เมื่อหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นก็แอบหัวเราะในใจชายคนนี้ติดกับดักนางเข้าแล้ว!ดีมาก!ความพยายามอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ไร้ผล!หงหยิ่งยกยิ้มแล้วมองเฉินอวิ๋นจื้ออย่างอ่อนโยน“ครั้งนี้... ข้าต้องทำได้แน่นอน ถ้าทำได้... พี่ใหญ่เฉิน ข้าอยาก... จะอยู่ที่นี่ตลอดไป ได้หรือไม่?”มีบางอย่างแปลก ๆ ฉายแววในดวงตาของหงหยิ่ง ราวกับว่านางกำลังเขินอายเล็กน้อยเฉินอวิ๋นจื้อไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้!ครั้งสุดท้ายที่นางออกไปนานมาก และไม่กลับมาหลายวันทำให้เขากังวลแทบตาย!ตอนนี้...นางกำลังจะออกไปอีก...พูดตามตรงคือ เฉินอวิ๋นจื้อไม่อยากให้นางไปเลยจริง ๆ!“เจ้าไม่เคยบอกข้าเลยว่าความแค้นครั้งนี้ร้ายแรงเพียงใด ช่วยบอกข้าตอนนี้ได้หรือไม่?”เฉินอวิ๋นจื้อรีบพูด หลังจากหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นก็มีบางอย่างในใจที่อยากจะบอก แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม!“ถ้าข้าทำสำเร็จ เรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว”“แต่หากไม่สำเร็จก็ลืมไปเสียเถิด ทำเหมือนว่าข้าไม่เคยมาที่นี่เลยก็แล้วกัน”“เจ้าอย่าถามข้าเลย ศัตรูของข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะสามารถยั่วยุได้”หงหยิ่งเผยรอยยิ้ม จากนั้นก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อโดยไม่พูดอะ
แน่นอนว่านางไม่มีทางเลือก เพราะนางได้สาบานแล้วว่าจะจงรักภักดีต่อเซิ่งตงฉยง ไม่ว่านางจะต้องใช้วิธีการใดนางก็จะทำ!เฉินอวิ๋นจื้อเฝ้าดูทั้งคืน แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราว!เขาทุกข์ใจและเจ็บปวดมาก!ดวงตาของเขาแดงก่ำหลังจากนอนไม่หลับมาทั้งคืน เขาหวังว่าหงหยิ่งจะกลับมาเรียกตนว่าพี่เฉินตามปกติอีกครา!“บางที... อาจจะกลับมาพรุ่งนี้...”เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความกระวนกระวาย นัยน์ตาฉายแวววิตกกังวลและคาดหวังแต่ในวันที่สองและสามก็ยังไม่เห็นวี่แววของหงหยิ่ง!เขาจึงรู้สึกสิ้นหวังแล้ว!ทุกวันนี้เขาไม่รู้รสอาหารหรือชาอีกต่อไป เฝ้าพะวงอยู่กับการรอให้หงหยิ่งกลับมาเท่านั้น!แต่ย่างเข้าวันที่สี่ วันที่ห้า วันที่หก!นางก็ยังไม่ปรากฏตัวด้วยซ้ำ!ทำให้เฉินอวิ๋นจื้อตื่นตระหนกอย่างยิ่ง!เขารู้สึกว่าต้องมีเรื่องร้ายบางอย่างเกิดขึ้น!เขาไม่เคยกังวลหนักถึงเพียงนี้มาก่อน!ในที่สุดยามเช้าตรู่ของวันที่เจ็ด เขาก็เห็นร่างหญิงสาวคนหนึ่งที่คุ้นเคยมีบาดแผลเต็มตัว ทันทีที่กลับมาถึง นางก็เหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วหมดสติไป!“น้องสาว!”เฉินอวิ๋นจื้อรู้สึกตื่นตระหนก ในใจเต็มไปด้วยความกังวล!เขาจึงเริ่มตร
หงหยิ่งใช้แผนการมามากแล้ว และนี่คือสิ่งที่นางรอคอย!วันนี้นางรู้ว่าในที่สุดนางก็ทำสำเร็จแล้ว!ใช้เวลามากกว่าสามเดือนในการขจัดความกังวลและความเคลือบแคลงของเขา!พูดตามตรงคือมันยากมาก!ถ้าไม่ใช่เพราะหงหยิ่งทำเช่นนี้ก็คงล้มเหลวไปนานแล้ว!มีเพียงคนระดับหงหยิ่งเท่านั้นที่ทำได้อย่างแนบเนียน!“พี่ใหญ่เฉิน ท่านจะช่วยข้าได้อย่างไร?”หงหยิ่งแสร้งทำเป็นพูด แต่เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อได้ฟังดังนั้นก็ไม่อ้อมค้อม เขายกมือขึ้นทุบไปที่เสาหินขนาดใหญ่จนแตกออกเป็นเสี่ยง!เมื่อหงหยิ่งเห็นเช่นนั้นก็แสร้งทำเป็นตกใจ“พี่ใหญ่เฉิน... ท่าน... ท่านเป็นใครกันแน่? ท่าน...”นางรีบผลักเฉินอวิ๋นจื้อออกไป ช่างเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!“น้องสาว เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามีสถานะพิเศษที่ปกปิดไว้มาโดยตลอด เจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังก่อน ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า และจะไม่ทำอะไรไม่ดีกับเจ้าด้วย!”หลังจากที่เฉินอวิ๋นจื้อพูดจบ หงหยิ่งก็มองเขาด้วยสายตาระแวง ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นการเล่นละคร!“จริงหรือ?”หงหยิ่งอดไม่ได้ที่จะถาม“แน่นอน ข้าจะโกหกเจ้าไปเพื่ออะไร?”เมื่อหงหยิ่งได้ฟังดังนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพ
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำเป็นว่าข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”หงหยิ่งมองเฉินอวิ๋นจื้อแล้วพูดอย่างจริงจังแต่เฉินอวิ๋นจื้อกลับลังเล“คือว่า... น้องสาว ข้า... ข้าอยากอยู่กับเจ้า ได้หรือไม่?”ทั้งสองได้แสดงความรู้สึกของตนออกมาแล้วแต่ไม่เคยแสดงออกตามตรงหงหยิ่งพยักหน้าเบา ๆ “พี่เฉิน ข้า... ข้ายินดีที่จะอยู่กับท่าน... ตราบใดที่ท่านไม่รังเกียจข้า...”เฉินอวิ๋นจื้อรีบพูด “เป็นไปได้อย่างไร? ข้าจะรังเกียจเจ้าได้อย่างไร!”“เป็นเพียงเพราะตัวตนของข้า ข้าจึงไม่สามารถอยู่ใกล้ใครได้ เรื่องของข้ากับเจ้านั้นข้าต้องถามผู้ใหญ่ก่อน ขอโทษด้วย”แน่นอนว่าหงหยิ่งไม่กลัวที่จะถูกตรวจสอบตัวตน เพราะนางได้สร้างตัวตนปลอมขึ้นมาแล้ว“ไม่เป็นอะไร หากมีปัญหาก็อย่ากังวลที่จะพูด ข้าจะปฏิบัติต่อท่านในฐานะเถ้าแก่ร้านขายธัญพืชและน้ำมัน”“แต่ว่าพี่เฉิน ท่านต้องการช่วยข้าอย่างไรล่ะ? พวกเราจะบุกไปที่วังหรือ? ข้าเคยไปที่นั่นสองครั้ง มันยากมาก”หงหยิ่งเริ่มทดสอบ เฉินอวิ๋นจื้อฟังแล้วจึงตอบว่า“มันไม่ได้ลำบากถึงเพียงนั้น ไม่ช้าก็เร็วจะเกิดเรื่องกับตระกูลเซิ่ง พวกเขาจะไม่อาจยับยั้งความทะเยอทะยานของตนเองอย่างแน่นอน เมื่อถึง
เกาเล่อขมวดคิ้ว!แม้จะพบว่าไม่มีปัญหาก็ถือว่าเป็นเรื่องดี!แต่เขาก็ยังกังวล!เขารู้อยู่ในใจว่าเฉินอวิ๋นจื้อคงหลงรักผู้หญิงคนนี้มาก ไม่เช่นนั้นคงไม่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางชัดเจนถึงเพียงนี้!“เฉินอวิ๋นจื้อเอ๋ยเฉินอวิ๋นจื้อ ข้ารู้จักเจ้าดีนะเจ้าเด็กน้อย แม้ว่าจะรอบคอบระมัดระวัง แต่เมื่อตกหลุมรักจะไม่มีวันปล่อยมือ!”“ดูเหมือนว่า... ข้าจะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้แล้ว!”เมื่อเป็นเช่นนั้นเกาเล่อก็ตอบกลับเขาทันที โดยบอกให้เขารอผลการตรวจสอบก่อน หากผลออกมาดี เขาจะปล่อยให้เยี่ยนหงเข้าร่วมองค์กรเครือข่ายผีเสื้อโดยเร็วที่สุด!เกาเล่อทำเช่นนี้ก็เพื่อควบคุมเฉินอวิ๋นจื้อ เพราะเขากังวลจริง ๆ ว่าเขาจะเปิดเผยความลับหากใจร้อนเฉินอวิ๋นจื้อมีความสุขมากเมื่อได้รับคำตอบ!แต่เขาไม่รู้ว่าเกาเล่อยังคงมีความคลางแคลงใจอยู่!เกาเล่อเล่าเรื่องนี้ให้หวังหยวนฟังทุกอย่างในหมู่บ้านต้าหวังหวังหยวนยังคงมีรอยยิ้มเมื่อได้ฟังดังนั้น“เด็กหนุ่มเฉินอวิ๋นจื้อคนนี้ได้พบรักแท้แล้ว!”เกาเล่อฟังแล้วก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่หยวน แม้ว่าเราจะสนับสนุนพี่น้องเมื่อพบรักแท้ แต่สถานะของเขานั้นไม่ธรรมดา
เขาพบศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่งจึงเข้าไปซ่อนตัวอยู่เฉินอวิ๋นจื้อรู้สึกตื่นเต้นมากหลังจากได้รับจดหมายของเกาเล่อ“หงเอ๋อร์ หัวหน้าของพวกเรามาหาเราแล้ว!”เฉินอวิ๋นจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่หงหยิ่งได้ฟังดังนั้นก็หัวใจเต้นรัวถึงกระนั้นนางก็ยังพูดด้วยรอยยิ้ม“ดีเลย!”เฉินอวิ๋นจื้อยกยิ้มแล้วปิดประตูทันที“ไป พวกเราไปเจอเขากันตอนนี้เลย”หงหยิ่งเริ่มกังวลมากขึ้นเมื่อได้ฟังดังนั้น“ตอนนี้เลยหรือ? ที่ไหนกัน?”เฉินอวิ๋นจื้อไม่ได้ปิดบัง เพียงแค่พูดว่า “ที่ศาลเจ้าร้างนอกเมือง รีบไปกันเถิด”เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อพูดเช่นนั้นก็เดินออกไป หงหยิ่งมักจะสังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ยังคงติดตามเขาไปหากเกิดอะไรขึ้นจริง นางก็ยังสามารถป้องกันตัวเองได้!ไม่นานทั้งสองก็มาถึงศาลเจ้าร้างแห่งนี้ เฉินอวิ๋นจื้อมองแล้วเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ จึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง“ลูกพี่? ท่านอยู่หรือเปล่า?”เฉินอวิ๋นจื้อตะโกนเกาเล่อที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดตลอดเวลา เห็นพวกเขาเดินเข้ามา และเห็นผู้หญิงชื่อเยี่ยนหงด้วยเขาไม่ปรากฏตัว แต่ซ่อนตัวอยู่หลังรูปปั้นหินในศาลเจ้าร้าง แล้วพูดตามตรง “เหล่าเฉิน ข้าอยู่นี่
เกาเล่อเล่าเรื่องนี้ตามความปรารถนาของหวังหยวนเฉินอวิ๋นจื้อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ฟังดังนั้นพูดตามตรงว่าแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงถูกกำหนดไว้แบบเฉพาะเจาะจงมาก แต่ความจริงแล้วเขาไม่มีความคิดเคลือบแคลงสงสัยแต่อย่างใดเพราะเมื่อเขามาที่ต้าอันครั้งแรก องค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็เพิ่งเริ่มต้นขึ้น โดยเขาและเกาเล่อเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยกันส่วนคนรอบข้างต่างก็เป็นมิตรกับเขาแต่เขาเป็นคนที่สำคัญมากคนหนึ่ง อีกทั้งเกาเล่อและหวังหยวนต่างก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างดี ซึ่งเขาเองก็มีความสำคัญกับพวกเขามากจริง ๆดังนั้นเขาจึงคิดเรื่องนี้แล้วตอบตกลง“ไม่มีปัญหา ข้าจะไปเองขอรับ”เฉินอวิ๋นจื้อพูดตามตรง ส่วนเกาเล่อยกยิ้ม“ได้... น้องสะใภ้ ข้ารู้ว่าเจ้ามีความแค้นต่อตระกูลเซิ่ง พวกข้าเองก็อยากให้เหล่าเฉินอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเจ้า แต่เมืองหวงกำลังขาดคนจริง ๆ ดังนั้น... ข้าจึงทำได้เพียงส่งเขาไปที่นั่นเท่านั้น”“เจ้าไม่ต้องกังวล หากมีปัญหาใดเกิดขึ้น พวกข้าจะแจ้งให้เจ้ารู้อย่างแน่นอน ส่วนเซิ่งตงหยวนคนนั้น พวกข้าก็กำลังวางแผนจัดการเขาแล้ว!”“ตระกูลเซิ่งมีความทะเยอทะยานมากมาโดยตลอด คุณชายของพวกข
เมื่อเกาเล่อได้ฟังเช่นนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่กล่าวว่า “พวกเราออกเดินทางกันก่อนเถิด บอกสถานที่ให้น้องสะใภ้ทราบ แล้วออกไปรอนางนอกเมืองหลวง”การกระทำเช่นนี้ทำให้เฉินอวิ๋นจื้อสับสนมากยิ่งขึ้น“เจ้าอย่ากังวลมากเกินไปเลย พวกเราต้องระมัดระวังทุกย่างก้าวในอาณาจักรต้าอัน ดังนั้นหากออกจากเมืองก่อน ตระกูลเซิ่งจะรับมือได้ยาก และเจ้าก็มีความสำคัญมาก หากมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นก็จบแล้ว!”ด้วยเหตุนี้เกาเล่อจึงพาเฉินอวิ๋นจื้อออกจากเมืองทันทีแต่เมื่อเขาจากไปก็ได้ทิ้งจดหมายบอกตำแหน่งนัดหมายให้หงหยิ่งไว้ฉบับหนึ่งแต่เกาเล่อจะไม่รอนางในตำแหน่งนั้นอย่างแน่นอน!ในไม่ช้าหงหยิ่งก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง!แต่นางค่อนข้างระมัดระวังมาก จึงไม่ละเลยเรื่องซ่อนเร้นตัวตน!ในไม่ช้านางก็มาถึงเมืองหลวง และมาถึงห้องตำราของเซิ่งตงฉยงเมื่อเซิ่งตงฉยงเห็นหงหยิ่งก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะถาม“เหตุใดเจ้าจึงกลับมา?”ทันทีที่เขาเห็นหงหยิ่งก็รู้สึกได้ถึงความวิตกกังวลบนใบหน้าของนาง“นายน้อยเจ้าคะ จู่ ๆ ผู้นำองค์กรเครือข่ายผีเสื้อของหวังหยวนก็มาพบเฉินอวิ๋นจื้อ แล้วขอให้เขาไปที่เมืองหวง ส่วนที่นี่จะมีคนอ
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่