ทันทีที่เข้าไปในหมู่บ้าน เสวี่ยเมิ่งหลงและหลี่จ้าวหลินก็ต้องตกตะลึง ถนนทุกเส้นของหมู่บ้านถูกถมด้วยหินสีน้ำเงิน ราวกับพวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เหยียบโคลนเมื่อก้าวเดินขณะที่กำลังรับประทานอาหาร ทั้งสองคนก็หันมองหน้ากันอีกครั้ง!งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในอาคารสามชั้นขนาดเล็ก ทิวทัศน์ที่นี่ช่างกว้างไกลจนสามารถมองเห็นฟ้าใสและเมฆสีขาวได้!ทว่ากลับไม่มีอาหารจากภัตตาคารหรู มีเพียงหม้อทองแดงขนาดใหญ่ที่มีรูอยู่ตรงกลางและมีน้ำเดือดอยู่รอบ ๆ นอกจากนี้ยังมีจานเนื้อดิบ ผัก กะหล่ำปลีอยู่ข้าง ๆ พร้อมทั้ง... ลูกชิ้นและแป้งหลากหลายชนิดอีกด้วยเสวี่ยเมิ่งหลงและหลี่จ้าวหลินมองหน้ากันอีกครั้ง!ตามที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เหล่าชาวบ้านไม่มีทางปรุงอาหารเลิศหรูได้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงปล่อยให้ตนปรุงอาหารตามใจชอบเนื้อดิบและผักเหล่านี้จะมีรสชาติอย่างไรเมื่อปรุงสุก ใครจะกินลงกัน!ในชนบทไม่มีตำราการทำอาหาร!เหยาฝูไห่ดูสนใจเนื้อดิบ ผัก และลูกชิ้นไม่น้อยคนกลุ่มหนึ่งลงที่โต๊ะในฐานะแขกผู้มาเยือน!วังไห่เทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย เร็ว ๆ นี้เจ้าคิดค้นอาหารแปลกใหม่อะไรบ้างรึ บอกข้ามาเร็ว ๆ
ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร ทว่าเขาก็ไม่ได้กล่าวออกมาสุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นจู่เหริน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่พอใจที่ต้องมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นหมู่บ้านต้าหวังไม่ว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ตราบใดที่ยังรักษามารยาท เขาก็จะทำตัวมีมารยาทกลับเช่นกันกรวบ!วังฉงโหลวคีบลูกชิ้นขั้นมาแล้วกัดไปเต็มคำ ทันใดนั้นน้ำแกงแสนอร่อยจำนวนมากพลันไหลออกมากระตุ้นให้น้ำลายไหลมากกว่าเดิม เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อาหยวน ลูกชิ้นอันนี้อร่อยยิ่งนัก ข้างในมีน้ำแกงอยู่ด้วยรึ แล้วมันเรียกว่าอะไรหรือขอรับ!” หวังหยวนพลันนึกสนุก “มันเรียกลูกชิ้นปัสสาวะวัว!”ดวงตาของวังฉงโหลวเป็นประกาย เขารีบเทลูกชิ้นที่เหลือเข้าไปในหม้ออย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวอย่างมีความสุข “ข้าชอบกินยิ่งนัก ข้าจะไม่แบ่งให้ใครเด็ดขาด!”ฉึบ!วังไห่เทียนคีบลูกชิ้นปัสสาวะวัวขึ้นมาแล้วนำมันเข้าปาก ภายในช่องปากของเขาจึงเต็มไปด้วยน้ำมันและน้ำแกง จากนั้นเคี้ยวสองสามทีแล้วกลืนก่อนหัวเราะเสียงดัง “น้องชาย เป็นชื่อที่ดียิ่งนัก เพียงเคี้ยวไม่กี่วินาทีก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าลูกวัวตัวนี้กำลังปัสสาวะอย่างเพลิดเพลิน!”เหย
ในแผ่นดินต้าเย่ยังมีอาหารที่มีรสเลิศกว่าหม้อไฟมากมาย ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีเงินมากพอที่จะซื้อมันได้!ทว่าหม้อไฟเป็นอาหารที่พวกเขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน รสชาติของมันจึงแปลกใหม่และเร้าใจ ยิ่งทำให้มัวเมามากกว่าเดิมทั้งห้าคนรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขากินเนื้อ ลูกชิ้น และผักสดจานแล้วจานเล่าโครก!เมื่อเห็นทั้งห้าคนกินอย่างมีความสุข ท้องของเสวี่ยเมิงหลงก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงประท้วงขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด!หากอาหารตรงหน้าไม่อร่อย พวกเขาก็ควรแสร้งทำเพียงชั่วครู่สิ แต่เหตุใดถึงกินไม่หยุดเช่นนี้!ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ และฉงโหลวล้วนสวาปามอาหารตรงหน้าราวกับเป็นวิญญาณหิวโหยกลับชาติมาเกิดบางทีมันอาจจะอร่อยจริง ๆ ก็เป็นได้!วังไห่เทียนที่ใกล้จะอิ่มแล้วมองลูกศิษย์อยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเคยคิดว่าเจ้าฉลาดมาตลอด แต่เหตุใดตอนนี้ถึงทำตัวโง่งมนัก รีบกินเข้าสิ!”เพียงมองแวบเดียวเขาก็สามารถบอกได้ว่าลูกศิษย์เหล่านี้ต้องมีแผนการอยู่ในใจแน่นอน ทว่าเขากลับไม่ได้เอ่ยออกมา!วังไห่เทียนเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์ของหมิงถัน เขาจะสามารถเอาชนะใจลูกศิษย์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย!
“เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดว่าท่านจู่เหริน นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านได้ลิ้มลองหม้อไฟ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย!”“นั่น... นั่นเป็นเพราะพี่หยวนทำหม้อไฟอร่อยมากยังไงล่ะ!”“เอาล่ะ ๆ ท่านจู่เหรินมาที่นี่เพื่อสอนตำราแก่ลูกหลานเรา อย่านินทาลับหลังพวกเขาเลย!”กลุ่มชาวบ้านกระซิบกระซาบ!ชาวบ้านสองสามคนกำลังรับประทานหม้อไฟทองแดงอยู่ที่ชั้นบน ขณะที่บางส่วนเตรียมผักอยู่ที่ชั้นล่าง พวกเขาแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน!ใบหน้าของหลี่จ้าวหลินละเสวี่ยเมิ่งหลงเปลี่ยนเป็นสีแดง พวกเขาถูกเหล่าชาวบ้านหัวเราะเยาะเพียงเพราะเรื่องลูกชิ้นงั้นรึ!หวังหยวนต้องการปรามชาวบ้าน และห้ามหยิบยกเรื่องนี้มาพูดอีกในอนาคต!“น้องชาย อย่าเพิ่งไป!”วังไห่เทียนรั้งหวังหยวนเอาไว้พลางล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีใครบนโลกนี้ไม่ถูกนินทา ๆ อีกอย่างพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายเสียหน่อย”หวังหยวนพยักหน้าพลางยิ้มตอบ พี่ไห่เทียนช่างมีจิตใจกว้างขวางนัก ทั้งยังสามารถมองสถานการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่งคนกลุ่มหนึ่งเดินไปตามถนนในหมู่บ้านพวกเขาเดินดูการทำงานของชาวบ้าน ดูการทำอาหารในโรงอาหาร ดูเด็ก ๆ เรียนตำรา ดูเหล่าเด็กหนุ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ในสนามหญ้า และดูโรงง
“กล้องจุลทรรศน์!”ทุกคนมองไปยังสิ่งประดิษฐ์หน้าตาแปลกประลาด และไม่รู้ว่ามันใช้งานอย่างไร!หวังหยวนอธิบายและสาธิตการใช้งานอีกครั้ง“ข้าประดิษฐ์มันขึ้นมาโดยใช้หลักการกระจกใส โดยใช้กระจกนูนนูน และกระจกนูนเว้า ซึ่งมันเป็นความรู้ทางฟิสิกส์!”เสวี่ยเมิ่งหลงผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เปิดตำราฟิสิกส์ที่เพิ่งอ่านเมื่อครู่ เมื่อเปิดไปถึงบทความที่เกี่ยวกับหลักการการมองเห็น เขาก็เผยท่าทีตื่นเต้นอย่างมากราวกับเจอขุมทรัพย์ล้ำค่า!หลี่จ้าวหลินยกกระจกนูนขึ้นมาดูด้วยความสงสัยและไม่เชื่อ เขาสอดนิ้วเข้าไปข้างใต้กระจก จากนั้นมองเห็นเส้นขนขนาดเล็กจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ หลี่จ้าวหลินตกตะลึงจนไม่อาจสงวนท่าทีได้อีกต่อไป เขาวางจานแก้วที่มีน้ำอยู่ข้างในไว้ข้างใต้กระจก ไม่นานก็เห็นซี่จวินตัวเล็ก ๆ อยู่ข้างใน เขาจึงอดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้ “ใน... ในน้ำมีซี่จวินจริงด้วย!”“ข้าขอดูหน่อยสิ!”เสวี่ยเมิ่งหลงมองหลี่จ้าวหลินที่กำลังมองเข้าไปในกล้องจุลทรรศน์ และอดไม่ได้ที่จะขอดู หลังจากมองดูครู่ใหญ่ เสวี่ยเมิ่งหลงก็อุทานด้วยความประหลาดใจ “มี... มีซี่จวินอยู่ในน้ำจริง ๆ!”วังฉงโหลวก็ขอดูเช่นกัน ตามมาด้วยเหยาฝูไห่และ
อาจารย์และลูกศิษย์มองดูแบบจำลองการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีกเก้าดวงด้วยสีหน้าแตกต่างกัน!ไม่นานวังไห่เทียนและเหยาฝูไห่ก็ตระหนักได้ ส่วนวังฉงโหลวมีท่าทีสับสน ขณะที่หลี่จ้าวหลินและเสวี่ยเมิ่งหลงรู้สึกเหลือเชื่อ“นี่คือแบบจำลองระบบสุริยะที่ประกอบด้วยโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ทั้งห้าดวงที่มีส่วนผสมของทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน ซึ่งแบบจำลองนี้ยังมีดาวเหนือรวมอยู่ด้วย และนี่คือวิธีที่พวกมันเคลื่อนที่!”หวังหยวนสาธิตแบบจำลอง และอธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่เกิดจากระยะห่างระหว่างฟ้าดินหวังไห่เทียนและเหยาฝูไห่พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!วังฉงโหลว ต้าหู่ จ้าวชิงเหอ และหูเมิ่งอิ๋งยังคงเผยสีหน้าสับสนขณะที่หลี่จ้าวหลินและเสวี่ยเมิ่งหลงมุ่นคิ้วพร้อมส่ายหน้า!“เป็นไปไม่ได้!”เสวี่ยเมิ่งหลงที่อายุน้อยที่สุดตอบกลับอย่างกระตือรือร้น “หากโลกมีทรงกลมและลอยอยู่ในความว่างเปล่า เช่นเดียวกับกลุ่มดาวซานหยวนทั้งยี่สิบแปดดวง เช่นนั้นพวกเรายืนอยู่บนลูกกลม ๆ ได้อย่างไร แล้วเหตุใดดาวทรงกลมถึงไม่ตกลงไปในความว่างเปล่าเล่าขอรับ!” หวังหยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเป
ภายใต้แสงจันทร์ สวนหย่อมภายในเรือนเกิดแสงหลากสีเปล่งออกมาจนสะท้อนทั่วลานเรือน!วังฉงโหลวและเสวี่ยเมิ่งหลงถือโคมไฟนำทาง เมื่อทั้งห้าคนก้าวเท้าเข้ามาในลานเรือน พวกเขาก็ต้องเบิกตากว้างทันที!อัญมณีเม็ดเล็กหลากสีสันแต่ละเม็ดเปล่งแสงเฉพาะตัวของมันออกมาเสวี่ยเมิ่งหลงพูดตะกุกตะกัก “ใช้อัญมณีตกแต่งขอบแปลงปลูกดอกไม้งั้นรึ ท่านหมิงถันโอ้อวดเกินไปแล้ว!”หลี่จ้าวหลินถอนหายใจพลางกล่าว “แม้แต่สวนดอกไม้ในพระราชวังยังไม่หรูหราเท่านี้เลย!”วังฉงโหลวกล่าว “ลุงหยวน นี่ไม่ได้เรียกว่าโอ้อวดหรอก แต่เป็นคนสุรุ่ยสุร่ายมากกว่า ท่านใช้เงินฟุ่มเฟือยมากกว่าข้าเสียอีก!”เหยาฝูไห่ผู้สุขุมรอบคอบและมากประสบการณ์คลี่ยิ้มอย่างขมขื่น!วังไห่เทียนเผยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ประหลาดใจมากนัก จากนั้นหันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในอาคารหลังเล็ก!ไม่ว่าจะเป็นกล้องจุลทรรศน์ กล้องโทรทรรศน์ หรือกล้องส่องฟ้าล้วนทำมาจากแก้วผลึกใสแน่นอนว่าหมิงถันซื้อแก้วผลึกมามากมาย นับประสาอะไรกับอัญมณีเม็ดเล็กขณะที่ก้าวเข้าไปในอาคารหลังเล็ก วังไห่เทียนก็ต้องหยุดฝีเท้า!ดวงตาของทั้งสี่คนเบิกโพลง ร่างกายของพวกเขาพลันโยกเยกจนแทบจะล
ทั้งห้าคนเตรียมตัวเข้านอนเพื่อพักผ่อนเช้าวันรุ่งขึ้น หวังหยวนก็เดินถือถาดอาหารเช้าผ่านประตูเข้ามา จากนั้นวางลงบนโต๊ะชาเมื่อวังฉงโหลวที่กำลังซักเสื้อผ้าอยู่เห็นเช่นนั้น ก็รีบวิ่งเข้าไปยกถาดอาหารเช้าลงวางบนพื้น ก่อนกล่าวเชิงตำหนิ “อาหยวน พวกเราจะทำสมบัติล้ำค่าเช่นนี้เสียหายไม่ได้ มานั่งกินอาหารบนพื้นเถอะ!”แม้เขาจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ทั้งยังมีนิสัยฟุ่มเฟือยดูหมิ่นเงินจำนวนเล็กน้อย แต่เมื่อพบสมบัติล้ำค่า ก็ระมัดระวังอย่างมาก!“ฉงโหลว มันเป็นแค่แก้วผลึกใสหนึ่งชิ้น หากเสียหายแล้วอย่างไรเล่า?”หวังหยวนยกถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะดังเดิม จากนั้นถามอย่างมีเหตุผล “มันเทียบกับมิตรภาพระหว่างข้าและอารองของเจ้าได้หรือไม่?”แก้วผลึกใสเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งที่ห้าของเขา ดังนั้นจึงไม่นับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าหากแก้วผลึกใสชิ้นหนึ่งแตก ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะสามารถเปลี่ยนใหม่ได้เสมอ!“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชาย... ข้าชอบความคิดสบาย ๆ ของเจ้า ที่มองสมบัติล้ำค่าไม่ต่างกับสิ่งของธรรมดาชิ้นหนึ่งยิ่งนัก ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าในฐานะพี่ชายก็วางใจแล้ว!”วังไห่เทียนเดินตรงไปที่โต๊ะน้ำชาแล้วนั่งลง
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห