ขณะนี้หวังหยวนกับเสวี่ยเชียนหลงกำลังดื่มสุรากับเจิ้งอู๋หมิ่นในโรงเตี๊ยมเดิมคิดว่าจะไม่มีเวลาสนทนากับพี่น้อง แต่เสวี่ยโส่วจุนยังคงให้เขารอต่อไป จึงได้โอกาสมาดื่มสุราสนทนากันแล้วเหตุใดจะไม่ทำเล่า?“ท่านน่าจะเป็นหวังหยวนใช่หรือไม่?”“เสวี่ยโส่วจุนส่งข้ามา บัดนี้คนจากแปดตระกูลใหญ่ได้มารวมตัวกันที่จวนแล้ว กำลังรอท่านอยู่”“หวังว่าท่านหวังจะไปกับพวกเรา”ชายหนุ่มสองคนในชุดสีขาวมายืนอยู่ที่โต๊ะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแม้ดูเหมือนจะให้ความเคารพหวังหยวน แต่ถ้อยคำกลับเต็มไปด้วยความดูถูกเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับหวังหยวนเลยแต่คิดดูก็คงจริงอยู่ พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง แม้จะอายุยังน้อย แต่ย่อมมีฐานะสูงกว่าหวังหยวนและพวกพ้องในสายตาของจอมยุทธ์เหล่านี้ ชาวบ้านธรรมดาอย่างหวังหยวนก็คงเป็นเพียงมดปลวกไร้ค่าเท่านั้น ไม่คู่ควรให้ชายตามองด้วยซ้ำหากไม่ใช่เพราะเสวี่ยโส่วจุน พวกเขาคงไม่แม้แต่จะสนใจหวังหยวน“ปรากฏว่าท่านเสวี่ยโส่วจุนเชิญแล้วงั้นหรือ?”“ดูเหมือนเรื่องราวคงจะได้ข้อสรุปแล้ว เช่นนั้นเราไปพบท่านกันเถิด”“ข้าก็อยากจะดูเหมือนกันว่าผู้คนจากแปดตระกูลใหญ่จะว่า
ขณะนี้ผู้คนจากแปดตระกูลใหญ่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทั้งสองข้าง ด้านเสวี่ยโส่วจุนนั่งอยู่บนบัลลังก์“เร็วเข้า เร็วเข้า รีบหาที่นั่งเลย”เสวี่ยโส่วจุนโบกมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วหันไปมองหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไร เขากลับพอใจหวังหยวนเป็นพิเศษ ยิ่งกว่านั้นหวังหยวนยังอาศัยความแข็งแกร่งของตนเองในการเอาชนะผู้กล้าหาญทั้งหลายบนสังเวียน จึงได้สาวงามมาครอบครองด้วย!ในยุคที่ให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่ง ไม่ว่าหวังหยวนจะมีภูมิหลังเช่นไร แต่ด้วยความสามารถนี้ก็เพียงพอแล้ว!เขาในฐานะพ่อตาย่อมพอใจมาก“ข้าว่าไม่เหมาะกระมังขอรับ?”ตระกูลหวังแห่งหลานยาเป็นผู้พูดขึ้นก่อน เดิมทีเขาก็ไม่ชอบหวังหยวนอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เพราะหวังหยวนแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลง หรือเพราะลูกหลานในครอบครัวของเขาหลงรักเสวี่ยเชียนหลง แต่เป็นเพราะเขาไม่ชอบคนจากโลกมนุษย์และหวังหยวนก็มาจากโลกมนุษย์“ทุกท่านที่นั่งอยู่ล้วนมาจากแปดตระกูลใหญ่ ส่วนเสวี่ยโส่วจุนก็ยิ่งมีฐานะสูงส่งยิ่ง”“เมื่อลูกหลานของแปดตระกูลใหญ่ของเรามาที่นี่ยังไม่มีสิทธิ์นั่งเสมอภาคกับพวกเรา เขาเป็นเพียงคนจากโลกมนุษย์เท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมานั
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวน ตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนก็หัวเราะตามไปด้วยดูแล้วทั่วทั้งเทียนไว่เทียน คนที่กล้าพูดกับคนในแปดตระกูลใหญ่เช่นนี้คงมีเพียงหวังหยวนเท่านั้นช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงจะย่ำแย่ลงไปอีก...ตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนกลับไม่กังวลเรื่องนี้ แม้ว่าสุดท้ายจะตกลงกันไม่ได้ คนในแปดตระกูลใหญ่ก็คงไม่กล้าทำร้ายหวังหยวน เพราะเขาคือลูกเขยของเสวี่ยโส่วจุน!หากเรื่องราวบานปลายจนแก้ไขไม่ได้ ทุกคนย่อมต้องเสียหน้า ไม่เป็นผลดีกับใครเลย“ปัง!”ทันทีที่เสียงนั้นเงียบลงก็เห็นคนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงตบโต๊ะอย่างแรง แล้วลุกขึ้นยืนจ้องหวังหยวนอย่างดุร้าย!เขาชี้ไปที่หวังหยวนแล้วตะโกนด่าว่า “เจ้าเป็นใครกัน? กล้ามาพูดกับพวกเราเช่นนี้เลยหรือ? เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง!”“เจ้ากล้าเปรียบเทียบพวกข้าเป็นสุนัขเชียวหรือ?”“ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”ทุกคนพากันเห็นด้วย แสดงให้เห็นว่าต้องการร่วมมือกันปราบปรามหวังหยวนในขณะที่หวังหยวนกอดอก แล้วยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างพลางพูดอย่างไม่แยแสว่า “ข้าเป็นใครไม่ใช่เรื่องของท่าน และหากพ
ตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงมีสถานะสูงส่งเช่นนี้ ก็เพราะความแข็งแกร่งของตนเอง!วิทยายุทธ์นั้นฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้วเขายกฝ่ามือขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วโจมตีไปที่ใบหน้าของหวังหยวน!น่าเกรงขามยิ่งนัก!หากถูกโจมตีเข้าแล้วล่ะก็ แม้ว่าหวังหยวนจะมีเก้าชีวิต ก็คงจะบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นพิการ!แต่หวังหยวนกลับไม่กังวลใจ เขาหยิบปืนคาบศิลาออกมาจากกระเป๋าอย่างใจเย็น แล้วเล็งไปที่คนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิง!“มีเพียงแค่อาวุธซ่อนเร้นไร้ประโยชน์เช่นนี้ ยังคิดจะทำร้ายข้าหรือ?”“ช่างน่าขันยิ่งนัก!”“ปัง!”ทันทีที่เขาพูดจบก็เห็นหวังหยวนเหนี่ยวไกปืน ฝ่ามือของคนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงก็มีรูปรากฏขึ้นมา!“อ๊าก!”คนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงร้องเสียงหลง รีบถอยหลังหนีไปสองก้าว แล้วจ้องมองหวังหยวนอย่างดุร้าย“เจ้าถืออะไรอยู่ในมือ?”“เหตุใดอาวุธลับชิ้นนี้ถึงได้โจมตีเร็วมาก มิหนำซ้ำยังมีพลังทำลายล้างมหาศาลเช่นนี้อีก?”เดิมทีเขาตั้งใจจะหลบอาวุธในมือของหวังหยวน จากนั้นจึงลงมือฆ่าหวังหยวน!แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้จึงทำให้เขาต้องอับอายเช่นนี้กระสุนเพียงนัดเดียวก็ทะลุฝ่ามือของเขาได้!ท
“พอแล้ว! ท่านทั้งหลายอย่าโต้เถียงกันอีกเลย!”“พวกท่านล้วนเป็นพวกพ้องกันเอง เหตุใดจึงทำให้เรื่องราวบานปลายเช่นนี้เล่า?”“ท่านทั้งหลายไม่รู้สึกขบขันกันบ้างหรือ?”ขณะที่หวังหยวนและคนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น เสวี่ยโส่วจุนก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อนนับเป็นการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้กับคนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงบัดนี้คนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงอยู่ในภาวะเสียเปรียบ หากยังคงโต้เถียงต่อไป ผู้ที่ต้องสูญเสียย่อมเป็นเขาทว่าในใจของเสวี่ยโส่วจุนกลับเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนจากแปดตระกูลใหญ่ล้วนทำตัวอยู่เหนือกว่าเขาเสมอ แม้กระทั่งยังกลั่นแกล้งเขาอยู่เนือง ๆ บัดนี้มีคนปรากฏตัวขึ้นมาคานอำนาจพวกเขาเสียที!และคนผู้นั้นก็คือลูกเขยของเขาเองแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งนัก เพราะเกรงว่าในภายภาคหน้าจะพบหน้ากันได้ลำบากคนตระกูลหวังแห่งหลานยาจึงกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อเสวี่ยโส่วจุนได้กล่าวเช่นนี้แล้วก็อย่าขวางเขาต่อไปเลย”ตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงจ้องมองหวังหยวนด้วยสายตาอาฆาต ก่อนจะถอยไปยืนอยู่ด้านข้างหวังหยวนขมวดคิ้วดูเหมือนว่าสถานการณ์ในเทียนไว่เทียนก
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีผู้ใดกล้าพูดจาหยาบคายต่อหน้าเขา!หวังหยวนกลับกลั่นแกล้งเขาอยู่เสมอ น่าชิงชังยิ่งนัก!เสวี่ยโส่วจุนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“หวังหยวน บัดนี้คนจากแปดตระกูลใหญ่ได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว พวกเราถือเป็นแกนหลักของเทียนไว่เทียน หากมีเรื่องราวใดก็จงกล่าวออกมาเถิด”จุดประสงค์ที่หวังหยวนมาที่นี่ก็เพื่อรวมตัวกับพวกเขาเพื่อต่อสู้กับคนจากซานไว่ซานบัดนี้เมื่อเสวี่ยโส่วจุนได้กล่าวเช่นนี้และได้ให้ทางออกแก่เขาแล้ว เขาก็ไม่สามารถทำตัวเย่อหยิ่งต่อไปได้อีก ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เป็นผลดีต่อเสวี่ยโส่วจุนหากทำให้เรื่องราวบานปลาย ในที่สุดก็จะกลายเป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต้องพ่ายแพ้เมื่อสายตาของผู้คนต่างมุ่งมาที่เขา หวังหยวนจึงกล่าวว่า “ข้ามาจากแดนโลกมนุษย์ และบัดนี้แดนโลกมนุษย์ได้เกิดความโกลาหลแล้ว แม้ว่าขณะนี้จะเป็นสถานการณ์แบบสามเส้าอยู่ แต่ราชวงศ์ต้าเป่ยก็ได้ยกทัพไปโจมตีต้าเย่แล้ว!”“เดิมทีข้าไม่คิดจะแทรกแซงเรื่องราวของทั้งสองอาณาจักร แต่บัดนี้คนจากซานไว่ซานได้เข้ามาแทรกแซงด้วย ข้าสืบหาข้อมูลมาอย่างลับ ๆ จนพบว่าการเปลี่ยนแปลงของต้าเป่ยล้วนเกิดขึ้นเพราะซือถูอวี่!”
“เจ้าเด็กไร้เดียงสา! เจ้าช่างโอหังยิ่งนัก!”“การประลองยุทธ์ระหว่างซานไว่ซานและเทียนไว่เทียนนั้นถูกกำหนดไว้ตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแล้ว ในช่วงหลายร้อยปีมานี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยังคงสืบทอดธรรมเนียมนี้มาโดยตลอด!”“เจ้าเพิ่งเข้ามาเป็นเขยของเทียนไว่เทียนเพียงไม่นาน กลับกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์การประลองยุทธ์เช่นนี้หรือ?”“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? เพียงแค่คำพูดของเจ้าจะทำให้การประลองยุทธ์ถูกยกเลิกได้เช่นนั้นหรือ?”“เจ้าคงประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปแล้วกระมัง?”ผู้นำตระกูลหลูแห่งฟ่านหยางโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ชี้หน้าหวังหยวนแล้วด่าทออย่างรุนแรง!คำพูดของเขานั้นเฉียบคม!ผู้คนในที่นั้นต่างก็พากันเห็นด้วย แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับหวังหยวนเลยท้ายที่สุด คำพูดของเขานั้นก็ช่างน่าขันยิ่งนัก แล้วจะให้พวกเขาไปให้ค่าได้อย่างไร?เทียนไว่เทียนอันยิ่งใหญ่จะต้องให้เด็กหนุ่มจากโลกมนุษย์มาชี้นิ้วสั่งการหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องการทำลายกฎเกณฑ์ที่พวกเขากำหนดไว้ตั้งแต่ร้อยปีก่อน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้!“เจ้าเด็กไร้เดียงสาเอ๋ย! ข้ารู้ว่าเจ้ามีอิทธิพลในโลกมนุษย์อยู่บ้าง ได้ยินมาว่ายังมีกองกำลัง
“แต่เจ้าดูสิว่าตอนนี้เจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว? ถูกผู้ชายจากโลกมนุษย์สั่งการตามใจชอบหรือ? ช่างทำให้เทียนไว่เทียนเราเสื่อมเสียชื่อเสียงยิ่งนัก!”ผู้นำตระกูลหลี่แห่งหล่งซีพูดขึ้นอย่างดุดัน เขาอยากจะเข้าไปขวางทางหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงไว้ แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้นเพราะผู้นำตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงคือตัวอย่างที่ดีที่สุด“หึ!”หวังหยวนหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ก่อนจะหยิบปืนคาบศิลาออกจากอกอย่างรวดเร็ว ชี้ไปที่ตระกูลหลี่แห่งหล่งซีที่กำลังพูดอยู่!“หวังหยวน! เจ้าอย่าได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่น!”“รีบวางอาวุธในมือของเจ้าลงเดี๋ยวนี้!”“เมื่อครู่นี้เจ้าได้ทำร้ายตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงไปแล้ว หากเจ้าทำร้ายตระกูลหลี่แห่งหล่งซีอีก แม้ว่าท่านเสวี่ยโส่วจุนจะปกป้องเจ้า เจ้าก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ในวันนี้ได้!”“พวกเราจะต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็จะต้องลงโทษเจ้าให้ได้!”ตระกูลเซี่ยแห่งสิงหยางพูดอย่างเย็นชาบรรยากาศในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและอึดอัดขึ้นมาทันที!ขณะที่เสวี่ยโส่วจุนยังคงนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาหวังหยวนหันหน้ากลับมาอย่า