Share

บทที่ 9

Author: เซียงปู้อี๋
ขณะนั้นเอง เวินหนี่ก็มาถึงบริษัท บรรยากาศในห้องทำงานของประธานดูเคร่งเครียดมาก

“พี่เวิน”

เมื่อเธอมาถึงทุกคนต่างก็ทักทายเธออย่างสุภาพ

“พี่เวิน อาการบาดเจ็บที่หัวเป็นยังไงบ้างคะ?”

เวินหนี่ไม่อยากให้พวกเขากังวลมากเกินไป “ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เมื่อวานฉันได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว อาการก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”

“แต่พี่ควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะคะ ทำไมถึงไม่ขอลาจากประธานเย่ล่ะ ยังต้องมาทำงานด้วยอาการบาดเจ็บแบบนี้อีก พี่เวิน พี่จริงจังกับงานมากเกินไปแล้ว” พวกเขาต่างก็ชื่นชมเวินหนี่ เธอทำงานมากกว่าใช้ชีวิตเสียอีก เกรงว่าคงหาคนแบบเลขาเวินไม่ได้อีกแล้ว

เวินหนี่และเย่หนานโจวแต่งงานกันอย่างลับ ๆ จึงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเปิดเผยอะไรมากนัก “ฉันขอตัวไปหาประธานเย่ก่อน พวกเธอทำงานต่อเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”

เมื่อเธอมาถึงประตู ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเย่หนานโจว “บอกให้ทุกคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในไซต์ก่อสร้างไสหัวออกไปให้หมด!”

เวินหนี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเขาจะตำหนิเธอเสียอีก

จากนั้นก็มีกลุ่มคนออกมาจากห้องทำงาน

คนที่ออกมามีสีหน้าหดหู่ใจ ใบหน้าของเวินหนี่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ และเธอก็เดินเข้าไปด้านในตามปกติ

เย่หนานโจวหันไปมองเธอและเพ่งความสนใจไปที่บาดแผลบนหน้าผากของเธอ ก่อนจะเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนัก และบาดแผลก็ดูร้ายแรงมากด้วย

“ประธานเย่” เวินหนี่กล่าวทัก

เย่หนานโจวถอนสายตามองไปทางอื่น และไม่ได้พูดถึงเรื่องไซต์ที่ก่อสร้าง เขาวางซองเอกสารสีน้ำตาลบนโต๊ะ “นี่เธอหมายความว่ายังไง?”

นี่น่าจะเป็นใบขอจดทะเบียนหย่าที่ถังเยาร่างขึ้น เวินหนี่พูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ฉันคิดว่าคุณเย่น่าจะเข้าใจว่าทะเบียนหย่าคืออะไร วันนี้ที่ฉันมาที่นี่ไม่เพียงเพื่อจัดการเรื่องบริษัทเท่านั้น แต่อยากจะหารือเกี่ยวกับการหย่ากับคุณด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเย่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ”

“เวินหนี่!” เย่หนานโจวเพิ่มน้ำเสียง และเขาก็พูดต่ออย่างเย็นชา “ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ว่าเธอต้องการมีลูก?”

เวินหนี่เริ่มสับสน “อะไรนะคะ?”

เย่หนานโจวโยนเอกสารไป “ดูเอาเอง”

เวินหนี่เปิดเอกสารออกถึงได้เห็นข้อความสาเหตุการขอหย่าที่เขียนเอาไว้กล่าวว่า ฝ่ายหญิงต้องการมีบุตร แต่สามีไม่มีความสามารถในการมีบุตร จึงทำให้ความสัมพันธ์พังทลายลง!

ทันใดนั้น เวินหนี่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วน ถังเยาเป็นคนร่างใบขอจดทะเบียนหย่าให้กับเธอ ไม่รู้เลยว่าเธอจะแอบเพิ่มข้อความบางส่วนลงไปเช่นนี้

ทุกประโยคเป็นผลดีต่อเธอ

ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อเช้าถังเยาจะดูตื่นเต้นมาก ราวกับว่าเธอจะรวยทันทีที่เวินหนี่จากไป

แต่นี่มันไม่สมจริงเอาเสียเลย

เธอเงยหน้าขึ้นมองเย่หนานโจว ที่เขาโมโหอาจเพราะคิดว่าเธอเจ้าเล่ห์มาก และกล้าเล่นใหญ่ขนาดนี้สินะ

“คุณเย่ เอกสารฉบับนี้ฉันส่งผิดเองค่ะ” เวินหนี่ปิดเอกสาร “หากคุณรีบ ฉันจะเอาเอกสารฉบับใหม่มาให้คุณโดยเร็วที่สุด”

“ฉันไม่มีความสามารถอย่างนั้นเหรอ?”

เขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่มืดมนราวกับจะยืนยันความหมายของประโยคนี้กับเธอ

เธออดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว “คุณเย่ เรื่องนั้นฉันไม่ค่อยแน่ใจค่ะ ลู่ม่านเซิงน่าจะรู้ดีกว่าฉัน...”

วินาทีต่อมา เย่หนานโจวก็จับมือของเธอ แล้วขังเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

เวินหนี่ไม่มีแรงต้านจึงถูกเขากักขังเอาไว้ระหว่างโต๊ะกับตัวเขา

เธอจับโต๊ะด้วยสองมือ กระดูกสันหลังส่วนเอวของเธอกระแทกกับมุมโต๊ะจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย

“เธออยากมีลูก แล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน?” เย่หนานโจวกล่าว

เวินหนี่กำลังจะเปิดปากพูด แต่เย่หนานโจวก็ยิ้มเยาะอีกครั้ง “หรือว่าเธออยากจะใช้ลูกผูกมัดฉันไว้งั้นเหรอ? การหย่าเป็นเพียงอุบาย แต่จุดประสงค์หลักคือการมีลูกกับฉันใช่ไหม?”

คำพูดของเขาทำให้เวินหนี่หน้าเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามผลักมือของเขาออก “เย่หนานโจว อย่าให้มันมากนัก!”

ในทางตรงกันข้าม เย่หนานโจวกลายกลับเฉยชาและดูห่างเหินมากขึ้น เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง “เวินหนี่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยทำไม่ดีกับเธอ อย่าคิดถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้พวกนั้นเลย!”

เขาไม่เข้าใจเธอ

ในสายตาของเขา หลังจากแต่งงานกับเขาแล้วเธอน่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราด้วยตำแหน่ง “คุณผู้หญิงของตระกูลเย่”

แต่เธอกลับดูไม่มีความสุข

เวินหนี่สงบลงและไม่อยากโต้เถียงกับเขาอีก “อย่าลืมว่าคุณเป็นคนทำสัญญาการแต่งงานสามปีนี้ขึ้นมาเอง ฉันก็แค่ทำให้มันจบไวขึ้นก็เท่านั้น”

“มันเป็นการตัดสินใจของฉัน ดังนั้นถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน เธอก็ไม่สามารถหย่าได้”

เวินหนี่ขมวดคิ้ว ถ้ารีบหย่า เขาก็จะได้อยู่กับลู่ม่านเซิงเร็วขึ้นไม่ใช่เหรอ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
อีหยังวะ พอเค้าจะหย่าก็ไม่ยอมให้หย่า
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 10

    นี่เธอกำลังสนองความปรารถนาของเขาอยู่นะ เขาควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอหรือว่าเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่เธอเป็นคนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเองเลยทำให้เขาอับอาย เย่หนานโจวเบือนสายตาไปจากเธอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ถึงเวลาแล้ว ไปทำงานซะ”เวินหนี่มองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงและถึงเวลาเข้างานพอดี เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เขาเป็นคนตรงเวลามากจริง ๆ ไม่ยอมให้เธอได้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียวเธอมองเย่หนานโจวที่ถอนตัวกลับไป มีกลิ่นอายเย็นชาทั่วร่างกายของเขา และมีเพียงความห่างเหินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น เธอไม่ได้รบกวนอะไรเขาอีก และเดินออกมาเผยชิงกำลังรอเธออยู่ที่ด้านนอกประตู “เลขาเวิน นี่คือเอกสารที่คุณเย่ขอให้คุณช่วยจัดการครับ”เอกสารจำนวนมหาศาลกดลงบนมือของเธอฝุ่นกระทบเข้ากับหน้าของเธอจนสำลัก เวินหนี่ถามขึ้นว่า “ฝุ่นเกาะเยอะขนาดนี้ เอกสารตั้งแต่ปีไหนกัน?”เผยชิงไม่กล้าพูดอะไร “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ประธานเย่เป็นคนจัดการครับ”คนในบริษัทมองเวินหนี่ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจคิดว่าเธอทำให้ประธานเย่ขุ่นเคือง เขาถึงได้สั่งให้เธอทำงานที่ไม่สำคัญแบบนี้และทุกคนต่างก็คิดว่าเธอได้สูญเสีย

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 11

    เสิ่นฉือไม่ค่อยเข้าใจ พี่หนานป่วยอย่างนั้นเหรอ?ช่วงก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะตรวจร่างกายไป และร่างกายของเขาก็แข็งแรงดีเวินหนี่เป็นภรรยาของเขาดังนั้นหากจะมีปัญหาก็คงจะเป็น…ขณะที่เสิ่นฉือเดินเข้าไปในห้องทำงานเขาก็ถอนหายใจ และจ้องมองไปที่กางเกงของเย่หนานโจว เมื่อเย่หนานโจวเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา ก็ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันบอกให้นายไปตรวจร่างกายของเวินหนี่ นายมามองฉันทำไม?”เสิ่นฉือถอนสายตา และยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้ผมเจอพี่สะใภ้ที่ทางเข้าลิฟต์ เธอออกไปข้างนอกแล้ว แถมยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”เย่หนานโจวพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก็ต้องกลับมา”“พี่ทะเลาะกับพี่สะใภ้เหรอ?”“เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะงี่เง่านี่”เสิ่นฉือลำบากใจที่จะพูดอะไรออกไป เขาจึงเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับ เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นว่า “เธอออกไปแล้ว นายเองก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้องการนาย”“ผมเพิ่งมาถึงพี่ก็จะไล่ผมกลับแล้วงั้นเหรอ มาคุยกันเรื่องพี่น้องของเราก็ได้”เสิ่นฉือลูบจมูกด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้มีเหตุผลที่โกรธ เป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะมีปัญหากัน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 12

    เวินหนี่มองย้อนกลับไปแล้วพูดว่า “เก็บกระเป๋า”“จะไปไหน?”เวินหนี่ตอบ “กลับบ้านค่ะ”“บ้านของเธอก็คือที่นี่ไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงของเย่หนานโจวเย็นขึ้นมากหัวใจของเวินหนี่ยังคงปวดอยู่เล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณเคยคิดว่าบ้านหลังนี้เป็นที่ของฉันด้วยเหรอ? ฉันกำลังจะคืนพื้นที่นี้ให้พวกคุณ”เย่หนานโจวก็จับแขนของเธอทันที เพื่อหยุดการเก็บสัมภาระของเธอ น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เธอจะสร้างปัญหาอีกนานแค่ไหน?”เวินหนี่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เพราะกลัวว่าเธอจะรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นเขา และน้ำตาจะไหลออกจากดวงตา เธอหันหน้าและสะบัดเขาออกอย่างแรง “ฉันไม่ได้สร้างปัญหาค่ะ แต่ฉันเอาจริง คุณเย่ ขอทางด้วยค่ะ ฉันจะเก็บของ”การที่เธอดื้อรั้นและต้องการหย่ากับเขาเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของเย่หนานโจวมืดมน “ปัง” เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว เวินหนี่ก็เงยหน้าขึ้นมาและได้ยินเสียงต่ำของเย่หนานโจว “อะไรทำให้เธออยากจะไปมากขนาดนี้”เวินหนี่ไม่ตอบเย่หนานโจวเข้าใกล้เธอมากขึ้นและถามด้วยน้ำเสียงตั้งคำถามว่า “เธอคิดว่าฉันไม่มีความสามารถงั้นเหรอ? อยากให้ฉันทดสอบให้ดูไหมว่า แท้จริงแล้วฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 13

    ร่างกายของเขาอบอุ่น มีกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรง และลมหายใจร้อน ๆ ของเขาก็รินรดอยู่ข้างหูของหญิงสาวเขาไปดื่มมางั้นเหรอ?เวินหนี่เรียกเขา “เย่หนานโจว”แต่เย่หนานโจวกอดเอวของเธอไว้และฝังหน้าไว้บนผมของเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงต่ำ “อย่าขยับ ฉันขอกอดเธออีกหน่อย”คราวนี้เวินหนี่หยุดเคลื่อนไหวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดื่มเยอะขนาดนี้เวินหนี่นอนอยู่บนผ้าห่มเป็นเวลานาน ร่างกายของเธอแทบจะแข็งทื่อ ได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะลุก แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกเลย เอาแต่สูดดมเธออย่างตะกละตะกลามนี่เขาคงจะไม่คิดว่าเธอคือลู่ม่านเซิงอีกแล้วหรอกใช่ไหม เวินหนี่เรียกเขาอีกครั้ง “เย่หนานโจว…”“เวินหนี่ ฉันอยากจะนอนแบบนี้อีกสักพัก”เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็เงียบลงอีกครั้งการที่เขาเรียกชื่อเธอแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนอื่นเธอไม่ค่อยได้เห็นเขาในสภาพนี้ และมันก็ทำให้เธอค่อนข้างทำตัวไม่ถูกแต่เธอก็ยังใจอ่อนกลัวว่าเขาจะหลับไปทั้งแบบนี้ และกลัวว่าเขาจะเป็นหวัดเธอผลักเขาเบา ๆ “อย่านอนแบบนี้เลยค่ะ ไปอาบน้ำ ไม่ก็ห่มผ้าห่ม…”เย่หนานโจวพลิกตัว ยกมือขึ้นก่อนจะรวบตัวเวินหนี่เข้ามาในอ้อมแขน เขาก

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 14

    ผู้หญิงคนนี้เป็นบรรณาธิการของนิตยสารแห่งหนึ่ง “ฉันได้ยินมาว่าคุณมีแฟน แต่ทำไมไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะคะ ฉันอยากเห็นเขาจริง ๆ”ลู่ม่านเซิงจับผมแล้วพูดอย่างมีชั้นเชิง “ฉันไม่ชอบให้เขาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนน่ะค่ะ ก็เลยไม่เคยให้เขาออกงานด้วย ไว้เมื่อเราแต่งงานกัน ฉันจะเชิญคุณอย่างแน่นอนค่ะ”“ลึกลับจังเลยนะคะ งั้นฉันจะรอติดตามต่อไปค่ะ”บรรณาธิการหันหน้าไปและเห็นเวินหนี่อยู่ข้าง ๆ จึงพยักหน้าให้เธออย่างสุภาพ “คุณเวิน พบกันอีกแล้วนะคะ”เวินหนี่เองก็รู้จักเธอ ครั้งก่อนเธอต้องการสัมภาษณ์พิเศษกับเย่หนานโจว และพวกเธอก็ได้พบกันและเธอก็ประสบความสำเร็จได้เพราะผ่านการช่วยประสานงานโดยเวินหนี่เธอตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “สวัสดีค่ะบรรณาธิการเฉิน”“พวกคุณรู้จักกันด้วยเหรอคะ?” บรรณาธิการเฉินมองพวกเธอสองคนสลับกันไปมาลู่ม่านเซิงพูดขึ้นว่า “รู้จัก แต่ไม่ได้สนิทกันมากค่ะ”เธอจงใจตีตัวออกห่างจากเวินหนี่เวินหนี่ก็พูดต่อเธอว่า “พอกลับมาคุณลู่ก็พาดหัวข่าวเกี่ยวกับคู่หมั้นซะใหญ่โต ไม่แปลกใจที่บรรณาธิการเฉินจะอยากรู้ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ คิดว่าจะพากลับมาจากต่างประเทศเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่”บรรณ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 15

    ใบหน้าของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอปล่อยมือและปิดใบหน้าของตัวเอง น้ำตาที่ไหลลงมายิ่งทำให้เธอดูน่าสงสาร เหมาะกับการอยู่หน้าจอจริง ๆ แสร้งทำเป็นน่าสงสารได้สมจริงเหลือเกิน หากไม่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเธอก่อนหน้านี้ เวินหนี่ก็คงหลงเชื่อและสงสารเธอ “กรุณาให้เกียรติฉันด้วย!” เวินหนี่พูดอย่างรุนแรงลู่ม่านเซิงร้องไห้หนัก และพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่เวินหนี่ ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีนะคะ พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ได้แย่งผู้ชายของพี่นะคะ ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิด…”“เวินหนี่!”เสียงของเย่หนานโจวดังขึ้นไม่ไกลเวินหนี่ตกใจมาก ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?แล้วก็คิดได้ว่านี่อาจเป็นละครที่ลู่ม่านเซิงกำกับขึ้นสินะเธอมองใบหน้าที่เย็นชาของเย่หนานโจว ดวงตาของเขาที่เฉียบคม ราวกับว่าเธอทำผิดมหันต์เย่หนานโจวก้าวเข้ามาและดึงลู่ม่านเซิงที่อ่อนแอออกจากตัวเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขากำลังนั้นแรงมากจนเวินหนี่สั่นสะเทือนและถอยหลังไปสองสามก้าว“พี่หนานโจว” ลู่ม่านเซิงน้ำตาไหลพรากเย่หนานโจวจ้องเวินหนี่อย่างเย็นชาและพูดขึ้นเสียงแข็ง “ขอโทษเธอซะ!”เวินหนี่มองดูพวกเขา โดยเฉพาะคำพูดเย็นชาของเย่ห

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 16

    ลู่ม่านเซิงเงียบไปครู่หนึ่งเวินหนี่ยังอยู่ในงาน เธอก็รู้สึกประหลาดใจที่เย่หนานโจวโทรมา เธอนึกว่าเขากำลังพลอดรักกับลู่ม่านเซิง จนไม่มีเวลามาสนใจเธอเสียอีกเวินหนี่สงบสติอารมณ์ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น “อยู่ที่นิทรรศการศิลปะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้น “จบงานแล้วกลับบริษัทพร้อมกันกับฉัน”เขาไม่คิดจะให้วันหยุดกับเธอแล้ว และจะให้เธอกลับไปทำงานเวินหนี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลงหลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เย่หนานโจวก็หันกลับมาและเห็นว่าลู่ม่านเซิงยังคงอยู่ข้าง ๆ “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”ลู่ม่านเซิงต้องการหาโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพัง แต่หลังจากได้ยินการสนทนาของพวกเขา ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว เธอถอนมือกลับมาและพูดว่า “ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”“อืม” เย่หนานโจวขานรับลู่ม่านเซิงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ “คืนพรุ่งนี้พี่ว่างไหมคะ?”“แล้วแต่สถานการณ์”“ถ้าคืนพรุ่งนี้พี่มีเวลา ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้นทันที “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”ลู่ม่านเซิงถือว่าเขารับปากแล้วและเธอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยของเธอเวินหนี่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 17

    ชายคนนั้นสอดมือลงในกระเป๋าเสื้อและจ้องมองเวินหนี่ด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลู่เซิน พวกเราอยู่ห้องเดียวกันทั้งตอนประถมและมัธยมต้น”เวินหนี่จมอยู่ในความคิดเป็นเวลานานจากภาพจำของเธอ ลู่เซินนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นเขาเป็นเด็กอ้วนตัวเล็ก ๆ และนั่งอยู่แถวหลังเงียบ ๆ ทุกภาคเรียนเธอไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากนักเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่มีผลการเรียนดีที่สุดมาโดยตลอด เธอทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการศึกษาในชั้นเรียน และมากสุดก็แค่พูดคุยกันสองสามคำตอนเก็บการบ้านเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะกลายเป็นคนที่หล่อเหลาขนาดนี้ “ลู่เซิน?” ริมฝีปากของเวินหนี่โค้งขึ้นเล็กน้อย “ทำไมนายถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ล่ะ? ฉันจำนายไม่ได้เลย”“ใช่น่ะสิ ฉันเปลี่ยนไปมาก ไม่แปลกที่เธอจะจำไม่ได้” ลู่เซินมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “เพื่อนร่วมชั้นหลายคนก็จำฉันไม่ได้ แต่ฉันจำเธอได้นะ”เวินหนี่มีความสุขมากที่ได้พบเพื่อนร่วมชั้นเก่าหลังจากที่เธอเริ่มทำงาน เธอก็ไม่ค่อยได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเลย เพราะทุกครั้งมัวแต่ยุ่งกับการทำงานชีวิตของเธอนั้นซ้ำซากจำเจ มีแค่งานและครอบครัว นอกเหนือจากเพื่อนร

Latest chapter

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 514

    นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 513

    เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 512

    เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status