แชร์

บทที่ 14

ผู้เขียน: เซียงปู้อี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-25 13:24:45
ผู้หญิงคนนี้เป็นบรรณาธิการของนิตยสารแห่งหนึ่ง “ฉันได้ยินมาว่าคุณมีแฟน แต่ทำไมไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะคะ ฉันอยากเห็นเขาจริง ๆ”

ลู่ม่านเซิงจับผมแล้วพูดอย่างมีชั้นเชิง “ฉันไม่ชอบให้เขาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนน่ะค่ะ ก็เลยไม่เคยให้เขาออกงานด้วย ไว้เมื่อเราแต่งงานกัน ฉันจะเชิญคุณอย่างแน่นอนค่ะ”

“ลึกลับจังเลยนะคะ งั้นฉันจะรอติดตามต่อไปค่ะ”

บรรณาธิการหันหน้าไปและเห็นเวินหนี่อยู่ข้าง ๆ จึงพยักหน้าให้เธออย่างสุภาพ “คุณเวิน พบกันอีกแล้วนะคะ”

เวินหนี่เองก็รู้จักเธอ ครั้งก่อนเธอต้องการสัมภาษณ์พิเศษกับเย่หนานโจว และพวกเธอก็ได้พบกัน

และเธอก็ประสบความสำเร็จได้เพราะผ่านการช่วยประสานงานโดยเวินหนี่

เธอตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “สวัสดีค่ะบรรณาธิการเฉิน”

“พวกคุณรู้จักกันด้วยเหรอคะ?” บรรณาธิการเฉินมองพวกเธอสองคนสลับกันไปมา

ลู่ม่านเซิงพูดขึ้นว่า “รู้จัก แต่ไม่ได้สนิทกันมากค่ะ”

เธอจงใจตีตัวออกห่างจากเวินหนี่

เวินหนี่ก็พูดต่อเธอว่า “พอกลับมาคุณลู่ก็พาดหัวข่าวเกี่ยวกับคู่หมั้นซะใหญ่โต ไม่แปลกใจที่บรรณาธิการเฉินจะอยากรู้ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ คิดว่าจะพากลับมาจากต่างประเทศเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่”

บรรณาธิการเฉินตกตะลึงและถามขึ้นอีกว่า “ไม่ใช่หรอกเหรอคะ?”

“อ่า สื่อรายงานมั่วน่ะสิคะ” ลู่ม่านเซิงกล่าวอย่างใจเย็น

เธอจงใจปล่อยข่าวนั้นเองเพื่อทดสอบว่าเย่หนานโจวจะสนใจว่าเธอมีคู่หมั้นหรือไม่

แต่เธอได้ยินมาว่าเย่หนานโจวดื่มหนักในคืนนั้น ซึ่งหมายความว่าเขายังคงสนใจเธออยู่

“แฟนของฉันอยู่ในจีนและรอฉันมาหลายปี ความสัมพันธ์ของเรามั่นคงมาก เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะตกหลุมรักชาวต่างชาติค่ะ”

ลู่ม่านเซิงมองไปที่เวินหนี่ เห็นได้ชัดว่าจงใจพูดให้เวินหนี่ฟัง

นอกจากนี้ยังเป็นการบอกเธอด้วยว่า ไม่ว่าพวกเธอจะแต่งงานแล้วหรือไม่ก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง ลู่ม่านเซิงและเย่หนานโจวก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เวินหนี่รู้สึกแย่ในใจ เธอเป็นภรรยาตามกฎหมายของเย่หนานโจว แล้วทำไมถึงไม่ใช่เธอที่จะเป็นฝ่ายยั่วยุล่ะ?

“คบกันมาตั้งนานหลายปีแล้วทำไมยังไม่ได้แต่งงานกันสักทีล่ะคะ มัวรออะไรอยู่?” เวินหนี่มองลู่ม่านเซิงอย่างตรงไปตรงมา “สื่อข่าวก็มีพลังมาก แถมคุณลู่ก็ยังโด่งดังมากขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีเบาะแสอะไรบ้าง เป็นเพราะคุณลู่ปกปิดข่าวได้ดีงั้นเหรอคะ? ฉันมักจะอ่านข่าวซุบซิบอยู่บ่อย ๆ คราวก่อนดาราหญิงที่อยู่ในสถานการณ์นี้ก็ดูเหมือนว่าจะตกหลุมรักชายที่แต่งงานแล้วด้วยนะคะ”

ขณะที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน ก็มีคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งพวกเขาต่างก็รู้จักลู่ม่านเซิง

คำพูดของเวินหนี่ ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองลู่ม่านเซิง ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรับรู้ถึงสายตาแปลก ๆ

บรรณาธิการก็รอคำอธิบายเช่นกัน เมื่อเห็นว่าลู่ม่านเซิงเงียบไม่ตอบ เธอจึงพูดขึ้นอย่างลังเล “ม่านเซิง คงไม่เป็นแบบนั้นหรอกใช่ไหม?”

ลู่ม่านเซิงที่พวกเขารู้จักนั้นสูงส่งแค่ไหน ทุกคนต่างก็รู้ดี จึงไม่เคยมีใครคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

แต่ในฐานะที่เธอเป็นบุคคลสาธารณะ กลับได้ยินแต่เพียงเรื่องการมีอยู่ของคู่หมั้นของเธอ แต่ไม่เคยพูดถึงมันเลย ซึ่งมันก็ทำให้แปลกมากขึ้น

คำว่า “ชายที่แต่งงานแล้ว” เป็นเหมือนหนามแหลมในหัวใจของลู่ม่านเซิงที่กระแทกเกราะป้องกันภายในของเธอ เธอกำมือแน่น “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ อย่าพูดมั่วกันไปเลยค่ะ”

เธอไม่ต้องการให้ผู้คนหัวเราะเยาะในงานนี้

เวินหนี่มองดูชุดของเธอแล้วกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า “ชุดราคาห้าล้านมันก็นั้นคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปจริง ๆ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือเปล่า”

ทันทีที่เธอพูดจบ บรรณาธิการเฉินก็ถามขึ้นว่า “บังเอิญเรื่องอะไรเหรอคะ?”

เวินหนี่มองไปที่ลู่ม่านเซิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่คำพูดของเธอนั้นเหมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของลู่ม่านเซิง “เมื่อวานนี้ไม่รู้ว่าฉันได้ยินใครพูดมา ว่ามีประธานคนหนึ่งที่นอกใจภรรยาให้บัตรเครดิตมือที่สามไปรูดเป็นล้าน สุดท้ายถูกภรรยาจับได้ทะเลาะกันใหญ่โตเลยล่ะค่ะ”

หน้าของลู่ม่านเซิงซีดเผือดและบิดเบี้ยว

เวินหนี่รู้ดี ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างลู่ม่านเซิงและเย่หนานโจวจะลึกซึ้งแค่ไหน ตราบใดที่การแต่งงานของเธอยังอยู่ ลู่ม่านเซิงก็จะไม่มีวันออกแสงได้

เธอเป็นบุคคลสาธารณะและไม่มีทางที่จะเอาอนาคตของตัวเองเข้ามาเสี่ยง

แม้ว่าเธอจะแต่งงานอย่างลับ ๆ กับเย่หนานโจว แต่เธอก็ยังคงกลัวว่า เวินหนี่จะเผลอพูดอะไรออกไปแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่

เมื่อเห็นว่าเธอดูเหมือนจะร้องไห้และไม่พูดอะไร เวินหนี่จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แน่นอนว่าฉันไม่ได้หมายถึงคุณนะคะคุณลู่ ฉันแค่คิดว่ามันบังเอิญก็เท่านั้น ฉันเชื่อว่าคุณคงไม่แย่งสามีของใคร”

บรรณาธิการเฉินเป็นคนฉลาดและไม่ต้องการให้สถานการณ์ตึงเครียดไปมากกว่านี้ เธอจึงกล่าวต่อว่า “ฉันรู้จักม่านเซิงดี คุณไม่มีทางชอบผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วแน่นอน”

ลู่ม่านเซิงกำหมัดจนแทบแหลก ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้ม “พวกคุณนี่พูดล้อเล่นเก่งกันจริง ๆ เลยนะคะ”

เวินหนี่รู้สึกหิวนิดหน่อยจึงเดินไปหาอะไรกิน ผู้คนกำลังดูนิทรรศการอยู่ข้างนอก และข้างในก็มีคนไม่มากนัก

ลู่ม่านเซิงไม่พอใจ ความภาคภูมิใจของเธอจะถูกเวินหนี่ทำลายไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไล่ตามเวินหนี่ไปและเรียกเธออย่างรุนแรง “เวินหนี่!”

เวินหนี่ไม่ได้สนใจเธอ

“เธอหมายความว่ายังไง” ลู่ม่านเซิงพูดด้วยดวงตาสีแดง “เมื่อกี้เธอคิดจะทำลายฉันจริง ๆ ใช่ไหม?”

เวินหนี่หยิบเครื่องดื่มขึ้นมาและจิบ “ถ้าฉันมีความคิดแบบนั้น เธอคิดว่าจะยังมายืนต่อหน้าฉันได้อยู่ไหม?”

ลู่ม่านเซิงพูดขึ้น “เธอต่างหากที่คือมือที่สาม เย่หนานโจวกับฉันรักกันมาหลายปีแล้ว เธอทำให้เราต้องแยกจากกัน ถ้าไม่มีเธอ คนที่แต่งงานกับเขาก็ต้องเป็นฉัน เย่หนานโจวรักฉันมาตลอด และเขาก็รอให้ฉันกลับมา ในเมื่อฉันกลับมาแล้วเธอกับเขาก็ควรหย่ากันได้แล้ว!”

คำพูดของเธอแทงทะลุหัวใจของเวินหนี่

เธอแต่งงานกับเย่หนานโจวแค่ระยะเวลาสามปีเท่านั้น นี่เพียงเพื่อรอให้ลู่ม่านเซิงกลับมาใช่ไหม?

เวินหนี่มองย้อนกลับไปที่ลู่ม่านเซิง และน้ำเสียงของเธอก็เย็นชาขึ้นมาก “คุณลู่คะ คุณพูดจาไร้สาระอะไรกัน? ฉันจดทะเบียนสมรสกับเย่หนานโจว และฉันก็เป็นภรรยาของเขา แล้วตัวตนของคุณคืออะไร? อยากให้คนอื่นรู้ว่าคุณล่อลวงสามีของคนอื่นเหรอคะ?”

น้ำตาไหลลงมาอย่างเงียบ ๆ จากหางตาของลู่ม่านเซิง เธอเช็ดมันอย่างสงบแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “มีใครรู้บ้างว่าเธอเป็นภรรยาของเย่หนานโจว? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เธอแต่งงานกับเขาเพราะเงินห้าสิบล้าน เธอมันเห็นแก่เงิน! เย่หนานโจวไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเขาแต่งงานแล้วเพราะเขาไม่อยากทำให้ชื่อเสียงของฉันต้องเสียหายในอนาคต เป็นเพราะเธอใช่เล่ห์เหลี่ยมถึงได้แต่งงานกับเขาไงล่ะ!”

เวินหนี่เม้มริมฝีปาก หนามแหลมคมทิ่มแทงหัวใจของเธอรุนแรงยิ่งขึ้น

เป็นอย่างนี้เองสินะ

ปกปิดการแต่งงานเพื่อปกป้องชื่อเสียงของลู่ม่านเซิง

และเธอก็ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทั้งหมดอย่างเชื่อฟัง

เมื่อเห็นสีหน้าของเวินหนี่เปลี่ยนไป ลู่ม่านเซิงจึงกล่าวต่อ “เวินหนี่ ภูมิหลังของเธอแต่งงานก็เพื่อเงิน ตระกูลเย่จะชื่นชอบเธอได้ยังไง อย่างนั้นก็เลยไม่มีใครเห็นความสำคัญของเธอไงล่ะ ถ้าเธอต้องการเงิน ฉันเองก็ให้เธอได้นะ เธออยากได้เท่าไหร่ล่ะ ถึงจะยอมปล่อยเย่หนานโจวไป?”

เวินหนี่พูดขึ้นว่า “ชุดที่คุณใส่ก็ยังต้องใช้เงินของเย่หนานโจว คุณจะให้เงินฉันได้เท่าไหร่กัน?”

ลู่ม่านเซิงหัวเราะขึ้น “นี่คือของขวัญที่เขามอบให้ฉัน เกรงว่าเขาคงไม่เคยให้ชุดสวย ๆ แบบนี้กับเธอสินะ”

เวินหนี่หายใจเข้าลึก กลัวว่าคนที่พ่ายแพ้จะเป็นเธอเสียเอง จึงเดินผ่านเธอและเตรียมที่จะออกไป

แต่ลู่ม่านเซิงคว้าแขนของเธอเอาไว้ “จะไปไหน ฉันพูดกับแทงใจดำเธอหรือไงกัน เย่หนานโจวไม่เคยเลือกชุดให้เธอเลยใช่ไหม?”

เล็บของเธอแทบจะแทงเข้าไปในเนื้อของเวินหนี่ เวินหนี่ขมวดคิ้วและพูดขึ้นเสียงเย็น “ปล่อย!”

เสียงของลู่ม่านเซิงดังขึ้น “เวินหนี่ ยอมรับความจริงซะ เธอไม่เคยถูกรัก ชื่อเสียงของเธอเป็นเพียงเครื่องประดับ ทำไมเธอถึงไม่ละอายใจ และยึดครองผู้ชายที่ไม่ใช่ของตัวเอง…”

“เพียะ!”

เวินหนี่โบกมือและตบหน้าเธอเสียงดัง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 15

    ใบหน้าของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอปล่อยมือและปิดใบหน้าของตัวเอง น้ำตาที่ไหลลงมายิ่งทำให้เธอดูน่าสงสาร เหมาะกับการอยู่หน้าจอจริง ๆ แสร้งทำเป็นน่าสงสารได้สมจริงเหลือเกิน หากไม่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเธอก่อนหน้านี้ เวินหนี่ก็คงหลงเชื่อและสงสารเธอ “กรุณาให้เกียรติฉันด้วย!” เวินหนี่พูดอย่างรุนแรงลู่ม่านเซิงร้องไห้หนัก และพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่เวินหนี่ ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีนะคะ พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ได้แย่งผู้ชายของพี่นะคะ ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิด…”“เวินหนี่!”เสียงของเย่หนานโจวดังขึ้นไม่ไกลเวินหนี่ตกใจมาก ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?แล้วก็คิดได้ว่านี่อาจเป็นละครที่ลู่ม่านเซิงกำกับขึ้นสินะเธอมองใบหน้าที่เย็นชาของเย่หนานโจว ดวงตาของเขาที่เฉียบคม ราวกับว่าเธอทำผิดมหันต์เย่หนานโจวก้าวเข้ามาและดึงลู่ม่านเซิงที่อ่อนแอออกจากตัวเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขากำลังนั้นแรงมากจนเวินหนี่สั่นสะเทือนและถอยหลังไปสองสามก้าว“พี่หนานโจว” ลู่ม่านเซิงน้ำตาไหลพรากเย่หนานโจวจ้องเวินหนี่อย่างเย็นชาและพูดขึ้นเสียงแข็ง “ขอโทษเธอซะ!”เวินหนี่มองดูพวกเขา โดยเฉพาะคำพูดเย็นชาของเย่ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 16

    ลู่ม่านเซิงเงียบไปครู่หนึ่งเวินหนี่ยังอยู่ในงาน เธอก็รู้สึกประหลาดใจที่เย่หนานโจวโทรมา เธอนึกว่าเขากำลังพลอดรักกับลู่ม่านเซิง จนไม่มีเวลามาสนใจเธอเสียอีกเวินหนี่สงบสติอารมณ์ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น “อยู่ที่นิทรรศการศิลปะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้น “จบงานแล้วกลับบริษัทพร้อมกันกับฉัน”เขาไม่คิดจะให้วันหยุดกับเธอแล้ว และจะให้เธอกลับไปทำงานเวินหนี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลงหลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เย่หนานโจวก็หันกลับมาและเห็นว่าลู่ม่านเซิงยังคงอยู่ข้าง ๆ “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”ลู่ม่านเซิงต้องการหาโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพัง แต่หลังจากได้ยินการสนทนาของพวกเขา ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว เธอถอนมือกลับมาและพูดว่า “ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”“อืม” เย่หนานโจวขานรับลู่ม่านเซิงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ “คืนพรุ่งนี้พี่ว่างไหมคะ?”“แล้วแต่สถานการณ์”“ถ้าคืนพรุ่งนี้พี่มีเวลา ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้นทันที “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”ลู่ม่านเซิงถือว่าเขารับปากแล้วและเธอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยของเธอเวินหนี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 17

    ชายคนนั้นสอดมือลงในกระเป๋าเสื้อและจ้องมองเวินหนี่ด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลู่เซิน พวกเราอยู่ห้องเดียวกันทั้งตอนประถมและมัธยมต้น”เวินหนี่จมอยู่ในความคิดเป็นเวลานานจากภาพจำของเธอ ลู่เซินนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นเขาเป็นเด็กอ้วนตัวเล็ก ๆ และนั่งอยู่แถวหลังเงียบ ๆ ทุกภาคเรียนเธอไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากนักเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่มีผลการเรียนดีที่สุดมาโดยตลอด เธอทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการศึกษาในชั้นเรียน และมากสุดก็แค่พูดคุยกันสองสามคำตอนเก็บการบ้านเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะกลายเป็นคนที่หล่อเหลาขนาดนี้ “ลู่เซิน?” ริมฝีปากของเวินหนี่โค้งขึ้นเล็กน้อย “ทำไมนายถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ล่ะ? ฉันจำนายไม่ได้เลย”“ใช่น่ะสิ ฉันเปลี่ยนไปมาก ไม่แปลกที่เธอจะจำไม่ได้” ลู่เซินมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “เพื่อนร่วมชั้นหลายคนก็จำฉันไม่ได้ แต่ฉันจำเธอได้นะ”เวินหนี่มีความสุขมากที่ได้พบเพื่อนร่วมชั้นเก่าหลังจากที่เธอเริ่มทำงาน เธอก็ไม่ค่อยได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเลย เพราะทุกครั้งมัวแต่ยุ่งกับการทำงานชีวิตของเธอนั้นซ้ำซากจำเจ มีแค่งานและครอบครัว นอกเหนือจากเพื่อนร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 18

    เวินหนี่เห็นว่าลู่เซินยังอยู่ใกล้ ๆ กลัวว่าเขาจะได้ยินเข้า แล้วสถานการณ์จะกระอักกระอ่วน จึงบอกให้ถังเยาหยุดพูดไร้สาระถังเยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังและไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นลู่เซินทักทายผู้อื่นอย่างสุภาพพอเป็นพิธี และกลับมาหาเวินหนี่ถังเยาเอ่ยทัก “คุณลู่ คุณเป็นแขกที่หาตัวได้ยากนะคะ”ลู่เซินตอบ “นิทรรศการของคุณถังประสบความสำเร็จมาก ผมคิดว่ามันจะต้องมีอิทธิพลมากแน่ ๆ ครับ”“งานอดิเรกของนักวิชาการเทียบไม่ได้กับคุณลู่เลยค่ะ” ถังเยาสะกิดเวินหนี่ “ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่ากัน งั้นคุณช่วยไปส่งเวินหนี่หน่อยได้ไหมคะ ตอนบ่ายเธอต้องกลับบริษัทน่ะค่ะ”จู่ ๆ เวินหนี่ก็ถูกดันออกไป เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย และก่อนที่จะได้พูดอะไร ลู่เซินก็ตอบกลับทันที “ได้สิครับ ผมไม่ได้มีธุระอะไร เดี๋ยวผมจะไปส่งเธอให้เอง”ถังเยาขยิบตาให้เวินหนี่และพูดขึ้นอย่างสุภาพ “รบกวนด้วยนะคะ”เธอผลักเวินหนี่ไปข้าง ๆ ลู่เซิน “เพื่อนร่วมชั้นเก่าคงอยากลำลึกความหลังกัน พวกคุณค่อย ๆ คุยกันไปก็แล้วกันค่ะ ฉันขอไม่ไปส่งก็แล้วกันนะคะ”เธออยากให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเวินหนี่มองไปที่ถังเยาด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 19

    แต่กลับเห็นเวินหนี่ยืนอยู่ในอ้อมแขนของชายอีกคนทั้งสองใกล้ชิดกันมาก พวกเขามองตากันอย่างเสน่หาเย่หนานโจวขมวดคิ้วทันที ใบหน้าที่เย็นชาของเขาเปลี่ยนเป็นดำมืด และดวงตาของเขาจ้องไปที่ทั้งสองที่กอดกันอยู่อย่างเฉียบคมเท่าที่เย่หนานโจวจำได้ ดูเหมือนว่าเวินหนี่จะไม่มีเพื่อนผู้ชายอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ และไม่ชอบใจเอาเสียเลย เขาอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าเดินออกไปเวินหนี่รู้สึกตกใจตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักว่าระยะห่างระหว่างคนทั้งสองนั้นใกล้กันเกินไปและดูไม่ค่อยเหมาะสม เธอจึงรีบผละออกจากอ้อมแขนของเขา“เธอโอเคไหม เจ็บตรงหรือเปล่า?” ลู่เซินถามอย่างเป็นห่วง “ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” เวินหนี่ยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ“ไม่ต้องขอบคุณ” ลู่เซินกล่าว “ดูสิ เธอเพิ่งเจอฉัน ไม่พูดขอโทษก็พูดขอบคุณ อย่าทำเหมือนเราห่างเหินกันขนาดนั้นสิ”ลู่เซิงยังอยากสนิทกับเธอให้มากขึ้นเวินหนี่เป็นคนสุภาพและมีน้ำใจต่อผู้อื่นแต่เห็นได้ชัดว่า ลู่เซินไม่ต้องการให้เธอสุภาพกับเขามากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการที่จะกดดันเขามากเกินไปเช่นกัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 20

    เวินหนี่ตกใจมากที่เขาพูดสิ่งนี้ นี่เป็นความลับส่วนตัวที่สุดระหว่างเธอกับเย่หนานโจวทำไมเขาถึงพูดมันออกมาอย่างนั้นเธอยังคงรู้สึกตกใจลู่เซินรู้สึกประหลาดใจมาก เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามกลับอย่างใจเย็น “แล้วคุณเย่รู้ได้ยังไงครับ?”เย่หนานโจวขยับปาก แต่เวินหนี่แทรกขึ้นก่อน “ประธานเย่เขาล้อเล่นน่ะ”เธอขัดจังหวะเย่หนานโจวทันที และหลุดออกมาจากมือของเขา แต่บนใบหน้ายังคงยิ้มเล็กน้อย “หลายปีมานี้ฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน จะแต่งงานได้ยังไงกัน อย่าคิดมากเลย” เธอพูดกับลู่เซินเมื่อได้ยินแบบนั้นเย่หนานโจวก็เงยหน้าขึ้น เขามองเวินหนี่ด้วยสายตาที่หนักหน่วง พร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นดูไม่พอใจเอามาก ๆ “อย่างนี้นี่เอง” ลู่เซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นก็ไม่มีอะไร ก็ว่าทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินข่าวแต่งงานของเธอเลย”หากเธอแต่งงานแล้ว เขาคิดว่าเขาต้องรู้ข่าวแล้วสิ เวินหนี่เปลี่ยนเรื่องทันทีโดยไม่ให้โอกาสเย่หนานโจวได้เป็นบ้าอาละวาด “ลู่เซิน ฉันตกลงไว้ว่าจะกลับบริษัทพร้อมกับคุณเย่ นายไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ไปทำธุระของนายเถอะ”ลู่เซินมองดูทั้งสองและตระหนักได้ว่า เขาเองก็ยังไม่คุ้นชินทาง กล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 21

    เฉินเพ่ยหลินรีบหยิบมันออกมาจากถุง “ตัวนี้ค่ะ ดิฉันกลัวว่าเวินหนี่จะยุ่งจนไม่มีเวลา บังเอิญเป็นทางผ่านพอดี ก็เลยขอให้คนไปช่วยรับคืนมาให้ก่อนน่ะค่ะ”เมื่อมองดูสูทที่ไม่ใช่ของตัวเอง ดวงตาของเย่หนานโจวก็เริ่มมืดมนสูทผู้ชายจู่ ๆ เขาก็นึกถึงลู่เซินดูเหมือนว่าหลังจากที่เวินหนี่พบกับลู่เซินที่นิทรรศการ เธอก็ถือถุงใบนี้ ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดว่าของที่อยู่ด้านในคืออะไรที่แท้ก็คือสูทของลู่เซินงั้นเหรอเย่หนานโจวกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวเฉินเพ่ยหลินสังเกตว่าสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่เธอก็รู้ด้วยว่าเย่หนานโจวเป็นคนไม่ชอบแสดงสีหน้า แต่ในใจเขาคงไม่พอใจอยู่มาก เธอถามขึ้นอีกครั้ง “ประธานเย่ ให้ดิฉันวางไว้ตรงนี้หรือไหมคะ?”เย่หนานโจวเม้มริมฝีปากแล้วพูดอย่างเย็นชา “วางไว้ตรงนั้น”เฉินเพ่ยหลินยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวออกไปก่อนนะคะ”หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จ เฉินเพ่ยหลินก็ออกไปด้วยความพึงพอใจ มาดูกันว่าเวินหนี่จะยังได้รับความไว้วางใจจากเย่หนานโจวได้อีกสักกี่ครั้งเย่หนานโจวมีความขุ่นเคืองอยู่ในใจ และมันก็น่ารำคาญมากเมื่อเขาเห็นสูทตัวนี้ในเวลาทำงานพอถึงเวลาเลิกง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 22

    เดินมาถึงประตูห้องส่วนตัว สภาพแวดล้อมบนชั้นสองนั้นดูหรูหรากว่ามาก และคนก็ไม่เยอะเท่ากับชั้นล่างเมื่อเปิดประตูออก คนที่อยู่ข้างในก็ตะโกนขึ้นอย่างกระตือรือร้น “ประธานลู่ ประธานลู่มาแล้ว!”“ลู่เซิน นายเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้ ทั้งหล่อทั้งรวย สาว ๆ ที่ชอบนายคงเข้าคิวยาวแน่ ๆ”ลู่เซินตอบอย่างติดตลก “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องหันกลับไปดูว่ามีหรือเปล่า”“พูดแบบนี้แสดงว่านายยังโสดอยู่งั้นเหรอ เอาล่ะ สาว ๆ ลู่เซินเป็นหนุ่มโสด ต้องรีบคว้าโอกาสกันไว้แล้วนะ!”พวกเขาพูดคุยกับลู่เซินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเวินหนี่ยืนอยู่ข้างหลังเขา พวกเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้มีแขกที่หายากมาด้วยอีกคน เวินหนี่เธอเองก็มาด้วย”เวินหนี่พูดขึ้นว่า “ขอโทษที่มาสายนะ”“เวินหนี่ เธอนี่ไม่ใจเลย ทำไมถึงไม่เคยมาร่วมงานเลี้ยงเลยล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะลู่เซิน พวกเราก็คงไม่ได้เห็นหน้าเธออีก”“แต่เวินหนี่เธอยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ”“สวยน่ะดีแล้ว ความสวยคือทุน เธอเป็นถึงเลขานุการของประธานเย่แห่งเย่กรุ๊ป แถมยังมาพร้อมกับประธานลู่อีก”หลังจากท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25

บทล่าสุด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 514

    นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 513

    เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 512

    เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม

DMCA.com Protection Status