อาณาจักรต้าเป่ยดำเนินการตามนโยบายใหม่ทันที เห็นได้ชัดว่ากำลังฟื้นตัว!ความจริงทุกคนต่างเข้าใจสถานการณ์นี้ดีว่าการแก้ไขปัญหาสามอาณาจักรนั้นยาก ไม่ต้องพูดถึงว่ามีการทำศึกสงครามกันมานานมากแล้วยิ่งไปกว่านั้นคือสงครามเพิ่งจบลง แม้ว่ากองกำลังของทุกฝ่ายจะไม่เท่ากัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถกวาดล้างคู่ต่อสู้ได้ในคราวเดียว!ดังนั้น...สถานการณ์ที่มั่นคงเช่นนี้จึงดูปกติมากไปหน่อย!“พี่หยวน ตระกูลไป๋ได้ดำเนินการตามนโยบายของท่านแล้ว ตอนนี้คนมากมายจากทั่วสารทิศกลับมาบ้านที่อาณาจักรต้าเป่ยแล้ว!”ช่วงนี้เกาเล่อค่อนข้างผ่อนคลาย เพราะเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นแล้วมีองค์กรเครือข่ายผีเสื้อช่วยเหลือก็จะง่ายขึ้นมาก!ทุกคนอยู่ในตำแหน่งเฉพาะ คอยติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ โดยที่สามารถปกปิดตัวตนของตนเองได้เป็นอย่างดี จึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่ากับตอนก่อตั้งในตอนแรก“ตระกูลไป๋เป็นคนดีมาก อย่างน้อยเมื่อเทียบกับราชวงศ์ตระกูลเซิ่ง ข้าคิดว่าแผ่นดินนี้เหมาะสำหรับพวกเขามากกว่า”หวังหยวนไม่ได้พูดไร้สาระ แต่เขาพูดตามที่ใจคิดจริง ๆ“อืม... พี่หยวน ท่านไม่มีความคิดอยากครองแผ่นดินนี้บ้างจริงหรือ
หลังจากนั้นหงหยิ่งก็เดินออกไป ส่วนคนอื่น ๆ ก็รีบตามไปแสร้งทำเป็นต่อสู้กับนางทันใดนั้นเสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้น!เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อที่กำลังหลับใหลได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากภายนอก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับแหวกม่านออกเล็กน้อยเพื่อมองออกไปข้างนอก“ใครจะเข้ามาในตรอกมืด ๆ แห่งนี้กัน?”เขาขมวดคิ้วอยากจะออกไปดู แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะสุดท้ายเขาก็มาจากองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ และข้อมูลที่เขารวบรวมมาก็ไม่สามารถเปิดเผยได้!หากถูกเปิดเผย องค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะสูญเสียความแข็งแกร่งไปมาก หรืออาจจะถูกทำลายลงเลยก็เป็นได้!เขาจึงไม่ได้ออกไปแต่ก็ยังคงเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไปแต่ในขณะนี้ จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาในลานบ้านของเขา แล้วมาซ่อนตัวอยู่ข้างในทันทีสักพักกลุ่มคนเหล่านั้นก็เดินผ่านลานบ้านไป“ลอบสังหารหรือ? หรือว่าเป็นศัตรูกัน?”เฉินอวิ๋นจื้อขมวดคิ้ว และไม่ขยับตัวอย่างหุนหันพลันแล่นด้วยวิธีนี้เวลาจึงผ่านไปทีละนาที ในไม่ช้าก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว“คนผู้นี้ค่อนข้างสงบดีทีเดียว”เฉินอวิ๋นจื้อยกยิ้มพลางคิดกับตัวเองแต่จู่ ๆ ร่างที่ซ่อนตัวนิ่งอยู่
หงหยิ่งรู้ว่าเฉินอวิ๋นจื้อกำลังเล่นละครอยู่ นางจึงใช้ประโยชน์จากกลอุบายด้วยการเล่นละครกลับ!“ข้าได้รับบาดเจ็บ ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็เชื่อฟัง และอย่าไปแจ้งเจ้าหน้าที่หรือส่งเสียงดัง!”หงหยิ่งพูดแล้วเตะเฉินอวิ๋นจื้อออก ก่อนจะนั่งลงบนเตียง“ไปเอาผ้าพันแผลมาให้ข้าหน่อย!”หงหยิ่งตะคอกอย่างเย็นชา เฉินอวิ๋นจื้อกะพริบตา ถ้าเขาไม่กลัวว่าคนจะสงสัยเรื่องตัวตนของเขา เขาคงจะฆ่าสตรีผู้นี้ไปนานแล้วแต่เมื่อเห็นความงามของนาง เฉินอวิ๋นจื้อก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วไปทำตามคำสั่งด้วยการไปหยิบผ้าพันแผลและยารักษาแผลมาให้หงหยิ่งจ้องหน้าเฉินอวิ๋นจื้อแล้วบอกว่า “ทำแผลให้ข้าหน่อย หากเจ้ามีเจตนาชั่วร้าย ข้าจะฆ่าเจ้า!”หงหยิ่งพูดจบก็หันหลังไปถอดเสื้อออกทันใดนั้นแผ่นหลังที่ขาวเนียนสวยก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาของเฉินอวิ๋นจื้อ แต่กลางแผ่นหลังมีบาดแผลลึก!หากไม่ใช่เพราะนางปิดกั้นคมดาบไว้ได้ในช่วงเวลาวิกฤติ ดาบเล่มนี้อาจตัดกระดูกสันหลังของนางได้!หงหยิ่งช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก นางไม่ลังเลเลยที่จะทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เพื่อทำให้เฉินอวิ๋นจื้อหลงเชื่อ!จนถึงตอนนี้เฉินอวิ๋นจื้อก็ไม่สงสัยอะไรเลย เขาแสร้งทำเ
เฉินอวิ๋นจื้อสับสนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถามหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นจึงตอบทันที “มีสองทางเลือก ทางเลือกแรกคือเชื่อฟัง หรือทางเลือกที่สองคือตาย!”พูดจบนางก็จ้องหน้าเฉินอวิ๋นจื้อเขารู้สึกหมดหนทาง!ตอนนี้เขาอยากจะลงมือฆ่าสตรีผู้นี้ด้วยซ้ำ!เพราะการมีนางอยู่ที่นี่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาจริง ๆแต่เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อเห็นนางทำเช่นนี้จึงตัดสินใจไม่ทำ“คือว่า... จะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ต้องบอกข้ามาก่อนว่าท่านจะทำอะไร และท่านเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า!”“ไม่เช่นนั้น... ข้า... ข้าคงไม่กล้าให้ท่านมาพักที่นี่ด้วยหรอก!”เฉินอวิ๋นจื้อรีบพูด แต่หงหยิ่งกลับตะคอกอย่างเย็นชาเมื่อได้ฟังเช่นนั้น แล้วจ่อคมดาบลงบนคอของเขาทันที“อย่ายุ่งเรื่องของข้า ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ข้ามีศัตรู ข้าบอกได้เพียงเท่านี้ ถ้ายังสงสัยอีกข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!”หงหยิ่งตะคอกอย่างเย็นชา สายตานางดุดันอย่างยิ่งเฉินอวิ๋นจื้อรีบพยักหน้าพลางแสร้งทำเป็นกลัวมาก“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว...”แต่เขากลับสงสัยในใจมาก ศัตรูหรือ?นี่คือเมืองหลวงต้าอัน ใครจะเป็นศัตรูของนาง?ตระกูลเซิ่งหรือ?แต่เขาไม่ได้ถามออกไป เพราะหากยังไม่ได้ถามเรื่องนี้ตอ
ขณะนี้ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยมาที่หมู่บ้านต้าหวังอีกครั้งทุกครั้งที่มาไป๋ชิงชางจะไม่นำอะไรมาเลย เพราะคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดที่จะเข้าตาของหวังหยวนได้แต่ทุกครั้งที่กลับไป เขามักจะได้ของติดตัวไปด้วยเสมอมีตั้งแต่อาหารบางชนิด ไปจนถึงสินค้าจากแก้วบางชนิดไท่จื่อแห่งอาณาจักรต้าเป่ยและหวังหยวนนั้นสนิทกันมากจนเป็นเหมือนพี่น้องกัน!“หวังหยวน ถ้วยคริสตัลที่ท่านให้ข้าครั้งที่แล้วนั้นดีจริง ๆ คราวนี้ขอให้ข้าเพิ่มอีกสักใบสิ”ไป๋ชิงชางพูดอย่างไร้ยางอาย หลังจากไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็พูดไม่ออก“พี่ใหญ่ ทุกครั้งที่มาที่นี่ท่านจะต้องได้อะไรบางอย่างติดไม้ติดมือไปเสมอ อีกไม่กี่ปีข้าเกรงว่าพี่หวังอาจจะกลายเป็นขอทานไปแล้ว”ไป๋เฟยเฟยพูดด้วยความหงุดหงิดไป๋ชิงชางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอ๊ะ เจ้าเข้าข้างใครกันแน่เนี่ย? เจ้าเป็นน้องสาวของข้า เหตุใดจึงไปเข้าข้างคนอื่นแทนล่ะ? ขนาดหวังหยวนยังไม่พูดอะไรเลย และเจ้าก็ไม่ใช่ภรรยาของเขาด้วย เหตุใดเจ้าถึงพูดมากถึงเพียงนี้!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น ไป๋เฟยเฟยก็หน้าแดงทันทีหวังหยวนก็ทำอะไรไม่ถูกหลังจากได้ฟังเช่นนั้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อไป๋ชิงชางมา
หูเมิ่งอิ๋งและหวงเจียวเจียวยิ้มแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สามีกับพี่สาวเป็นคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้เอง พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่ง”เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หวังหยวนจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พวกเจ้าไม่ขัดกันเลยหรือ? หมายความว่าอย่างไร? พวกเจ้าไม่คัดค้านหากสามีของเจ้าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นหรือ?”หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตราบใดที่เป็นคนดี เหตุใดเราถึงต้องคัดค้านด้วยล่ะ?”หวังหยวนก็พูดไม่ออก หากเป็นในยุคที่เขาจากมา พวกนางคงจะเริ่มทะเลาะกันจนถึงขั้นหย่าร้างกับเขาไปแล้ว“แต่ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับไป๋เฟยเฟย ข้ารู้สึกขอบคุณไป๋เฟยเฟยมาก เพราะนางก็เป็นคนซื่อสัตย์มากเช่นกัน แต่ตอนนี้หากเข้าไปมีส่วนร่วมกับราชวงศ์ เราอาจจะมีชีวิตที่ไม่สบายเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้”“ข้ารู้ด้วยว่าตระกูลไป๋กำลังวางแผนอะไร แน่นอนว่าข้ารู้ด้วยว่าไป๋เฟยเฟยใจดีกับข้ามาก และทุ่มเทให้ข้ามาก แต่... ข้าทำได้เพียงรับความหวังดีจากนางเท่านั้น ไม่อาจตอบแทนความเมตตาของนางที่มอบให้ข้าได้ด้วยวิธีนั้น”จุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ไม่เพียงเพื่อตัวเขาเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อหมู่บ้านต้าหวังและหลี่ซื่อหานด้วย
เมื่อหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นก็แอบหัวเราะในใจชายคนนี้ติดกับดักนางเข้าแล้ว!ดีมาก!ความพยายามอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ไร้ผล!หงหยิ่งยกยิ้มแล้วมองเฉินอวิ๋นจื้ออย่างอ่อนโยน“ครั้งนี้... ข้าต้องทำได้แน่นอน ถ้าทำได้... พี่ใหญ่เฉิน ข้าอยาก... จะอยู่ที่นี่ตลอดไป ได้หรือไม่?”มีบางอย่างแปลก ๆ ฉายแววในดวงตาของหงหยิ่ง ราวกับว่านางกำลังเขินอายเล็กน้อยเฉินอวิ๋นจื้อไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้!ครั้งสุดท้ายที่นางออกไปนานมาก และไม่กลับมาหลายวันทำให้เขากังวลแทบตาย!ตอนนี้...นางกำลังจะออกไปอีก...พูดตามตรงคือ เฉินอวิ๋นจื้อไม่อยากให้นางไปเลยจริง ๆ!“เจ้าไม่เคยบอกข้าเลยว่าความแค้นครั้งนี้ร้ายแรงเพียงใด ช่วยบอกข้าตอนนี้ได้หรือไม่?”เฉินอวิ๋นจื้อรีบพูด หลังจากหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นก็มีบางอย่างในใจที่อยากจะบอก แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม!“ถ้าข้าทำสำเร็จ เรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว”“แต่หากไม่สำเร็จก็ลืมไปเสียเถิด ทำเหมือนว่าข้าไม่เคยมาที่นี่เลยก็แล้วกัน”“เจ้าอย่าถามข้าเลย ศัตรูของข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะสามารถยั่วยุได้”หงหยิ่งเผยรอยยิ้ม จากนั้นก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อโดยไม่พูดอะ
แน่นอนว่านางไม่มีทางเลือก เพราะนางได้สาบานแล้วว่าจะจงรักภักดีต่อเซิ่งตงฉยง ไม่ว่านางจะต้องใช้วิธีการใดนางก็จะทำ!เฉินอวิ๋นจื้อเฝ้าดูทั้งคืน แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราว!เขาทุกข์ใจและเจ็บปวดมาก!ดวงตาของเขาแดงก่ำหลังจากนอนไม่หลับมาทั้งคืน เขาหวังว่าหงหยิ่งจะกลับมาเรียกตนว่าพี่เฉินตามปกติอีกครา!“บางที... อาจจะกลับมาพรุ่งนี้...”เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความกระวนกระวาย นัยน์ตาฉายแวววิตกกังวลและคาดหวังแต่ในวันที่สองและสามก็ยังไม่เห็นวี่แววของหงหยิ่ง!เขาจึงรู้สึกสิ้นหวังแล้ว!ทุกวันนี้เขาไม่รู้รสอาหารหรือชาอีกต่อไป เฝ้าพะวงอยู่กับการรอให้หงหยิ่งกลับมาเท่านั้น!แต่ย่างเข้าวันที่สี่ วันที่ห้า วันที่หก!นางก็ยังไม่ปรากฏตัวด้วยซ้ำ!ทำให้เฉินอวิ๋นจื้อตื่นตระหนกอย่างยิ่ง!เขารู้สึกว่าต้องมีเรื่องร้ายบางอย่างเกิดขึ้น!เขาไม่เคยกังวลหนักถึงเพียงนี้มาก่อน!ในที่สุดยามเช้าตรู่ของวันที่เจ็ด เขาก็เห็นร่างหญิงสาวคนหนึ่งที่คุ้นเคยมีบาดแผลเต็มตัว ทันทีที่กลับมาถึง นางก็เหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วหมดสติไป!“น้องสาว!”เฉินอวิ๋นจื้อรู้สึกตื่นตระหนก ในใจเต็มไปด้วยความกังวล!เขาจึงเริ่มตร