หวังหยวนพยักหน้าพลางกล่าว “เจ้าจงไปคัดเลือกกลุ่มคนที่สามารถไว้ใจได้และมีไหวพริบมาให้ข้า จากนั้นส่งไปยังค่ายซานหู่ ข้าจะส่งคนไปฝึกฝนพวกเขาและจะต้องไม่มีบุคคลที่สามรู้เรื่องนี้”“เข้าใจแล้ว!”กัวเฉิงประสานมือทำความเคารพ พลางพยักหน้าก่อนเดินออกไป!หวังหยวนเดินออกไปจากห้องเข่นกัน!เมื่อกัวฉางเดินจากไป คิ้วกระบี่ของหวังหยวนก็ขมวดเข้าหากัน ขณะที่ดวงตามืดมนลงทันใดข้อกล่าวหาที่ว่าเขาไม่พอใจในรางวัลตอบแทนที่ราชสำนักมอบให้ หลังจากที่สามารถปราบปรามชาวหวงเป็นเรื่องเท็จ การที่ฮ่องเต้ซิงหลงเขียนกฤษฎีกาฉบับนี้ขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าราชสำนักมีความคิดต่อเขาอย่างไร ซึ่งมันอาจทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายนับไม่ถ้วนเพื่อรักษาชีวิตตนเอง เขาจึงต้องคิดทบทวนในการถือไพ่ลับเพิ่มอีกสองสามใบ!หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นเดินออกจากห้องไปพร้อมกับรอยยิ้ม!ทั่วทั้งหมู่บ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข ชาวบ้านทุกคนต่างได้รับของกำนัลอย่างถ้วนหน้าทุกครอบครัวต่างได้รับเนื้อปลาและเนื้อวัว ขณะที่เด็กและผู้เฒ่าต่างหัวเราะอย่างไม่รู้ตัว!ก่อนหน้านี้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ชาวบ้านมักจะมีอาหารไม่พอเพียง แต่ในปีน
ประทัดที่ถูกจำหน่ายในเมืองฝูมีส่วนผสมเป็นดินประสิว กำมะถัน และถ่าน เมื่อประทัดระเบิดออกจะเกิดเสียงดังและมีควันโขมงบางคนซื้อประทัดเหล่านั้นมาใช้และพบว่ามันทั้งเสียงดัง มีควันเยอะ ซึ่งไม่น่าพึงพอใจอย่างยิ่งหวังหยวนจึงผสมดินปืนลงไป จากนั้นใช้กระดาษฟั่นเป็นเกลียวเพื่อทำประทัดเสียงประทัดทำให้เหล่าชาวบ้านตกใจ“ตกลง!”เมื่อได้รับอนุญาต ต้าหู่ก็หยิบประทัดขึ้นมาแล้วจุดไฟก่อนโยนทิ้ง!ชาวบ้านที่เห็นเช่นนั้นต่างปิดหูอย่างรวดเร็ว!ปัง ปัง!เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวไฟสว่างวาบ ตามมาด้วยควันหนาทึบ!“ข้าขอหนึ่งอันสิ!”“พี่หู่ ข้าขอด้วย!”“ข้าก็อยากเล่นเช่นกัน!”หวังซื่อไห่ หวังเอ้อโกว หวังเถียนอัน และชาวบ้านหลายคนไม่ได้ที่จะเขยิบไปข้างหน้า!ต้าหู่จุดประทัดอันต่อไปด้วยความปวดใจ ขณะที่เหล่าชาวบ้านต่างระมัดระวังมากขึ้น!ปัง... ปัง!เสียงประทัดดังกระหึ่มไปทั่วหมู่บ้าน!เหล่าผู้เฒ่านั่งมองอยู่ในที่ไกล ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มขณะที่น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวในอดีตเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน พวกชาวบ้านไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อประทัด ดังนั้นพวกเขาจึงโยนไม้ไผ่ลงในกองไฟแทนแต่ในที่สุดปีนี้ก็เป็นปีที่
จดหมายฉบับนี้เป็นลายมือของหวังหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย เนื้อหาช่างเย่อหยิ่งและไร้หัวใจยิ่งนัก!“ซื่อหาน ตอนนี้ข้าอยู่ที่เมืองจวิ้น กิจการของข้าทำรายได้กว่าหนึ่งล้านแล้ว ดังนั้นตระกูลหวังจึงมีอิทธิพลเหนือผู้มีอำนาจ จนกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองในฐานะลูกสะใภ้ของตระกูลหวัง เจ้าต้องแผ่กิ่งก้านสาขาตระกูลหวังออกไปแต่เราแต่งงานกันมาสามปีแล้ว เจ้ากลับไม่ตั้งท้องเลย มันจึงทำให้ข้าละอายใจต่อบรรพบุรุษตระกูลหวังยิ่งนักการไม่มีลูกชายสืบสกุลคือความผิดบาปที่ร้ายแรงที่สุดในความอกตัญญูสามประการ หากข้าไม่มีลูกชายและลูกสาว ใครจะสืบทอดมรดกอันยิ่งใหญ่เล่า แล้วใครจะเป็นผู้กราบไหว้บรรพบุรุษของเรา?ดังนั้นในฐานะสามี ข้าจึงตั้งใจจะมีภรรยาอีกหนึ่งคนเพื่อสืบทอดตระกูลหวัง และกราบไหว้บรรพบุรุษตระกูลหวังของเราไม่อาจเลี้ยงแม่ไก่ที่ไม่สามารถวางไข่ได้ ดังนั้นสถานะสามีภรรยาของเราได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าจะไม่รับตัวเจ้ากลับอีกต่อไปตอนนี้ข้าแต่งงานใหม่แล้ว หญิงผู้นั้นคือหูเมิ่งอิ๋งแห่งตระกูลหู นางงดงามและมีคุณธรรมมากกว่าเจ้า ทั้งยังสามารถช่วยข้าบริหารธุรกิจได้อย่างชำนาญ ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกับข้าเหลือเกิน!ตอ
“หึ!”สะใภ้ตระกูลหลี่กล่าวคำเบา “หลังจากนี้ท่านจงไปโน้มน้าวท่านพ่อว่าอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายดูไม่น่าไว้วางใจยิ่งนัก เราอาจจะพึ่งพาเขาไม่ได้ ท่านลองนึกถึงสงครามครั้งใหญ่ในตอนเหนือที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายชี้แนะแม่ทัพหนุ่มจนได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจึงควรเป็นผู้นำขุนนางในราชสำนัก และด้วยสถานการณ์ของไอ้คนบ้านนอก ทำให้แม่ทัพหนุ่มถูกตำหนิ รวมไปถึงทำให้อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่ได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทอีกต่อไป หากท่านพ่อและพวกท่านต้องการประสบความสำเร็จ จึงต้องเข้าร่วมกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็จะถูกเลื่อนขั้นและร่ำรวยได้อย่างง่าย!”หลี่อีเหนียนขมวดคิ้ว “ท่านพ่อต้องการทำเพียงสิ่งที่มีประโยชน์ต่อราชสำนักเท่านั้น เขาไม่ต้องการเข้าร่วมกับพรรคพวกที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือแข่งขันแย่งชิงอำนาจ นอกจากนี้ท่านพ่อและอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายยังเป็นพันธมิตรกันมานาน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา ดังนั้นเขาจึงไม่มีวันเข้าร่วมกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาอย่างแน่นอน!”สะใภ้ตระกูลหลี่แค่นเสียงเล็กน้อย “ข้าคิดเรื่องนี้แทนท่านแล้ว ผู้ตรวจการมณฑลมิใช่อยู
เด็กหนุ่มเสวี่ยเมิ่งหลงเลิกคิ้วกระบี่พร้อมกล่าว “ศิษย์พี่ฝูไห่ ศิษย์พี่จ้าวหลิน พวกเราต้องติดตามท่านอาจารย์ไปอีกนานเท่าไร ข้าทนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอกไม่ไหวแล้ว!”เขาคือบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมายของจวิ้นวั่ง ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับขุนนางในราชสำนัก ดังนั้นเขาจึงได้รับข่าวจากเมืองหลวงกล่าวกันว่าหวังหยวนเป็นหมากของแม่ทัพหนุ่มและอาจารย์ที่ใช้แทรกแซงในราชสำนักเขาเชื่อข่าวนี้ในทันใดเดิมทีในตอนที่ได้ข่าวว่าหวังหยวนคือคนวางแผนยุทธศาสตร์ในการรบกับชาวหวง เขาก็นึกสงสัยอย่างมาก!อย่างไรเสีย เขาก็คืออัจฉริยะที่สอบผ่านการสอบคัดเลือกขุนนางตั้งแต่อายุสิบแปดปีในทางกลับกัน หวังหยวนมีทักษะด้านกลอนและบทกวี การเมือง ยุทธการทหาร เชี่ยวชาญในงานฝีมือ ทั้งยังช่ำชองด้านการบริหาร แม้แต่ปีศาจก็ไม่อาจเก่งรอบด้านเช่นนี้ได้นอกจากนี้เด็กน้อยในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ยังต้องการอาจารย์สอนอ่านเขียนอีกด้วย!สาเหตุที่เขามาที่นี่ก็เพราะต้องการพิสูจน์พรสวรรค์ และความบริสุทธิ์ของอีกฝ่ายทางอ้อมชายหนุ่มหลี่จ้าวหลินส่ายหน้าพลางถอนหายใจ“เมิ่งหลง ท่านอาจารย์กำลังวางแผนสำหรับลูกของเขา”ฉงโหลวเป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่
ระหว่างเดินทางจากเมืองจิ่วซานไปยังเมืองฝู วังฉงโหลวพบเจอชาวบ้านยากไร้มากมาย และเมื่อเห็นรถม้า พวกเขาก็จะปรี่เข้ามาล้อมรอบเอาไว้ทันทีเคราะห์ดีที่คนขับรถม้าตระกูลวังมีสายตาแหลมคม เขาจึงรีบกล่าวว่า “นายน้อย พวกเขาไม่ใช่ชาวบ้านยากไร้ แต่เป็นเพราะท่านหมิงถันมาต้อนรับพวกเราขอรับ”หวังหยวนมักไปเยี่ยมเยือนตระกูลวังที่เมืองจิ่วซานอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นพวกบ่าวรับใช้จึงจดจำเขาได้“อาหยวนมารับพวกเรางั้นรึ!”วังฉงโหลวขยี้ตาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เขาจึงมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นก่อนตะโกนเสียงดัง “อารอง อาหยวนมารอต้อนรับพวกเรา แล้วเขาก็พาคนมาด้วยเยอะมาก!”วังไห่เทียน เหยาฝูไห่ หลี่จ้าวหลิน และเสวี่ยเมิ่งหลงเลิกม่านขึ้นมองข้างนอกก่อนตกตะลึงหวังหยวนเกณฑ์ชาวบ้านมางั้นรึชาวบ้านที่อยู่ข้างหลังถือกระดาษพร้อมข้อความที่เขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับท่านไห่เทียนผู้มีชื่อเสียงก้องโลก พร้อมลูกศิษย์ที่เดินทางมายังหมู่บ้านต้าหวังเพื่อสั่งสอนและให้ความรู้’นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านตีฆ้อง กลอง และบรรเลงสว่อน่าราวกับกำลังเฉลิมฉลองการแต่งงาน!เมื่อทั้งห้าคนก้าวลงจากรถม้า เหล่าชาวบ้านที่ไม่เคยพบเห็นขุนนางประ
ทว่ากลับดูเป็นกันเองยิ่งนัก!ถึงกระนั้นหลี่จ้าวหลินและเสวี่ยเมิ่งหลงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ชาวบ้านเหล่านี้ไม่รู้จักมารยาทรึ เหตุใดถึงไม่รู้ว่าคนทั่วไปต้องทำอย่างไรเวลาเจอหน้าพวกเขา!“ข้าได้ตำแหน่งจอหงวนเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ข้าจะกล้าเทียบกับเจ้าได้อย่างไร?”วังไห่เทียนรับโทรโข่งจากหวังหยวนมาแล้วยกมันขึ้นจ่อปากก่อนกล่าวว่า “ชาวบ้านทั้งหลาย ข้าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มายังหมู่บ้านของหมิงถัน น้องชายผู้ชาญฉลาดที่เกิดมาเพื่อสอนผู้อื่น! พวกท่านอย่าคิดว่าข้าพูดเกินจริงเลย นับจากนี้สิบหรือยี่สิบปี พวกท่านจะรู้ว่าตนเองโชคดีเพียงใด!”“ท่านจอหงวน ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่าเราโชคดีเพียงใด!”“นายจ้างคนอื่นจ้างพวกเรามาทำงาน และจัดหาอาหารให้เราสองมื้อต่อวัน ซึ่งทั้งสองมื้อล้วนมีแต่โจ๊ก!”“พี่หยวนจ้างพวกเราทำงาน ไม่เพียงแค่ให้พวกเรากินเนื้อทั้งสองมื้อ แต่ยังจ่ายเงินให้หลายตำลึงต่อเดือนอีกด้วย!”"ไม่เพียงเท่านั้น เขายังแจกจ่ายสบู่และผ้าฝ้ายให้พวกเรา และในวันตรุษจีนเขาก็มอบเนื้อสามสิบจิน น้ำตาลสิบจิน และธัญพืชอีกหนึ่งกระสอบ นอกจากนี้เขายังจ่ายค่าพยาบาลให้พวกเราอีกด้วย!”“พี่หยวนสร้างหมู่บ้านให้เราอาศ
ทันทีที่เข้าไปในหมู่บ้าน เสวี่ยเมิ่งหลงและหลี่จ้าวหลินก็ต้องตกตะลึง ถนนทุกเส้นของหมู่บ้านถูกถมด้วยหินสีน้ำเงิน ราวกับพวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เหยียบโคลนเมื่อก้าวเดินขณะที่กำลังรับประทานอาหาร ทั้งสองคนก็หันมองหน้ากันอีกครั้ง!งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในอาคารสามชั้นขนาดเล็ก ทิวทัศน์ที่นี่ช่างกว้างไกลจนสามารถมองเห็นฟ้าใสและเมฆสีขาวได้!ทว่ากลับไม่มีอาหารจากภัตตาคารหรู มีเพียงหม้อทองแดงขนาดใหญ่ที่มีรูอยู่ตรงกลางและมีน้ำเดือดอยู่รอบ ๆ นอกจากนี้ยังมีจานเนื้อดิบ ผัก กะหล่ำปลีอยู่ข้าง ๆ พร้อมทั้ง... ลูกชิ้นและแป้งหลากหลายชนิดอีกด้วยเสวี่ยเมิ่งหลงและหลี่จ้าวหลินมองหน้ากันอีกครั้ง!ตามที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เหล่าชาวบ้านไม่มีทางปรุงอาหารเลิศหรูได้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงปล่อยให้ตนปรุงอาหารตามใจชอบเนื้อดิบและผักเหล่านี้จะมีรสชาติอย่างไรเมื่อปรุงสุก ใครจะกินลงกัน!ในชนบทไม่มีตำราการทำอาหาร!เหยาฝูไห่ดูสนใจเนื้อดิบ ผัก และลูกชิ้นไม่น้อยคนกลุ่มหนึ่งลงที่โต๊ะในฐานะแขกผู้มาเยือน!วังไห่เทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย เร็ว ๆ นี้เจ้าคิดค้นอาหารแปลกใหม่อะไรบ้างรึ บอกข้ามาเร็ว ๆ