เสวี่ยโส่วจุนย่อมโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุดแน่นอนว่าความโกรธนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาจงใจแสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วเรื่องนี้เขารู้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว!เพียงแต่มีน้อยคนนักที่จะล่วงรู้!บัดนี้ลูกสาวของเขาได้กระทำการต่าง ๆ มากมายเพื่อชายผู้นั้น เขาทราบดีว่ามีส่วนของความรักอยู่ด้วย และยิ่งกว่านั้นก็คือ...ความจำใจ!เพราะลูกสาวของเขาย่อมไม่ปรารถนาที่จะตายไปอย่างง่ายดาย หากมีโอกาสย่อมต้องดิ้นรนต่อสู้เป็นธรรมดา!ในเวลานี้ สิ่งที่เขากระทำได้ก็คือร่วมมือกับลูกสาวลูกสาวของเขาเป็นคนฉลาดเฉลียวหลักแหลม เมื่อได้กระทำการเช่นนี้ เขาเชื่อว่าย่อมมีหนทางใดหนทางหนึ่งเป็นแน่!ถึงแม้คำแก้ตัวนี้จะดูไม่สมบูรณ์นัก จนไม่อาจทำให้คนทั้งหลายปิดปากเงียบได้ เพราะทุกคนล้วนฟังออกว่าคำพูดเหล่านี้เป็นเท็จ! แต่หากพูดให้ดูมีเหตุผล แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเป็นคำเท็จ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน แล้วพวกเขาจะทำเช่นไรได้?ดังนั้นในเวลานี้เสวี่ยโส่วจุนจึงจงใจแสดงอำนาจของตนอย่างเต็มที่!เป็นไปตามคาด เมื่อคำพูดของเขาจบลง สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ชายผู้เพิ่งกล่าววาจาเมื่อครู่ก็ไม่ได้เอ่ยปากอีกเพราะอย่างไรเสีย เสวี่ยโส่ว
เมื่อเชียนหลงนึกถึงหวังหยวนแล้วก็ยิ้มขึ้นมาทันที เสวี่ยโส่วจุนเห็นแล้วก็หรี่ตามองในฐานะพ่อย่อมมองออกว่าในเวลานี้ลูกสาวอยู่ในสภาพเช่นไร!นี่คือสภาพของคนที่ตกหลุมรัก“ลูกเอ๋ย เจ้าชอบเขาหรือ?”จู่.ๆ เสวี่ยโส่วจุนก็พูดขึ้นทันที เชียนหลงได้ยินก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งนางหลบสายตาพ่อ ภายในใจกำลังสับสนเมื่อเสวี่ยโส่วจุนเห็นเช่นนี้จึงยกยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า “เชียนหลง เจ้าเป็นลูกสาวของพ่อ เจ้าหลอกพ่อไม่ได้หรอก ใจเจ้าอาจรักเขามานานแล้ว เพียงแต่เจ้าไม่ต้องการยอมรับ”“ไม่สำคัญ อีกไม่นานก็จะรู้ว่าชายผู้นี้เป็นคนดีหรือไม่”“ดูการเลือกของเขาเถิด เส้นทางแห่งการเป็นผู้แข็งแกร่งและการเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งครั้งนี้ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก”“หากเขาทำเช่นนั้นเพื่อเจ้า ก็แสดงว่าเขา... มีความรู้สึกต่อเจ้าเช่นกัน”หลังจากที่เสวี่ยโส่วจุนพูดจบ เชียนหลงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และไม่ได้เอ่ยคำใดในใจของนางก็ไม่รู้ว่าหวังหยวนจะตัดสินใจอย่างไร!ขณะเดียวกันที่หมู่บ้านหุบเขาธารสวรรค์หวังหยวนได้ตอบตกลงแล้ว ส่วนการฝึกฝนสามเดือนนี้จะโหดร้ายเพียงใด เขาไม่รู้เลยแต่สิ่งที่เขารู้ก็คือ หากเขามีความสามารถที่จะช
เมื่อร่ำลาหมู่บ้านต้าหวังแล้ว หวังหยวนก็เดินทางออกจากที่นั่นแล้วไปพบกับโม่ชิงอี!“ดูเหมือนว่าเจ้าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”โม่ชิงอีเอ่ยปาก หวังหยวนยกยิ้ม“ไม่มีอะไรต้องจัดการหรอกขอรับ พวกเขารู้ดีว่าต้องทำอะไร”“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่อยู่แล้ว พวกเขาก็ยังสามารถอยู่กันได้อย่างดี!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ โม่ชิงอีก็หัวเราะ“เยี่ยมยอด ไม่ว่าจะเป็นต้าเย่ อาณาจักรต้าเป่ยหรือว่าหมานอี๋ และเมืองหวง ก็ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า”“หากเจ้าต้องการรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวก็เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก!”หลังจากที่โม่ชิงอีพูดจบ หวังหยวนก็เพียงแค่ยิ้มในสายตาของคนทั่วไป ฮ่องเต้นั้นคือโอรสสวรรค์ เป็นตัวแทนแห่งความสูงส่ง!แต่ในยุทธภพแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีความหมาย“ไปกันเถิด เราจะไปยังสถานที่ที่เจ้าจะต้องฝึกต่อไป”“หวังหยวน การฝึกนั้นโหดร้ายนัก เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม”โม่ชิงอีมองไปที่หวังหยวนแล้วหัวเราะหวังหยวนกะพริบตาแล้วพยักหน้า“ได้ขอรับ! ไม่มีปัญหา!”คุยกันจบแล้วทั้งสองก็ขี่ม้าคนละตัว ออกจากเมืองหลิงและข้ามเขตชายแดนไปอย่างรวดเร็ว!เพื่อมุ่งหน้าไปยังดินแดนของชนเผ่าเร่ร่อน!
โม่ชิงอีเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หัวหน้าเผ่าลี่ก็หัวเราะอย่างร่าเริง“เหล่าโม่ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เหตุใดถึงไม่แวะเวียนมาเยี่ยมข้าบ้างเลยเล่า?”“หรือว่าข้าต้อนรับเจ้าไม่ดี?”หัวหน้าเผ่าลี่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งกำยำและมีผมสีดอกเลาดูเหมือนจะอายุห้าสิบกว่า แต่สภาพร่างกายนี้ แม้แต่คนอายุสามสิบก็ยังเทียบไม่ได้!“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าพูดเช่นนั้นเลย พี่ใหญ่ ข้ามาเยี่ยมเจ้าทุกครั้ง ข้าต้องนอนหลับไปหลายวันหลายคืน ไม่เคยอดใจได้เลย สุราของเจ้ามีฤทธิ์แรงเกินไป!”เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาก หวังหยวนเองก็ประทับใจหัวหน้าเผ่าลี่เช่นกันร่างกายเช่นนี้น่าจะต่อยกระทิงตายได้ด้วยหมัดเดียวกระมัง!“ท่านผู้นี้คือ...”หัวหน้าเผ่าลี่มองไปที่หวังหยวนแล้วชะงักไปเล็กน้อย เพราะรู้สึกประหลาดใจ“ท่านผู้นี้คือ... สหายของข้าเอง ข้าพาเขามาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญต้องทำ!”หลังจากที่โม่ชิงอีพูดประโยคนี้จบ หัวหน้าเผ่าลี่ก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น“เรื่องสำคัญหรือ? เรื่องอะไร!?”โม่ชิงอียกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ก็คือการฝึกฝนเขา ให้เขาฝึกเหมือนกับเผ่าลี่ของพวกเจ้า ข้าอยากให้เขาฝึกด้วยเป
“พี่หวังหยวน ว่าอย่างไร อยากจะลองหรือไม่?”ขณะนี้กู่หลางเอ่ยขึ้นทันใด คำพูดนี้ทำให้หวังหยวนกะพริบตาพวกคนนี้ล้วนแข็งแกร่งกันทั้งสิ้น หวังหยวนพูดตามตรงว่าเขายังขาดความมั่นใจอยู่มาก!กระนั้นเมื่อได้มาถึงเช่นนี้แล้ว หวังหยวนก็ย่อมไม่ลังเล!“ลองดู”กู่หลางได้ฟังดังนั้นก็กระโดดลงไปในน้ำทันที ก่อนมองหวังหยวนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มาเถิด พี่หวังหยวน”หวังหยวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกระโดดลงไปในน้ำ!น้ำนั้นไม่ลึกไม่ตื้น ลึกระดับไหล่พอดี!ทุกคนย่อมรู้กันดีว่าการออกแรงในน้ำนั้นลำบาก เพียงแค่เดินในน้ำก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว นับประสาอะไรกับการต่อสู้!ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเผชิญหน้ากับกู่หลางอีก!แม้หวังหยวนจะคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังรีบตรงเข้าไปต่อสู้ทันทีแม้ความเร็วของเขาจะช้ามาก แต่ก็ยังมีพลังเหลือเฟือ ชาวเผ่าลี่จำนวนมากที่เห็นภาพนี้ต่างก็มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ฮ่าฮ่าฮ่า ระวัง”กู่หลางหัวเราะ เขาเห็นว่าดวงตาของหวังหยวนเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้ จึงมองว่าหวังหยวนเป็นคนที่พอมีฝีมืออยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก!เขาจึงไม่ได้คิดจะต่อสู้จริงจัง!แต่กลับใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ผิวน้ำอย่างแรงทันท
ลุงโง่ย้ายภูเขานี่ไม่ใช่สำนวนลุงโง่ย้ายภูเขาในยุคสมัยใหม่หรอกหรือ!หวังหยวนไม่เคยคิดมาก่อนว่าเผ่าลี่จะทรงพลังและมีความสามารถเช่นนี้!“ยอดเยี่ยม!”หวังหยวนอุทานออกมาด้วยความทึ่ง“ต่อไปก็คือการขุดหินก้อนใหญ่ ใช้เครื่องมือเหล่านี้ขุดหินก้อนใหญ่ที่สุดที่ท่านสามารถยกไหว!”“การฝึกฝนประจำวันของเราคือทั้งสามสิ่งนี้”“การฝึกพละกำลังสองอย่าง และการฝึกต่อสู้จริงหนึ่งอย่าง ท่านว่าเป็นอย่างไร?”กู่หลางพูดจบ หวังหยวนก็ยกนิ้วโป้งให้ทันที!เรียบง่ายแต่สุดแสนจะทรหด!เขาไม่เคยเห็นวิธีการฝึกฝนที่เรียบง่ายและทรหดเช่นนี้มาก่อน!เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว!หวังหยวนลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมาและต้องการจะนอนหลับ แต่เพิ่งจะล้มตัวลงนอนก็ถูกโม่ชิงอีลากตัวขึ้นมา“ลุกขึ้น อย่าเพิ่งนอน”หวังหยวนงุนงงและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “อย่าเพิ่งนอนหรือ? แล้วนี่...”“ตอนนี้ร่างกายของเจ้ากำลังอ่อนแอที่สุด ยิ่งอ่อนแอเท่าไหร่ก็ยิ่งฝึกฝนได้ผลมากขึ้นเท่านั้น!”“ตอนนี้ทำตามข้าด้วยการฝึกจักรวาลน้อย ข้าจะถ่ายทอดลมปราณของข้าพาเจ้าไปให้เร็วขึ้น!”“ตอนนี้จักรวาลน้อยของเจ้าต้องใช้เวลาพัฒนาหลายชั่วยาม นั่นเป็นเพราะเส้
โม่ชิงอีหัวเราะพลางมองไปยังหวังหยวน แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “จากนี้ไปให้ทำตามขั้นตอนเช่นเดียวกับวันนี้ หากอีกหนึ่งเดือนเจ้าสามารถเอาชนะกู่หลางได้ก็ถือว่าผ่านแล้ว!”คำพูดนี้ทำให้หวังหยวนแทบไม่เชื่อหูตนเอง!“เอาชนะกู่หลาง... จะเป็นไปได้หรือขอรับ?”กู่หลางนั้นไม่ธรรมดา ในบรรดาวัยรุ่นทั้งหลายของเผ่าลี่ กู่หลางนั้นโดดเด่นเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว!“เหตุใดจะไม่ได้ เขามีพละกำลังมหาศาล แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไร้ซึ่งลมปราณ หากจะเปรียบเทียบกันในแง่ศักยภาพแล้ว เจ้าเหนือกว่าเขาอยู่แล้ว ดังนั้นตราบใดที่เจ้ามุ่งมั่น ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะสามารถแซงหน้าเขาได้อย่างแน่นอน!”โม่ชิงอีมีความมั่นใจในตัวหวังหยวนอย่างมาก!เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น!“ก็ได้ขอรับ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่!”หวังหยวนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ดังนั้นในการฝึกฝนครั้งต่อ ๆ มา เขาจึงทุ่มเทอย่างหนักหน่วง!แม้ว่ากระบวนการฝึกฝนจะยากลำบาก แต่ก็ทำให้หวังหยวนก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว!ในเวลาเพียงสิบวัน หวังหยวนที่เคยตามหลังผู้อื่นมาโดยตลอดก็สามารถตามทันได้แล้ว!นี่คือความก้าวหน้าของเขา!วิทยายุทธ์ของเข
เมื่อนึกถึงเชียนหลง หวังหยวนรู้ว่าเวลาสามเดือนนั้นกระชั้นชิดมาก แต่หากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ก็อาจมีโอกาสทำสำเร็จเพียงแต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าในสามเดือนนี้จะต้องทำอะไรบ้างโม่ชิงอีไม่พูดและหวังหยวนก็ไม่ถาม บางทีอาจจะไม่พูดเพื่อไม่ให้เขาคิดฟุ้งซ่านก็เป็นได้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้ว!“มาเถิด พี่หวังหยวน วัยรุ่นของเผ่าลี่ทุกคนพ่ายแพ้ต่อท่านหมดแล้ว เหลือเพียงข้าแล้ว!”“แต่ข้าคิดว่าขณะนี้ข้าก็ไม่คู่ควรกับการเป็นคู่ต่อสู้ของท่านแล้วเช่นกัน!”กู่หลางยืนอยู่ในน้ำพลางหัวเราะอย่างร่าเริง“พี่หวังหยวนจัดการเลย!”“เอาชนะกู่หลาง!”“เจ้านี่ชอบรังแกพวกข้าตลอด ทุบตีเขาให้น่วมไปเลย!”“ฮ่าฮ่า สั่งสอนเขาให้เข็ด!”วัยรุ่นของเผ่าลี่ต่างก็มารวมตัวกันที่ริมทะเลสาบ เพื่อรับชมการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความตื่นเต้น!หวังหยวนก็หัวเราะเช่นกัน แล้วกระโดดลงไปในน้ำคราวนี้ใจเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและกู่หลางก็พุ่งเข้าใส่เขาทันที พละกำลังมหาศาลของเขาทำให้ขณะที่พุ่งเข้ามา ผิวน้ำก็สั่นสะเทือนเป็นวงกว้างกู่หลางก้าวมาอยู่ตรงหน้าหวังหยวนได้ในก้าวเดียว มือใหญ่คว้าร่างของหวังหยวนขึ้นแล้วพ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห