หวังหยวนทนไม่ไหวแล้ว “เจ้าจะมาพูดแทนข้าเพื่ออะไร? โบราณว่าไว้ว่าออกทัพแทนบิดา ชำระหนี้ให้บิดา เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่คำนับแทนข้า และขอโทษแทนข้าเสียเลยเล่า!”หลิวเจี้ยนเย่โกรธจัด “เจ้า!”ท่านไป๋หลี่หัวเราะ “พี่อู๋โยว สหายน้อยผู้นี้น่าสนใจนัก เหตุใดไม่แนะนำเขาให้รู้จัก!”หลิวเจี้ยนเย่ชอบประจบประแจง และเหยียบย่ำคนอื่น เขาอยู่ทั้งตำแหน่งสูงและต่ำมาหลายปีแล้ว จึงสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็วเขาไม่ชอบพฤติกรรมร้ายกาจเช่นนี้“เขา เฮ้อ!”หลังจากมองไปที่หวังหยวนแล้ว หลี่ซานซือก็ส่ายหน้า ไม่สามารถพูดคำว่า 'พี่เขย' ออกมาได้หลิวเจี้ยนเย่ตอบแทนว่า “ท่านไป๋หลี่ เขาเป็นหนุ่มเสเพล ไม่ได้ไปโรงเรียนมาสามปีแล้ว เขาล้างผลาญทรัพย์สินของครอบครัวไปจนหมดสิ้น ซ้ำยังจำนองบ้าน ที่ดินของบรรพบุรุษ และภรรยาอีกด้วย เขาเกือบจะขายตัวเองไปเป็นทาส”ท่านไป๋หลี่ขมวดคิ้ว “สหายน้อยเจี้ยนเย่ โปรดระวังคำพูดด้วย! แม้ว่าข้าจะไม่รู้จักสหายน้อยผู้นี้ดีนัก แต่เขาไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น”เขามีความสามารถในการสังเกตคน ต่างคนต่างมีนิสัยต่างกันมองเพียงปราดแรก ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อเหลา แต่เมื่อพิจารณาให้ดี เขาน่าจะมีความประพฤติสูงส
ท่านไป๋หลี่มองไปที่หวังหยวนอีกครั้ง “สหายน้อย เช่นนั้นเรามาคุยกันแบบสบาย ๆ เถอะ!”“ดูเหมือนว่าหากวันนี้ข้าไม่พูดอะไรเลย ท่านไป๋หลี่จะไม่ยอมปล่อยข้าไป”หวังหยวนเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่เข้าใจเรื่องภาษีจริง ๆ แต่ข้าสามารถเสนอแนะเกี่ยวกับการทำเงินได้นิดหน่อย”“ทำเงินรึ?”ดวงตาของท่านไป๋หลี่เป็นประกาย “สหายน้อยโปรดชี้แนะ!”พอไม่พูดเรื่องเก็บภาษีก็ยังมีวิธีหาเงิน คำกล่าวของสหายน้อยผู้นี้ชวนให้กระชุ่มกระชวยเสียจริง!หลี่ซานซือจ้องมองหวังหยวน ‘เจ้ากล้าพูดเรื่องสำคัญของประเทศเชียวรึ!’หลิวเจี้ยนเย่ตะคอก ‘ข้าไม่เชื่อว่าคนบ้านนอกเสเพลผู้นี้จะเก่งไปกว่าข้าด้านความรู้เรื่องภาษี’หวังหยวนเลิกคิ้ว “ท่านกำลังทำธุรกิจใช่หรือไม่? แน่นอนว่าใครก็ตามที่มีเงินก็ทำธุรกิจได้ทั้งนั้น กลับกันผู้ที่ทำงานหนักตลอดทั้งวันกลับไม่สามารถทำเงินได้ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักสักเพียงใดก็ตาม”ท่านไป๋หลี่ปรบมือแล้วหัวเราะ “สหายน้อย ขอเพียงมีเงินก็สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ แต่จะทำอย่างไรล่ะ?”หลี่ซานซือและหลิวเจี้ยนเย่รู้สึกหนาววาบที่กระดูกสันหลัง ‘พวกข้าทั้งสองจัดว่ามีเงินเหมือนกัน’หวังหยวนกล่าว “เราอาจ
บูม!ประโยคง่าย ๆ เพียงสี่ประโยคนี้ เปรียบเสมือนระฆังมังกร ทำให้ทั้งสามคนตกใจเพื่อสร้างมโนธรรมให้กับสวรรค์และโลก เพื่อสร้างโชคชะตาให้กับผู้คน เพื่อสืบทอดองค์ความรู้ของนักปราชญ์ไม่ให้สูญหาย เพื่อสร้างสันติสุขให้แก่คนรุ่นหลัง!บทกลอนสี่บาทนี้โด่งดังไปทั่วโลก แพร่กระจายไปตามยุคสมัย ทิ้งชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร์!หลิวเจี้ยนเย่นึกอิจฉา “เขาแต่งบทกวีสี่บาทที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”ใบหน้าของหลี่ซานซือดูซับซ้อนแม้ว่าสี่ประโยคนี้สามารถทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก แต่เขาก็ไม่สามารถก้าวสู่แนวหน้าได้ หากไม่ได้สอบเคอจวี่ และไม่ใช่ลูกเขยของตระหูลหลี่เช่นกัน“สร้างมโนธรรมให้กับสวรรค์และโลก สร้างโชคชะตาให้กับผู้คน สืบทอดองค์ความรู้ของนักปราชญ์ไม่ให้สูญหาย สร้างสันติสุขให้แก่คนรุ่นหลัง!"ท่านไป๋หลี่พึมพำทั้งน้ำตาไหลอาบหน้า ลุกขึ้นแล้วไล่ตามอีกฝ่ายออกไป “นายท่าน รอข้าด้วย!"ชายสองคนวิ่งตามออกไปเมื่อทั้งสามคนออกไปด้านนอก!หวังหยวนและรถม้าของเขาก็หายไปแล้ว!ท่านไป๋หลี่ประหลาดใจ “สหายน้อยหวูโยว เซียนเซิงท่านนี้มาอยู่ในจวนของเจ้าได้อย่างไร? ระหว่างพวกเจ้ามีความสัมพันธ์เช่นไรกัน? รู้หร
ในรถม้า หวังหยวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “ท่านไป๋ลี่ผู้นั้นน่าสนใจมาก!”รถม้ามาถึงตลาดฝั่งตะวันตกของเมือง เมื่อพบร้านขายของชำขนาดใหญ่ หวังหยวนก็เดินเข้าไปพร้อมกับสบู่“นายน้อยท่านนี้ต้องการอะไรหรือ?”เมื่อเห็นเสื้อผ้าและออร่าที่ไม่ธรรมดาของหวังหยวน เจ้าของร้านก็ออกมาและกอบหมัดเพื่อต้อนรับ!“ขออ่างน้ำหน่อย ข้าจะนำเสนอวิธีที่ท่านเจ้าของร้านจะทำเงินได้อย่างมากมาย!”หวังหยวนเอามือไพล่หลังแล้วพูดอย่างหยิ่งผยองธุรกิจที่ดีควรนำเสนอพร้อมกับความน่าเชื่อถือ ไม่อย่างนั้นก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจได้!เจ้าของร้านนึกสงสัย แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าอันดูดีของหวังหยวน เขาจึงสั่งให้เสมียนในร้านไปตักน้ำมาหวังหยวนหยิบสบู่ออกมา สอนเสมียนคนนั้นให้ล้างมือด้วยสบู่ ทันใดนั้นมือที่สกปรกของเขาก็ถูกล้างจนสะอาดทันที!เจ้าของร้านตาเป็นประกาย หยิบสบู่มาดูใกล้ ๆ สูดดมกลิ่นหอม ก่อนจะกอบหมัดแล้วกล่าวว่า “แซ่ของข้าคือสวี่ ไม่ทราบว่าท่านแซ่อะไรหรือ?”หวังหยวนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ข้าแซ่หวัง เจ้าของร้านสวี่ เรามาคุยเรื่องธุรกิจกันก่อนเถอะ!”เจ้าของร้านสวี่มองไปที่สบู่แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยหวัง ข้าข
โจวฉางฟา นายน้อยคนที่สามของตระกูลโจวเดินออกมาจากด้านหลังร้านขายของชำด้วยสีหน้าประหลาดใจหวังหยวนทักทายอย่างประหลาดใจ “เจ้าของร้านโจว เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”โจวฉางฟาหัวเราะแล้วตอบว่า “นี่คือร้านขายของชำของตระกูลโจว ข้ากำลังตรวจสอบบัญชีอยู่หลังหลัง! เมื่อได้ยินเสียงเจ้า ก็คิดว่าข้าคงหูฝาดไป แต่เมื่อออกมาดู กลับกลายเป็นว่าเป็นเจ้าจริง ๆ มีน้ำตาลคริสตัลมาขายอีกแล้วหรือ?”เขานำน้ำตาลคริสตัลน้ำหนักยี่สิบจินไปขายในตัวอำเภอ พบว่ามันเป็นที่นิยมไม่แพ้เมืองหลวงเลยเขาซื้อมาเพียงสามสิบก้วน แต่ขายได้กำไรกว่าหนึ่งร้อยก้วน ทั้งยังขายหมดอย่างรวดเร็วบุคคลสำคัญหลายคนยังกล่าวถึงการกินน้ำตาลคริสตัล ว่าเป็นขนมที่อร่อยที่สุดในโลกนอกจากนี้ยังมีบัณฑิตผู้รู้หนังสือและนักกวี เขียนบทกวีเกี่ยวกับน้ำตาลคริสตัลอีกด้วยทุกวันนี้ หากใครไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในเมือง พวกเขาสามารถให้หยิบยืมเงินได้หลายร้อยก้วน แต่พวกเขาจะไม่ใส่ใจดูแลเจ้ากลับกัน หากมอบน้ำตาลคริสตัลให้สักหนึ่งจิน พวกเขาจะจัดการเดินเรื่องให้เจ้าทันที ผลที่ได้คุ้มค่ากว่าเงินหนึ่งพันก้วนด้วยซ้ำตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจอย่างแท้จริง ว
คนรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้าไปในร้านขายของชำริมถนน แล้วรีบหยิบอ่างน้ำออกมาวางภายในรถ“จ๋อม…”เสียงล้างมือเบา ๆ ดังขึ้นต้าหู่กลั้นหายใจ สงสัยว่าแม่นางในรถจะสนใจซื้อสบู่ของพี่หยวนหรือไม่แม้ว่านางจะซื้อจริง แต่คนคนหนึ่งจะซื้อสักกี่ชิ้นกันเชียว?หวังหยวนเองก็กังวลเล็กน้อยเช่นกันหลังจากเอ่ยถึงสรรพคุณการฟื้นฟูผิว ทำให้ขาวใสขึ้น ลบเลือนริ้วรอย กลิ่นหอมติดทน เขาเชื่อว่าเจ้าของมือที่ขาวและอ่อนโยนคู่นี้จะต้องสนใจซื้อมันแน่ ไม่มีสตรีนางใดต้านทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้อยากรู้นักว่าแม่นางผู้นี้จะซื้อกี่ก้อน และความนิยมของมันจะแพร่กระจายไปในหมู่สหายสนิทของนางหรือไม่แท้จริงแล้วกลุ่มลูกค้าของสบู่ก็คือสาว ๆ เหล่านี้ คนธรรมดาอาจหาซื้อไม่ได้สักพักเสียงเย็นชาก็ดังมาจากภายในรถ “สบู่ของเจ้าราคาชิ้นละเท่าไหร่?”หวังหยวนตอบ “ราคาขายปลีกอยู่ที่ชิ้นละหนึ่งหรือสองก้วน หากซื้อมากกว่านั้น จะได้รับส่วนลดเพิ่ม!”ดวงตาของต้าหู่และคนรับใช้ทั้งสี่แทบถลนออกมา!เงินสองก้วนถือเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับเลี้ยงชีพครอบครัวตลอดหนึ่งเดือน ใครจะยอมควักจ่ายเพื่อซื้อสบู่ล้างมือกันเสียงเย็นชาในรถพูดอีกครั้ง “เหตุใดเจ้าไ
ฉากนี้ที่เกิดขึ้นบนถนน ทำให้หลายคนตกใจเช่นเดียวกัน!โจวฉางฟาเดินเข้ามาและพูดว่า “สหาย เจ้าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับนางจิ้งจอกนั่นเชียว ประเดี๋ยวนางจะฆ่าเจ้าเอาได้!”หวังหยวนงุนงง “นางจิ้งจอกคนไหน?”“บุตรสาวคนโตของตระกูลหูอย่างไรล่ะ!”โจวฉางฟาชี้ไปที่รถม้าแล้วกระซิบ “นางแต่งงานมาแล้วสามครั้ง แต่ละครั้งที่นางแต่งงานกินระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน จากนั้นสามีของนางก็สิ้นลมอย่างกะทันหัน บางคนบอกว่านางเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ชอบดูดพลังหยางของบุรุษ หากสัมผัสนางเข้า ชายทุกคนจะต้องตาย”หวังหยวนไม่เชื่อ “เลวร้ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”“อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนางเชียว ข้างนอกยังมีสตรีนางอื่นอีกมาก หลายนางต่างก็มีฐานะร่ำรวยกันทั้งนั้น!”โจวฉางฟาดูจริงใจทว่าที่เขากล่าวเช่นนั้น เป็นเพราะเกรงว่าหวังหยวนจะตายด้วยเหตุนี้ และในอนาคตเขาอาจไม่สามารถซื้อน้ำตาลคริสตัลจากเขาได้อีกได้!สิ่งที่กลัวยิ่งกว่านั้น คือหากหวังหยวนร่วมมือทางการค้ากับตระกูลหูจริง เขาคงไม่อาจครองตลาดการค้าน้ำตาลคริสตัลเพียงผู้เดียว“ขอบคุณเจ้าของร้านโจวที่เตือนข้า!”หวังหยวนขึ้นรถม้า มองดูผมยาวสลวยของเจ้าของร้านโจวด้วยดวงตาเป็นประกาย พู
“คิดจะสู้งั้นรึ เกรงว่าเอาชนะข้าไม่ง่ายหรอก พี่น้องทั้งหลาย ฆ่าเจ้าโง่พวกนี้ซะ!”ฝานเจียงหลงออกคำสั่ง พวกอันธพาลมากกว่าสิบคนก็รีบรุดเข้ามา เช่นเดียวกับที่พวกเขาถูกเอ้อหู่ทุบตีครั้งล่าสุด!“รนหาที่ตาย!”เอ้อหู่กระโจนเข้าหากลุ่มคน“อ๊าก!”ฝานเจียงหลงถูกโจมตีอย่างรุนแรงเช่นนั้นก็ล้มลงกับพื้นพวกอันธพาลคนอื่น ๆ มีสายตาหวาดกลัวอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็กัดฟัน และปิดล้อมเอ้อหู่ต่อไป“ใครมันกล้าโจมตีคนหมู่บ้านต้าหวังของเรา ข้าจะเอาชนะพวกอันธพาลเหล่านี้ให้ตายไปซะ!”สมาชิกแผงขายปลาดึงไม้ค้ำแผงของตัวเองออกมาบ้าง พี่น้องตระกูลกัวทั้งสามเองก็ด้วย หมายปรี่เข้าไปหาเหล่าอันธพาล“เดี๋ยวก่อน!”หวังซื่อไห่หยุดพวกเขาไว้ “พวกเขาดูผิดแปลกไปจากปกติ อย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่า พวกเขาไม่มีอาวุธ อย่างไรก็ไม่สามารถทำร้ายเอ้อหู่ได้”“ใช่ พวกเขาผิดปกติจริง ๆ เราอย่าเพิ่งลงมือทำอะไรเลย รอดูก่อน”กัวฉางก็แนะนำไปในทางเดียวกัน เขาเองก็สังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเหล่าอันธพาลในวันนี้เมื่อก่อน ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นหน้าเอ้อหู่ คนเหล่านั้นต่างก็ยักคิ้วหลิ่วตาและส่งยิ้มเพื่อเอาอกเอาใจเขาดูเหมือนว่าวันนี้
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า