คนผู้หนึ่งสวมชุดสีแดงและสวมมงกุฎหงส์สีทองอร่ามไว้บนศีรษะ หน้าผากแต้มกลีบดอกบัวสีชาด ใบหน้าไม่แต่งแต้มเครื่องสำอางแม้แต่น้อย และนี่คือความงดงามอันไร้ที่ติของเซี่ยวฉู่ฉู่ นางเปิดจดหมายลับและอ่านอย่างรวดเร็วแล้วพนมมือ “ขอสวรรค์อวยพรเมืองหวงของข้า ความรุ่งเรืองของต้าเย่ได้จบลงแล้ว!”เด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างนางแต่งกายด้วยชุดลายมังกรถามด้วยความสงสัย “ท่านป้า ท่านทำความดีมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ฉิวเอ้อร์!”เซี่ยวฉู่ฉู่หยิกแกมของเด็กน้อยเบา ๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่องเต้ซิงหลงเกิดความสงสัย และเข้าใจผิดคิดว่าเสนาธิการทหารว่าเป็นหนึ่งในหมากของอีกฝ่าย เขาจึงรับสั่งไม่ให้คนผู้นั้นสอบคัดเลือกขุนนางเคอจี่ และห้ามใช้งานเขาเด็ดขาด ดังนั้นตอนนี้พวกเขาก็จะไม่มีเสนาธิการทหารแล้ว เมืองหวงของเราจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป”“โอ้!”ฮ่องเต้น้อยเผยสีหน้าสับสนตึง ตึง ตึง!ขณะที่นางกำลังเคาะโต๊ะ นางกำนัลคนหนึ่งก็ปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ ใบหน้างามของเซี่ยวฉู่ฉู่พลันเปล่งประกายทันใด “มีข่าวคราวจากองครักษ์เหยี่ยวดำในเฉิงโจวหรือไม่!”“กราบทูลไทเฮา ข้าเสนอป้ายหยกของพระองค์ให้แก่ท่านเสนาธิการทหาร แต่เขาปฏิเสธเพคะ”นางกำนั
“หากเป็นหญิงงามแล้ว ชายเหล่านั้นไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่หรอก ต่างคนต่างความชอบ! สำหรับแม่ทัพหนุ่มแล้ว พวกท่านจะทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่เหตุใดต้องกังวลในเรื่องนั้นด้วยเล่า”ไป๋เฟยเฟยกะพริบตาพลางกล่าว “ข้ากำลังมองหาบ้านหลังงามให้ท่าน อย่างไรเสีย ท่านก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการให้ท่านแต่งงานกับคนโง่เขลา เพราะมันทำให้ข้ารู้สึกเป็นทุกข์ทุกทีที่เห็น!”“เจ้าคิดว่ามันฟังดูน่าเชื่องั้นรึ!”จีหลีหยางกล่าวคำเบา “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการให้เขาแตกคอกับแม่ทัพหนุ่ม เพื่อที่ในอนาคตพวกเขาจะได้ไม่ร่วมมือกันทำลายความดีความชอบของตระกูลไป๋!”“โอ้ คนงาม ท่านเริ่มฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!”ดวงตาคู่งามของไป๋เฟยเฟยเปล่งประกาย เขาเชยคางจีหลีหยางขึ้นแล้วทาบทับริมฝีปากของตนลงไป “ข้าไม่เต็มใจยกท่านให้ชายอื่นหรอกนะ!”“เจ้า!”การได้รับจุมพิตจากเพศเดียวกันคือสิ่งที่น่าอายสำหรับจีหลีหยาง ดังนั้นใบหน้าของนางจึงแดงก่ำ...จวนตระกูลหลี่ ณ เมืองโจว!“ซื่อหาน เจ้าอ่านหรือยัง มันคือพระราชกฤษฎีกาที่ราชสำนักส่งมา!”ร่างกายของหญิงสาวตระกูลหลี่สั่นเทา ขณะถือพระราชกฤษฎีกา “หวังหยวนจากหมู่บ้านต้าหวัง ตำบลเป่
ที่ทำการปกครองอำเภอ ณ เมืองฝู!“นี่... นี่?”นายอำเภอคนใหม่ซุนไป๋ชวนถือเอกสารจากราชสำนักไว้ในมือก่อนหรี่ตามอง!อาจารย์หมิงถันละโมบต้องการทวงความดีความชอบในการปราบปรามชาวหวง ซึ่งทำให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วอย่างมาก เขาจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้มีสิทธิสอบคัดเลือก และจะไม่มีวันได้รับราชการ!ทว่าสุดท้ายแล้วแม่ทัพหนุ่มก็พูดโน้มน้าวให้อีกฝ่ายรู้ว่าในสายตาของเขา อาจารย์หมิงถันเคารพฮ่องเต้มากเพียงใด!ไม่ต้องพูดถึงข่าวโคมลอยที่ได้ยินจากคนอื่น ๆ!แต่ในความคิดของแม่ทัพหนุ่ม ผู้ที่สมควรได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดหลังจากที่กองทัพสามารถเอาชนะชาวหวงได้ก็คือ อาจารย์หมิงถัน!ตอนนี้ราชสำนักกลับ ‘ตอบแทนความดีงาม’ ของเขาด้วยการทำเช่นนี้!คุณความดีของเขาเป็นเรื่องจริงหรือเท็จไม่อาจกล่าวได้ แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทีของฝ่าบาทแล้ว พระองค์เกลียดชังอาจารย์หมิงถันไม่น้อยเนื่องด้วยฮ่องเต้มีทัศนคติเช่นนี้ ดังนั้นมุมมองความคิดของเหล่าขุนนางที่มีต่ออาจารย์หมิงถันจึงเปลี่ยนเช่นกันซุนไป๋ชวนตบโต๊ะแล้วตะโกน “ใครก็ได้ อย่าให้ใครเข้ามารบกวนนายท่านสามล่ะ!”ไม่นาน ผู้ตรวจการสวี่ที่ตอนนี้ได้เลื่อนขั้นเป็นนายอำเภอสวี่ก็ประสานหมัด
“องค์ฮ่องเต้ทรงเลอะเลือนไปแล้วเป็นแน่ พี่หยวนมีความดีความชอบมากมายเพียงนี้ แต่เหตุใดต้องสั่งลงโทษด้วย”“ห้ามไม่ให้สอบคัดเลือกขุนนาง ไม่ให้รับราชการ มันคือการตัดอนาคตพี่หยวนชัด ๆ!”“ฮ่องเต้เบาปัญญา แม่ทัพมู่ถูกฆ่าตายเพราะความสำเร็จของเขา ตอนนี้ท่านเสนาธิการทหารก็ถูกลงโทษเพราะความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อีก”“ฮ่องเต้และพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ล้วนโง่เขลา มิเช่นนั้นต้าเย่คงไม่ถูกพวกชาวหวงรุกรานเช่นนี้!”คนกลุ่มหนึ่งรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก“เอาล่ะ!”หวังหยวนกล่าวต่อ “พวกเจ้าอย่าพูดเช่นนี้ข้างนอกล่ะ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นอาชญากรและถูกประหารได้!”ทุกคนในห้องก้มหน้าลง พวกเขารู้ดีว่าหากพูดคำเหล่านี้ ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร!ก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่วิจารณ์องค์ฮ่องเต้เลย แม้แต่นายอำเภอ พวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงด้วยซ้ำ!อย่างไรก็ตาม หลังจากฝ่าฟันเหตุการณ์มากมายพร้อมกับหวังหยวน พวกเขาหลายคนก็มีความกล้ามากขึ้น!“พี่หยวน พวกเราเสียใจที่ท่านไม่ได้รับความยุติธรรม ราชสำนักจะต้องเสียใจที่ทำกับท่านเช่นนี้!”แม้ว่าเขาจะนิ่งเฉยมาตลอด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อและเผยสายตาไม่พอใจ“ถูกต้อง หากไม่ใช่เพราะลูกพี่ลู
หวังหยวนพยักหน้าพลางกล่าว “เจ้าจงไปคัดเลือกกลุ่มคนที่สามารถไว้ใจได้และมีไหวพริบมาให้ข้า จากนั้นส่งไปยังค่ายซานหู่ ข้าจะส่งคนไปฝึกฝนพวกเขาและจะต้องไม่มีบุคคลที่สามรู้เรื่องนี้”“เข้าใจแล้ว!”กัวเฉิงประสานมือทำความเคารพ พลางพยักหน้าก่อนเดินออกไป!หวังหยวนเดินออกไปจากห้องเข่นกัน!เมื่อกัวฉางเดินจากไป คิ้วกระบี่ของหวังหยวนก็ขมวดเข้าหากัน ขณะที่ดวงตามืดมนลงทันใดข้อกล่าวหาที่ว่าเขาไม่พอใจในรางวัลตอบแทนที่ราชสำนักมอบให้ หลังจากที่สามารถปราบปรามชาวหวงเป็นเรื่องเท็จ การที่ฮ่องเต้ซิงหลงเขียนกฤษฎีกาฉบับนี้ขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าราชสำนักมีความคิดต่อเขาอย่างไร ซึ่งมันอาจทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายนับไม่ถ้วนเพื่อรักษาชีวิตตนเอง เขาจึงต้องคิดทบทวนในการถือไพ่ลับเพิ่มอีกสองสามใบ!หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นเดินออกจากห้องไปพร้อมกับรอยยิ้ม!ทั่วทั้งหมู่บ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข ชาวบ้านทุกคนต่างได้รับของกำนัลอย่างถ้วนหน้าทุกครอบครัวต่างได้รับเนื้อปลาและเนื้อวัว ขณะที่เด็กและผู้เฒ่าต่างหัวเราะอย่างไม่รู้ตัว!ก่อนหน้านี้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ชาวบ้านมักจะมีอาหารไม่พอเพียง แต่ในปีน
ประทัดที่ถูกจำหน่ายในเมืองฝูมีส่วนผสมเป็นดินประสิว กำมะถัน และถ่าน เมื่อประทัดระเบิดออกจะเกิดเสียงดังและมีควันโขมงบางคนซื้อประทัดเหล่านั้นมาใช้และพบว่ามันทั้งเสียงดัง มีควันเยอะ ซึ่งไม่น่าพึงพอใจอย่างยิ่งหวังหยวนจึงผสมดินปืนลงไป จากนั้นใช้กระดาษฟั่นเป็นเกลียวเพื่อทำประทัดเสียงประทัดทำให้เหล่าชาวบ้านตกใจ“ตกลง!”เมื่อได้รับอนุญาต ต้าหู่ก็หยิบประทัดขึ้นมาแล้วจุดไฟก่อนโยนทิ้ง!ชาวบ้านที่เห็นเช่นนั้นต่างปิดหูอย่างรวดเร็ว!ปัง ปัง!เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวไฟสว่างวาบ ตามมาด้วยควันหนาทึบ!“ข้าขอหนึ่งอันสิ!”“พี่หู่ ข้าขอด้วย!”“ข้าก็อยากเล่นเช่นกัน!”หวังซื่อไห่ หวังเอ้อโกว หวังเถียนอัน และชาวบ้านหลายคนไม่ได้ที่จะเขยิบไปข้างหน้า!ต้าหู่จุดประทัดอันต่อไปด้วยความปวดใจ ขณะที่เหล่าชาวบ้านต่างระมัดระวังมากขึ้น!ปัง... ปัง!เสียงประทัดดังกระหึ่มไปทั่วหมู่บ้าน!เหล่าผู้เฒ่านั่งมองอยู่ในที่ไกล ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มขณะที่น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวในอดีตเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน พวกชาวบ้านไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อประทัด ดังนั้นพวกเขาจึงโยนไม้ไผ่ลงในกองไฟแทนแต่ในที่สุดปีนี้ก็เป็นปีที่
จดหมายฉบับนี้เป็นลายมือของหวังหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย เนื้อหาช่างเย่อหยิ่งและไร้หัวใจยิ่งนัก!“ซื่อหาน ตอนนี้ข้าอยู่ที่เมืองจวิ้น กิจการของข้าทำรายได้กว่าหนึ่งล้านแล้ว ดังนั้นตระกูลหวังจึงมีอิทธิพลเหนือผู้มีอำนาจ จนกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองในฐานะลูกสะใภ้ของตระกูลหวัง เจ้าต้องแผ่กิ่งก้านสาขาตระกูลหวังออกไปแต่เราแต่งงานกันมาสามปีแล้ว เจ้ากลับไม่ตั้งท้องเลย มันจึงทำให้ข้าละอายใจต่อบรรพบุรุษตระกูลหวังยิ่งนักการไม่มีลูกชายสืบสกุลคือความผิดบาปที่ร้ายแรงที่สุดในความอกตัญญูสามประการ หากข้าไม่มีลูกชายและลูกสาว ใครจะสืบทอดมรดกอันยิ่งใหญ่เล่า แล้วใครจะเป็นผู้กราบไหว้บรรพบุรุษของเรา?ดังนั้นในฐานะสามี ข้าจึงตั้งใจจะมีภรรยาอีกหนึ่งคนเพื่อสืบทอดตระกูลหวัง และกราบไหว้บรรพบุรุษตระกูลหวังของเราไม่อาจเลี้ยงแม่ไก่ที่ไม่สามารถวางไข่ได้ ดังนั้นสถานะสามีภรรยาของเราได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าจะไม่รับตัวเจ้ากลับอีกต่อไปตอนนี้ข้าแต่งงานใหม่แล้ว หญิงผู้นั้นคือหูเมิ่งอิ๋งแห่งตระกูลหู นางงดงามและมีคุณธรรมมากกว่าเจ้า ทั้งยังสามารถช่วยข้าบริหารธุรกิจได้อย่างชำนาญ ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกับข้าเหลือเกิน!ตอ
“หึ!”สะใภ้ตระกูลหลี่กล่าวคำเบา “หลังจากนี้ท่านจงไปโน้มน้าวท่านพ่อว่าอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายดูไม่น่าไว้วางใจยิ่งนัก เราอาจจะพึ่งพาเขาไม่ได้ ท่านลองนึกถึงสงครามครั้งใหญ่ในตอนเหนือที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายชี้แนะแม่ทัพหนุ่มจนได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจึงควรเป็นผู้นำขุนนางในราชสำนัก และด้วยสถานการณ์ของไอ้คนบ้านนอก ทำให้แม่ทัพหนุ่มถูกตำหนิ รวมไปถึงทำให้อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่ได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทอีกต่อไป หากท่านพ่อและพวกท่านต้องการประสบความสำเร็จ จึงต้องเข้าร่วมกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็จะถูกเลื่อนขั้นและร่ำรวยได้อย่างง่าย!”หลี่อีเหนียนขมวดคิ้ว “ท่านพ่อต้องการทำเพียงสิ่งที่มีประโยชน์ต่อราชสำนักเท่านั้น เขาไม่ต้องการเข้าร่วมกับพรรคพวกที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือแข่งขันแย่งชิงอำนาจ นอกจากนี้ท่านพ่อและอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายยังเป็นพันธมิตรกันมานาน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา ดังนั้นเขาจึงไม่มีวันเข้าร่วมกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาอย่างแน่นอน!”สะใภ้ตระกูลหลี่แค่นเสียงเล็กน้อย “ข้าคิดเรื่องนี้แทนท่านแล้ว ผู้ตรวจการมณฑลมิใช่อยู