนางมีตัวตนอยู่จริง และคนของพรรคทมิฬคงต้องการปิดบังบางอย่าง จึงได้ทำเรื่องลับหลังเช่นนี้!ถูกผิด ประเดี๋ยวจะได้รู้กัน!“ข้าเข้าใจแล้ว”หลิ่วหรูเยียนกล่าวเบา ๆ แล้วเดินออกไปเมื่อถึงหน้าประตู นางก็หันกลับมามองหวังหยวน “เมื่อญาติข้ามาถึง ขอให้ท่านช่วยแจ้งข้าด้วย ข้าอยากพบเขาโดยเร็วที่สุด”“ขอบคุณมาก”หวังหยวนพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยคำใด“ครั้งนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว”“เจ้าทำได้ดีมาก!”หวังหยวนตบบ่าเกาเล่อ บนใบหน้ามีรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่น่าเสียดาย เกาเล่อกลับมีสีหน้าเศร้าหมอง เขาส่ายหน้ากล่าวด้วยความเสียใจว่า “
ฟึ่บ!สีหน้าของหวังหยวนพลันเปลี่ยนไปหากเป็นเช่นนี้ เขาจะอธิบายกับหลิ่วหรูเยียนอย่างไร?ขณะที่เขากำลังคิด หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่านางก็ได้รับข่าวเช่นกัน!นางนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เพราะเฝ้ารอคอยญาติของนางแต่กลับได้รับข่าวร้าย...“เขาตายแล้วจริงหรือ?”“ใครเป็นคนร้าย?”“เป็นคนของพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนคว้าตัวสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาถามด้วยความร้อนใจ“คนร้ายลงมืออย่างรวดเร็ว พวกเรายังไม่รู้ว่าเป็นใคร!”“แต่พวกเรากำลังสืบหาอยู่!”“พวกเราไม่มีวันยอมให้พี่น้องตายโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้!”สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อกล่าวด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างกลุ่มที่แข็งแกร่งและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อต่างฝึกฝนร่วมกันและกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน!บัดนี้พี่น้องของพวกเขาตาย พวกเขาจะไม่เสียใจได้อย่างไร? ความแค้นบัญชีเลือดต้องชำระ!“เรื่องราวไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เจ้าคิด”“ข้าคาดการณ์ทุกอย่างไว้แล้ว”ทันใดนั้น เกาเล่อก็รีบวิ่งเข้ามาเมื่อหวังหยวนได้รับข่าว ก็มีคนไปรายงานเกาเล่อเช่นเดียวกัน แต่เกาเล่อกลับไม่ใส่ใจเพียงแ
น้ำเสียงของประมุขพรรคทมิฬเย็นยะเยือกน่าสะพรึงกลัว แววตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าราวกับพร้อมจะฆ่าทุกคน!โอวหยางอวี่หวาดผวา เสื้อด้านหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น!เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผาก!ตอนนี้เขาอยากรู้ความจริงโดยเร็ว!ไม่มีทางที่หลิ่วหรูเยียนจะยังมีชีวิตอยู่!“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราต้องเตรียมรับมือ!”ทันใดนั้น ชายสวมชุดดำคนหนึ่งก็เดินออกมาเขาเป็นหนึ่งในสี่องครักษ์ผู้มีอำนาจสูงส่ง“ลั่วเฉิน!”“นับจากนี้เจ้าจงรับผิดชอบองครักษ์นองเลือด!”“ข้าได้รับข่าวมาแล้ว จึงรู้เส้นทางของพวกหวังหยวน และเพิ่งรู้ว่าหลิ่วหรูเยียนยังมีญาติอยู่!”“ห้ามปล่อยให้คนผู้นั้นเข้าเมืองอู่เจียงได้!”“ต้องฆ่าให้ได้!”“แม้ว่าหวังหยวนจะช่วยชีวิตหลิ่วหรูเยียน แต่หลิ่วหรูเยียนก็คงจะนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนาง คงไม่ยอมบอกที่ตั้งฐานทัพของเราให้หวังหยวนรู้!”“แต่หากเกาเล่อสืบจนรู้ความจริง แล้วพาญาติของหลิ่วหรูเยียนมาพบ หลิ่วหรูเยียนอาจจะทรยศพวกเรา ทำให้พวกเราเสียเปรียบ!”“จำไว้! ต้องฆ่าคนผู้นั้นให้ได้!”“และส่งคนไปสืบที่เมืองอู่เจียง ดูว่าหลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”ประมุขพรรคทมิฬออกคำ