เขาก็แค่ไม่ได้รักเธอเท่านั้นในสายตาของเย่จื่อ เธอและเย่หนานโจวนั้นเหมาะสมกันแต่คงต้องถามเย่หนานโจวด้วยว่าเขามีความสุขไหมที่ได้อยู่กับเธอ เย่จื่อเปลี่ยนบรรยากาศและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่พูดไม่กี่คำ เธอก็ออกหน้าปกป้องสามีตัวเองซะแล้ว เวินหนี่ ฉันรู้ว่าเธอรักหนานโจวมากแค่ไหน มันเป็นความโชคดีของเขา ต่อให้เขาจุดโคมไฟถึงแปดชาติก็ไม่อาจหาภรรยาแบบเธอได้อีก นี่อาจเป็นเพราะตอนเด็กเขาลำบากมามาก พอโตขึ้นถึงได้รับพรเช่นนี้”เวินหนี่สับสน “ตอนเด็กเขาไม่ได้มีชีวิตที่ดีเหรอคะ?”เขาอยู่ในตระกูลที่มีอภิสิทธิ์เช่นนี้ ก็ควรมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่าคนทั่วไปไม่ใช่เหรอสีหน้าของเย่จื่อเปลี่ยนไปแต่ก็เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น แล้วเธอก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย หนานโจวเองก็คงไม่ต้องการพูดถึงเหมือนกัน ฉันเพียงแค่หวังว่าพวกเธอจะให้ฉันได้อุ้มหลานเร็ว ๆ”เธอยังคิดด้วยว่าในอนาคตหากเกษียณแล้วจะอยู่เลี้ยงหลานที่บ้าน ตอนนี้เธอได้แต่อิจฉาคนอื่น ไว้เธอมีหลานเมื่อไหร่จะต้องพาออกไปให้บรรดาเพื่อน ๆ เหล่านั้นได้อิจฉาเธอบ้าง…ลู่ม่านเซิงกำลังถ่ายทำโฆษณา สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนักเพราะถูกเย่จื
เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หนานโจวก็ตกใจ เขาขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “อยู่ที่ไหน ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”“พี่หนานโจว เกิดอะไรขึ้นคะ?” ลู่ม่านเซิงเห็นว่าเขาดูเป็นกังวลมากจึงถามขึ้น“เกิดเรื่องขึ้นกับเวินหนี่!”เย่หนานโจวไม่มีเวลามองเธอและรีบวิ่งออกไปทันทีลู่ม่านเซิงเห็นเพียงเขาดูเร่งรีบและดูเป็นห่วงเวินหนี่มาก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ตอนกลางวันเวินหนี่ยังดี ๆ อยู่เลย จู่ ๆ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหล่อนได้อย่างไรเธอมองกล่องของขวัญที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่ไม่ได้ถูกเอาไปด้วย แล้วรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ผู้ช่วยที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเวินหนี่ยังสบายดีอยู่เลย จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอได้ยังไงกัน? คงไม่ใช่เป็นเพราะว่ารู้ว่าคุณเย่อยู่ที่นี่เลยจงใจสร้างปัญหาเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนหรอกนะคะ”ใบหน้าของลู่ม่านเซิงซีดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพูดอย่างเหมาะสม “ไม่หรอก เวินหนี่ไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้น คงมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอจริง ๆ ฉันกำลังคิดว่าฉันควรจะไปช่วยดีไหม”“พี่ม่านเซิง พี่ใจดีเกินไปแล้ว เวินหนี่คนนี้ไม่ธรรมดา” ผู้ช่วยกล่าวต่อ “พี่จะปล่อยให้เธอรังแกไม่ได้นะค
เย่จื่อยืนขวางประตูและจ้องเขม็งไปที่เย่หนานโจวเมื่อเย่หนานโจวเห็นเย่จื่อ เขาชะงักฝีเท้า ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะร้องเรียก “คุณอา”“ก็รู้ดีนี่ว่าฉันเป็นอาแก” เย่จื่อทนฟังคำพูดเหล่านั้นของเขาไม่ได้ จึงต่อว่าไปฉาดใหญ่ “แกจะทิ้งเวินหนี่ไว้คนเดียวแล้วไปหายัยมือที่สามแซ่ลู่อะไรนั่นใช่ไหม!”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วโต้กลับ “แค่ได้ยินเสียงลมก็อย่าคิดว่าฝนจะตก อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะครับ”เมื่อเวินหนี่ได้ยินแบบนั้น เธอก็เม้มริมฝีปากด้วยรอยยิ้มขมขื่นไม่ว่าเมื่อใด คนที่เขาปกป้องก็คือลู่ม่านเซิงเสมอเย่จื่อไม่เชื่อ “คิดว่าฉันไม่รู้จักแกดีงั้นเหรอ นอกจากผู้หญิงคนนั้นยังจะมีใครที่ทำให้แกทิ้งเวินหนี่ไปได้อีก คนที่จากไปไม่บอกไม่กล่าวก็คือหล่อนไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ท้องฟ้าจะถล่มหรือหล่อนกำลังจะตายถึงได้ขาดแกไม่ได้ วันนี้แกไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนทั้งนั้น อยู่ดูแลเวินหนี่ที่นี่ซะ”ท่าทีของเย่จื่อนั้นแข็งกร้าวและเย่หนานโจวก็เคารพอาคนนี้มาก จึงตอบเธอไปอย่างใจเย็น “ผมยังมีงานที่ต้องทำ”“ต่อให้จะล้มละลาย แกก็ห้ามไป!” เย่จื่อเตือน “มีเรื่องอะไรที่สำคัญไปมากกว่าเวินห
เธอแพ้แอลกอฮอล์และคันไปทั้งตัว เย่หนานโจวเป็นคนที่คอยดูแลเธอ ทำให้เธอไม่เกาผิวของตัวเอง จริงสินะ แม้ว่าระหว่างเธอกับเย่หนานโจวจะไม่ได้มีความรัก แม้ว่าเธอจะไม่มีความสุขในตระกูลเย่ แต่บางครั้งก็ยังได้รับความสงสารจากเขาเธอชักมือออก รู้สึกขมฝาดในปากแต่ก็ยังตอบเขาไปว่า “เดี๋ยวมันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเองค่ะ ยาแก้แพ้ใช่ว่าจะเห็นผล คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คุณยังมีธุระที่ต้องไปทำไม่ใช่เหรอคะ? ฉันจะเปิดประตูให้เอง อย่าถือสาคำพูดของคุณอาเลย ถึงคุณจะออกไปแล้ว ฉันก็จะไม่พูดอะไรกับคุณอา”เธอเดินไปเปิดประตู แต่ก็พบว่ามันถูกล็อคและไม่สามารถเปิดจากด้านในได้“คืนนี้พวกเรานอนที่นี่กันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าประตูก็เปิดเอง ถึงตอนนั้นแล้วค่อยกลับบ้าน” เย่หนานโจวรู้ดีว่าหากเย่จื่อมามุกนี้ คืนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้แน่เวินหนี่ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ “อ้อ”เย่หนานโจวถอดชุดสูทออก สวมเพียงเสื้อเชิ้ตของเขาแล้วมองไปที่เธออีกครั้ง “หิวหรือเปล่า?”วันนี้เวินหนี่ทานแค่อาหารเช้าไปเท่านั้นตอนอยู่กับเย่จื่อก็ดื่มกาแฟไปแค่ไม่กี่จิบ“นิดหน่อยค่ะ” เย่หนานโจวยกโทรศัพท์ในห้องขึ้น พอโทรติดปลายสายก็แทรก
เมื่อเวลาผ่านไปเขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและสงบลงเย่หนานโจวสังเกตเห็นว่าเธอกำลังจ้องมองเขา มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “มองฉันแบบนี้นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่”เวินหนี่เชิดคางขึ้น เมื่อถูกเขาจับได้จึงเบือนหน้าหนีอย่างร้อนตัว “เปล่าค่ะ”“เมื่อกี้เธอแอบมองฉันชัด ๆ”เวินหนี่ตอกกลับ “ถ้าคุณไม่ได้มองฉันอยู่ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าฉันแอบมองคุณ”“ก็ได้ ฉันแอบมองเธอจริง ๆ นั่นแหละ” เย่หนานโจวยอมรับ เขาแอบสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ สิ่งนี้ทำให้เวินหนี่พูดไม่ออก เธอแค่รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมากเย่หนานโจวยื่นสเต็กที่หั่นแล้วให้เธอ “หั่นเสร็จแล้ว กินสิ”เวินหนี่มีความสุขกับการดูแลเอาใจใส่ของเขา และรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ เพียงแค่เย่หนานโจวก้าวเข้าหาเธอเพียงก้าวเดียว เธอก็รู้สึกราวกับว่าโลกนี้มันช่างสวยงามเธอหยิบมีดและส้อมขึ้นมาก่อนจะพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าฉันคิดอะไรตอนที่มองคุณเมื่อกี้นี้”เย่หนานโจวจิบไวน์อย่างสงสัย “คิดอะไร?”“ฉันกำลังคิดว่าหลายปีที่ผ่านมา ฉันโชคดีมาก ไม่เคยลำบากในชีวิตหรือการทำงานเลย” เวินหนี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อก่อนครอบครัวของฉันไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่พ่อก
มันน่าจดจำมากแค่ไหนสำหรับเธอแต่สำหรับเย่หนานโจวมันไม่มีค่าพอให้พูดถึงด้วยซ้ำเธอรู้สึกเสียใจ สำหรับเย่หนานโจวมันไม่ควรค่าแก่การจดจำเลยสินะ“เงียบทำไม?” เย่หนานโจวฉุนเฉียวเมื่อเห็นว่าเธอยังคงเงียบ เขาจับคางของเธอขึ้นมา “ฉันพูดแทงใจดำงั้นเหรอ?”เวินหนี่มองเขา จ้องมองดวงตาที่เย็นชาของเขาแล้วถามออกไปว่า “เย่หนานโจว ในใจของคุณเคยมีประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงบ้างไหม?”เย่หนานโจวมองเธอ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จู่ ๆ ก็มีใบหน้าคลุมเคลือของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของเขา เขาส่ายหัวและจับมือเวินหนี่แน่น “เธอยังไม่ได้ตอบฉัน เธอชอบเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?”เวินหนี่ตอบกลับ “ฉันชอบเขามาก”หนึ่งประโยคจุดชนวนความโกรธในใจของเย่หนานโจว“แต่...อื้อ…”ก่อนที่เวินหนี่จะพูดจบ เย่หนานโจวก็จูบลงบนริมฝีปากของเธอด้วยความโกรธสิ่งนี่ทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย เธอเบิกตากว้าง และเห็นเย่หนานโจวจูบเธออย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังระบายความโกรธ เขาค่อย ๆ วางมือลงบนเอวของเธอร่างกายของเขาร้อนผ่าวราวกับน้ำร้อนลวกที่กัดกร่อนเธอทีละน้อย“เย่หนานโจว...”เวินหนี่เรียกชื่อของเขา แต่มันก็เหมือนยิ่งเร่งปฏิกิริยาทำให้เย
เสียงเรียกเข้าทำให้สถานการณ์สงบลงเย่หนานโจวผละตัวออกจากเวินหนี่ พลางจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนาผู้ชายที่เธอชอบคืออาจ้าน เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรฉกฉวยสิ่งล้ำค่าที่สุดของเธอไปเขาหายใจเข้าลึกเพื่อสงบอารมณ์หงุดหงิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นรายชื่อผู้โทรเข้าเขาก็กดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วยัดมันลงในกระเป๋าเขามีสติมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำแหบแห้ง “ฉันจะไปอาบน้ำ”พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปก่อนจะตามมาด้วยเสียงน้ำจากฝักบัวเวินหนี่นอนเงียบ ๆ บนเตียง ถ้าบอกว่าไม่ผิดหวังก็คงจะเป็นการโกหก มาถึงจุดนี้แล้วเขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองได้ คงเพราะต้องการปกป้องตัวเองไว้เพื่อลู่ม่านเซิงสินะแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็รู้ว่าคนที่โทรหาเขาตลอดคือลู่ม่านเซิง แถมเธอยังแอบเห็นรายชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขาเมื่อกี้นี้ด้วย แม้ว่าจะถูกวางยา แต่เขาก็ยังครองสติไว้ได้ นั่นหมายความว่าเขาต้องรักลู่ม่านเซิงมากแค่ไหนกัน เวินหนี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งและดึงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เมื่อเห็นตัวเองในกระจกที่ดูซีดเซียว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็รู้
เห็นได้ชัดว่าเธอชอบเขามาก…วันถัดมาเวินหนี่ตื่นขึ้นและเห็นเย่หนานโจวกำลังผูกเน็คไทเมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เย่หนานโจวจึงเอ่ยขึ้นว่า “นมวางอยู่ข้างเตียง ถ้าตื่นแล้วก็ดื่มมันซะ”เวินหนี่มองไปที่ข้างเตียงอย่างไม่รู้ตัวแล้วถามขึ้นว่า “คุณจะไปไหนคะ?”เธอยังไม่ลืมสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนนี้ว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วจะกลับบ้านด้วยกัน“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย” เย่หนานโจวมองเธอ “ฉันจะให้คนขับรถพาเธอกลับไปส่งที่บ้านก่อน”เวินหนี่นั่งอยู่ที่ขอบเตียงและมองไปที่เย่หนานโจวเงียบ ๆเย่หนานโจวแต่งตัวเสร็จแล้วและเห็นว่าเวินหนี่ยังคงนิ่งเงียบ เขาจึงเดินไปหยิบนมที่อยู่ข้างเตียงแล้วยื่นมันให้กับเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ “ดื่มตอนที่ยังร้อนอยู่”เวินหนี่รับมาและเม้มริมฝีปาก “ฉันจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณไม่ชอบดื่มนม”“แค่เธอชอบก็พอแล้ว”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขาเมื่อก่อนเขามักจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนี้ มีคนรับใช้บอกเธอว่าเขาไม่ชอบของหวานหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยดื่มนมอีกเลยเวินหนี่ยกแก้วขึ้นดื่ม มันคือนมรสหวานรสชาติที่ห่างหายไปนานสมัยก่อนตอนเรียนเธอมั
ลู่ม่านเซิงคิดว่าใคร ๆ ก็คงไม่คิดว่าจะเป็นเธอในทันทีโลกของเธอก็กลับตาลปัตรขึ้นมาอีกครั้ง!เจียงเมิ่งเหยาเห็นลู่ม่านเซิงกำลังตื่นตระหนกจึงพูดขึ้นว่า “คุณลู่ เราสองคนตอนนี้เหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องร่วมมือกันพลิกสถานการณ์ ไม่งั้นพวกเราจะเสียหายทั้งคู่นะคะ!”เมื่อรายงานข่าวไปแล้ว ทางเดียวคือดึงชื่อเสียงของลู่ม่านเซิงกลับคืนมาเท่านั้นหากจะเรียกความเชื่อมั่นของชาวเน็ตคืน ต้องพลิกไปพลิกมาให้ได้ลู่ม่านเซิงยังไม่อยากเชื่อ “พวกเธอออกไปก่อน ฉันต้องการสงบสติอารมณ์!”เจียงเมิ่งเหยาร้อนรนใจ พูดต่อว่า “เราต้องหาทางแก้ไขสิ! การสงบสติไม่ได้ช่วยอะไร เรื่องถูกแฉออกไปหมดแล้ว…งั้นให้คุณพลิกกลับและฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ใช้กฎหมายถ่วงเวลาได้...”ยังพูดไม่ทันจบ ลู่ม่านเซิงก็พูดขัดขึ้นว่า “เสี่ยวหยวน พาเธอออกไป ฉันต้องการความสงบ!”“คุณเจียง เชิญค่ะ เซิงเซิงต้องการพักสงบสติสักครู่!” ผู้ช่วยของเธอรีบมาเชิญตัวเจียงเมิ่งเหยาออกไปในทันทีเจียงเมิ่งเหยาแน่นอนว่าเป็นห่วงผลประโยชน์ของตัวเองเธอจะเสียความเชื่อมั่นจากชาวเน็ตไปไม่ได้เพียงแค่ลู่ม่านเซิงพลิกกลับมาโจมตีอีกฝ่าย แม้วันหน้าความจริงจะถูกเปิ
[น่าเชื่อถือ ฉันอยู่ห้องพักฟื้นข้าง ๆ เลย เห็นคน ๆ นั้นบาดเจ็บไปทั้งตัว สภาพหนักมากไม่รู้ไปเจออะไรมาบ้าง สรุปคือตอนนี้บาดเจ็บสาหัสไปเพราะคำพูดไม่กี่คำของลู่ม่านเซิง!][มันไม่ยุติธรรมเลย เพราะแค่เป็นคนดัง แค่คำพูดหรือสายตาคำเดียวก็สามารถพลิกความจริงได้ วันนี้ยังเข้าแค่โรงพยาบาล พรุ่งนี้จะไม่ถึงชีวิตเชียวเหรอ? กฎของวงการบันเทิงควรจะปรับได้แล้วนะ ศิลปินก็ควรต้องมีทั้งคุณธรรมและฝีมือ ถึงเวลาลงโทษให้หนักแล้วกับคนแบบนี้!][ลู่ม่านเซิง ออกไปจากวงการบันเทิงซะ!][เจียงเมิ่งเหยา เธอก็อย่าทำข่าวอีกเลย เธอกำลังหากินบนความเดือดร้อนของคนอื่น!]เจียงเมิ่งเหยาหน้าถอดสีทันที คาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะกระทบตัวเองด้วย เธอนึกถึงคำพูดของเวินหนี่ที่เคยเตือนว่าให้รักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ ซึ่งเธอคิดขึ้นมาได้ทันทีและพูดออกไปว่า “หรือว่าจะเป็นเวินหนี่!”ส่วนลู่ม่านเซิงก็มองโทรศัพท์ที่ไม่หยุดดัง มือไม้สั่นไปหมดเพราะคอมเมนต์เหล่านั้นที่ทำให้เธอเสียขวัญสุด ๆ คำเหล่านั้นส่งผลต่อเส้นทางในวงการบันเทิงของเธอโดยตรง แน่นอนว่าเธอรู้สึกหวาดกลัวกับอนาคตติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ลู่ม่านเซิงมองเ
ลู่ม่านเซิงรีบลุกขึ้นด้วยสีหน้าซีดเผือด "อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง!"“ฉันไม่ได้โกหกจริง ๆ มีคนโทรมาด่าจริง ๆ ค่ะ!” เสี่ยวหยวนพูดด้วยความตกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเรื่องแบบนี้ “แต่ละคำด่าฟังไม่ไหวเลยค่ะ พี่อย่าฟังเลยดีกว่า”ลู่ม่านเซิงถึงกับอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ "ใครจะเอาประวัติการรักษาฉันออกมาได้ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!"เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดดูสถานการณ์ในโลกออนไลน์ และเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้…แต่พอเธอเห็นคอมเมนต์มากมายก็เริ่มไม่มั่นใจ ทุกข้อความพุ่งเป้ามาด่าทอเธอกล่าวหาว่าเธอเป็นผู้หญิงแสร้งทำตัวน่าสงสาร เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ใส่ร้ายคนอื่น กล่าวหาว่าชีวิตจริงก็แสดงละครเหมือนในบทบาทมีคอมเมนต์หนึ่งบอกว่าเธอสร้างภาพให้ดูดี แต่ลับหลังกลับเป็นหญิงเจ้าเล่ห์!ลู่ม่านเซิงอยู่ในวงการมานานตั้งแต่เป็นนักร้อง เคยเจอคอมเมนต์เชิงลบบ้าง แต่ไม่เคยหนักเท่านี้ ตอนนั้นเธอมีชื่อเสียงพอสมควรและถึงกับต้องจ่ายเงินเพื่อสร้างกระแสให้ตัวเองบ้าง แต่ตอนนี้กับการเป็นนักแสดงกระแสด้านลบกลับรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกเธอเลื่อนดูแต่ละคอมเมนต์ ล้วนแต่เต็มไปด้วยถ้อยคำตำหนิทั้งสิ้น[หูหนวกเพร
เสี่ยวอิ่งรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อเห็นเวินหนี่ อย่างน้อยเธอก็ยังมีคนให้พึ่งพาได้บ้าง เวินหนี่รีบปลอบพร้อมกับตบหลังเธอเบา ๆ พอมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งมีข้อความที่เธอพิมพ์ไว้ยาวเป็นสิบกว่าหน้า ก็เอ่ยขึ้นว่า “พอแล้วล่ะ อย่าร้องเลย ครั้งนี้ฉันจะทำให้เธอได้มีโอกาสสู้กลับบ้าง”เสี่ยวอิ่งสะอื้นพลางถาม “จะมีอะไรให้ฉันได้เอาคืนจริง ๆ เหรอ ถ้าได้เอาคืนเจียงเมิ่งเหยาสักครั้ง ฉันจะรู้สึกสะใจสุด ๆ เลย!”หลังจากที่ถูกเจียงเมิ่งเหยากดขี่มาตลอด ถ้ามีโอกาสให้เจียงเมิ่งเหยาพลาดท่า เสี่ยวอิ่งจะไม่รอช้าที่จะขยี้ซ้ำ“สิ่งที่ฉันพูดถึง ก็คือเรื่องนี้แหละ”เสี่ยวอิ่งถึงกับตะลึง รีบเช็ดน้ำตาแล้วเอ่ยอย่างดีใจ “เวินหนี่ ฉันรู้แล้วว่าเธอต้องมาช่วยฉันแน่ ๆ พูดมาเลย เดี๋ยวฉันจัดการทันที!”เวินหนี่นั่งลงที่โต๊ะ เตรียมจะร่วมมือกับเสี่ยวอิ่งเพื่อแฉเรื่องของลู่ม่านเซิงขณะเดียวกัน เจียงเมิ่งเหยากำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของลู่ม่านเซิง ตอนนี้ลู่ม่านเซิงกลับไปพักที่บ้านแล้ว เธอพักอยู่ที่ว่างเจียงหยวนซึ่งเย่หนานโจวก็ไม่ได้ไปหาด้วย ลู่ม่านเซิงเองก็รู้สึกอ่อนล้าแม้จะไม่รู้ว่าในอนาคตจะพึ่งเย่หนานโจวได้หรือไ
"ตอนที่ฉันออกจากตระกูลเย่ ฉันไม่ได้เอาไปด้วย เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ของฉันอีกแล้ว!"เย่หนานโจวเม้มริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความคมกล้า ขณะที่มือกำหมัดแน่น“ไปกันเถอะ” ลู่เซินพูดกับเวินหนี่เวินหนี่เดินตามลู่เซินออกไปเย่หนานโจวมองตามแผ่นหลังของพวกเขา รักษาความนิ่งเงียบ ไม่ได้ห้ามไว้แต่ในแววตากลับเย็นยะเยือกเมื่อไปถึงชั้นใต้ดิน เวินหนี่พูดกับลู่เซินว่า “ฉันหาสาเหตุที่ทำให้ลู่ม่านเซิงหูหนวกได้แล้ว ตอนนี้ฉันอยากโทรสักสาย”ความคิดเห็นในโลกออนไลน์กำลังคุกรุ่น เธอต้องการใช้ช่วงเวลาที่กระแสกำลังแรงนี้เพื่อชี้แจงความจริง เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้เย่จื่อลู่เซินรีบเปิดประตูรถให้ “จะไปที่สถานีโทรทัศน์ใช่ไหม?”“ใช่ ฉันต้องกลับไปสักหน่อย”ลู่เซินจึงรีบขับรถพาเวินหนี่ไปยังสถานีโทรทัศน์ช่วงนี้เธอลาพักงานไปพอดี แถมเจียงเมิ่งเหยาซึ่งไม่ได้สัมภาษณ์เย่หนานโจวสำเร็จ ยังสร้างเรื่องทำลายข่าวของเธอ รวมถึงก่อความวุ่นวายในสถานีโทรทัศน์ ซึ่งทั้งหมดถูกบรรณาธิการเฉินรู้เข้าแล้ว บรรณาธิการจึงด่าเจียงเมิ่งเหยาชุดใหญ่ดังนั้นเจียงเมิ่งเหยาจึงกลายเป็นคนที่ทำงานไม่สำเร็จตามที่บรรณาธิการคาดหวังไว้ยิ่งไปกว่านั้
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่เหลืออะไรเลยไม่มีใครอยู่เคียงข้างเธอ…เวินหนี่กลับมาที่โรงพยาบาลในเวลานี้เย่จื่อฟื้นขึ้นมาแล้วแต่เธอดูเหนื่อยเล็กน้อยและนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย“คุณอา” เวินหนี่ถือของมากมายเดินเข้าไปเย่จื่อหันศีรษะและมองไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “เวินหนี่เองเหรอ”“เป็นยังไงบ้างคะ? รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ?” เวินหนี่ถาม “ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนต้องบอกหนูนะคะ”เย่จื่อมองไปที่เย่หนานโจวที่อยู่ด้านหลังเธออีกครั้ง เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตรงที่มันควรเจ็บก็ยังเจ็บอยู่ แต่ยังทนได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอีกสองสามวันก็หาย!”เวินหนี่ตอบกลับไป “ค่ะ”“หนานโจว” เย่จื่อมองไปที่เย่หนานโจว เธอยังคงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสุสาน “ฉันขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้น อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”แม้ว่าเธอจะโกรธเย่หนานโจวอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป และสำหรับเย่หนานโจว มันก็มีผลกระทบกับเขาในท้ายที่สุดเย่หนานโจวมองไปที่เย่จื่อด้วยสายตาที่ลึกล้ำและพูดอย่างเคร่งขรึม “มันผ่านไปแล้ว อย่าใส่ใจไปเลยครับ”เย่จื่อถอนหายใจด้วยสีหน้าโศกเศร้า “มันจะไม่เป็นการทำร้า
“แล้วนี่ไม่ใช่ลูกของคุณหรือไง?” เย่ซูเฟินถามเย่เหว่ยถิงมองเธออย่างเย็นชา “แม้แต่การแต่งงานฉันก็ไม่อยากแต่งด้วยซ้ำ แล้วฉันจะอยากมีลูกงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินหน้าซีดเผือด “ฉันว่าแล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้ เย่เหว่ยถิง ทำไมฉันต้องแต่งงานกับคุณด้วย ตอนนี้ฉันเสียใจแล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็ไม่อยากแต่งงานกับคุณ!”เย่เหว่ยถิงก็พูดขึ้นอย่างไม่ปราณี “ตอนนั้นมันก็เป็นเพราะเล่ห์เหลี่ยมของเธอจนฉันต้องแต่งงานกับเธอไม่ใช่เหรอ คิดว่าฉันอยากแต่งกับเธอหรือไง? ”หัวใจของเย่ซูเฟินกำลังจะระเบิด และดวงตาของเธอก็แดงก่ำ “ใช่ เป็นเพราะฉันใช้เล่ห์เหลี่ยม ดังนั้นคุณถึงแก้แค้นฉันแบบนี้!”เขาอยู่ข้างนอกทั้งคืน และไม่กลับบ้านด้วยซ้ำนับตั้งแต่เธอแต่งงานกับเขา เขาไม่เคยคิดว่าที่นี่คือบ้านอีกต่อไปเธอต่างจากหญิงม่ายตรงไหน? “อย่าพูดว่าแก้แค้นเลย” สายตาของเย่เหว่ยถิงเย็นชา “ฉันไม่เคยเห็นเธอในสายตาด้วยซ้ำ!”หัวใจของเย่ซูเฟินชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอพยายามไปเพื่ออะไรกัน?เพื่อว่าสักวันหนึ่งเย่เหว่ยถิงจะเปลี่ยนใจอย่างนั้นเหรอ? เปล่าเลยเธอเพียงแค่ปล่อยวางไม่ได้ และเธอก็ไม่เต็มใจที่ปล่อยวางมันด้วย ลูกโตขนาดนี้แล้ว เ
“ฉันเอง!”เย่หนานโจวจับมือของเธอเวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่หนานโจวตรงหน้า “คุณมาทำอะไรที่นี่?”สีหน้าของเย่หนานโจวมืดมน “ฉันควรถามเธอมากกว่าว่ามาทำอะไรที่นี่?”เวินหนี่ยังคงมีเวชระเบียนอยู่ในมือ แต่เธอไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับเขาได้ เพราะกลัวว่าเขาจะทำลายมันทิ้ง ดังนั้นเธอจึงตอบไปว่า “ฉันมาหาเพื่อน”“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?” เย่หนานโจวถามกลับเวินหนี่กล่าวเสริม “ไม่อย่างนั้น ฉันจะมาที่นี่ทำไม?”“เธอเข้าไปในชั้นสี่” เย่หนานโจวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เธอรู้ผลที่ตามมาจากการเข้าไปในพื้นที่ของคนแปลกหน้าหรือเปล่า?”เวินหนี่พูด “ฉันก็ออกมาได้ไม่ใช่หรือไง!”เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตระหนักถึงความอันตรายเลย เย่หนานโจวก็ขมวดคิ้ว “เวินหนี่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เธออาจตายได้เลย เธอตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า!” เวินหนี่มองไปที่เย่หนานโจวและคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าทำไมเย่หนานโจวถึงมาอยู่ที่นี่คงไม่ใช่เป้าหมายเดียวกับเธอหรอกใช่ไหมเวินหนี่ไม่แน่ใจ และอาจเป็นไปได้ว่าจุดประสงค์ของพวกเธอแตกต่างกัน ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอได้มันมาอยู่ในมือแล้ว และเธอก็พยายามสงบสติอารมณ์ “เข้าใจ
ริมฝีปากของเย่หวูโหยวยังคงยิ้มอยู่ และประกายวาวที่หางตาของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น “นี่คือสิ่งที่คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอครับ ผมแค่พูดตามความจริงเท่านั้น”เวินหนี่รู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอสามารถเห็นพื้นที่นี้ได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เธอก็แน่ใจว่าลู่ม่านเซิงไม่ได้อยู่ที่นี่ และเธอก็สงสัยในความจริงที่เขาพูด “ฉันจะเชื่อสิ่งที่คุณพูดได้ยังไงคะ?”“แล้วผมจะได้ประโยชน์อะไรจากการโกหกคุณล่ะ?”เย่หวูโหยวมองไปที่โต๊ะ “นี่คือหลักฐานที่แสดงว่าลู่ม่านเซิงมาพบผม คุณสามารถดูได้”เวินหนี่เห็นเวชระเบียน และหยิบขึ้นมาตรวจดูลู่ม่านเซิงมาขอความช่วยเหลือจากเขาจริง ๆ ด้วยสิ่งที่แพทย์รักษาไม่ได้ แต่เขาสามารถทำได้ดูเหมือนว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาจะสูงไม่เบา เขาสามารถช่วยให้ลู่ม่านเซิงหูหนวกและช่วยให้ฟื้นฟูให้เธอได้ทุกอย่างลงล็อคพอดี“ตอนนี้คุณรู้ความจริงหมดแล้ว ไม่กลัวว่าตัวเองจะตายเลยเหรอ” ในขณะนี้ เย่หวูโหยวเข้ามาใกล้เธอ และคำถามก็ดังขึ้นจากด้านบนหัวของเธอเวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองเขา ในขณะนั้นเธอก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยบุคคลตรงหน้าเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ เธอเข้ามาในพื้นที่ของเขา และอาจตายที่นี่ก็ได้ด้วย