เมื่อเชียนหลงนึกถึงหวังหยวนแล้วก็ยิ้มขึ้นมาทันที เสวี่ยโส่วจุนเห็นแล้วก็หรี่ตามองในฐานะพ่อย่อมมองออกว่าในเวลานี้ลูกสาวอยู่ในสภาพเช่นไร!นี่คือสภาพของคนที่ตกหลุมรัก“ลูกเอ๋ย เจ้าชอบเขาหรือ?”จู่.ๆ เสวี่ยโส่วจุนก็พูดขึ้นทันที เชียนหลงได้ยินก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งนางหลบสายตาพ่อ ภายในใจกำลังสับสนเมื่อเสวี่ยโส่วจุนเห็นเช่นนี้จึงยกยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า “เชียนหลง เจ้าเป็นลูกสาวของพ่อ เจ้าหลอกพ่อไม่ได้หรอก ใจเจ้าอาจรักเขามานานแล้ว เพียงแต่เจ้าไม่ต้องการยอมรับ”“ไม่สำคัญ อีกไม่นานก็จะรู้ว่าชายผู้นี้เป็นคนดีหรือไม่”“ดูการเลือกของเขาเถิด เส้นทางแห่งการเป็นผู้แข็งแกร่งและการเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งครั้งนี้ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก”“หากเขาทำเช่นนั้นเพื่อเจ้า ก็แสดงว่าเขา... มีความรู้สึกต่อเจ้าเช่นกัน”หลังจากที่เสวี่ยโส่วจุนพูดจบ เชียนหลงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และไม่ได้เอ่ยคำใดในใจของนางก็ไม่รู้ว่าหวังหยวนจะตัดสินใจอย่างไร!ขณะเดียวกันที่หมู่บ้านหุบเขาธารสวรรค์หวังหยวนได้ตอบตกลงแล้ว ส่วนการฝึกฝนสามเดือนนี้จะโหดร้ายเพียงใด เขาไม่รู้เลยแต่สิ่งที่เขารู้ก็คือ หากเขามีความสามารถที่จะช
เมื่อร่ำลาหมู่บ้านต้าหวังแล้ว หวังหยวนก็เดินทางออกจากที่นั่นแล้วไปพบกับโม่ชิงอี!“ดูเหมือนว่าเจ้าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”โม่ชิงอีเอ่ยปาก หวังหยวนยกยิ้ม“ไม่มีอะไรต้องจัดการหรอกขอรับ พวกเขารู้ดีว่าต้องทำอะไร”“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่อยู่แล้ว พวกเขาก็ยังสามารถอยู่กันได้อย่างดี!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ โม่ชิงอีก็หัวเราะ“เยี่ยมยอด ไม่ว่าจะเป็นต้าเย่ อาณาจักรต้าเป่ยหรือว่าหมานอี๋ และเมืองหวง ก็ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า”“หากเจ้าต้องการรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวก็เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก!”หลังจากที่โม่ชิงอีพูดจบ หวังหยวนก็เพียงแค่ยิ้มในสายตาของคนทั่วไป ฮ่องเต้นั้นคือโอรสสวรรค์ เป็นตัวแทนแห่งความสูงส่ง!แต่ในยุทธภพแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีความหมาย“ไปกันเถิด เราจะไปยังสถานที่ที่เจ้าจะต้องฝึกต่อไป”“หวังหยวน การฝึกนั้นโหดร้ายนัก เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม”โม่ชิงอีมองไปที่หวังหยวนแล้วหัวเราะหวังหยวนกะพริบตาแล้วพยักหน้า“ได้ขอรับ! ไม่มีปัญหา!”คุยกันจบแล้วทั้งสองก็ขี่ม้าคนละตัว ออกจากเมืองหลิงและข้ามเขตชายแดนไปอย่างรวดเร็ว!เพื่อมุ่งหน้าไปยังดินแดนของชนเผ่าเร่ร่อน!
โม่ชิงอีเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หัวหน้าเผ่าลี่ก็หัวเราะอย่างร่าเริง“เหล่าโม่ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เหตุใดถึงไม่แวะเวียนมาเยี่ยมข้าบ้างเลยเล่า?”“หรือว่าข้าต้อนรับเจ้าไม่ดี?”หัวหน้าเผ่าลี่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งกำยำและมีผมสีดอกเลาดูเหมือนจะอายุห้าสิบกว่า แต่สภาพร่างกายนี้ แม้แต่คนอายุสามสิบก็ยังเทียบไม่ได้!“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าพูดเช่นนั้นเลย พี่ใหญ่ ข้ามาเยี่ยมเจ้าทุกครั้ง ข้าต้องนอนหลับไปหลายวันหลายคืน ไม่เคยอดใจได้เลย สุราของเจ้ามีฤทธิ์แรงเกินไป!”เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาก หวังหยวนเองก็ประทับใจหัวหน้าเผ่าลี่เช่นกันร่างกายเช่นนี้น่าจะต่อยกระทิงตายได้ด้วยหมัดเดียวกระมัง!“ท่านผู้นี้คือ...”หัวหน้าเผ่าลี่มองไปที่หวังหยวนแล้วชะงักไปเล็กน้อย เพราะรู้สึกประหลาดใจ“ท่านผู้นี้คือ... สหายของข้าเอง ข้าพาเขามาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญต้องทำ!”หลังจากที่โม่ชิงอีพูดประโยคนี้จบ หัวหน้าเผ่าลี่ก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น“เรื่องสำคัญหรือ? เรื่องอะไร!?”โม่ชิงอียกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ก็คือการฝึกฝนเขา ให้เขาฝึกเหมือนกับเผ่าลี่ของพวกเจ้า ข้าอยากให้เขาฝึกด้วยเป
“พี่หวังหยวน ว่าอย่างไร อยากจะลองหรือไม่?”ขณะนี้กู่หลางเอ่ยขึ้นทันใด คำพูดนี้ทำให้หวังหยวนกะพริบตาพวกคนนี้ล้วนแข็งแกร่งกันทั้งสิ้น หวังหยวนพูดตามตรงว่าเขายังขาดความมั่นใจอยู่มาก!กระนั้นเมื่อได้มาถึงเช่นนี้แล้ว หวังหยวนก็ย่อมไม่ลังเล!“ลองดู”กู่หลางได้ฟังดังนั้นก็กระโดดลงไปในน้ำทันที ก่อนมองหวังหยวนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มาเถิด พี่หวังหยวน”หวังหยวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกระโดดลงไปในน้ำ!น้ำนั้นไม่ลึกไม่ตื้น ลึกระดับไหล่พอดี!ทุกคนย่อมรู้กันดีว่าการออกแรงในน้ำนั้นลำบาก เพียงแค่เดินในน้ำก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว นับประสาอะไรกับการต่อสู้!ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเผชิญหน้ากับกู่หลางอีก!แม้หวังหยวนจะคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังรีบตรงเข้าไปต่อสู้ทันทีแม้ความเร็วของเขาจะช้ามาก แต่ก็ยังมีพลังเหลือเฟือ ชาวเผ่าลี่จำนวนมากที่เห็นภาพนี้ต่างก็มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ฮ่าฮ่าฮ่า ระวัง”กู่หลางหัวเราะ เขาเห็นว่าดวงตาของหวังหยวนเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้ จึงมองว่าหวังหยวนเป็นคนที่พอมีฝีมืออยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก!เขาจึงไม่ได้คิดจะต่อสู้จริงจัง!แต่กลับใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ผิวน้ำอย่างแรงทันท
ลุงโง่ย้ายภูเขานี่ไม่ใช่สำนวนลุงโง่ย้ายภูเขาในยุคสมัยใหม่หรอกหรือ!หวังหยวนไม่เคยคิดมาก่อนว่าเผ่าลี่จะทรงพลังและมีความสามารถเช่นนี้!“ยอดเยี่ยม!”หวังหยวนอุทานออกมาด้วยความทึ่ง“ต่อไปก็คือการขุดหินก้อนใหญ่ ใช้เครื่องมือเหล่านี้ขุดหินก้อนใหญ่ที่สุดที่ท่านสามารถยกไหว!”“การฝึกฝนประจำวันของเราคือทั้งสามสิ่งนี้”“การฝึกพละกำลังสองอย่าง และการฝึกต่อสู้จริงหนึ่งอย่าง ท่านว่าเป็นอย่างไร?”กู่หลางพูดจบ หวังหยวนก็ยกนิ้วโป้งให้ทันที!เรียบง่ายแต่สุดแสนจะทรหด!เขาไม่เคยเห็นวิธีการฝึกฝนที่เรียบง่ายและทรหดเช่นนี้มาก่อน!เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว!หวังหยวนลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมาและต้องการจะนอนหลับ แต่เพิ่งจะล้มตัวลงนอนก็ถูกโม่ชิงอีลากตัวขึ้นมา“ลุกขึ้น อย่าเพิ่งนอน”หวังหยวนงุนงงและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “อย่าเพิ่งนอนหรือ? แล้วนี่...”“ตอนนี้ร่างกายของเจ้ากำลังอ่อนแอที่สุด ยิ่งอ่อนแอเท่าไหร่ก็ยิ่งฝึกฝนได้ผลมากขึ้นเท่านั้น!”“ตอนนี้ทำตามข้าด้วยการฝึกจักรวาลน้อย ข้าจะถ่ายทอดลมปราณของข้าพาเจ้าไปให้เร็วขึ้น!”“ตอนนี้จักรวาลน้อยของเจ้าต้องใช้เวลาพัฒนาหลายชั่วยาม นั่นเป็นเพราะเส้
โม่ชิงอีหัวเราะพลางมองไปยังหวังหยวน แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “จากนี้ไปให้ทำตามขั้นตอนเช่นเดียวกับวันนี้ หากอีกหนึ่งเดือนเจ้าสามารถเอาชนะกู่หลางได้ก็ถือว่าผ่านแล้ว!”คำพูดนี้ทำให้หวังหยวนแทบไม่เชื่อหูตนเอง!“เอาชนะกู่หลาง... จะเป็นไปได้หรือขอรับ?”กู่หลางนั้นไม่ธรรมดา ในบรรดาวัยรุ่นทั้งหลายของเผ่าลี่ กู่หลางนั้นโดดเด่นเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว!“เหตุใดจะไม่ได้ เขามีพละกำลังมหาศาล แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไร้ซึ่งลมปราณ หากจะเปรียบเทียบกันในแง่ศักยภาพแล้ว เจ้าเหนือกว่าเขาอยู่แล้ว ดังนั้นตราบใดที่เจ้ามุ่งมั่น ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะสามารถแซงหน้าเขาได้อย่างแน่นอน!”โม่ชิงอีมีความมั่นใจในตัวหวังหยวนอย่างมาก!เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น!“ก็ได้ขอรับ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่!”หวังหยวนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ดังนั้นในการฝึกฝนครั้งต่อ ๆ มา เขาจึงทุ่มเทอย่างหนักหน่วง!แม้ว่ากระบวนการฝึกฝนจะยากลำบาก แต่ก็ทำให้หวังหยวนก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว!ในเวลาเพียงสิบวัน หวังหยวนที่เคยตามหลังผู้อื่นมาโดยตลอดก็สามารถตามทันได้แล้ว!นี่คือความก้าวหน้าของเขา!วิทยายุทธ์ของเข
เมื่อนึกถึงเชียนหลง หวังหยวนรู้ว่าเวลาสามเดือนนั้นกระชั้นชิดมาก แต่หากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ก็อาจมีโอกาสทำสำเร็จเพียงแต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าในสามเดือนนี้จะต้องทำอะไรบ้างโม่ชิงอีไม่พูดและหวังหยวนก็ไม่ถาม บางทีอาจจะไม่พูดเพื่อไม่ให้เขาคิดฟุ้งซ่านก็เป็นได้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้ว!“มาเถิด พี่หวังหยวน วัยรุ่นของเผ่าลี่ทุกคนพ่ายแพ้ต่อท่านหมดแล้ว เหลือเพียงข้าแล้ว!”“แต่ข้าคิดว่าขณะนี้ข้าก็ไม่คู่ควรกับการเป็นคู่ต่อสู้ของท่านแล้วเช่นกัน!”กู่หลางยืนอยู่ในน้ำพลางหัวเราะอย่างร่าเริง“พี่หวังหยวนจัดการเลย!”“เอาชนะกู่หลาง!”“เจ้านี่ชอบรังแกพวกข้าตลอด ทุบตีเขาให้น่วมไปเลย!”“ฮ่าฮ่า สั่งสอนเขาให้เข็ด!”วัยรุ่นของเผ่าลี่ต่างก็มารวมตัวกันที่ริมทะเลสาบ เพื่อรับชมการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความตื่นเต้น!หวังหยวนก็หัวเราะเช่นกัน แล้วกระโดดลงไปในน้ำคราวนี้ใจเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและกู่หลางก็พุ่งเข้าใส่เขาทันที พละกำลังมหาศาลของเขาทำให้ขณะที่พุ่งเข้ามา ผิวน้ำก็สั่นสะเทือนเป็นวงกว้างกู่หลางก้าวมาอยู่ตรงหน้าหวังหยวนได้ในก้าวเดียว มือใหญ่คว้าร่างของหวังหยวนขึ้นแล้วพ
ดูแล้วชายชราคนนี้คงจะไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้ามานานแล้ว กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวไปทั้งตัวจนแสบจมูก!เมื่อโม่ชิงอีเห็นชายชราคนนี้ก็รีบกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยมาเยี่ยมท่านแล้ว และได้หาเพื่อนเล่นมาให้ท่านด้วยขอรับ”ชายชรายืนอยู่ตรงหน้าหวังหยวนพลางจ้องมองหวังหยวนเขม็งหวังหยวนรีบประสานมือคำนับ “ข้าน้อยนามว่าหวังหยวน ขอคารวะท่านผู้อาวุโสขอรับ”ทว่าเมื่อพูดจบ ชายชราก็ยังจ้องเขาเขม็งอยู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแววตาของชายชราเต็มไปด้วยความซื่อบื้อหวังหยวนรู้สึกสงสัยจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองโม่ชิงอี แต่โม่ชิงอีส่ายหน้าทันใดนั้นชายชราก็พูดขึ้นมาทันใด คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนถึงกับตะลึง “เจ้าหนุ่ม... เจ้าเล่นซ่อนหาเป็นหรือไม่?”คำพูดนี้ทำให้หวังหยวนงุนงง แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าเขารู้สึกว่าชายชราคนนี้คงมีปัญหาทางสมอง“ดีมาก ดีมาก เจ้ามาจับข้าให้ได้สิ...”ชายชราพูดจบก็วิ่งหนีไปทันที เพียงชั่วพริบตาเขาก็หายวับไปในป่าแล้วหวังหยวนรู้สึกงุนงงมาก เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ?ให้เขาไล่ตามหรือ?เป็นไปไม่ได้!“พี่ชิงอี นี่...”หวังหยวนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ชายชราคนนี้ช่าง
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น