ประทัดที่ถูกจำหน่ายในเมืองฝูมีส่วนผสมเป็นดินประสิว กำมะถัน และถ่าน เมื่อประทัดระเบิดออกจะเกิดเสียงดังและมีควันโขมงบางคนซื้อประทัดเหล่านั้นมาใช้และพบว่ามันทั้งเสียงดัง มีควันเยอะ ซึ่งไม่น่าพึงพอใจอย่างยิ่งหวังหยวนจึงผสมดินปืนลงไป จากนั้นใช้กระดาษฟั่นเป็นเกลียวเพื่อทำประทัดเสียงประทัดทำให้เหล่าชาวบ้านตกใจ“ตกลง!”เมื่อได้รับอนุญาต ต้าหู่ก็หยิบประทัดขึ้นมาแล้วจุดไฟก่อนโยนทิ้ง!ชาวบ้านที่เห็นเช่นนั้นต่างปิดหูอย่างรวดเร็ว!ปัง ปัง!เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวไฟสว่างวาบ ตามมาด้วยควันหนาทึบ!“ข้าขอหนึ่งอันสิ!”“พี่หู่ ข้าขอด้วย!”“ข้าก็อยากเล่นเช่นกัน!”หวังซื่อไห่ หวังเอ้อโกว หวังเถียนอัน และชาวบ้านหลายคนไม่ได้ที่จะเขยิบไปข้างหน้า!ต้าหู่จุดประทัดอันต่อไปด้วยความปวดใจ ขณะที่เหล่าชาวบ้านต่างระมัดระวังมากขึ้น!ปัง... ปัง!เสียงประทัดดังกระหึ่มไปทั่วหมู่บ้าน!เหล่าผู้เฒ่านั่งมองอยู่ในที่ไกล ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มขณะที่น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวในอดีตเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน พวกชาวบ้านไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อประทัด ดังนั้นพวกเขาจึงโยนไม้ไผ่ลงในกองไฟแทนแต่ในที่สุดปีนี้ก็เป็นปีที่
จดหมายฉบับนี้เป็นลายมือของหวังหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย เนื้อหาช่างเย่อหยิ่งและไร้หัวใจยิ่งนัก!“ซื่อหาน ตอนนี้ข้าอยู่ที่เมืองจวิ้น กิจการของข้าทำรายได้กว่าหนึ่งล้านแล้ว ดังนั้นตระกูลหวังจึงมีอิทธิพลเหนือผู้มีอำนาจ จนกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองในฐานะลูกสะใภ้ของตระกูลหวัง เจ้าต้องแผ่กิ่งก้านสาขาตระกูลหวังออกไปแต่เราแต่งงานกันมาสามปีแล้ว เจ้ากลับไม่ตั้งท้องเลย มันจึงทำให้ข้าละอายใจต่อบรรพบุรุษตระกูลหวังยิ่งนักการไม่มีลูกชายสืบสกุลคือความผิดบาปที่ร้ายแรงที่สุดในความอกตัญญูสามประการ หากข้าไม่มีลูกชายและลูกสาว ใครจะสืบทอดมรดกอันยิ่งใหญ่เล่า แล้วใครจะเป็นผู้กราบไหว้บรรพบุรุษของเรา?ดังนั้นในฐานะสามี ข้าจึงตั้งใจจะมีภรรยาอีกหนึ่งคนเพื่อสืบทอดตระกูลหวัง และกราบไหว้บรรพบุรุษตระกูลหวังของเราไม่อาจเลี้ยงแม่ไก่ที่ไม่สามารถวางไข่ได้ ดังนั้นสถานะสามีภรรยาของเราได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าจะไม่รับตัวเจ้ากลับอีกต่อไปตอนนี้ข้าแต่งงานใหม่แล้ว หญิงผู้นั้นคือหูเมิ่งอิ๋งแห่งตระกูลหู นางงดงามและมีคุณธรรมมากกว่าเจ้า ทั้งยังสามารถช่วยข้าบริหารธุรกิจได้อย่างชำนาญ ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกับข้าเหลือเกิน!ตอ
“หึ!”สะใภ้ตระกูลหลี่กล่าวคำเบา “หลังจากนี้ท่านจงไปโน้มน้าวท่านพ่อว่าอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายดูไม่น่าไว้วางใจยิ่งนัก เราอาจจะพึ่งพาเขาไม่ได้ ท่านลองนึกถึงสงครามครั้งใหญ่ในตอนเหนือที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายชี้แนะแม่ทัพหนุ่มจนได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจึงควรเป็นผู้นำขุนนางในราชสำนัก และด้วยสถานการณ์ของไอ้คนบ้านนอก ทำให้แม่ทัพหนุ่มถูกตำหนิ รวมไปถึงทำให้อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่ได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทอีกต่อไป หากท่านพ่อและพวกท่านต้องการประสบความสำเร็จ จึงต้องเข้าร่วมกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็จะถูกเลื่อนขั้นและร่ำรวยได้อย่างง่าย!”หลี่อีเหนียนขมวดคิ้ว “ท่านพ่อต้องการทำเพียงสิ่งที่มีประโยชน์ต่อราชสำนักเท่านั้น เขาไม่ต้องการเข้าร่วมกับพรรคพวกที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือแข่งขันแย่งชิงอำนาจ นอกจากนี้ท่านพ่อและอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายยังเป็นพันธมิตรกันมานาน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา ดังนั้นเขาจึงไม่มีวันเข้าร่วมกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาอย่างแน่นอน!”สะใภ้ตระกูลหลี่แค่นเสียงเล็กน้อย “ข้าคิดเรื่องนี้แทนท่านแล้ว ผู้ตรวจการมณฑลมิใช่อยู
เด็กหนุ่มเสวี่ยเมิ่งหลงเลิกคิ้วกระบี่พร้อมกล่าว “ศิษย์พี่ฝูไห่ ศิษย์พี่จ้าวหลิน พวกเราต้องติดตามท่านอาจารย์ไปอีกนานเท่าไร ข้าทนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอกไม่ไหวแล้ว!”เขาคือบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมายของจวิ้นวั่ง ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับขุนนางในราชสำนัก ดังนั้นเขาจึงได้รับข่าวจากเมืองหลวงกล่าวกันว่าหวังหยวนเป็นหมากของแม่ทัพหนุ่มและอาจารย์ที่ใช้แทรกแซงในราชสำนักเขาเชื่อข่าวนี้ในทันใดเดิมทีในตอนที่ได้ข่าวว่าหวังหยวนคือคนวางแผนยุทธศาสตร์ในการรบกับชาวหวง เขาก็นึกสงสัยอย่างมาก!อย่างไรเสีย เขาก็คืออัจฉริยะที่สอบผ่านการสอบคัดเลือกขุนนางตั้งแต่อายุสิบแปดปีในทางกลับกัน หวังหยวนมีทักษะด้านกลอนและบทกวี การเมือง ยุทธการทหาร เชี่ยวชาญในงานฝีมือ ทั้งยังช่ำชองด้านการบริหาร แม้แต่ปีศาจก็ไม่อาจเก่งรอบด้านเช่นนี้ได้นอกจากนี้เด็กน้อยในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ยังต้องการอาจารย์สอนอ่านเขียนอีกด้วย!สาเหตุที่เขามาที่นี่ก็เพราะต้องการพิสูจน์พรสวรรค์ และความบริสุทธิ์ของอีกฝ่ายทางอ้อมชายหนุ่มหลี่จ้าวหลินส่ายหน้าพลางถอนหายใจ“เมิ่งหลง ท่านอาจารย์กำลังวางแผนสำหรับลูกของเขา”ฉงโหลวเป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่
ระหว่างเดินทางจากเมืองจิ่วซานไปยังเมืองฝู วังฉงโหลวพบเจอชาวบ้านยากไร้มากมาย และเมื่อเห็นรถม้า พวกเขาก็จะปรี่เข้ามาล้อมรอบเอาไว้ทันทีเคราะห์ดีที่คนขับรถม้าตระกูลวังมีสายตาแหลมคม เขาจึงรีบกล่าวว่า “นายน้อย พวกเขาไม่ใช่ชาวบ้านยากไร้ แต่เป็นเพราะท่านหมิงถันมาต้อนรับพวกเราขอรับ”หวังหยวนมักไปเยี่ยมเยือนตระกูลวังที่เมืองจิ่วซานอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นพวกบ่าวรับใช้จึงจดจำเขาได้“อาหยวนมารับพวกเรางั้นรึ!”วังฉงโหลวขยี้ตาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เขาจึงมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นก่อนตะโกนเสียงดัง “อารอง อาหยวนมารอต้อนรับพวกเรา แล้วเขาก็พาคนมาด้วยเยอะมาก!”วังไห่เทียน เหยาฝูไห่ หลี่จ้าวหลิน และเสวี่ยเมิ่งหลงเลิกม่านขึ้นมองข้างนอกก่อนตกตะลึงหวังหยวนเกณฑ์ชาวบ้านมางั้นรึชาวบ้านที่อยู่ข้างหลังถือกระดาษพร้อมข้อความที่เขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับท่านไห่เทียนผู้มีชื่อเสียงก้องโลก พร้อมลูกศิษย์ที่เดินทางมายังหมู่บ้านต้าหวังเพื่อสั่งสอนและให้ความรู้’นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านตีฆ้อง กลอง และบรรเลงสว่อน่าราวกับกำลังเฉลิมฉลองการแต่งงาน!เมื่อทั้งห้าคนก้าวลงจากรถม้า เหล่าชาวบ้านที่ไม่เคยพบเห็นขุนนางประ
ทว่ากลับดูเป็นกันเองยิ่งนัก!ถึงกระนั้นหลี่จ้าวหลินและเสวี่ยเมิ่งหลงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ชาวบ้านเหล่านี้ไม่รู้จักมารยาทรึ เหตุใดถึงไม่รู้ว่าคนทั่วไปต้องทำอย่างไรเวลาเจอหน้าพวกเขา!“ข้าได้ตำแหน่งจอหงวนเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ข้าจะกล้าเทียบกับเจ้าได้อย่างไร?”วังไห่เทียนรับโทรโข่งจากหวังหยวนมาแล้วยกมันขึ้นจ่อปากก่อนกล่าวว่า “ชาวบ้านทั้งหลาย ข้าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มายังหมู่บ้านของหมิงถัน น้องชายผู้ชาญฉลาดที่เกิดมาเพื่อสอนผู้อื่น! พวกท่านอย่าคิดว่าข้าพูดเกินจริงเลย นับจากนี้สิบหรือยี่สิบปี พวกท่านจะรู้ว่าตนเองโชคดีเพียงใด!”“ท่านจอหงวน ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่าเราโชคดีเพียงใด!”“นายจ้างคนอื่นจ้างพวกเรามาทำงาน และจัดหาอาหารให้เราสองมื้อต่อวัน ซึ่งทั้งสองมื้อล้วนมีแต่โจ๊ก!”“พี่หยวนจ้างพวกเราทำงาน ไม่เพียงแค่ให้พวกเรากินเนื้อทั้งสองมื้อ แต่ยังจ่ายเงินให้หลายตำลึงต่อเดือนอีกด้วย!”"ไม่เพียงเท่านั้น เขายังแจกจ่ายสบู่และผ้าฝ้ายให้พวกเรา และในวันตรุษจีนเขาก็มอบเนื้อสามสิบจิน น้ำตาลสิบจิน และธัญพืชอีกหนึ่งกระสอบ นอกจากนี้เขายังจ่ายค่าพยาบาลให้พวกเราอีกด้วย!”“พี่หยวนสร้างหมู่บ้านให้เราอาศ
ทันทีที่เข้าไปในหมู่บ้าน เสวี่ยเมิ่งหลงและหลี่จ้าวหลินก็ต้องตกตะลึง ถนนทุกเส้นของหมู่บ้านถูกถมด้วยหินสีน้ำเงิน ราวกับพวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เหยียบโคลนเมื่อก้าวเดินขณะที่กำลังรับประทานอาหาร ทั้งสองคนก็หันมองหน้ากันอีกครั้ง!งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในอาคารสามชั้นขนาดเล็ก ทิวทัศน์ที่นี่ช่างกว้างไกลจนสามารถมองเห็นฟ้าใสและเมฆสีขาวได้!ทว่ากลับไม่มีอาหารจากภัตตาคารหรู มีเพียงหม้อทองแดงขนาดใหญ่ที่มีรูอยู่ตรงกลางและมีน้ำเดือดอยู่รอบ ๆ นอกจากนี้ยังมีจานเนื้อดิบ ผัก กะหล่ำปลีอยู่ข้าง ๆ พร้อมทั้ง... ลูกชิ้นและแป้งหลากหลายชนิดอีกด้วยเสวี่ยเมิ่งหลงและหลี่จ้าวหลินมองหน้ากันอีกครั้ง!ตามที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เหล่าชาวบ้านไม่มีทางปรุงอาหารเลิศหรูได้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงปล่อยให้ตนปรุงอาหารตามใจชอบเนื้อดิบและผักเหล่านี้จะมีรสชาติอย่างไรเมื่อปรุงสุก ใครจะกินลงกัน!ในชนบทไม่มีตำราการทำอาหาร!เหยาฝูไห่ดูสนใจเนื้อดิบ ผัก และลูกชิ้นไม่น้อยคนกลุ่มหนึ่งลงที่โต๊ะในฐานะแขกผู้มาเยือน!วังไห่เทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย เร็ว ๆ นี้เจ้าคิดค้นอาหารแปลกใหม่อะไรบ้างรึ บอกข้ามาเร็ว ๆ
ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร ทว่าเขาก็ไม่ได้กล่าวออกมาสุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นจู่เหริน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่พอใจที่ต้องมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นหมู่บ้านต้าหวังไม่ว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ตราบใดที่ยังรักษามารยาท เขาก็จะทำตัวมีมารยาทกลับเช่นกันกรวบ!วังฉงโหลวคีบลูกชิ้นขั้นมาแล้วกัดไปเต็มคำ ทันใดนั้นน้ำแกงแสนอร่อยจำนวนมากพลันไหลออกมากระตุ้นให้น้ำลายไหลมากกว่าเดิม เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อาหยวน ลูกชิ้นอันนี้อร่อยยิ่งนัก ข้างในมีน้ำแกงอยู่ด้วยรึ แล้วมันเรียกว่าอะไรหรือขอรับ!” หวังหยวนพลันนึกสนุก “มันเรียกลูกชิ้นปัสสาวะวัว!”ดวงตาของวังฉงโหลวเป็นประกาย เขารีบเทลูกชิ้นที่เหลือเข้าไปในหม้ออย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวอย่างมีความสุข “ข้าชอบกินยิ่งนัก ข้าจะไม่แบ่งให้ใครเด็ดขาด!”ฉึบ!วังไห่เทียนคีบลูกชิ้นปัสสาวะวัวขึ้นมาแล้วนำมันเข้าปาก ภายในช่องปากของเขาจึงเต็มไปด้วยน้ำมันและน้ำแกง จากนั้นเคี้ยวสองสามทีแล้วกลืนก่อนหัวเราะเสียงดัง “น้องชาย เป็นชื่อที่ดียิ่งนัก เพียงเคี้ยวไม่กี่วินาทีก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าลูกวัวตัวนี้กำลังปัสสาวะอย่างเพลิดเพลิน!”เหย