อาจารย์และลูกศิษย์มองดูแบบจำลองการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีกเก้าดวงด้วยสีหน้าแตกต่างกัน!ไม่นานวังไห่เทียนและเหยาฝูไห่ก็ตระหนักได้ ส่วนวังฉงโหลวมีท่าทีสับสน ขณะที่หลี่จ้าวหลินและเสวี่ยเมิ่งหลงรู้สึกเหลือเชื่อ“นี่คือแบบจำลองระบบสุริยะที่ประกอบด้วยโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ทั้งห้าดวงที่มีส่วนผสมของทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน ซึ่งแบบจำลองนี้ยังมีดาวเหนือรวมอยู่ด้วย และนี่คือวิธีที่พวกมันเคลื่อนที่!”หวังหยวนสาธิตแบบจำลอง และอธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่เกิดจากระยะห่างระหว่างฟ้าดินหวังไห่เทียนและเหยาฝูไห่พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!วังฉงโหลว ต้าหู่ จ้าวชิงเหอ และหูเมิ่งอิ๋งยังคงเผยสีหน้าสับสนขณะที่หลี่จ้าวหลินและเสวี่ยเมิ่งหลงมุ่นคิ้วพร้อมส่ายหน้า!“เป็นไปไม่ได้!”เสวี่ยเมิ่งหลงที่อายุน้อยที่สุดตอบกลับอย่างกระตือรือร้น “หากโลกมีทรงกลมและลอยอยู่ในความว่างเปล่า เช่นเดียวกับกลุ่มดาวซานหยวนทั้งยี่สิบแปดดวง เช่นนั้นพวกเรายืนอยู่บนลูกกลม ๆ ได้อย่างไร แล้วเหตุใดดาวทรงกลมถึงไม่ตกลงไปในความว่างเปล่าเล่าขอรับ!” หวังหยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเป
ภายใต้แสงจันทร์ สวนหย่อมภายในเรือนเกิดแสงหลากสีเปล่งออกมาจนสะท้อนทั่วลานเรือน!วังฉงโหลวและเสวี่ยเมิ่งหลงถือโคมไฟนำทาง เมื่อทั้งห้าคนก้าวเท้าเข้ามาในลานเรือน พวกเขาก็ต้องเบิกตากว้างทันที!อัญมณีเม็ดเล็กหลากสีสันแต่ละเม็ดเปล่งแสงเฉพาะตัวของมันออกมาเสวี่ยเมิ่งหลงพูดตะกุกตะกัก “ใช้อัญมณีตกแต่งขอบแปลงปลูกดอกไม้งั้นรึ ท่านหมิงถันโอ้อวดเกินไปแล้ว!”หลี่จ้าวหลินถอนหายใจพลางกล่าว “แม้แต่สวนดอกไม้ในพระราชวังยังไม่หรูหราเท่านี้เลย!”วังฉงโหลวกล่าว “ลุงหยวน นี่ไม่ได้เรียกว่าโอ้อวดหรอก แต่เป็นคนสุรุ่ยสุร่ายมากกว่า ท่านใช้เงินฟุ่มเฟือยมากกว่าข้าเสียอีก!”เหยาฝูไห่ผู้สุขุมรอบคอบและมากประสบการณ์คลี่ยิ้มอย่างขมขื่น!วังไห่เทียนเผยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ประหลาดใจมากนัก จากนั้นหันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในอาคารหลังเล็ก!ไม่ว่าจะเป็นกล้องจุลทรรศน์ กล้องโทรทรรศน์ หรือกล้องส่องฟ้าล้วนทำมาจากแก้วผลึกใสแน่นอนว่าหมิงถันซื้อแก้วผลึกมามากมาย นับประสาอะไรกับอัญมณีเม็ดเล็กขณะที่ก้าวเข้าไปในอาคารหลังเล็ก วังไห่เทียนก็ต้องหยุดฝีเท้า!ดวงตาของทั้งสี่คนเบิกโพลง ร่างกายของพวกเขาพลันโยกเยกจนแทบจะล
ทั้งห้าคนเตรียมตัวเข้านอนเพื่อพักผ่อนเช้าวันรุ่งขึ้น หวังหยวนก็เดินถือถาดอาหารเช้าผ่านประตูเข้ามา จากนั้นวางลงบนโต๊ะชาเมื่อวังฉงโหลวที่กำลังซักเสื้อผ้าอยู่เห็นเช่นนั้น ก็รีบวิ่งเข้าไปยกถาดอาหารเช้าลงวางบนพื้น ก่อนกล่าวเชิงตำหนิ “อาหยวน พวกเราจะทำสมบัติล้ำค่าเช่นนี้เสียหายไม่ได้ มานั่งกินอาหารบนพื้นเถอะ!”แม้เขาจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ทั้งยังมีนิสัยฟุ่มเฟือยดูหมิ่นเงินจำนวนเล็กน้อย แต่เมื่อพบสมบัติล้ำค่า ก็ระมัดระวังอย่างมาก!“ฉงโหลว มันเป็นแค่แก้วผลึกใสหนึ่งชิ้น หากเสียหายแล้วอย่างไรเล่า?”หวังหยวนยกถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะดังเดิม จากนั้นถามอย่างมีเหตุผล “มันเทียบกับมิตรภาพระหว่างข้าและอารองของเจ้าได้หรือไม่?”แก้วผลึกใสเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งที่ห้าของเขา ดังนั้นจึงไม่นับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าหากแก้วผลึกใสชิ้นหนึ่งแตก ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะสามารถเปลี่ยนใหม่ได้เสมอ!“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชาย... ข้าชอบความคิดสบาย ๆ ของเจ้า ที่มองสมบัติล้ำค่าไม่ต่างกับสิ่งของธรรมดาชิ้นหนึ่งยิ่งนัก ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าในฐานะพี่ชายก็วางใจแล้ว!”วังไห่เทียนเดินตรงไปที่โต๊ะน้ำชาแล้วนั่งลง
หลี่จ้าวหลินและเสวี่ยเมิ่งหลงเผยสีหน้าไม่พอใจ!แม้หมู่บ้านต้าหวังจะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆแต่เมื่อทั้งสองได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ กินอาหารรสเลิศ อาศัยอยู่อาคารที่ประดับด้วยแก้วผลึกใส เรียนรู้เนื้อหาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี สังเกตการเคลื่อนที่ของดวงดาว ให้ความรู้แก่ชาวบ้าน รวมไปถึงใช้ช่วงเวลาที่มีความสุขไปกับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าดงสำหรับการสอบคัดเลือกขุนนาง ก็ได้ผู้ที่สอบผ่านจอหงวนคอยให้คำแนะนำอยู่ตลอด!พวกเขาทั้งสองคนคงทนไม่ไหวหากต้องจากไป!วังไห่เทียนกล่าวอย่างเคร่งเครียด “เมื่อไม่นานมานี้ราชสำนักเพิ่งออกกฤษฎีกาฉบับนั้น ข้าจึงเกรงว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามารบกวนหมิงถัน เขาไม่มีลูกน้องที่อ่านเขียนตำราได้ ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงไม่อาจรับมือได้ พวกเจ้าเกิดในครอบครัวชนชั้นสูง ทั้งยังมาจากเฉิงโจว หากมีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างทาง เจ้าก็จะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้”หลี่จ้าวหลินพยักหน้าพร้อมกล่าว “เมิ่งหลง พวกเรามาตัดสินด้วยการเป่ายิงฉุบกันเถอะ!”หลังจากที่ราชสำนักออกกฤษฎีกา แม้แต่พวกเขายังเข้าใจผิด นับประสาอะไรกับคนอื่น!“ดี!”เสวี่ยเมิ่งหลงตอบตกลง!
แม้ว่าทั้งสองคนจะสนิทสนมกัน แต่พวกเขายังคงรักษามารยาท และยังไม่ได้กระทำการเกินเลยใด ๆ!ขณะที่หูเมิ่งอิ๋งพักอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง นางก็จะนอนกับจ้าวชิงเหอทุกคืนใบหน้าของหูเมิ่งอิ๋งแดงก่ำขณะเอ่ย “คุณชาย ข้าไม่อยากหลับเลย ข้าอยากอยู่กับท่าน และพูดคุยกับท่านทั้งคืนมากกว่า!”คุณชายจะเดินทางไปที่อื่นอย่างน้อยหนึ่งหรือสองเดือน ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้พบหน้ากันอีกนาน!“... ตกลง!”หวังหยวนลำบากใจที่จะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงการพูดคุยระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวช่างเป็นภาพที่งดงามและมีเสน่ห์ ถึงกระนั้นก็ยังเจ็บปวดไม่น้อย!แม้จะเจ็บปวด ทว่ากลับมีความสุขอย่างยิ่ง!ไม่คาดคิดว่าหูเมิ่งอิ๋งจะหันกลับมาแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไปพาชิงเหอมาที่นี่ด้วยเจ้าค่ะ!”“... เอ่อ!”หวังหยวนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนการอะไรไม่นานหูเมิ่งอิ๋งก็กลับมาที่ห้องนอนของหวังหยวนพร้อมกับผ้าห่มในอ้อมแขน!ใบหน้าของจ้าวชิงเหอแดงก่ำ ขณะกอดผ้าห่มและกล่าวคำเบา “คุณหนูหูขอให้ข้ามาพูดคุยด้วย!”“ยิ่งคนเยอะ ยิ่งมีชีวิตชีวา!”หวังหยวนฉีกยิ้ม!ทั้งสามคนจัดแจงปูที่นอนของตนเองโดยมีหวังหยวนอยู่ตรงกลาง และขนาบซ้ายขวาด้วยห
วังไห่เทียนชี้ไปที่หลี่จ้าวหลินพร้อมกล่าว “น้องชาย พาจ้าวหลินไปด้วยสิ ตระกูลหลี่เป็นถึงจวิ้นวั่งเมืองหล่งหนาน เขาจึงมีเส้นสายมากมายในติ้งโจว หากเจ้าไปกับเขาคงจะสะดวกในการจัดการกับเหล่าเจ้าหน้าที่มากกว่า!”หวังหยวนประสานหมักพลางกล่าว “ขอบคุณพี่ชายยิ่งนัก!”“ระหว่างข้ากับเจ้าไม่จำเป็นต้องกล่าวคำนี้!”วังไห่เทียนดึงวังฉงโหลวเข้ามาใกล้ “ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ต้องเดินทางไปแต่งงานที่เมืองโจว แต่ก็ยังต้องการไปเที่ยวหอนางโลมที่เมืองจิ่วซาน หากเดินทางถึงเมืองโจวแล้ว เจ้าช่วยข้าจับตาดูเขาหน่อยเถิด หากทำตัวนอกลู่นอกทาง เจ้าก็หักขาเขาได้เลย!”หวังหยวนตอบด้วยรอยยิ้ม “ขอรับ!”วังไห่เทียนเผยสีหน้าบึ้งตึง!หวังหยวนโบกมือก่อนที่รถม้าจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ โดยมีเหล่าผู้ร่วมเดินทางตามไปติด ๆ!ถึงกระนั้นเหล่าชาวบ้านก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม!การเดินทางไกลในยุคสมัยนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นญาติมิตรจึงจำต้องแวะมาส่งพวกเขาออกเดินทาง!ผู้คนมากมายต่างมาอำลาพวกเขา แม้ทุกคนจะมาพร้อมหน้ากันแล้ว แต่ท่านลุงและจู่ปันกลับยังมาไม่ถึง!เมื่อเห็นขบวนรถม้ากำลังจะออกจากหมู่บ้าน จ้าวชิงเหอก็เริ่มวิตกกังวล “ท่า
เมืองหล่งหนาน!กลุ่มทหารม้ามุ่งหน้าไปยังที่ทำการประจำเมือง ซึ่งนำโดยรองแม่ทัพเว่ยเฉิงที่สวมชุดเกราะสีสดเขาลงจากหลังม้าแล้วเดินไปที่สวนด้านหลังที่ทำการอยางรวดเร็ว จากนั้นโค้งคำนับขุนนางที่แต่งการด้วยเสื้อคลุมสีแดงชาด ปักลวดลายธรรมชาติ “ใต้เท้า ข้าได้รับว่าว่าหวังหยวนกำลังเดินทางมาที่เมืองหล่งหนาน เพื่อทำธุรกิจขอรับ!”หลายปีก่อนราชสำนักไม่เพียงออกกฤษฎีกาประณามว่าเขาไร้ความสามารถเท่านั้น แต่ยังถูกลดตำแหน่งจากแม่ทัพเป็นรองแม่ทัพอีกด้วย!เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนจากตำแหน่งรองแม่ทัพมาสู่ตำแหน่งแม่ทัพ โดยใช้เวลาห้าปีและสูญเงินไปกว่าห้าพันตำลึงในแต่ละเมืองมีกบฏเกิดขึ้นมากมาย ทว่าแม่ทัพประจำเมืองกลับเอาชนะกบฏเหล่านั้นไม่ได้!หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนนำกองกำลังทหารประจำเมืองเข้าปราบปรามชิงเมี่ยนโช่ว เขาก็คงไม่กลายเป็นคนไร้ความสามารถและถูกลดตำแหน่งเช่นนี้ทุกวันนี้เขากัดฟันทนและพยายามหาโอกาสล้างแค้นให้ได้!ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่เจ้าเมืองก็ถูกลดตำแหน่งจากขั้นสี่ระดับสูงเป็นขั้นสี่ระดับธรรมดาเจ้าเมืองหล่งหนานเผยเซียนเจิ้งที่ยืนอยู่ข้างหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้รับข่าวนี้มาเช่นกัน แล้วท่า
เมื่อเห็นชื่อบนป้ายชื่อแล้ว หวังหยวนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นายท่านฟางเป็นคนแบบใด?”กว่าเขาจะเข้าพักที่นี่ก็มืดมากแล้ว เหตุใดถึงมีคนไม่รู้จักหน้าค่าตาถึงมาหาเขาตั้งแต่เช้าตรู่กัน!เถ้าแก่เหลียนรีบตอบว่า “นายท่านฟางเป็นผู้ใจบุญในเมืองผิงของพวกเรา เขามีจิตใจเมตตายิ่งนัก ทั้งสร้างสะพานและถนน นำโจ๊กมาแจกจ่ายในตอนประสบภัยพิบัติ รับอุปการะแม่ม่ายและเด็กกำพร้า สร้างวัดวาอาราม และทำความดีอีกมากมาย แม้แต่ท่านเจ้าเมืองยังเคารพยับถือเขามากขอรับ!”หวังหยวนขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “ข้ายากฟังความจริง!”ต้าหู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังหยิบแท่งเงินที่มีมูลค่าห้าตำลึงออกมาเมื่อได้รับเงินเถ้าแก่เหลียนก็มีความสุขอย่างมาก ทว่ายังคงสงวนท่าทีเอาไว้ “คุณชายหวัง นายท่านฟางคือผู้มีอิทธิพลในเมืองผิง ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามฟางป้านเฉิง ที่ดินครึ่งหนึ่งในเมืองผิงเป็นของเขา และแม้แต่ท่านเจ้าเมืองยังอิจฉานายท่านฟาง ข้าได้ยินมาว่าเขามีเส้นสายมากมายในเมืองจวิ้น สิ่งที่ข้ารู้มีเพียงเท่านี้ขอรับ!”ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ หวังหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เช่นนั้น โปรดเชิญเขาเข้ามาเถิด!”เจ้าของโรงเตี๊ยมถ
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น