คราวนี้การลอบสังหารล้มเหลวอีกครั้ง ทำให้เซิ่งตงฉยงย่อมโกรธมากแต่เขาก็รู้ด้วยว่าการสังหารผู้ปกครองอาณาจักรนั้นเป็นเรื่องยาก!ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากเมื่อหงหยิ่งล้มเหลวยิ่งกว่านั้นคือหากนางสามารถลอบสังหารได้สำเร็จ ก็จะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่หากนางล้มเหลวก็ไม่สำคัญ!เพราะตระกูลเซิ่งไม่ได้ตั้งความหวังว่าการลอบสังหารครั้งนี้จะต้องสำเร็จ!“นายท่าน ข้าล้มเหลวอีกแล้ว ท่านโปรดลงโทษด้วยเจ้าค่ะ!”หงหยิ่งกลับมาคุกเข่าลงกับพื้นเซิ่งตงฉยงโบกมือ “ไม่สำคัญ นี่เป็นงานยากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เจ้ารอดชีวิตกลับมาได้ก็นับว่าดีแล้ว”“แต่ว่า...”หงหยิ่งอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดก็เงียบไปเซิ่งตงฉยงยกยิ้มแล้วพูดว่า “สาเหตุที่ข้าเข้มงวดกับเจ้าก็เพราะว่าให้เจ้าเรียนรู้พัฒนาทักษะตัวเอง และข้ากังวลเรื่องความล้มเหลวของเจ้า!”“ถ้าเจ้าล้มเหลวเพียงครั้งเดียว ก็หมายถึงการสูญเสียชีวิตของเจ้า!”“ดังนั้นเมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะไม่ยอมให้ล้มเหลว!”“แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แทนที่จะหวังว่าจะประสบความสำเร็จ ข้ากลับหวังว่าเจ้าจะรอดชีวิตกลับมา ตราบใดที่ไม่ใช่ภารกิจที่สำคัญที่สุดและไม่มีความแน่น
“ใช่แล้ว ข้าอยากให้เจ้าค้นหาคนของเขาทั้งหมด อย่างน้อยก็ในต้าอัน เพื่อจะได้กำจัดพวกเขาได้ในคราวเดียว!”“ข้าไม่อนุญาตให้สายลับของหวังหยวนมาปรากฏตัวในต้าอันของเรา ไม่เช่นนั้นหากมีปัญหาเกิดขึ้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการของเราได้”หลังจากฟังเซิ่งตงฉยงพูดจบ หงหยิ่งก็พยักหน้า“คุณชายหวังไม่ต้องกังวล คราวนี้ข้าจะทำให้สำเร็จอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”หงหยิ่งพูดด้วยความมั่นใจเซิ่งตงฉยงพยักหน้า “ดี ข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”เมื่อพูดจบเขาก็จากไปทันที เขาไว้วางใจหงหยิ่งมากกว่าใคร!ในเวลาเดียวกัน ไป๋ชิงชางได้กลับไปยังเมืองหลวงมานานมาแล้ว เพื่อไปพบกับไป๋เจิ้นถังผู้เป็นบิดาแล้วเล่าสิ่งที่หวังหยวนพูดให้ไป๋เจิ้นถังฟังอย่างชัดเจนหลังจากได้ฟังเช่นนี้ ไป๋เจิ้นถังก็ตกใจเช่นกัน!“หวังหยวนผู้นี้มีพรสวรรค์ยิ่งนัก น่าเสียดายที่พวกเราไม่อาจดึงตัวเขามาใช้ได้ ไม่เช่นนั้นแผ่นดินนี้จะมีอะไรให้ต้องกังวลอีก?”ไป๋เจิ้นถังรู้สึกเสียดายเช่นเดียวกับไป๋ชิงชาง “ท่านพ่อ แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องจริง แต่ข้าคิดว่าการที่หวังหยวนอยู่ห่างไกลจากพวกเราเช่นนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ!”“เพราะหากเขาวางใจ พวกเราก็วางใจได้เ
อาณาจักรต้าเป่ยดำเนินการตามนโยบายใหม่ทันที เห็นได้ชัดว่ากำลังฟื้นตัว!ความจริงทุกคนต่างเข้าใจสถานการณ์นี้ดีว่าการแก้ไขปัญหาสามอาณาจักรนั้นยาก ไม่ต้องพูดถึงว่ามีการทำศึกสงครามกันมานานมากแล้วยิ่งไปกว่านั้นคือสงครามเพิ่งจบลง แม้ว่ากองกำลังของทุกฝ่ายจะไม่เท่ากัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถกวาดล้างคู่ต่อสู้ได้ในคราวเดียว!ดังนั้น...สถานการณ์ที่มั่นคงเช่นนี้จึงดูปกติมากไปหน่อย!“พี่หยวน ตระกูลไป๋ได้ดำเนินการตามนโยบายของท่านแล้ว ตอนนี้คนมากมายจากทั่วสารทิศกลับมาบ้านที่อาณาจักรต้าเป่ยแล้ว!”ช่วงนี้เกาเล่อค่อนข้างผ่อนคลาย เพราะเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นแล้วมีองค์กรเครือข่ายผีเสื้อช่วยเหลือก็จะง่ายขึ้นมาก!ทุกคนอยู่ในตำแหน่งเฉพาะ คอยติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ โดยที่สามารถปกปิดตัวตนของตนเองได้เป็นอย่างดี จึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่ากับตอนก่อตั้งในตอนแรก“ตระกูลไป๋เป็นคนดีมาก อย่างน้อยเมื่อเทียบกับราชวงศ์ตระกูลเซิ่ง ข้าคิดว่าแผ่นดินนี้เหมาะสำหรับพวกเขามากกว่า”หวังหยวนไม่ได้พูดไร้สาระ แต่เขาพูดตามที่ใจคิดจริง ๆ“อืม... พี่หยวน ท่านไม่มีความคิดอยากครองแผ่นดินนี้บ้างจริงหรือ
หลังจากนั้นหงหยิ่งก็เดินออกไป ส่วนคนอื่น ๆ ก็รีบตามไปแสร้งทำเป็นต่อสู้กับนางทันใดนั้นเสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้น!เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อที่กำลังหลับใหลได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากภายนอก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับแหวกม่านออกเล็กน้อยเพื่อมองออกไปข้างนอก“ใครจะเข้ามาในตรอกมืด ๆ แห่งนี้กัน?”เขาขมวดคิ้วอยากจะออกไปดู แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะสุดท้ายเขาก็มาจากองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ และข้อมูลที่เขารวบรวมมาก็ไม่สามารถเปิดเผยได้!หากถูกเปิดเผย องค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะสูญเสียความแข็งแกร่งไปมาก หรืออาจจะถูกทำลายลงเลยก็เป็นได้!เขาจึงไม่ได้ออกไปแต่ก็ยังคงเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไปแต่ในขณะนี้ จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาในลานบ้านของเขา แล้วมาซ่อนตัวอยู่ข้างในทันทีสักพักกลุ่มคนเหล่านั้นก็เดินผ่านลานบ้านไป“ลอบสังหารหรือ? หรือว่าเป็นศัตรูกัน?”เฉินอวิ๋นจื้อขมวดคิ้ว และไม่ขยับตัวอย่างหุนหันพลันแล่นด้วยวิธีนี้เวลาจึงผ่านไปทีละนาที ในไม่ช้าก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว“คนผู้นี้ค่อนข้างสงบดีทีเดียว”เฉินอวิ๋นจื้อยกยิ้มพลางคิดกับตัวเองแต่จู่ ๆ ร่างที่ซ่อนตัวนิ่งอยู่
หงหยิ่งรู้ว่าเฉินอวิ๋นจื้อกำลังเล่นละครอยู่ นางจึงใช้ประโยชน์จากกลอุบายด้วยการเล่นละครกลับ!“ข้าได้รับบาดเจ็บ ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็เชื่อฟัง และอย่าไปแจ้งเจ้าหน้าที่หรือส่งเสียงดัง!”หงหยิ่งพูดแล้วเตะเฉินอวิ๋นจื้อออก ก่อนจะนั่งลงบนเตียง“ไปเอาผ้าพันแผลมาให้ข้าหน่อย!”หงหยิ่งตะคอกอย่างเย็นชา เฉินอวิ๋นจื้อกะพริบตา ถ้าเขาไม่กลัวว่าคนจะสงสัยเรื่องตัวตนของเขา เขาคงจะฆ่าสตรีผู้นี้ไปนานแล้วแต่เมื่อเห็นความงามของนาง เฉินอวิ๋นจื้อก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วไปทำตามคำสั่งด้วยการไปหยิบผ้าพันแผลและยารักษาแผลมาให้หงหยิ่งจ้องหน้าเฉินอวิ๋นจื้อแล้วบอกว่า “ทำแผลให้ข้าหน่อย หากเจ้ามีเจตนาชั่วร้าย ข้าจะฆ่าเจ้า!”หงหยิ่งพูดจบก็หันหลังไปถอดเสื้อออกทันใดนั้นแผ่นหลังที่ขาวเนียนสวยก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาของเฉินอวิ๋นจื้อ แต่กลางแผ่นหลังมีบาดแผลลึก!หากไม่ใช่เพราะนางปิดกั้นคมดาบไว้ได้ในช่วงเวลาวิกฤติ ดาบเล่มนี้อาจตัดกระดูกสันหลังของนางได้!หงหยิ่งช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก นางไม่ลังเลเลยที่จะทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เพื่อทำให้เฉินอวิ๋นจื้อหลงเชื่อ!จนถึงตอนนี้เฉินอวิ๋นจื้อก็ไม่สงสัยอะไรเลย เขาแสร้งทำเ
เฉินอวิ๋นจื้อสับสนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถามหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นจึงตอบทันที “มีสองทางเลือก ทางเลือกแรกคือเชื่อฟัง หรือทางเลือกที่สองคือตาย!”พูดจบนางก็จ้องหน้าเฉินอวิ๋นจื้อเขารู้สึกหมดหนทาง!ตอนนี้เขาอยากจะลงมือฆ่าสตรีผู้นี้ด้วยซ้ำ!เพราะการมีนางอยู่ที่นี่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาจริง ๆแต่เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อเห็นนางทำเช่นนี้จึงตัดสินใจไม่ทำ“คือว่า... จะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ต้องบอกข้ามาก่อนว่าท่านจะทำอะไร และท่านเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า!”“ไม่เช่นนั้น... ข้า... ข้าคงไม่กล้าให้ท่านมาพักที่นี่ด้วยหรอก!”เฉินอวิ๋นจื้อรีบพูด แต่หงหยิ่งกลับตะคอกอย่างเย็นชาเมื่อได้ฟังเช่นนั้น แล้วจ่อคมดาบลงบนคอของเขาทันที“อย่ายุ่งเรื่องของข้า ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ข้ามีศัตรู ข้าบอกได้เพียงเท่านี้ ถ้ายังสงสัยอีกข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!”หงหยิ่งตะคอกอย่างเย็นชา สายตานางดุดันอย่างยิ่งเฉินอวิ๋นจื้อรีบพยักหน้าพลางแสร้งทำเป็นกลัวมาก“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว...”แต่เขากลับสงสัยในใจมาก ศัตรูหรือ?นี่คือเมืองหลวงต้าอัน ใครจะเป็นศัตรูของนาง?ตระกูลเซิ่งหรือ?แต่เขาไม่ได้ถามออกไป เพราะหากยังไม่ได้ถามเรื่องนี้ตอ
ขณะนี้ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยมาที่หมู่บ้านต้าหวังอีกครั้งทุกครั้งที่มาไป๋ชิงชางจะไม่นำอะไรมาเลย เพราะคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดที่จะเข้าตาของหวังหยวนได้แต่ทุกครั้งที่กลับไป เขามักจะได้ของติดตัวไปด้วยเสมอมีตั้งแต่อาหารบางชนิด ไปจนถึงสินค้าจากแก้วบางชนิดไท่จื่อแห่งอาณาจักรต้าเป่ยและหวังหยวนนั้นสนิทกันมากจนเป็นเหมือนพี่น้องกัน!“หวังหยวน ถ้วยคริสตัลที่ท่านให้ข้าครั้งที่แล้วนั้นดีจริง ๆ คราวนี้ขอให้ข้าเพิ่มอีกสักใบสิ”ไป๋ชิงชางพูดอย่างไร้ยางอาย หลังจากไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็พูดไม่ออก“พี่ใหญ่ ทุกครั้งที่มาที่นี่ท่านจะต้องได้อะไรบางอย่างติดไม้ติดมือไปเสมอ อีกไม่กี่ปีข้าเกรงว่าพี่หวังอาจจะกลายเป็นขอทานไปแล้ว”ไป๋เฟยเฟยพูดด้วยความหงุดหงิดไป๋ชิงชางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอ๊ะ เจ้าเข้าข้างใครกันแน่เนี่ย? เจ้าเป็นน้องสาวของข้า เหตุใดจึงไปเข้าข้างคนอื่นแทนล่ะ? ขนาดหวังหยวนยังไม่พูดอะไรเลย และเจ้าก็ไม่ใช่ภรรยาของเขาด้วย เหตุใดเจ้าถึงพูดมากถึงเพียงนี้!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น ไป๋เฟยเฟยก็หน้าแดงทันทีหวังหยวนก็ทำอะไรไม่ถูกหลังจากได้ฟังเช่นนั้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อไป๋ชิงชางมา
หูเมิ่งอิ๋งและหวงเจียวเจียวยิ้มแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สามีกับพี่สาวเป็นคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้เอง พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่ง”เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หวังหยวนจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พวกเจ้าไม่ขัดกันเลยหรือ? หมายความว่าอย่างไร? พวกเจ้าไม่คัดค้านหากสามีของเจ้าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นหรือ?”หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตราบใดที่เป็นคนดี เหตุใดเราถึงต้องคัดค้านด้วยล่ะ?”หวังหยวนก็พูดไม่ออก หากเป็นในยุคที่เขาจากมา พวกนางคงจะเริ่มทะเลาะกันจนถึงขั้นหย่าร้างกับเขาไปแล้ว“แต่ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับไป๋เฟยเฟย ข้ารู้สึกขอบคุณไป๋เฟยเฟยมาก เพราะนางก็เป็นคนซื่อสัตย์มากเช่นกัน แต่ตอนนี้หากเข้าไปมีส่วนร่วมกับราชวงศ์ เราอาจจะมีชีวิตที่ไม่สบายเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้”“ข้ารู้ด้วยว่าตระกูลไป๋กำลังวางแผนอะไร แน่นอนว่าข้ารู้ด้วยว่าไป๋เฟยเฟยใจดีกับข้ามาก และทุ่มเทให้ข้ามาก แต่... ข้าทำได้เพียงรับความหวังดีจากนางเท่านั้น ไม่อาจตอบแทนความเมตตาของนางที่มอบให้ข้าได้ด้วยวิธีนั้น”จุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ไม่เพียงเพื่อตัวเขาเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อหมู่บ้านต้าหวังและหลี่ซื่อหานด้วย