ดูแล้วชายชราคนนี้คงจะไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้ามานานแล้ว กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวไปทั้งตัวจนแสบจมูก!เมื่อโม่ชิงอีเห็นชายชราคนนี้ก็รีบกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยมาเยี่ยมท่านแล้ว และได้หาเพื่อนเล่นมาให้ท่านด้วยขอรับ”ชายชรายืนอยู่ตรงหน้าหวังหยวนพลางจ้องมองหวังหยวนเขม็งหวังหยวนรีบประสานมือคำนับ “ข้าน้อยนามว่าหวังหยวน ขอคารวะท่านผู้อาวุโสขอรับ”ทว่าเมื่อพูดจบ ชายชราก็ยังจ้องเขาเขม็งอยู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแววตาของชายชราเต็มไปด้วยความซื่อบื้อหวังหยวนรู้สึกสงสัยจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองโม่ชิงอี แต่โม่ชิงอีส่ายหน้าทันใดนั้นชายชราก็พูดขึ้นมาทันใด คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนถึงกับตะลึง “เจ้าหนุ่ม... เจ้าเล่นซ่อนหาเป็นหรือไม่?”คำพูดนี้ทำให้หวังหยวนงุนงง แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าเขารู้สึกว่าชายชราคนนี้คงมีปัญหาทางสมอง“ดีมาก ดีมาก เจ้ามาจับข้าให้ได้สิ...”ชายชราพูดจบก็วิ่งหนีไปทันที เพียงชั่วพริบตาเขาก็หายวับไปในป่าแล้วหวังหยวนรู้สึกงุนงงมาก เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ?ให้เขาไล่ตามหรือ?เป็นไปไม่ได้!“พี่ชิงอี นี่...”หวังหยวนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ชายชราคนนี้ช่าง
หวังหยวนถึงกับอึ้ง!ความเร็วนี้เร็วเกินไปหรือไม่!เพียงแค่ชั่วพริบตาก็แย่งไปได้แล้วหรือ?หวังหยวนอยากจะไปแย่งคืนมา แต่ชายชราสติฟั่นเฟือนก็กัดเข้าปากเคี้ยวไปแล้ว จากนั้นก็ก้าวเท้าเบา ๆ สองสามก้าวแล้ววิ่งหนีไปไกลหลายเมตรความเร็วนี้ทำให้หวังหยวนรู้สึกประหลาดใจมากและการก้าวเท้านั้นมีจังหวะที่แปลกประหลาดด้วยมันแปลกมาก ความเร็วนั้นเร็วมากเสียจนเหมือนภาพลวงตาที่หายวับไปต่อหน้าต่อตาหวังหยวน!“ทักษะล้ำเลิศ หากสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ได้ก็คงไม่มีใครตามทันใช่หรือไม่?”หวังหยวนถอนหายใจ ในขณะเดียวกันก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดโม่ชิงอีจึงให้เขามาที่นี่!ในตอนแรกที่ฝึกฝนร่างกาย ก็ทำให้ได้เรียนรู้พลังที่ทำให้แข็งแกร่งยิ่ง แต่ก็ยังเคลื่อนไหวช้าเกินไปแต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ยามต้องต่อสู้จริง ๆ หากไม่สามารถเข้าถึงตัวอีกฝ่ายได้ก็ไม่มีประโยชน์ดังนั้นสิ่งที่ต้องการก็คือความเร็ว!หากแก้ปัญหานี้ได้ก็จะมีโอกาสชนะ!วรยุทธในใต้หล้าวัดกันด้วยความเร็ว คำกล่าวนี้สมเหตุสมผลหวังหยวนยังคงรู้สึกทึ่งมาก เขากะพริบตาแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ชายชราสติฟั่นเฟือน จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คือว่า... ท่านผ
หวังหยวนพูดด้วยความหงุดหงิด แต่ชายชราคนนั้นกลับไม่สนใจหวังหยวนเลย เขาวิ่งหายวับไปในทันทีแม้แต่หมูย่างตัวใหญ่ก็หายไปด้วย!หวังหยวนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาแต่ในใจก็มีกลยุทธ์รับมือแล้ว!ครั้งต่อไปเมื่อเขาย่างเนื้อกินอีก ก็จะย่างทีละชิ้น!ดูสิว่าชายชราคนนี้จะยังสามารถยึดไปหมดในคราวเดียวได้หรือไม่!หวังหยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล่าสัตว์ต่อไปในที่สุดเขาก็จับไก่ป่าได้ตัวหนึ่ง หลังจากจัดการทำความสะอาดแล้ว หวังหยวนก็ย่างมันเขาเรียนรู้จากประสบการณ์จึงหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนย่างและเขายังก่อกองไฟไว้เจ็ดแปดกอง โดยแต่ละกองมีเนื้อไก่ย่างหนึ่งชิ้นถูกย่างอยู่!เขาไม่เชื่อว่าชายชราคนนั้นจะสามารถแย่งชิงไปได้ทั้งหมดในคราวเดียว!ไม่นานไก่ก็สุกแล้ว กลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่ว ช่างน่าอร่อยเหลือเกิน!หวังหยวนไม่รีรอ เตรียมจะหยิบขึ้นมากิน แต่ใครจะรู้ว่าชายชรามาตามที่คาดไว้ เขากินหมูย่างในมือไปเกือบหมดแล้ว แล้วยังจะมาอยู่ตรงหน้าหวังหยวนเพื่อเริ่มแย่งชิงไก่ย่างอีกหวังหยวนจึงใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อขัดขวาง แต่...ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เขาโกรธแค้นอย่างที่สุด!ชายชราคนนี้ไม่เหลือไก่ย่างไว้ให้เขาแม้แต่
ในขณะนี้โม่ชิงอีกำลังยืนอยู่ที่มุมมืดคอยสังเกตอยู่ตลอดเวลา มุมปากของเขามีรอยยิ้ม ขณะคิดในใจว่าหวังหยวนคนนี้มีหนทางเพียงแต่เมื่อมองชายชรา เขาก็ถอนหายใจ นัยน์ตาฉายแววตาเจ็บปวด“เฮ้อ...”เขาถอนหายใจก่อนจะหายตัวไปและขณะนี้หวังหยวนก็ยังคงไล่ตามต่อไป ชายชราคนนี้ทำให้หวังหยวนไม่มีหนทางใดเลยจริง ๆ ได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่นานนักหวังหยวนก็จบเกมการไล่ล่าในวันนี้หวังหยวนนั่งอยู่ใต้เพิงไม้ แล้วเริ่มหยิบน่องไก่ที่ยังไม่ได้ย่างออกมา นี่คือของดิบที่เขาแอบเก็บไว้ เมื่อเห็นว่าดึกแล้วจึงหยิบออกมาเพื่อย่าง แต่ทันใดนั้นชายชราก็ค่อย ๆ ลงมาด้านหลังหวังหยวนการเคลื่อนไหวของเขาเบามากจนหวังหยวนไม่รู้ตัวเลยหวังหยวนที่กำลังระแวงค่อย ๆ ย่างน่องไก่ไม่นานน่องไก่ก็สุกแล้วหวังหยวนตั้งใจฟังเสียง แต่ก็ไม่พบว่าชายชรามาถึงจึงยกยิ้มจาง“ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ข้าจะต้องเตรียมของกินไว้เยอะ ๆ ในตอนกลางวัน แล้วค่อยเอาออกมากินเองในตอนกลางคืน!”หวังหยวนรู้สึกพึงพอใจมากแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแอมดังมาจากด้านหลังหวังหยวนได้ยินเสียงนี้ก็รู้สึกผมตั้งชัน หัวใจเต้นรัว เมื่อหันกลับไปมองก็ถึงกับตะลึงตาค้าง!เป็นช
ชายชราได้ยินดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะกล่าวขึ้นมาทันทีว่า “บอกมาว่าเหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ เจ้ามาทำอะไรและเจ้าเป็นผู้ใด!”เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป“ท่านผู้อาวุโส ท่าน... ท่านไม่ได้ถามเพียงหนึ่งคำถามนี่ขอรับ!”ถามคำถามสามข้อในคราวเดียว!เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ เจ้ามาทำอะไรและเจ้าเป็นผู้ใดสามคำถามที่ถูกกล่าวออกมาเป็นคำถามเดียวทำให้หวังหยวนรู้สึกพูดไม่ออกชายชราคนนี้หายดีแล้วจริงหรือไม่?หรือว่ากำลังหยอกล้อเขาอยู่อีก?“อย่าพูดเหลวไหล นี่มีเพียงคำถามเดียว เจ้าต้องบอกข้าให้ละเอียด อย่าได้ปิดบังสิ่งใด เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก!”ชายชราพูดอย่างจริงจัง เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะชายชราคนนี้บางครั้งก็มีสติ บางครั้งก็สติเลอะเลือน สุดท้ายก็อาจจะลืมสิ่งที่เขาพูดไปหมดสิ่งที่เขาพูดไปนั้น ชายชราอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำหรือแม้แต่อาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดก็ได้เมื่อคิดดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะตอบ“ข้าชื่อหวังหยวน เป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านต้าหวัง ตั้งแต่เด็กก็ทำไร่ไถนา ได้ทำความดีความชอบมาบ้าง มีภรรยาที่รักและชีวิตที่มีความสุขขอรับ”หวังหยวนแนะนำตัวเองในประโยคเดียว เมื่
“มันเป็นดั่งท้องปลามัน พวกเขาหลายคนจะเกรงกลัวเจ้า จะละโมบในตัวเจ้า ชีวิตของเจ้าได้เชื่อมโยงอยู่กับผู้วิเศษแล้ว ความเป็นความตายล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นเท่ากัน เพียงแค่สหายคนเดียว เจ้ายอมจ่ายราคามากถึงเพียงนี้เลยหรือ?”ชายชราอดไม่ได้ที่จะพูด ความประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้าหวังหยวนหัวเราะแล้วยักไหล่ ก่อนกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้าเป็นคนหนึ่งที่ปฏิบัติต่อเพื่อนฝูงอย่างดี หากสามารถช่วยได้ ข้าก็ย่อมอยากจะช่วยขอรับ”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเองก็อยากเห็นด้วยว่าโลกแห่งยุทธภพที่กล่าวขานกันนั้นเป็นอย่างไร ข้าอยากรู้อยากเห็นมาก ดังนั้น... ข้าจึงอยากฝึกฝนดูขอรับ”คำตอบของหวังหยวนทำให้ชายชราต้องทึ่ง!เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในความรัก ความซื่อสัตย์ และความกล้าหาญ ถือว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจ!“ไม่เลว ไม่เลว เจ้าเด็กน้อย เจ้าดีกว่าพวกอสรพิษที่แสร้งทำเป็นดีแต่คดโกงเสียอีก”ชายชราพูดพลางมองหวังหยวนด้วยความชื่นชมอย่างมาก“เช่นนั้น... ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้ท่านฟื้นคืนสติแล้ว ไก่ย่างนั้นมอบให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ ข้า... ไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาหลายวันแล้ว เพราะถูกท่านแย่งไปหมดเลยขอรับ”หวังหยวนรีบพูด เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็
แรกเริ่มหวังหยวนไม่อาจเข้าใจได้ แต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้วก็พอจะเข้าใจบางทีเขาอาจปรารถนาศิษย์สักคน แต่ก็หาผู้ที่เหมาะสมไม่ได้บัดนี้ที่ได้เจอตัวเขาแล้วจึงพลันตื่นเต้นยินดีนักหวังหยวนสงสัยจึงเอ่ยถามว่า “ท่านอาจารย์ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านจึงเลือกข้า ท่านอย่าบอกนะขอรับว่าเพราะอาหารอันโอชะในหลายวันนี้ได้ซื้อใจท่านไว้”หากง่ายดายเพียงนี้ก็คงจะดีนัก เกรงว่าชายชราคนนี้คงจะมีศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนแล้วเมื่อได้ยินคำถามนี้ ชายชราก็หัวเราะออกมา ก่อนกล่าวเบา ๆ ว่า “เหตุผลนั้นง่ายนัก ประการแรกคือเจ้าเป็นเด็กดี มีน้ำใจ มีคุณธรรม ข้าจึงถูกใจ”“ประการที่สอง เจ้ากล้าหาญ มีเลือดนักสู้ กล้าตัดสินใจเด็ดขาด ซึ่งข้าก็ชื่นชอบเช่นกัน”“ประการที่สาม... นั่นก็คือเจ้าไม่ใช่คนของเทียนไว่เทียนหรือซานไว่ซาน เคล็ดวิชามหาสุริยันนี้ก็ไม่ใช่เคล็ดวิชาของพวกเขา แต่เป็นเคล็ดวิชาที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่เหรินไว่เหรินได้สูญสิ้นไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาปรารถนาจะเรียนรู้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดเรียนได้สำเร็จ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังหยวนก็ตกตะลึงเหรินไว่เหรินหรือ?คือสิ่งใดกัน?“ท่านอาจารย์ ยังมีเหรินไว่เหรินอีกหรือขอรับ?
“โม่ชิงอี ข้าไม่รู้จักหรอก แต่คนตระกูลโม่ ข้ารู้จัก บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นสหายกับบิดาของข้า ไม่แปลกใจที่ข้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้นานถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้”เขาหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก“ศิษย์เอ๋ย ต่อจากนี้ไปในยามกลางวัน ข้าอาจยังคงสติเลอะเลือน เจ้าจงวิ่งตามข้าไป แล้วค่อย ๆ เรียนรู้ด้วยตนเอง”“ในยามค่ำคืน ข้าจะมาหาเจ้า เพื่อสอนเคล็ดวิชาก้าวเหินเมฆานี้”เมื่อพูดจบ ชายชราก็เริ่มสอน“เคล็ดวิชาก้าวเหินเมฆานี้แบ่งออกเป็นเก้าขั้น ด้วยขั้นปัจจุบันของเจ้า เจ้าสามารถเรียนได้เพียงขั้นแรกเท่านั้น!”“ก้าวระเบิด!”“ถ่ายทอดพลังอันมหาศาลให้ไหลลงสู่เท้า แล้วใช้แรงกระแทกพุ่งไปข้างหน้า”“แน่นอนว่าไม่ใช่การระเบิดธรรมดา แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความนุ่มนวลและความแข็งแกร่ง เจ้าจงดูให้ดี!”ชายชราพูดจบก็สาธิตให้ดู เขาย่ำเท้าลง จากนั้นร่างก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วแต่ที่เท้าของเขากลับไม่มีเสียงระเบิดแม้แต่น้อย แม้แต่เสียงแผ่วเบาก็ยังไม่มี“นี่คือก้าวระเบิดหรือ?”หวังหยวนมองดูก็ไม่เห็นว่าจะระเบิดตรงไหนเลย เงียบสงัดน่ากลัวแต่เมื่อชายชราเดินกลับมา เขาก็หัวเราะ แล้วให้หวังหยวนลองสัมผัสบริเวณท
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น