ขณะนี้ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยมาที่หมู่บ้านต้าหวังอีกครั้งทุกครั้งที่มาไป๋ชิงชางจะไม่นำอะไรมาเลย เพราะคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดที่จะเข้าตาของหวังหยวนได้แต่ทุกครั้งที่กลับไป เขามักจะได้ของติดตัวไปด้วยเสมอมีตั้งแต่อาหารบางชนิด ไปจนถึงสินค้าจากแก้วบางชนิดไท่จื่อแห่งอาณาจักรต้าเป่ยและหวังหยวนนั้นสนิทกันมากจนเป็นเหมือนพี่น้องกัน!“หวังหยวน ถ้วยคริสตัลที่ท่านให้ข้าครั้งที่แล้วนั้นดีจริง ๆ คราวนี้ขอให้ข้าเพิ่มอีกสักใบสิ”ไป๋ชิงชางพูดอย่างไร้ยางอาย หลังจากไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็พูดไม่ออก“พี่ใหญ่ ทุกครั้งที่มาที่นี่ท่านจะต้องได้อะไรบางอย่างติดไม้ติดมือไปเสมอ อีกไม่กี่ปีข้าเกรงว่าพี่หวังอาจจะกลายเป็นขอทานไปแล้ว”ไป๋เฟยเฟยพูดด้วยความหงุดหงิดไป๋ชิงชางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอ๊ะ เจ้าเข้าข้างใครกันแน่เนี่ย? เจ้าเป็นน้องสาวของข้า เหตุใดจึงไปเข้าข้างคนอื่นแทนล่ะ? ขนาดหวังหยวนยังไม่พูดอะไรเลย และเจ้าก็ไม่ใช่ภรรยาของเขาด้วย เหตุใดเจ้าถึงพูดมากถึงเพียงนี้!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น ไป๋เฟยเฟยก็หน้าแดงทันทีหวังหยวนก็ทำอะไรไม่ถูกหลังจากได้ฟังเช่นนั้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อไป๋ชิงชางมา
หูเมิ่งอิ๋งและหวงเจียวเจียวยิ้มแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สามีกับพี่สาวเป็นคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้เอง พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่ง”เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หวังหยวนจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พวกเจ้าไม่ขัดกันเลยหรือ? หมายความว่าอย่างไร? พวกเจ้าไม่คัดค้านหากสามีของเจ้าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นหรือ?”หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตราบใดที่เป็นคนดี เหตุใดเราถึงต้องคัดค้านด้วยล่ะ?”หวังหยวนก็พูดไม่ออก หากเป็นในยุคที่เขาจากมา พวกนางคงจะเริ่มทะเลาะกันจนถึงขั้นหย่าร้างกับเขาไปแล้ว“แต่ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับไป๋เฟยเฟย ข้ารู้สึกขอบคุณไป๋เฟยเฟยมาก เพราะนางก็เป็นคนซื่อสัตย์มากเช่นกัน แต่ตอนนี้หากเข้าไปมีส่วนร่วมกับราชวงศ์ เราอาจจะมีชีวิตที่ไม่สบายเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้”“ข้ารู้ด้วยว่าตระกูลไป๋กำลังวางแผนอะไร แน่นอนว่าข้ารู้ด้วยว่าไป๋เฟยเฟยใจดีกับข้ามาก และทุ่มเทให้ข้ามาก แต่... ข้าทำได้เพียงรับความหวังดีจากนางเท่านั้น ไม่อาจตอบแทนความเมตตาของนางที่มอบให้ข้าได้ด้วยวิธีนั้น”จุดประสงค์ของหวังหยวนในการทำเช่นนี้ไม่เพียงเพื่อตัวเขาเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อหมู่บ้านต้าหวังและหลี่ซื่อหานด้วย
เมื่อหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นก็แอบหัวเราะในใจชายคนนี้ติดกับดักนางเข้าแล้ว!ดีมาก!ความพยายามอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ไร้ผล!หงหยิ่งยกยิ้มแล้วมองเฉินอวิ๋นจื้ออย่างอ่อนโยน“ครั้งนี้... ข้าต้องทำได้แน่นอน ถ้าทำได้... พี่ใหญ่เฉิน ข้าอยาก... จะอยู่ที่นี่ตลอดไป ได้หรือไม่?”มีบางอย่างแปลก ๆ ฉายแววในดวงตาของหงหยิ่ง ราวกับว่านางกำลังเขินอายเล็กน้อยเฉินอวิ๋นจื้อไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้!ครั้งสุดท้ายที่นางออกไปนานมาก และไม่กลับมาหลายวันทำให้เขากังวลแทบตาย!ตอนนี้...นางกำลังจะออกไปอีก...พูดตามตรงคือ เฉินอวิ๋นจื้อไม่อยากให้นางไปเลยจริง ๆ!“เจ้าไม่เคยบอกข้าเลยว่าความแค้นครั้งนี้ร้ายแรงเพียงใด ช่วยบอกข้าตอนนี้ได้หรือไม่?”เฉินอวิ๋นจื้อรีบพูด หลังจากหงหยิ่งได้ฟังเช่นนั้นก็มีบางอย่างในใจที่อยากจะบอก แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม!“ถ้าข้าทำสำเร็จ เรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว”“แต่หากไม่สำเร็จก็ลืมไปเสียเถิด ทำเหมือนว่าข้าไม่เคยมาที่นี่เลยก็แล้วกัน”“เจ้าอย่าถามข้าเลย ศัตรูของข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะสามารถยั่วยุได้”หงหยิ่งเผยรอยยิ้ม จากนั้นก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อโดยไม่พูดอะ
แน่นอนว่านางไม่มีทางเลือก เพราะนางได้สาบานแล้วว่าจะจงรักภักดีต่อเซิ่งตงฉยง ไม่ว่านางจะต้องใช้วิธีการใดนางก็จะทำ!เฉินอวิ๋นจื้อเฝ้าดูทั้งคืน แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราว!เขาทุกข์ใจและเจ็บปวดมาก!ดวงตาของเขาแดงก่ำหลังจากนอนไม่หลับมาทั้งคืน เขาหวังว่าหงหยิ่งจะกลับมาเรียกตนว่าพี่เฉินตามปกติอีกครา!“บางที... อาจจะกลับมาพรุ่งนี้...”เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความกระวนกระวาย นัยน์ตาฉายแวววิตกกังวลและคาดหวังแต่ในวันที่สองและสามก็ยังไม่เห็นวี่แววของหงหยิ่ง!เขาจึงรู้สึกสิ้นหวังแล้ว!ทุกวันนี้เขาไม่รู้รสอาหารหรือชาอีกต่อไป เฝ้าพะวงอยู่กับการรอให้หงหยิ่งกลับมาเท่านั้น!แต่ย่างเข้าวันที่สี่ วันที่ห้า วันที่หก!นางก็ยังไม่ปรากฏตัวด้วยซ้ำ!ทำให้เฉินอวิ๋นจื้อตื่นตระหนกอย่างยิ่ง!เขารู้สึกว่าต้องมีเรื่องร้ายบางอย่างเกิดขึ้น!เขาไม่เคยกังวลหนักถึงเพียงนี้มาก่อน!ในที่สุดยามเช้าตรู่ของวันที่เจ็ด เขาก็เห็นร่างหญิงสาวคนหนึ่งที่คุ้นเคยมีบาดแผลเต็มตัว ทันทีที่กลับมาถึง นางก็เหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วหมดสติไป!“น้องสาว!”เฉินอวิ๋นจื้อรู้สึกตื่นตระหนก ในใจเต็มไปด้วยความกังวล!เขาจึงเริ่มตร
หงหยิ่งใช้แผนการมามากแล้ว และนี่คือสิ่งที่นางรอคอย!วันนี้นางรู้ว่าในที่สุดนางก็ทำสำเร็จแล้ว!ใช้เวลามากกว่าสามเดือนในการขจัดความกังวลและความเคลือบแคลงของเขา!พูดตามตรงคือมันยากมาก!ถ้าไม่ใช่เพราะหงหยิ่งทำเช่นนี้ก็คงล้มเหลวไปนานแล้ว!มีเพียงคนระดับหงหยิ่งเท่านั้นที่ทำได้อย่างแนบเนียน!“พี่ใหญ่เฉิน ท่านจะช่วยข้าได้อย่างไร?”หงหยิ่งแสร้งทำเป็นพูด แต่เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อได้ฟังดังนั้นก็ไม่อ้อมค้อม เขายกมือขึ้นทุบไปที่เสาหินขนาดใหญ่จนแตกออกเป็นเสี่ยง!เมื่อหงหยิ่งเห็นเช่นนั้นก็แสร้งทำเป็นตกใจ“พี่ใหญ่เฉิน... ท่าน... ท่านเป็นใครกันแน่? ท่าน...”นางรีบผลักเฉินอวิ๋นจื้อออกไป ช่างเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!“น้องสาว เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามีสถานะพิเศษที่ปกปิดไว้มาโดยตลอด เจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังก่อน ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า และจะไม่ทำอะไรไม่ดีกับเจ้าด้วย!”หลังจากที่เฉินอวิ๋นจื้อพูดจบ หงหยิ่งก็มองเขาด้วยสายตาระแวง ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นการเล่นละคร!“จริงหรือ?”หงหยิ่งอดไม่ได้ที่จะถาม“แน่นอน ข้าจะโกหกเจ้าไปเพื่ออะไร?”เมื่อหงหยิ่งได้ฟังดังนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพ
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำเป็นว่าข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”หงหยิ่งมองเฉินอวิ๋นจื้อแล้วพูดอย่างจริงจังแต่เฉินอวิ๋นจื้อกลับลังเล“คือว่า... น้องสาว ข้า... ข้าอยากอยู่กับเจ้า ได้หรือไม่?”ทั้งสองได้แสดงความรู้สึกของตนออกมาแล้วแต่ไม่เคยแสดงออกตามตรงหงหยิ่งพยักหน้าเบา ๆ “พี่เฉิน ข้า... ข้ายินดีที่จะอยู่กับท่าน... ตราบใดที่ท่านไม่รังเกียจข้า...”เฉินอวิ๋นจื้อรีบพูด “เป็นไปได้อย่างไร? ข้าจะรังเกียจเจ้าได้อย่างไร!”“เป็นเพียงเพราะตัวตนของข้า ข้าจึงไม่สามารถอยู่ใกล้ใครได้ เรื่องของข้ากับเจ้านั้นข้าต้องถามผู้ใหญ่ก่อน ขอโทษด้วย”แน่นอนว่าหงหยิ่งไม่กลัวที่จะถูกตรวจสอบตัวตน เพราะนางได้สร้างตัวตนปลอมขึ้นมาแล้ว“ไม่เป็นอะไร หากมีปัญหาก็อย่ากังวลที่จะพูด ข้าจะปฏิบัติต่อท่านในฐานะเถ้าแก่ร้านขายธัญพืชและน้ำมัน”“แต่ว่าพี่เฉิน ท่านต้องการช่วยข้าอย่างไรล่ะ? พวกเราจะบุกไปที่วังหรือ? ข้าเคยไปที่นั่นสองครั้ง มันยากมาก”หงหยิ่งเริ่มทดสอบ เฉินอวิ๋นจื้อฟังแล้วจึงตอบว่า“มันไม่ได้ลำบากถึงเพียงนั้น ไม่ช้าก็เร็วจะเกิดเรื่องกับตระกูลเซิ่ง พวกเขาจะไม่อาจยับยั้งความทะเยอทะยานของตนเองอย่างแน่นอน เมื่อถึง
เกาเล่อขมวดคิ้ว!แม้จะพบว่าไม่มีปัญหาก็ถือว่าเป็นเรื่องดี!แต่เขาก็ยังกังวล!เขารู้อยู่ในใจว่าเฉินอวิ๋นจื้อคงหลงรักผู้หญิงคนนี้มาก ไม่เช่นนั้นคงไม่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางชัดเจนถึงเพียงนี้!“เฉินอวิ๋นจื้อเอ๋ยเฉินอวิ๋นจื้อ ข้ารู้จักเจ้าดีนะเจ้าเด็กน้อย แม้ว่าจะรอบคอบระมัดระวัง แต่เมื่อตกหลุมรักจะไม่มีวันปล่อยมือ!”“ดูเหมือนว่า... ข้าจะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้แล้ว!”เมื่อเป็นเช่นนั้นเกาเล่อก็ตอบกลับเขาทันที โดยบอกให้เขารอผลการตรวจสอบก่อน หากผลออกมาดี เขาจะปล่อยให้เยี่ยนหงเข้าร่วมองค์กรเครือข่ายผีเสื้อโดยเร็วที่สุด!เกาเล่อทำเช่นนี้ก็เพื่อควบคุมเฉินอวิ๋นจื้อ เพราะเขากังวลจริง ๆ ว่าเขาจะเปิดเผยความลับหากใจร้อนเฉินอวิ๋นจื้อมีความสุขมากเมื่อได้รับคำตอบ!แต่เขาไม่รู้ว่าเกาเล่อยังคงมีความคลางแคลงใจอยู่!เกาเล่อเล่าเรื่องนี้ให้หวังหยวนฟังทุกอย่างในหมู่บ้านต้าหวังหวังหยวนยังคงมีรอยยิ้มเมื่อได้ฟังดังนั้น“เด็กหนุ่มเฉินอวิ๋นจื้อคนนี้ได้พบรักแท้แล้ว!”เกาเล่อฟังแล้วก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่หยวน แม้ว่าเราจะสนับสนุนพี่น้องเมื่อพบรักแท้ แต่สถานะของเขานั้นไม่ธรรมดา
เขาพบศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่งจึงเข้าไปซ่อนตัวอยู่เฉินอวิ๋นจื้อรู้สึกตื่นเต้นมากหลังจากได้รับจดหมายของเกาเล่อ“หงเอ๋อร์ หัวหน้าของพวกเรามาหาเราแล้ว!”เฉินอวิ๋นจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่หงหยิ่งได้ฟังดังนั้นก็หัวใจเต้นรัวถึงกระนั้นนางก็ยังพูดด้วยรอยยิ้ม“ดีเลย!”เฉินอวิ๋นจื้อยกยิ้มแล้วปิดประตูทันที“ไป พวกเราไปเจอเขากันตอนนี้เลย”หงหยิ่งเริ่มกังวลมากขึ้นเมื่อได้ฟังดังนั้น“ตอนนี้เลยหรือ? ที่ไหนกัน?”เฉินอวิ๋นจื้อไม่ได้ปิดบัง เพียงแค่พูดว่า “ที่ศาลเจ้าร้างนอกเมือง รีบไปกันเถิด”เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อพูดเช่นนั้นก็เดินออกไป หงหยิ่งมักจะสังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ยังคงติดตามเขาไปหากเกิดอะไรขึ้นจริง นางก็ยังสามารถป้องกันตัวเองได้!ไม่นานทั้งสองก็มาถึงศาลเจ้าร้างแห่งนี้ เฉินอวิ๋นจื้อมองแล้วเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ จึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง“ลูกพี่? ท่านอยู่หรือเปล่า?”เฉินอวิ๋นจื้อตะโกนเกาเล่อที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดตลอดเวลา เห็นพวกเขาเดินเข้ามา และเห็นผู้หญิงชื่อเยี่ยนหงด้วยเขาไม่ปรากฏตัว แต่ซ่อนตัวอยู่หลังรูปปั้นหินในศาลเจ้าร้าง แล้วพูดตามตรง “เหล่าเฉิน ข้าอยู่นี่
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น