“พอแล้ว! ท่านทั้งหลายอย่าโต้เถียงกันอีกเลย!”“พวกท่านล้วนเป็นพวกพ้องกันเอง เหตุใดจึงทำให้เรื่องราวบานปลายเช่นนี้เล่า?”“ท่านทั้งหลายไม่รู้สึกขบขันกันบ้างหรือ?”ขณะที่หวังหยวนและคนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น เสวี่ยโส่วจุนก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อนนับเป็นการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้กับคนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงบัดนี้คนตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงอยู่ในภาวะเสียเปรียบ หากยังคงโต้เถียงต่อไป ผู้ที่ต้องสูญเสียย่อมเป็นเขาทว่าในใจของเสวี่ยโส่วจุนกลับเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนจากแปดตระกูลใหญ่ล้วนทำตัวอยู่เหนือกว่าเขาเสมอ แม้กระทั่งยังกลั่นแกล้งเขาอยู่เนือง ๆ บัดนี้มีคนปรากฏตัวขึ้นมาคานอำนาจพวกเขาเสียที!และคนผู้นั้นก็คือลูกเขยของเขาเองแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งนัก เพราะเกรงว่าในภายภาคหน้าจะพบหน้ากันได้ลำบากคนตระกูลหวังแห่งหลานยาจึงกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อเสวี่ยโส่วจุนได้กล่าวเช่นนี้แล้วก็อย่าขวางเขาต่อไปเลย”ตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงจ้องมองหวังหยวนด้วยสายตาอาฆาต ก่อนจะถอยไปยืนอยู่ด้านข้างหวังหยวนขมวดคิ้วดูเหมือนว่าสถานการณ์ในเทียนไว่เทียนก
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีผู้ใดกล้าพูดจาหยาบคายต่อหน้าเขา!หวังหยวนกลับกลั่นแกล้งเขาอยู่เสมอ น่าชิงชังยิ่งนัก!เสวี่ยโส่วจุนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“หวังหยวน บัดนี้คนจากแปดตระกูลใหญ่ได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว พวกเราถือเป็นแกนหลักของเทียนไว่เทียน หากมีเรื่องราวใดก็จงกล่าวออกมาเถิด”จุดประสงค์ที่หวังหยวนมาที่นี่ก็เพื่อรวมตัวกับพวกเขาเพื่อต่อสู้กับคนจากซานไว่ซานบัดนี้เมื่อเสวี่ยโส่วจุนได้กล่าวเช่นนี้และได้ให้ทางออกแก่เขาแล้ว เขาก็ไม่สามารถทำตัวเย่อหยิ่งต่อไปได้อีก ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เป็นผลดีต่อเสวี่ยโส่วจุนหากทำให้เรื่องราวบานปลาย ในที่สุดก็จะกลายเป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต้องพ่ายแพ้เมื่อสายตาของผู้คนต่างมุ่งมาที่เขา หวังหยวนจึงกล่าวว่า “ข้ามาจากแดนโลกมนุษย์ และบัดนี้แดนโลกมนุษย์ได้เกิดความโกลาหลแล้ว แม้ว่าขณะนี้จะเป็นสถานการณ์แบบสามเส้าอยู่ แต่ราชวงศ์ต้าเป่ยก็ได้ยกทัพไปโจมตีต้าเย่แล้ว!”“เดิมทีข้าไม่คิดจะแทรกแซงเรื่องราวของทั้งสองอาณาจักร แต่บัดนี้คนจากซานไว่ซานได้เข้ามาแทรกแซงด้วย ข้าสืบหาข้อมูลมาอย่างลับ ๆ จนพบว่าการเปลี่ยนแปลงของต้าเป่ยล้วนเกิดขึ้นเพราะซือถูอวี่!”
“เจ้าเด็กไร้เดียงสา! เจ้าช่างโอหังยิ่งนัก!”“การประลองยุทธ์ระหว่างซานไว่ซานและเทียนไว่เทียนนั้นถูกกำหนดไว้ตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแล้ว ในช่วงหลายร้อยปีมานี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยังคงสืบทอดธรรมเนียมนี้มาโดยตลอด!”“เจ้าเพิ่งเข้ามาเป็นเขยของเทียนไว่เทียนเพียงไม่นาน กลับกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์การประลองยุทธ์เช่นนี้หรือ?”“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? เพียงแค่คำพูดของเจ้าจะทำให้การประลองยุทธ์ถูกยกเลิกได้เช่นนั้นหรือ?”“เจ้าคงประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปแล้วกระมัง?”ผู้นำตระกูลหลูแห่งฟ่านหยางโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ชี้หน้าหวังหยวนแล้วด่าทออย่างรุนแรง!คำพูดของเขานั้นเฉียบคม!ผู้คนในที่นั้นต่างก็พากันเห็นด้วย แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับหวังหยวนเลยท้ายที่สุด คำพูดของเขานั้นก็ช่างน่าขันยิ่งนัก แล้วจะให้พวกเขาไปให้ค่าได้อย่างไร?เทียนไว่เทียนอันยิ่งใหญ่จะต้องให้เด็กหนุ่มจากโลกมนุษย์มาชี้นิ้วสั่งการหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องการทำลายกฎเกณฑ์ที่พวกเขากำหนดไว้ตั้งแต่ร้อยปีก่อน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้!“เจ้าเด็กไร้เดียงสาเอ๋ย! ข้ารู้ว่าเจ้ามีอิทธิพลในโลกมนุษย์อยู่บ้าง ได้ยินมาว่ายังมีกองกำลัง
“แต่เจ้าดูสิว่าตอนนี้เจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว? ถูกผู้ชายจากโลกมนุษย์สั่งการตามใจชอบหรือ? ช่างทำให้เทียนไว่เทียนเราเสื่อมเสียชื่อเสียงยิ่งนัก!”ผู้นำตระกูลหลี่แห่งหล่งซีพูดขึ้นอย่างดุดัน เขาอยากจะเข้าไปขวางทางหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงไว้ แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้นเพราะผู้นำตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงคือตัวอย่างที่ดีที่สุด“หึ!”หวังหยวนหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ก่อนจะหยิบปืนคาบศิลาออกจากอกอย่างรวดเร็ว ชี้ไปที่ตระกูลหลี่แห่งหล่งซีที่กำลังพูดอยู่!“หวังหยวน! เจ้าอย่าได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่น!”“รีบวางอาวุธในมือของเจ้าลงเดี๋ยวนี้!”“เมื่อครู่นี้เจ้าได้ทำร้ายตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงไปแล้ว หากเจ้าทำร้ายตระกูลหลี่แห่งหล่งซีอีก แม้ว่าท่านเสวี่ยโส่วจุนจะปกป้องเจ้า เจ้าก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ในวันนี้ได้!”“พวกเราจะต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็จะต้องลงโทษเจ้าให้ได้!”ตระกูลเซี่ยแห่งสิงหยางพูดอย่างเย็นชาบรรยากาศในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและอึดอัดขึ้นมาทันที!ขณะที่เสวี่ยโส่วจุนยังคงนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาหวังหยวนหันหน้ากลับมาอย่า
ผู้นำตระกูลหวังแห่งหลานยากัดฟันแน่นจนแทบจะหัก แต่ก็ทำได้เพียงเฝ้ามองหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงจากไปต่อหน้าต่อตาบรรดาตระกูลอื่น ๆ เองก็เช่นกัน ต่างก็พากันนิ่งงันด้วยความไม่พอใจ มีเพียงตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนเท่านั้นที่รู้สึกปลาบปลื้มใจ!เขาหวังจากใจอยู่แล้วว่าหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงจะสามารถจากไปเช่นนี้ เพื่อจะได้ตบหน้าบรรดาผู้อื่นให้สาแก่ใจ!บัดนี้หวังหยวนเองก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง แถมยังทำสำเร็จจริง ๆ เสียด้วย ช่างน่าประทับใจ!เด็กคนนี้สามารถสั่งสอนได้!“เราจะปล่อยให้เขาจากไปเช่นนี้หรือ?”“เด็กคนนี้มีอาวุธลับอยู่ในมือ และอาวุธลับนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง!” “แต่เขาทำร้ายผู้นำตระกูลเซียวแห่งหลานหลิง และผู้นำตระกูลเซี่ยแห่งสิงหยาง นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา!”“เสวี่ยโส่วจุน ตอนนี้ท่านควรจะให้คำอธิบายแก่เราได้แล้วหรือยัง?”“คนทั้งหลายกล่าวกันว่าลูกเขยก็เหมือนลูกชายครึ่งหนึ่ง บัดนี้เขาถือว่าเป็นคนของตระกูลเสวี่ยแล้วใช่หรือไม่?”ตระกูลหวังแห่งหลานยาเอ่ยถามเสวี่ยโส่วจุนจัดการหวังหยวนไม่ได้ แล้วจะจัดการเสวี่ยโส่วจุนไม่ได้ด้วยหรือ?แม้แปดตระกูลใหญ่จะไม่ได้เป็นสายเลือด
“พวกท่านต้องการเห็นตระกูลที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นด้วยความยากลำบากต้องมาพังทลายลงเช่นนี้หรือ?”คำพูดของเสวี่ยโส่วจุนชี้ไปยังจุดสำคัญของปัญหาโดยตรง และยังแทงใจดำของทุกคน!เทียนไว่เทียนและซานไว่ซานมีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึงหลายร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเสวี่ยหรือแปดตระกูลใหญ่ หรือแม้กระทั่งตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นรากฐานที่บรรพบุรุษของพวกเขาสร้างขึ้นด้วยความยากลำบากมาหลายชั่วอายุคนทั้งสิ้น! หากสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายลงในมือของพวกเขา พวกเขาก็จะกลายเป็นคนบาปตลอดกาล!แม้ว่าในภายหลังจะไปถึงปรโลก และได้พบกับบรรพบุรุษ พวกเขาก็คงจะไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษได้ใช่หรือไม่?ดังที่เสวี่ยโส่วจุนคาดการณ์ไว้ ความโกรธของทุกคนลดลงอย่างมาก ในชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่ตระกูลหวังแห่งหลานยาเองก็ไม่ได้เอ่ยคำใด“เอาเวลาไปรักษาบาดแผลให้พวกเขาทั้งสองก่อน”“ข้าเห็นว่าพวกเขาบาดเจ็บสาหัส คงต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะ”เสวี่ยโส่วจุนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา สายตาจับจ้องไปที่ผู้นำตระกูลเซียวแห่งหลานหลิงและผู้นำตระกูลเซี่ยแห่งสิงหยางดังที่เสวี่ยโส่วจุนกล่าว พวกเขาทั้งสองเจ็บปวดจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว...หากพวกเขาไม
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะรีบไปพบกับหวังหยวนเดี๋ยวนี้”ผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนรีบรับคำ และรีบเดินออกไปนอกประตูทันที ในขณะเดียวกัน หวังหยวนพาเสวี่ยเชียนหลงมาถึงปากทางเข้าเทียนไว่เทียนแล้ว“มองอีกสักครั้งสองครั้งเถิด ครั้งนี้เมื่อเราจากไปจากที่นี่ คงอีกนานกว่าจะได้กลับมา”“แน่นอนว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ข้าก็ไม่อยากจะมาเหยียบที่นี่อีกตลอดชีวิต”“ยังเรียกว่าเทียนไว่เทียนอีกหรือ ช่างเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงตัวเองโดยแท้!”“สถานที่ที่เต็มไปด้วยความสกปรกมัวหมอง ข้าอยู่ก็ปวดหัวแล้ว!”หวังหยวนโอบไหล่แล้วฮึดฮัดสองสามคำ หากไม่ใช่เพราะเสวี่ยเชียนหลง เขาคงไม่อยากมองหน้าเสวี่ยโส่วจุนด้วยซ้ำ!ผู้ใดเล่าจะยอมให้บุตรสาวของตนไปประลองเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายได้?คนทั้งปฐพีล้วนมีเงามัวหมองเท่ากัน!เสวี่ยเชียนหลงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่แสดงอาการอาลัยอาวรณ์ออกมาเล็กน้อย อย่างไรเสียที่แห่งนี้ก็คือบ้านของนาง เป็นสถานที่ที่นางเติบโตมา ตลอดหลายปีมานี้ นางไม่เคยจากเทียนไว่เทียนไปเลยแต่คราวนี้เพิ่งจะเข้าสู่แดนโลกมนุษย์ก็ได้พบกับหวังหยวนและต่อมาก็เกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้...“ช้าก่อน! อย่าเพิ่งไป!”ขณะที่หว
แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไม่ใช่เพื่อนกัน แต่หลังจากที่เกิดเรื่องราวหลายอย่างขึ้น ทั้งสองก็ได้กลายเป็นดั่งพี่น้องกันแล้วนับว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วก็มาสนิทกันภายหลังดูจากสถานการณ์นี้แล้ว ทั้งสองคนกำลังจะเตรียมลงมือต่อสู้กันอีกครั้งอย่างชัดเจนเช่นนั้นนางจะช่วยใครดี?เป็นคำถามที่ทำให้รู้สึกยากลำบากใจจริง ๆ!“แค่ก แค่ก”ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงไอแผ่วเบาก็ดังขึ้น จากนั้นผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนก็เดินเข้ามา แล้วมายืนตรงหน้าของทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว“ท่านพ่อ! ท่านไม่ได้สั่งให้ข้ามาเชิญเขากลับไปหรอกหรือขอรับ?”“เหตุใดท่านจึงมาด้วยตนเอง?”“หรือว่าท่านกังวลว่าข้าจะทำภารกิจไม่สำเร็จ?”เจิ้งอู๋หมิ่นยืนกอดอกพูดว่า “ข้าเพิ่งจะอธิบายเจตนาของข้าให้เขาฟังไปเมื่อครู่ หากวันนี้เขาไม่ติดตามเราไปด้วย ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยให้ไปหรอกขอรับ!”“อย่างมากก็แค่เราทั้งสองจะยื้อเวลาอยู่ที่นี่ไปเรื่อย ๆ!”“แม้ว่าเขาจะมีปืนคาบศิลาอยู่ในมือ แต่ข้าก็ไม่เชื่อหรอกขอรับว่าเขาจะลงมือกับข้า!”ไม่รู้ว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหนหวังหยวนกลอกตาใส่เขาแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงกับเจ
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“