ขาตั้งรองรับลำกล้องตั้งอยู่เงียบ ๆ บนชั้นสามหูเมิ่งอิ๋งถามด้วยความสงสัย “นี่คืออะไร?”“กล้องส่องฟ้า!”หวังหยวนชี้ไปยังช่องมองภาพ แล้วพูดว่า “เมื่อเจ้ามองผ่านจุดนี้ เจ้าจะมองเห็นดวงดาวและดวงจันทร์ บนท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ชัดเจน”ด้วยหยกน้ำ กระจกใสจึงถูกสร้างขึ้นมาได้ แล้วหวังหยวนก็สร้างเลนส์นูนและเลนส์เว้ามากมาย!ใช้เวลากว่าครึ่งเดือน ในการสร้างกล้องโทรทรรศน์ดาราศาสตร์ ที่มีกำลังขยายถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เพื่อให้คนในยุคนี้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เขาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นกล้องส่องฟ้า“น่าทึ่งมาก!”หูเมิ่งอิ๋งถามด้วยความประหลาดใจ “นี่เหมือนกับกล้องส่องทางไกล ที่ห้ามมองดวงอาทิตย์หรือเปล่า?”นางใช้กล้องส่องทางไกล มองเห็นทิวทัศน์ที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้ และรู้ว่าจะต้องไม่ส่องดวงอาทิตย์หวังหยวนโอบเอวบางของนาง ดมกลิ่นผอมจากผมยาวสีดำขลับ แล้วตอบเบา ๆ “อืม มันจะทำให้เจ้าเจ็บตา แต่การดูดวงจันทร์และดวงดาวในตอนกลางคืนนั้นไม่เป็นอะไร!”หูเมิ่งอิ๋งรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัว นางทิ้งตัวไว้ในอ้อมแขนของหวังหยวน หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้น “คุณชาย ดวงจันทร์มีลักษณะเป็นอย่างไร มันเป็นไข่มุกเรืองแสงที่ส่องแสงยามค่ำค
“คุณชาย ข้าเปล่านะ!”หูเมิ่งอิ๋งหายใจถี่ แล้วหันหน้าหนีด้วยความยากลำบาก “ช่วงนี้ธุรกิจไปได้ดี สบู่กับน้ำตาลคริสตัลถูกขายให้กับเมืองหล่งหนานแล้ว พ่อค้าจากสองแห่งต้องการเจรจาเป็นตัวแทนขาย และต้องการให้เราเพิ่มกำลังการผลิตน้ำตาลคริสตัล ตอนนี้ใกล้ปีใหม่แล้ว น้ำตาลคริสตัลเป็นที่ต้องการสูง!”สบู่และน้ำตาลคริสตัลขายในเมืองจิ่วซานมานานแล้วทันทีที่ชิงเมี่ยนโช่ว ถูกกำจัดในเมืองเมืองหล่งหนานและเมืองเฮ่อ กองคาราวานก็มุ่งหน้าลงไปเปิดตลาดทางใต้ทันทีราคาขายส่งสบู่ก้อนละหนึ่งตำลึง และขายปลีกก้อนละสามตำลึง เป็นที่นิยมมากในหมู่ครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยขายน้ำตาลคริสตัลในราคาสามสิบก้วน สำหรับการขายส่ง และขายปลีกราคาหนึ่งร้อยก้วน มันถูกขายหมดทันทีที่ไปถึงตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใกล้ปีใหม่ สมบัติล้ำค่าอย่างขนมคริสตัล ที่จะนำไปเป็นของขวัญก็ขาดแคลนหวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับแรงกระตุ้นตามสัญชาตญาณ “เจ้าต้องรับผิดชอบเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว ข้าเชื่อในความคิดทางธุรกิจของเจ้า หากเจ้าต้องการเพิ่มกำลังการผลิต ก็เพียงแค่บอกโรงงาน!”เขาไม่ได้มีความสนใจเรื่องธุรกิจ ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือของหูเมิ่งอ
“สหายน้อย อารมณ์ของเขายังไม่เย็นลง เขายังต้องเรียนรู้อีกมาก!”หยางเฟิ่งกั๋วยื่นสมุดพับไปข้างหน้าพร้อมกล่าว “ผู้เฒ่าหยวน อ่านสมุดพับเล่มนี้สิ เสนาบดีกรมขุนนางแถลงข่าวอย่างเป็นทางการให้เลื่อนตำแหน่งขุนนางสามคนโดยอ้างอิงจากการประเมิน จากนั้นลดตำแหน่งเจ้าเมืองและแม่ทัพแห่งเมืองหลงหนานด้วยความผิดที่ว่าแม้แต่กบฏตัวเล็ก ๆ ก็ไม่อาจจัดการได้”ราชเลขานุการรับสมุดพับแล้วส่งต่อเจ้ากรมขุนนางหยวนกวนหลวนผู้มีหน้าที่เลื่อนตำแหน่งขุนนางทั่วแผ่นดินมองสมุดพับพลางหัวเราะเล็กน้อย “ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย หวังพั่วหลู่ผู้นี้เป็นเฉียนจ๋ง แม้เราจะต้องการกำจัดเขา แต่ถ้าดูจากความดีความชอบในการปราบกบฏครั้งนี้แล้ว พวกเราจำต้องเลื่อนตำแหน่งให้เขาเสียก่อน ส่วนรักษาการนายอำเภอซุนไป๋ชวนจะได้เลื่อนขั้นเป็นนายอำเภอ และผู้ตรวจการสวีต้าโหย่วจะได้เลื่อนขั้นเป็นนายอำเภอเช่นกัน! สุดท้ายแล้วเจ้าเมืองหล่งหนานเหลียวชิงเจี๋ยและแม่ทัพเว่ยเฉิงก็จะถูกลดตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหยางจงกั๋วพยักหน้า!หยวนกวนหลวนเขียนบางอย่างลงบนสมุดพับก่อนยื่นให้ราชเลขานุการส่งต่อ!ในตอนนี้ชะตากรรมของคนทั้งห้าได้รับการเปลี่ยนแปลงท่ามกลางเสียงหั
สีหน้าของฮ่องเต้พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกล่าว “หวังหยวนผู้นั้นมีบุญคุณก็จริง เขาให้การร่วมมือด้วยการคิดค้นหน้าไม้ซานกงฉวน และสร้างอาวุธวิเศษที่สามารถตัดเหล็กได้อย่างง่ายดายราวกับตัดโคลนตม ซึ่งช่วยให้สถานการณ์ของเราได้เปรียบอย่างมาก ถึงกระนั้นความดีงามเหล่านี้ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ได้รับตำแหน่ง!”“หา!”อู๋หลิงมุ่นคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาท เขาไม่เพียงแต่สร้างอาวุธเท่านั้น แต่กลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ทำให้เราชนะสงครามล้วนเป็นการวางแผนของท่านเสนาธิการทหารทั้งนั้น หากไม่มีเขา กองทัพของเราคงถูกโจมตีมากมายจนยากที่จะป้องกัน นับประสาอะไรกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ฝ่าบาทโปรดพิจารณา และให้ความเป็นธรรมแก่ท่านเสนาธิการทหารด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สาส์นกราบทูลหลายฉบับล้วนบันทึกความดีความชอบของเสนาธิการทหารไว้อย่างชัดเจน ทว่าฮ่องเต้กลับเพิกเฉยต่อความดีของเขาอู๋หลิงตั้งใจเดินทางเข้ามาในพระราชวังเพื่อเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ เขาตัดสินใจแล้วว่าตนจะสาธยายข้อดีของเสนาธิการทหารผู้นี้ แม้จะต้องโทษประหารก็ตามเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านโหว แต่เสนาธิการทหารกลับถูกมองข้าม ซึ่งทำให้รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยตึง!ดวงตา
ฮ่องเต้ซิงหลงเยาะเย้ย “สาบานด้วยชื่อเสียงของบิดาเจ้างั้นรึ เขาเป็นทั้งหัวขโมยแล้วยังก่อกบฏอีก!”“ฝ่าบาท...”ดวงตาของอู๋หลิงแดงก่ำ ราวกับว่ามันจะระเบิดออก ขณะกำหมัดจนเส้นเลือดปูดโปน “บิดาผู้ล่วงลับของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว ได้โปรดอย่าหยามหยันเขาเลยพ่ะย่ะค่ะ!” ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง...ห่างออกไปยี่สิบจั้ง กลุ่มทหารองครักษ์รีบรุดไปข้างหน้าพลางชักดาบออกมา!“ถ้าข้าจะเหยียดหยามเขาเล่า เจ้ากล้าฆ่าฮ่องเต้งั้นรึ!”ฮ่องเต้ซิงหลงหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา จากนั้นก้าวถอยหลังออกห่างจากอีกฝ่ายพลางสาปแช่ง “ในตอนนั้นวังไห่เทียนเป็นเจ้าปัญญา ส่วนพ่อของเจ้าเป็นผู้บัญชาการทหาร ทั้งสองคนสมรู้ร่วมคิดกับอ๋องติ้งลอบวางแผนชั่วเพื่อยึดบัลลังก์ของข้า ดังนั้นพวกมันจึงถูกข้าเปิดโปงและกำจัดทีละคน หากพวกมันไม่ใช่โจรกบฏ แล้วจะเป็นอะไรเล่า?”“ฝ่าบาท!”อู๋หลิงหลับตาพร้อมกัดฟัน “บิดาของกระหม่อมจงรักภักดีต่อราชสำนัก และไม่มีเจตนาใดแอบแฝง ในตอนที่อ๋องติ้งเขียนจดหมายถึงบิดากระหม่อมเพื่อขอให้ยกทัพไปช่วย แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะปฏิเสธ หากบิดาของกระหม่อมมีเจตนาแอบแฝงและเต็มใจช่วยอ๋องติ้งยึดบัลลังก์จริง ๆ กองทัพของราชสำนักคงไม่สามาร
เมื่อครู่ฮ่องเต้ซิงหลงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะลูกของขุนนางกบฏผู้นี้กล้าเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่กลัวเกรงหากไม่ใช่เพราะคำโน้มน้าวของเหล่าขุนนาง อีกฝ่ายคงถูกคุมขังและถูกประหารไปนานแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตเมื่อเห็นสีหน้าของฮ่องเต้ซิงหลง อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหยางเฟิ่งกั๋วก็ดึงอู๋หลิงเข้ามาหาตนแล้วตำหนิว่า “อู๋หลิง เหตุใดเจ้าถึงทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคืองพระทัย? หนำซ้ำยังไม่ร้องขอความเมตตาอีก เจ้ากลับมายังเมืองหลงไม่ถึงปีด้วยซ้ำ แต่อยากให้แม่และพี่น้องต้องทนทุกข์กับปัญหาที่เจ้าเป็นคนก่อรึ?”เมื่อตระหนักถึงมารดา น้องชาย และน้องสาวที่กำลังป่วย อู๋หลิงพลันรู้สึกขมขื่นไม่น้อย เขาคุกเข่าลงขณะที่ในใจแหลกสลายเป็นผุยผงไปแล้ว “กระหม่อมหยิ่งทะนงในความสำเร็จของตนเองมากเกินไปจนล่วงเกินพระองค์ แต่กระหม่อมไม่เคยคิดร้ายกับพระองค์เลย โปรดพระราชทานอภัยให้กระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท!”หยางเฟิ่งกั๋ว หยวนกวนหลวน และฉินจ้านต่างจ้องมองภาพตรงหน้า!“ขุนนางเป็นคนตรงไปตรงมา และอุทิศตนเพื่อจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ ดังนั้นข้าจะอภัยให้เจ้า!”ใบหน้าของฮ่องเต้ซิงหลงยังคงเฉยเมยราวกับกำลังมองดูศพ จากนั้นหันหลังกล
คนผู้หนึ่งสวมชุดสีแดงและสวมมงกุฎหงส์สีทองอร่ามไว้บนศีรษะ หน้าผากแต้มกลีบดอกบัวสีชาด ใบหน้าไม่แต่งแต้มเครื่องสำอางแม้แต่น้อย และนี่คือความงดงามอันไร้ที่ติของเซี่ยวฉู่ฉู่ นางเปิดจดหมายลับและอ่านอย่างรวดเร็วแล้วพนมมือ “ขอสวรรค์อวยพรเมืองหวงของข้า ความรุ่งเรืองของต้าเย่ได้จบลงแล้ว!”เด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างนางแต่งกายด้วยชุดลายมังกรถามด้วยความสงสัย “ท่านป้า ท่านทำความดีมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ฉิวเอ้อร์!”เซี่ยวฉู่ฉู่หยิกแกมของเด็กน้อยเบา ๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่องเต้ซิงหลงเกิดความสงสัย และเข้าใจผิดคิดว่าเสนาธิการทหารว่าเป็นหนึ่งในหมากของอีกฝ่าย เขาจึงรับสั่งไม่ให้คนผู้นั้นสอบคัดเลือกขุนนางเคอจี่ และห้ามใช้งานเขาเด็ดขาด ดังนั้นตอนนี้พวกเขาก็จะไม่มีเสนาธิการทหารแล้ว เมืองหวงของเราจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป”“โอ้!”ฮ่องเต้น้อยเผยสีหน้าสับสนตึง ตึง ตึง!ขณะที่นางกำลังเคาะโต๊ะ นางกำนัลคนหนึ่งก็ปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ ใบหน้างามของเซี่ยวฉู่ฉู่พลันเปล่งประกายทันใด “มีข่าวคราวจากองครักษ์เหยี่ยวดำในเฉิงโจวหรือไม่!”“กราบทูลไทเฮา ข้าเสนอป้ายหยกของพระองค์ให้แก่ท่านเสนาธิการทหาร แต่เขาปฏิเสธเพคะ”นางกำนั
“หากเป็นหญิงงามแล้ว ชายเหล่านั้นไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่หรอก ต่างคนต่างความชอบ! สำหรับแม่ทัพหนุ่มแล้ว พวกท่านจะทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่เหตุใดต้องกังวลในเรื่องนั้นด้วยเล่า”ไป๋เฟยเฟยกะพริบตาพลางกล่าว “ข้ากำลังมองหาบ้านหลังงามให้ท่าน อย่างไรเสีย ท่านก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการให้ท่านแต่งงานกับคนโง่เขลา เพราะมันทำให้ข้ารู้สึกเป็นทุกข์ทุกทีที่เห็น!”“เจ้าคิดว่ามันฟังดูน่าเชื่องั้นรึ!”จีหลีหยางกล่าวคำเบา “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการให้เขาแตกคอกับแม่ทัพหนุ่ม เพื่อที่ในอนาคตพวกเขาจะได้ไม่ร่วมมือกันทำลายความดีความชอบของตระกูลไป๋!”“โอ้ คนงาม ท่านเริ่มฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!”ดวงตาคู่งามของไป๋เฟยเฟยเปล่งประกาย เขาเชยคางจีหลีหยางขึ้นแล้วทาบทับริมฝีปากของตนลงไป “ข้าไม่เต็มใจยกท่านให้ชายอื่นหรอกนะ!”“เจ้า!”การได้รับจุมพิตจากเพศเดียวกันคือสิ่งที่น่าอายสำหรับจีหลีหยาง ดังนั้นใบหน้าของนางจึงแดงก่ำ...จวนตระกูลหลี่ ณ เมืองโจว!“ซื่อหาน เจ้าอ่านหรือยัง มันคือพระราชกฤษฎีกาที่ราชสำนักส่งมา!”ร่างกายของหญิงสาวตระกูลหลี่สั่นเทา ขณะถือพระราชกฤษฎีกา “หวังหยวนจากหมู่บ้านต้าหวัง ตำบลเป่