ไป๋เหยียนเฟยพ่นลมหายใจ นัยน์ตาฉายแววเย็นชายิ่ง“ฮองเฮา เหตุ... เหตุใดพระองค์จึงบรรทมตรงนี้ล่ะเพคะ”ไป๋หลิงอดถามไม่ได้ไป๋เหยียนเฟยเหลือบมองเตียงแล้วถอนหายใจ “วันนี้ข้านอนไม่หลับ เลยมานั่งข้างเตียงแล้วเผลอหลับไป”“ถ้าคืนนี้ข้านอนบนเตียงก็เกรงว่า...”ไป๋เหยียนเฟยยังพูดไม่จบ แต่ไป๋หลิงก็เข้าใจแล้ว!หากฮองเฮานอนอยู่บนเตียงจะต้องตายอย่างแน่นอน!“มันเป็นความผิดของข้าเองที่ประมาทเลินเล่อไปชั่วครู่ สมควรตายเพคะ!”ไป๋หลิงรีบคุกเข่าลงบนพื้น แต่ไป๋เหยียนเฟยรีบช่วยพยุงนางขึ้นมา“การลอบสังหารทุกครั้งนั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต ยิ่งกว่านั้นคือคนเมื่อครู่นี้มีเก่งกาจมากจนไม่สามารถเอาชนะได้ มันเป็นเรื่องปกติ ข้าไม่ได้บาดเจ็บ ย่อมละเว้นโทษ”ไป๋เหยียนเฟยแค่นยิ้มแต่ในใจกลับรู้สึกหวาดกลัว!“ฮองเฮา ท่านไม่ต้องกังวลเพคะ ต่อไปข้าจะใช้ความระมัดระวังอย่างดีและจะไม่ยอมให้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เกิดขึ้นอีกเพคะ!”ไป๋หลิงก็กลัวเช่นกัน!ขอบคุณสวรรค์ที่ดลใจให้คืนนี้ฮองเฮาไม่ได้นอนบนเตียง ไม่เช่นนั้น...ต้องสิ้นไปแล้วแน่นอน!หากฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ต้าเย่ก็จะวุ่นวายอย่างหนัก!“ตระกูลเซิ่งทำทุกวิถีทางที่เป็นไ
คราวนี้การลอบสังหารล้มเหลวอีกครั้ง ทำให้เซิ่งตงฉยงย่อมโกรธมากแต่เขาก็รู้ด้วยว่าการสังหารผู้ปกครองอาณาจักรนั้นเป็นเรื่องยาก!ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากเมื่อหงหยิ่งล้มเหลวยิ่งกว่านั้นคือหากนางสามารถลอบสังหารได้สำเร็จ ก็จะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่หากนางล้มเหลวก็ไม่สำคัญ!เพราะตระกูลเซิ่งไม่ได้ตั้งความหวังว่าการลอบสังหารครั้งนี้จะต้องสำเร็จ!“นายท่าน ข้าล้มเหลวอีกแล้ว ท่านโปรดลงโทษด้วยเจ้าค่ะ!”หงหยิ่งกลับมาคุกเข่าลงกับพื้นเซิ่งตงฉยงโบกมือ “ไม่สำคัญ นี่เป็นงานยากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เจ้ารอดชีวิตกลับมาได้ก็นับว่าดีแล้ว”“แต่ว่า...”หงหยิ่งอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดก็เงียบไปเซิ่งตงฉยงยกยิ้มแล้วพูดว่า “สาเหตุที่ข้าเข้มงวดกับเจ้าก็เพราะว่าให้เจ้าเรียนรู้พัฒนาทักษะตัวเอง และข้ากังวลเรื่องความล้มเหลวของเจ้า!”“ถ้าเจ้าล้มเหลวเพียงครั้งเดียว ก็หมายถึงการสูญเสียชีวิตของเจ้า!”“ดังนั้นเมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะไม่ยอมให้ล้มเหลว!”“แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แทนที่จะหวังว่าจะประสบความสำเร็จ ข้ากลับหวังว่าเจ้าจะรอดชีวิตกลับมา ตราบใดที่ไม่ใช่ภารกิจที่สำคัญที่สุดและไม่มีความแน่น
“ใช่แล้ว ข้าอยากให้เจ้าค้นหาคนของเขาทั้งหมด อย่างน้อยก็ในต้าอัน เพื่อจะได้กำจัดพวกเขาได้ในคราวเดียว!”“ข้าไม่อนุญาตให้สายลับของหวังหยวนมาปรากฏตัวในต้าอันของเรา ไม่เช่นนั้นหากมีปัญหาเกิดขึ้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการของเราได้”หลังจากฟังเซิ่งตงฉยงพูดจบ หงหยิ่งก็พยักหน้า“คุณชายหวังไม่ต้องกังวล คราวนี้ข้าจะทำให้สำเร็จอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”หงหยิ่งพูดด้วยความมั่นใจเซิ่งตงฉยงพยักหน้า “ดี ข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”เมื่อพูดจบเขาก็จากไปทันที เขาไว้วางใจหงหยิ่งมากกว่าใคร!ในเวลาเดียวกัน ไป๋ชิงชางได้กลับไปยังเมืองหลวงมานานมาแล้ว เพื่อไปพบกับไป๋เจิ้นถังผู้เป็นบิดาแล้วเล่าสิ่งที่หวังหยวนพูดให้ไป๋เจิ้นถังฟังอย่างชัดเจนหลังจากได้ฟังเช่นนี้ ไป๋เจิ้นถังก็ตกใจเช่นกัน!“หวังหยวนผู้นี้มีพรสวรรค์ยิ่งนัก น่าเสียดายที่พวกเราไม่อาจดึงตัวเขามาใช้ได้ ไม่เช่นนั้นแผ่นดินนี้จะมีอะไรให้ต้องกังวลอีก?”ไป๋เจิ้นถังรู้สึกเสียดายเช่นเดียวกับไป๋ชิงชาง “ท่านพ่อ แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องจริง แต่ข้าคิดว่าการที่หวังหยวนอยู่ห่างไกลจากพวกเราเช่นนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ!”“เพราะหากเขาวางใจ พวกเราก็วางใจได้เ
อาณาจักรต้าเป่ยดำเนินการตามนโยบายใหม่ทันที เห็นได้ชัดว่ากำลังฟื้นตัว!ความจริงทุกคนต่างเข้าใจสถานการณ์นี้ดีว่าการแก้ไขปัญหาสามอาณาจักรนั้นยาก ไม่ต้องพูดถึงว่ามีการทำศึกสงครามกันมานานมากแล้วยิ่งไปกว่านั้นคือสงครามเพิ่งจบลง แม้ว่ากองกำลังของทุกฝ่ายจะไม่เท่ากัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถกวาดล้างคู่ต่อสู้ได้ในคราวเดียว!ดังนั้น...สถานการณ์ที่มั่นคงเช่นนี้จึงดูปกติมากไปหน่อย!“พี่หยวน ตระกูลไป๋ได้ดำเนินการตามนโยบายของท่านแล้ว ตอนนี้คนมากมายจากทั่วสารทิศกลับมาบ้านที่อาณาจักรต้าเป่ยแล้ว!”ช่วงนี้เกาเล่อค่อนข้างผ่อนคลาย เพราะเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นแล้วมีองค์กรเครือข่ายผีเสื้อช่วยเหลือก็จะง่ายขึ้นมาก!ทุกคนอยู่ในตำแหน่งเฉพาะ คอยติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ โดยที่สามารถปกปิดตัวตนของตนเองได้เป็นอย่างดี จึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่ากับตอนก่อตั้งในตอนแรก“ตระกูลไป๋เป็นคนดีมาก อย่างน้อยเมื่อเทียบกับราชวงศ์ตระกูลเซิ่ง ข้าคิดว่าแผ่นดินนี้เหมาะสำหรับพวกเขามากกว่า”หวังหยวนไม่ได้พูดไร้สาระ แต่เขาพูดตามที่ใจคิดจริง ๆ“อืม... พี่หยวน ท่านไม่มีความคิดอยากครองแผ่นดินนี้บ้างจริงหรือ
หลังจากนั้นหงหยิ่งก็เดินออกไป ส่วนคนอื่น ๆ ก็รีบตามไปแสร้งทำเป็นต่อสู้กับนางทันใดนั้นเสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้น!เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อที่กำลังหลับใหลได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากภายนอก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับแหวกม่านออกเล็กน้อยเพื่อมองออกไปข้างนอก“ใครจะเข้ามาในตรอกมืด ๆ แห่งนี้กัน?”เขาขมวดคิ้วอยากจะออกไปดู แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะสุดท้ายเขาก็มาจากองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ และข้อมูลที่เขารวบรวมมาก็ไม่สามารถเปิดเผยได้!หากถูกเปิดเผย องค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะสูญเสียความแข็งแกร่งไปมาก หรืออาจจะถูกทำลายลงเลยก็เป็นได้!เขาจึงไม่ได้ออกไปแต่ก็ยังคงเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไปแต่ในขณะนี้ จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาในลานบ้านของเขา แล้วมาซ่อนตัวอยู่ข้างในทันทีสักพักกลุ่มคนเหล่านั้นก็เดินผ่านลานบ้านไป“ลอบสังหารหรือ? หรือว่าเป็นศัตรูกัน?”เฉินอวิ๋นจื้อขมวดคิ้ว และไม่ขยับตัวอย่างหุนหันพลันแล่นด้วยวิธีนี้เวลาจึงผ่านไปทีละนาที ในไม่ช้าก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว“คนผู้นี้ค่อนข้างสงบดีทีเดียว”เฉินอวิ๋นจื้อยกยิ้มพลางคิดกับตัวเองแต่จู่ ๆ ร่างที่ซ่อนตัวนิ่งอยู่
หงหยิ่งรู้ว่าเฉินอวิ๋นจื้อกำลังเล่นละครอยู่ นางจึงใช้ประโยชน์จากกลอุบายด้วยการเล่นละครกลับ!“ข้าได้รับบาดเจ็บ ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็เชื่อฟัง และอย่าไปแจ้งเจ้าหน้าที่หรือส่งเสียงดัง!”หงหยิ่งพูดแล้วเตะเฉินอวิ๋นจื้อออก ก่อนจะนั่งลงบนเตียง“ไปเอาผ้าพันแผลมาให้ข้าหน่อย!”หงหยิ่งตะคอกอย่างเย็นชา เฉินอวิ๋นจื้อกะพริบตา ถ้าเขาไม่กลัวว่าคนจะสงสัยเรื่องตัวตนของเขา เขาคงจะฆ่าสตรีผู้นี้ไปนานแล้วแต่เมื่อเห็นความงามของนาง เฉินอวิ๋นจื้อก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วไปทำตามคำสั่งด้วยการไปหยิบผ้าพันแผลและยารักษาแผลมาให้หงหยิ่งจ้องหน้าเฉินอวิ๋นจื้อแล้วบอกว่า “ทำแผลให้ข้าหน่อย หากเจ้ามีเจตนาชั่วร้าย ข้าจะฆ่าเจ้า!”หงหยิ่งพูดจบก็หันหลังไปถอดเสื้อออกทันใดนั้นแผ่นหลังที่ขาวเนียนสวยก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาของเฉินอวิ๋นจื้อ แต่กลางแผ่นหลังมีบาดแผลลึก!หากไม่ใช่เพราะนางปิดกั้นคมดาบไว้ได้ในช่วงเวลาวิกฤติ ดาบเล่มนี้อาจตัดกระดูกสันหลังของนางได้!หงหยิ่งช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก นางไม่ลังเลเลยที่จะทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เพื่อทำให้เฉินอวิ๋นจื้อหลงเชื่อ!จนถึงตอนนี้เฉินอวิ๋นจื้อก็ไม่สงสัยอะไรเลย เขาแสร้งทำเ
เฉินอวิ๋นจื้อสับสนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถามหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นจึงตอบทันที “มีสองทางเลือก ทางเลือกแรกคือเชื่อฟัง หรือทางเลือกที่สองคือตาย!”พูดจบนางก็จ้องหน้าเฉินอวิ๋นจื้อเขารู้สึกหมดหนทาง!ตอนนี้เขาอยากจะลงมือฆ่าสตรีผู้นี้ด้วยซ้ำ!เพราะการมีนางอยู่ที่นี่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาจริง ๆแต่เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อเห็นนางทำเช่นนี้จึงตัดสินใจไม่ทำ“คือว่า... จะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ต้องบอกข้ามาก่อนว่าท่านจะทำอะไร และท่านเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า!”“ไม่เช่นนั้น... ข้า... ข้าคงไม่กล้าให้ท่านมาพักที่นี่ด้วยหรอก!”เฉินอวิ๋นจื้อรีบพูด แต่หงหยิ่งกลับตะคอกอย่างเย็นชาเมื่อได้ฟังเช่นนั้น แล้วจ่อคมดาบลงบนคอของเขาทันที“อย่ายุ่งเรื่องของข้า ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ข้ามีศัตรู ข้าบอกได้เพียงเท่านี้ ถ้ายังสงสัยอีกข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!”หงหยิ่งตะคอกอย่างเย็นชา สายตานางดุดันอย่างยิ่งเฉินอวิ๋นจื้อรีบพยักหน้าพลางแสร้งทำเป็นกลัวมาก“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว...”แต่เขากลับสงสัยในใจมาก ศัตรูหรือ?นี่คือเมืองหลวงต้าอัน ใครจะเป็นศัตรูของนาง?ตระกูลเซิ่งหรือ?แต่เขาไม่ได้ถามออกไป เพราะหากยังไม่ได้ถามเรื่องนี้ตอ
ขณะนี้ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยมาที่หมู่บ้านต้าหวังอีกครั้งทุกครั้งที่มาไป๋ชิงชางจะไม่นำอะไรมาเลย เพราะคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดที่จะเข้าตาของหวังหยวนได้แต่ทุกครั้งที่กลับไป เขามักจะได้ของติดตัวไปด้วยเสมอมีตั้งแต่อาหารบางชนิด ไปจนถึงสินค้าจากแก้วบางชนิดไท่จื่อแห่งอาณาจักรต้าเป่ยและหวังหยวนนั้นสนิทกันมากจนเป็นเหมือนพี่น้องกัน!“หวังหยวน ถ้วยคริสตัลที่ท่านให้ข้าครั้งที่แล้วนั้นดีจริง ๆ คราวนี้ขอให้ข้าเพิ่มอีกสักใบสิ”ไป๋ชิงชางพูดอย่างไร้ยางอาย หลังจากไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็พูดไม่ออก“พี่ใหญ่ ทุกครั้งที่มาที่นี่ท่านจะต้องได้อะไรบางอย่างติดไม้ติดมือไปเสมอ อีกไม่กี่ปีข้าเกรงว่าพี่หวังอาจจะกลายเป็นขอทานไปแล้ว”ไป๋เฟยเฟยพูดด้วยความหงุดหงิดไป๋ชิงชางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอ๊ะ เจ้าเข้าข้างใครกันแน่เนี่ย? เจ้าเป็นน้องสาวของข้า เหตุใดจึงไปเข้าข้างคนอื่นแทนล่ะ? ขนาดหวังหยวนยังไม่พูดอะไรเลย และเจ้าก็ไม่ใช่ภรรยาของเขาด้วย เหตุใดเจ้าถึงพูดมากถึงเพียงนี้!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น ไป๋เฟยเฟยก็หน้าแดงทันทีหวังหยวนก็ทำอะไรไม่ถูกหลังจากได้ฟังเช่นนั้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อไป๋ชิงชางมา
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น