ทุกคนต่างก็อยากรู้คำตอบของเขาลู่เซินเงียบไปครู่หนึ่ง ในขณะที่ทุกคนกำลังเฝ้ามอง เขาก็ขยับริมฝีปากเล็กน้อย “ไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนายไม่รู้จัก”แล้วความสนใจของทุกคนก็หายไปทันที“เฮ่อ ฉันนึกว่าเป็นเวินหนี่ซะอีก ที่แท้ก็ไม่ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเราจะคิดมากกันไปเองจริง ๆ”เวินหนี่ไม่เคยคิดว่าเป็นตัวเองความสัมพันธ์เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเท่านั้นเป็นเพราะทุกคนเดามั่วกันไปเองหลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้ตกเป็นจุดสนใจอีกต่อไป และเธอก็ผ่อนคลายที่ไม่ต้องตกเป็นหัวข้อพูดคุยของทุกคนในงานเลี้ยงรุ่น พวกผู้ชายคุยกันไปคุยกันมา ก็ถือแก้วไวน์พูดคุยกันเรื่องงาน เรื่องธุรกิจ เวินหนี่ดื่มไวน์ได้ไม่นานก็รู้สึกเวียนหัวและมึนเมา อาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ดื่มมานานมากแล้ว เธอได้ยินเสียงคนคุยกันอย่างคลุมเครือ แถมยังเอ่ยถึงชื่อของเธอด้วย“ในบรรดาพวกเรา เวินหนี่ดูจะไปได้สวยที่สุดเลยนะ ได้อยู่รอบตัวสองประธานยักษ์ใหญ่ คงได้ประโยชน์มาไม่น้อยเลย”“ชีวิตที่สวยหรูแบบนี้ฉันไม่ต้องการหรอก ชื่อเสียงก็ไม่ชัดเจน พวกเธอไม่เคยได้ยินใช่ไหมล่ะว่า เวินหนี่เป็นลูกสาวของครอบครัวที่ร่ำรวย ครอบครัวธรรมดา ๆ จะมีเงินซื้อ
แม้แต่คนที่อยากจะตบเวินหนี่ก็ยังทำได้เพียงเปลี่ยนสีหน้า และระงับความคับแค้นใจเอาไว้เย่หนานโจวจ้องมองพวกเธออย่างเย็นชา “ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกเหรอว่าพวกคุณควรขอโทษใคร!”กลุ่มเพื่อนสาวเข้าใจทันที และรีบเดินไปหาเวินหนี่พลางพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ขอโทษนะเวินหนี่ พวกเราไม่ควรเดามั่วกันเอง พวกเรารู้ตัวแล้วว่าผิด เราจะไม่ทำมันอีก”พวกเธอรู้ว่าเย่หนานโจวทรงอิทธิพลากแค่ไหน ในที่นี้ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็อย่าได้คิดที่จะมีปัญหากับเย่กรุ๊ปหากทำให้เขาขุ่นเคือง ในอนาคตก็อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตที่ดีในบริษัทเลยพวกเธอยังมีครอบครัว มีลูก มีพ่อแม่ จึงไม่กล้าเอาอาชีพของตัวเองเข้าไปเสี่ยง เวินหนี่ไม่ได้ติดใจเอาความ แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจ เธอจ้องไปที่เย่หนานโจวอย่างว่างเปล่าแล้วถามขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”เย่หนานโจวมองย้อนกลับไปที่เวินหนี่ด้วยความไม่พอใจอย่างมากเขาจับแขนเธอทั้งที่ยังโกรธอยู่และพูดขึ้นอย่างเย็นชา “กลับบ้านกับฉัน!”เวินหนี่สะบัดมือของเขาออก “ทำไมฉันต้องกลับไปกับคุณด้วย ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณสักหน่อย”การสนทนาของพวกเขาทำให้คนที่อยู่ที่นั่นงุนงงทุกคนรู้ดีว่า เวินหนี่เป็นเลข
เมื่อนึกถึงความไม่ยุติธรรมที่เธอเคยได้รับ เวินหนี่ก็ร้องไห้หนักขึ้นอีกการร้องไห้ของเธอดึงดูดสายตาของผู้คน“น้องชาย ทำให้แฟนโกรธเหรอ? เธอร้องไห้หนักขนาดนั้น ดูท่าคงจะเสียใจมากน่าดู!”ผู้คนที่เดินผ่านไปมาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนร้องไห้เช่นนี้เย่หนานโจวไม่อยากเป็นจุดสนใจ เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน จึงตอบไปว่า “งอลนิดหน่อยน่ะครับ อีกเดี๋ยวก็หาย”เขาอุ้มเวินหนี่ขึ้นมาเพื่อพาเธอออกไปจากตรงนั้นแต่เวินหนี่เป็นเหมือนปลาไหลที่ดิ้นอยู่ในแขนของเขาและร้องไห้เสียงดัง“ปลอบแฟนต้องใช้ความอดทน” คนที่เดินผ่านไปมาพูดขึ้น “ต้องเป็นเพราะคุณทำให้เธอไม่มีความสุข เธอถึงไม่ยอมไปกับคุณ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่โกรธโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ”เย่หนานโจวไม่รู้ว่าเธอโกรธเรื่องอะไรเขาไม่โกรธเธอก็ดีเท่าไหร่แล้ว แล้วเธอจะมาโกรธเขาเรื่องอะไรกัน?แต่เมื่อเห็นว่าเธอร้องไห้หนัก เขาก็พูดอะไรไม่ได้เย่หนานโจวรู้สึกปวดหัว เขาไม่เคยปลอบผู้หญิงมาก่อน เขาไม่คุ้นเคยและทำอะไรไม่ถูก มันยากกว่าการทำธุรกิจเสียอีก เขาถามขึ้นว่า “เวินหนี่ ต้องทำยังไงเธอถึงจะหายโกรธ?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นและเห็นเย่หนานโจวก้มศีรษะลงมา เ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หนานโจวก็มองไป เห็นว่าเธอกำลังเกามือ และบนมือของเธอก็มีผื่นแดงเขาคว้าแขนเธอทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เธอเกามัน “อย่าเกา”เวินหนี่รู้สึกอึดอัดมาก “คัน”เย่หนานโจวขมวดคิ้วและพูดด้วยเสียงต่ำ “เธอแพ้แอลกอฮอล์แล้วยังดื่มมากขนาดนั้น”เวินหนี่รู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอลืมตาขึ้นและดูเหมือนว่าจะมองเห็นร่างของเย่หนานโจว “นี่ฉันอยู่ที่ไหน?”“บ้าน”เย่หนานโจวถอดรองเท้าและเสื้อผ้าที่เทอะทะออกแล้วคลุมผ้าห่มให้ร่างเล็กเวินหนี่มีสติขึ้นมาเล็กน้อย จำได้ว่าเธอกำลังร่วมงานเลี้ยงรุ่น และดื่มไวน์นิดหน่อยในงาน แถมยังดูเหมือนว่าจะเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อยด้วยเย่หนานโจวปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญ“คุณพาฉันกลับมาเหรอ?” เวินหนี่ถามเย่หนานโจวเดินไปห้องน้ำก่อนจะถือกะละมังน้ำอุ่นและผ้าเปียกออกมา แล้วเช็ดแขนให้เธออย่างอ่อนโยนแขนเล็ก ๆ ของเธอมีผื่นแดง และรอยเกา “จะมีใครอีกล่ะถ้าไม่ใช่ฉัน? ครั้งต่อไปฉันไม่อนุญาตให้เธอดื่มอีก”เขาไม่ชอบให้เธอดื่มคนที่แพ้แอลกอฮอล์มีความเสี่ยงเมื่อดื่มเวินหนี่มองไปที่เย่หนานโจว เขาเคลื่อนไหวเบา ๆ เช็ดใบหน้าและร่างกายของเธอด้วยตัวเอง ราวกับว่าเขากลายเป็นคนอ่อ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเย่หนานโจวก็มืดมนลง และหัวใจของเขาก็รู้สึกหนักอึ้งเขาลุกขึ้นโดยไม่ได้สนใจเสียงร้องไห้ของเวินหนี่อีก เขายืนเงียบ ๆ อยู่ข้างหน้าหน้าต่าง และหยิบบุหรี่ออกมาจุดในอากาศเต็มไปด้วยควันและความเย็นเยือกหลังจากสูบบุหรี่เสร็จหนึ่งมวน เขาก็ออกจากห้องนอนไปและไม่ได้กลับมาอีกเลยวันรุ่งขึ้นเวินหนี่มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเธอกุมศีรษะที่รู้สึกหนักมากกว่าเท้าเสียอีกเธอลุกจากเตียง เทน้ำใส่แก้วแล้วตั้งสติเธอเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำและพบว่าตาของเธอบวมมาก เดาว่าเมื่อคืนนี้คงไม่หยุดร้องไห้เลยสินะเธอจำได้ว่าเย่หนานโจวส่งเธอกลับมา แต่ไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวอยู่ข้าง ๆ ซึ่งบ่งบอกว่าเมื่อคืนนี้เย่หนานโจวไม่ได้นอนอยู่ข้าง ๆ เธอแต่เธอจำได้ว่าเขาดูแลเธอเป็นเวลานานนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใส่ใจเธอมากขนาดนี้เวินหนี่สับสนสถานการณ์เล็กน้อยว่า ทำไมเมื่อคืนนี้เย่หนานโจวถึงได้บังเอิญอยู่เคียงข้างเธอ และส่งเธอกลับบ้านดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์เสียด้วย แทนที่เย่หนานโจวจะโกรธแต่เขากลับปลอบเธอ หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ เวินหนี่ก็ลงไปชั้นล่าง สาวใช้เตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล
“หนานโจวสวมเสื้อผ้ามีระดับมากมาย” เวินหนี่พูดอย่างไร้อารมณ์ “ตราบใดที่ฉันเป็นคนซื้อเขาก็จะใส่อยู่ดี ไม่ทราบว่าคุณลู่กำลังเลือกเสื้อผ้าให้ใครอยู่งั้นเหรอคะ?”ลู่ม่านเซิงเดินเข้าไป และทั้งสองก็มองตากันจนแทบเป็นประกายไฟอย่างไม่มีใครยอมแพ้ ลู่ม่านเซิงยกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันมารับเสื้อผ้าระดับไฮเอนด์ให้แฟนน่ะ โลกนี้มีเพียงสิบตัวเท่านั้น จะให้ฉันโชว์ให้ดูไหมล่ะคะ?”น้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงความอวดดีเธอสามารถซื้อเสื้อโค้ตระดับไฮเอนด์และหรูหราได้ ในขณะที่เสื้อผ้าที่เวินหนี่เลือกซื้อนั้นมีขายทั่วไปพวกเธอไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยในการเลือกเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายพนักงานหยิบกล่องที่บรรจุเสื้อโค้ตรุ่นลิมิเต็ดออกมา กลิ่นชุดใหม่ก็ลอยตามมาเวินหนี่เหลือบมองด้วยสายตาเสียดสี “คุณลู่ แค่ชุดของตัวเองคุณยังใช้เงินของคนอื่นซื้อ แน่ใจเหรอคะว่านี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น?”ลู่ม่านเซิงเลิกคิ้ว “คุณอิจฉาที่แฟนของฉันยอมจ่ายเงินให้ฉันงั้นเหรอคะ?”“ฉันไม่ได้อิจฉาหรอกค่ะ” เวินหนี่พูดอย่างเรียบนิ่ง “เพียงแค่เงินนั้นมันดูไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ ฉันกลัวว่าถ้ามีข่าวเผยแพร่ออกไปจะทำให้คุณลู่เสื่อมเสียชื่อเสีย
ลู่ม่านเซิงไม่เชื่อว่าเย่หนานโจวจะมอบบัตรธนาคาร 500 ล้านบาทให้กับเธอเธอสืบมาแล้วว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดี และเย่หนานโจวก็แทบไม่ได้ดูแลเวินหนี่เลยเวินหนี่ทำงานเป็นเลขาของเย่หนานโจวมาเจ็ดปีแล้ว และเขาก็ไม่เคยชายตามองเธอเลยด้วยซ้ำหากเย่หนานโจวสนใจเวินหนี่ เขาจะไม่มีทางปิดบังการแต่งงาน แต่จะประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างเปิดเผยมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ เวินหนี่แอบไปเป็นเด็กเสี่ยลับหลังเย่หนานโจวเธอยอมเชื่อแบบนั้นมากกว่าที่จะเชื่อว่าเย่หนานโจวให้เงินเวินหนี่ใช้“หลานชายฉันให้เงินหลานสะใภ้ใช้แล้วมันมีปัญหาตรงไหนมิทราบ? จำเป็นต้องให้คนอื่นมาสงสัยด้วยงั้นเหรอ? คุณลู่ อย่าแสร้งทำเป็นดูถูกสิ่งที่ตัวเองไม่มีไปหน่อยเลย!”ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาระหว่างการสนทนาของทั้งสองสาวเวินหนี่หันไปมองก่อนจะเห็นเย่จื่อที่ยืนบิดเอวอยู่ เธอดูสวยสง่ามาก ชุดกี่เพ้าสีดำที่เธอสวมนั้นทำให้เธอดูเพรียวบางและสง่างาม เธอผมมัดมวย อายุเกือบห้าสิบปีแล้วแต่ไม่มีริ้วรอยบนใบหน้าเลย เธอเดินเข้ามาอย่างสง่า“คุณน้า” เวินหนี่เรียกเธออย่างแปลกใจเย่จื่อยิ้ม “บังเอิญจริง ๆ ฉันมาซื้อเสื้อผ้าสอ
ลู่ม่านเซิงชะงักอยู่ตรงนั้น ก่อนจะฝืนยิ้มแล้วหันกลับไป “คุณเย่จื่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”เย่จื่อมองไปที่เธอ “เสื้อคลุมตัวนั้นเธอคงไม่ได้ซื้อให้ตัวเองหรอกใช่ไหม?”ลู่ม่านเซิงหน้าแข็งทื่อ “ฉันซื้อให้คนอื่นค่ะ”เย่จื่อมองออกเพียงแต่ไม่พูด เธอยกมือกอดอกแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ลู่ม่านเซิง ยังไงคุณก็เป็นบุคคลสาธารณะ ควรรู้ว่าอะไรควรไม่ควร มีบางเรื่องที่ฉันไม่พูดเพราะเห็นแก่คุณลู่ ที่ทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าฉันจะเห็นด้วย อย่ารอให้ถูกเปิดเผยแล้วค่อยมาเสียใจทีหลัง ฉันไม่ใช่เย่ซูเฟิน ที่จะยอมให้คุณทำอะไรก็ได้!”ใบหน้าของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด หลังจากถูกพูดใส่แบบนั้น ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เธอกำมือแน่นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ฉันทราบค่ะ คุณเย่จื่อ”เย่จื่อไม่แม้แต่จะมองเธอ เพียงแค่ถอนหายใจอย่างเย็นชา ลู่ม่านเซิงรู้สึกอับอาย เธอย่างก้าวสะดุดเล็กน้อย และผู้ช่วยของเธอก็เข้ามาช่วยพยุงออกไปจากตรงนั้น “เวินหนี่ เจอกันทั้งที ไปดื่มชากันเถอะ” เย่จื่อพูดด้วยรอยยิ้ม“ได้สิคะคุณน้า ข้าง ๆ มีร้านกาแฟ เราไปที่นั่นกันเถอะค่ะ”แล้วทั้งสองก็ไปนั่งในร้านกาแฟ แม้ว่าเย่จื
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม