เห็นได้ชัดว่าเธอชอบเขามาก…วันถัดมาเวินหนี่ตื่นขึ้นและเห็นเย่หนานโจวกำลังผูกเน็คไทเมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เย่หนานโจวจึงเอ่ยขึ้นว่า “นมวางอยู่ข้างเตียง ถ้าตื่นแล้วก็ดื่มมันซะ”เวินหนี่มองไปที่ข้างเตียงอย่างไม่รู้ตัวแล้วถามขึ้นว่า “คุณจะไปไหนคะ?”เธอยังไม่ลืมสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนนี้ว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วจะกลับบ้านด้วยกัน“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย” เย่หนานโจวมองเธอ “ฉันจะให้คนขับรถพาเธอกลับไปส่งที่บ้านก่อน”เวินหนี่นั่งอยู่ที่ขอบเตียงและมองไปที่เย่หนานโจวเงียบ ๆเย่หนานโจวแต่งตัวเสร็จแล้วและเห็นว่าเวินหนี่ยังคงนิ่งเงียบ เขาจึงเดินไปหยิบนมที่อยู่ข้างเตียงแล้วยื่นมันให้กับเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ “ดื่มตอนที่ยังร้อนอยู่”เวินหนี่รับมาและเม้มริมฝีปาก “ฉันจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณไม่ชอบดื่มนม”“แค่เธอชอบก็พอแล้ว”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขาเมื่อก่อนเขามักจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนี้ มีคนรับใช้บอกเธอว่าเขาไม่ชอบของหวานหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยดื่มนมอีกเลยเวินหนี่ยกแก้วขึ้นดื่ม มันคือนมรสหวานรสชาติที่ห่างหายไปนานสมัยก่อนตอนเรียนเธอมั
แท้จริงแล้วพวกเขาคือสามีภรรยากันเช่นนั้นเขาจะต้องให้ความเคารพเธอมากขึ้น จะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เวินหนี่ถามทั้ง ๆ ที่รู้ “เย่หนานโจวเข้าไปแล้วใช่ไหม?”“ประธานเย่...เพิ่งเข้าไปได้ไม่นานครับ” เผยชิงกระอึกกระอักตอบเวินหนี่มองไปที่นักข่าวตรงประตู และมันก็เป็นไปตามที่เธอคิดเพื่อลู่ม่านเซิงแล้วเขาไม่ลังเลใจและไม่ระวังตัวเลยเผยชิงกลัวว่าเธอจะคิดมากเกินไปจึงรีบอธิบายขึ้นว่า “คุณผู้หญิง อย่าเข้าใจประธานเย่ผิดนะครับ เขามาที่โรงพยาบาลเพราะเรื่องงาน”เวินหนี่ยิ้มแล้วพูดกับเขา “ฉันไม่ได้เข้าใจผิด คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร”เผยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็ดีครับ”มีนักข่าวอยู่ที่ประตูหน้า เวินหนี่ยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวจึงเดินอ้อมไปเข้าโรงพยาบาลผ่านทางประตูหลังแทนเมื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบน เธอก็เห็นผู้ช่วยของลู่ม่านเซิง และพอจะรู้ได้ว่าลู่ม่านเซิงพักอยู่ในวอร์ดไหนลู่ม่านเซิงอยู่ในห้อง VIP ซึ่งค่อนข้างเงียบสงบ ทันทีที่เธอเดินผ่านก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ของลู่ม่านเซิง “พวกคุณช่วยฉันทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ๆ ไปซะ ตอนนี้มันมีหมายความอะไร ฉันอยู่ไปแล้วจะม
เสียงของผู้ช่วยทำให้สองคนข้างในตกใจเย่หนานโจวมองมา เห็นเวินหนี่ยืนอยู่ที่ประตู เขาจึงรีบปล่อยลู่ม่านเซิงทันทีเมื่อเวินหนี่ถูกจับได้ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอก้มหน้าลงเพื่อหลีกเลี่ยง ก่อนจะเดินออกไปเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะจากไป เย่หนานโจวก็รีบไล่ตามเธอไปทันที “เวินหนี่!”เวินหนี่เดินเร็วมาก เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเย่หนานโจวอย่างไรแต่เย่หนานโจวก็ตามมาทันและจับมือเธอไว้เวินหนี่หันกลับไป ดวงตาของเธอแดงก่ำ และมองเย่หนานโจวด้วยดวงตาว่างเปล่าเย่หนานโจวยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาจากหางตาของเธอ แต่เวินหนี่ก็เบี่ยงหน้าหลบแล้วพูดว่า “คุณไปดูแลลู่ม่านเซิงเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาล?” เย่หนานโจวไม่ตอบเธอ แต่ถามกลับไปแทน “รู้สึกไม่สบายเหรอ?หรือว่าผื่นบนร่างกายมันกำเริบ”เขาเปิดแขนเสื้อของเธอเพื่อตรวจดูตอนนี้เวินหนี่รู้สึกเจ็บปวดใจมาก เธอดึงมือตัวเองกลับไม่ให้เขาดู“ฉันไม่เป็นไร” เวินหนี่มองไปที่วอร์ด “เรื่องสำคัญที่คุณพูดถึงเมื่อวานนี้ก็คือลู่ม่านเซิงสินะคะ”สำหรับเขาแล้วลู่ม่านเซิงคืออันดับหนึ่งเสมอหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาก็จะรีบมาโดยไม่ลังเลใจเลย“เส้นเส
เขาพูดคำแบบนี้ออกมาได้ยังไงลู่ม่านเซิงตกใจและหยุดร้องไห้ เธอจ้องไปที่เย่หนานโจวด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาแตกต่างจากคนที่เธอรู้จักอย่างสิ้นเชิงเมื่อก่อนเขาเป็นห่วงเธอที่สุด และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมให้เธอเสียใจแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่สงสารเธอ และแม้แต่การปลอบใจเล็กน้อยเขาก็ไม่ทำเธอไม่เชื่อว่านี่คือเย่หนานโจวเขาจะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆลู่ม่านเซิงปล่อยมือและพยายามฝืนยิ้ม แต่ก็ทำไม่ได้ “จบกันงั้นเหรอ พี่จะจบกับฉันยังไง?”เย่หนานโจวพูดขึ้น “รักษาหูของเธอให้หายซะ”“ไม่ ให้ฉันตายไปยังจะดีซะกว่า!” ลู่ม่านเซิงอารมณ์พุ่งขึ้นอีกครั้ง เธอคว้ามีดปอกผลไม้ข้าง ๆ และกำลังจะกรีดข้อมือตัวเองเมื่อผู้ช่วยเห็นดังนั้นจึงรีบห้ามเธอ “พี่ม่านเซิงอย่าทำแบบนี้…”ดวงตาของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดง “พี่หนานโจว ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อพี่ ฉันรักพี่มากจนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพี่ด้วยซ้ำ พี่ติดหนี้ชีวิตฉัน ชดใช้ยังไงก็ไม่หมด เราสองคนไม่มีทางจบกันได้!”จากนั้นหมอก็เข้ามา เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของลู่ม่านเซิงไม่มั่นคง จึงพูดกับเย่หนานโจวว่า “คุณเย่ครับ ผู้ป่วยมีอารมณ์ไม่มั่นคง ห้ามกระ
หลังจากเรียนจบ เธอก็ยุ่งอยู่แต่กับงานและมีครอบครัวเป็นของตัวเองพ่อแม่ไม่อยากรบกวนเธอ พวกท่านจึงไม่ค่อยได้โทรหาเธอมากนัก ส่วนเธอก็ยุ่งอยู่กับเรื่องอื่นจนทำให้ละเลยพวกท่านไป เมื่อกลับมาถึงบ้าน คนที่เปิดประตูให้เธอคือเวินจ้าว เขาถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือและสวมแว่นตา เมื่อเห็นเวินหนี่ ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาก็ยิ้มร่าขึ้นมาทันที “หนีหนี่กลับมาแล้วเหรอ รีบเข้ามาเร็วเข้า”เวินหนี่เดินเข้าไป เวินจ้าวหยิบรองเท้ามาให้เธอเปลี่ยน “แม่เค้าพอรู้ว่าลูกจะกลับมาก็กำลังเตรียมอาหารให้ลูกอยู่ มีแต่ของโปรดของลูกทั้งนั้น เป็นลาภปากของลูกเลยนะ“ดีเลยค่ะ หนูอยากกินซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานที่แม่ทำ” เวินหนี่กอดแขนเวินจ้าว “และหนูก็อยากกินปลาที่พ่อตกมาด้วยค่ะ”เวินจ้าวยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเด็กที่ตะกละตะกลามจริง ๆ”เวินหนี่ถอดเสื้อคลุมออก พับแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดว่า “หนูจะไปช่วยแม่ในครัว…”“โอ้ย ไม่ต้องหรอก” เวินจ้าวคิดจะห้ามเธอ แต่ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปในครัว ก็เห็นว่าในครัวไม่ได้มีเพียงเติ้งจวนเท่านั้น แต่ยังเห็นร่างสูงที่ถอดสูทราคาแพงออกและยืนล้างผักราคาถูกอยู่ข้าง ๆ ด้วย เมื่อรู้ว่าเธอมา เขาจึงหันศีรษะ
เติ้งจวนกระตุ้นพวกเขา เปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเวินหนี่ถูกเธอผลักเข้าไปในห้องครัวเวลานี้เย่หนานโจวก็ยังไม่หยุดงานในมือ เขาจัดเตรียมส่วนผสมทั้งหมดอย่างเป็นระเบียบในความทรงจำของเธอ เย่หนานโจวไม่มีทางทำสิ่งเหล่านี้“คุณมาได้ยังไงคะ?”เย่หนานโจวตอบ “ก็เธอไม่รับสายฉัน ฉันเลยต้องมาถามคุณแม่ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนน่ะสิ”เวินหนี่ช่วยเขาล้างผัก “ฉันจำได้ว่าคุณไม่เคยทำอะไรแบบนี้”เย่หนานโจวหันมาพลางทำหน้าทะเล้น “เอาใจพ่อตาแม่ยาย”“อย่าล้อเล่นน่ะ”“ทำไมถึงไม่รับสายฉัน?” เย่หนานโจวถามขึ้นอีกครั้งเวินหนี่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันกลัวว่าจะไปรบกวนเวลาของคุณกับลู่ม่านเซิง”เย่หนานโจวหัวเราะเสียงดังเวินหนี่ถาม “คุณหัวเราะอะไร?”“หึงเหรอ?”เวินหนี่ปฏิเสธทันที “เปล่าค่ะ นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกหรือสองครั้งสักหน่อย ถ้าให้หึงทุกครั้ง ฉันคงเจ็บปวดใจตายไปนานแล้ว”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นน้ำกระเซ็นใส่ใบหน้าของเธอ เดิมทีเวินหนี่คิดจะเช็ดมันด้วยแขนเสื้อตัวเอง แต่เย่หนานโจวห้ามเธอเอาไว้ เขาเช็ดมือตัวเองจนสะอาด ก่อนจะหยิบเอาทิชชู่มาเช็ดใบหน้าให้เธอเวินหนี่สัมผัสได้ถึงการดูแลอย่างใส
ลู่เซินประหลาดใจและถามขึ้นว่า “ประธานเย่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ?”ทุกสายตามองไปที่เย่หนานโจวโดยไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนี้อย่างไรเวินหนี่พูดขึ้นทันที “วันนี้ประธานเย่มาเยี่ยมบ้านของเราน่ะค่ะ ลู่เซิน คุณรีบนั่งลงก่อนสิคะ”เติ้งจวนก็พูดต่อว่า “ลู่เซิน ป้ากำลังทำอาหาร เธอก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ อย่าพึ่งกลับล่ะ”“ครับ ขอบคุณครับคุณป้า” ลู่เซินตอบอย่างอย่างสุภาพโชคดีที่โซฟาใหญ่มากพอสำหรับพวกเขา ลู่เซินนั่งอยู่เยื้อง ๆ ตรงข้ามกับเย่หนานโจวเวินจ้าวและลู่เซินกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องในอดีตตอนนี้เองเวินหนี่พึ่งจะได้รู้ว่าสมัยเรียนลู่เซินอาศัยอยู่ไม่ไกลจากพวกเธอ แถมเขายังสนิทสนมกับพ่อแม่ของเธอมากอีกด้วยทำไมเธอถึงไม่เคยรู้เลยความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดนี้เมื่อเย่หนานโจวได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็เย็นชาทันทีและดูไม่มีความสุขเอามาก ๆมานั่งฟังพวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องในอดีตที่นี่ ทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนนอกบนโต๊ะอาหาร ลู่เซินใส่ใจเวินหนี่เป็นพิเศษ เขารินนมให้เธอหนึ่งแก้ว“นี่ครับ”เวินหนี่กล่าว “ขอบคุณค่ะ”เย่หนานโจวมองและถามขึ้นเสียงเย็น “คุณลู่ก็รู้ว่าเวินหนี่ชอบดื่มนมงั
คำพูดของเขาเด็ดขาด และแฝงไปด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าผู้ชายที่ชื่อลู่เซินคนนี้ชอบเวินหนี่ และก็มักจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเช่นนั้นแล้วเย่หนานโจวก็ต้องทำให้เขาได้รู้ว่าตนไม่มีโอกาสลู่เซินมองตรงไปที่เย่หนานโจว สายตาของทั้งสองเคร่งขรึมจนเกิดกระแสไฟกลางอากาศ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่เซินก็พูดขึ้นว่า “ประธานเย่พูดเร็วเกินไป”เขาวางตัวอย่างเหมาะสม ไม่ได้ดูโกรธเคืองอะไร เพียงแค่จิบน้ำแล้วพูดขึ้นอย่างแฝงความหมาย “ไม่มีใครสามารถคาดเดาอนาคตได้ หากโชคชะตามาถึง อะไรก็หยุดยั้งไม่ได้หรอกนะครับ”เมื่อได้ยินแบบนี้ เย่หนานโจวก็ยิ่งหงุดหงิด แต่เขาก็จับมือเวินหนี่อย่างมีสติเวินหนี่สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเขา นับตั้งแต่ลู่เซินมาถึง เขาก็ดูผิดปกติไปและเอาแต่มุ่งเป้าเข้าใส่อีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา แต่เวินหนี่เป็นคนมีเหตุผล เธอดึงมือออก และคลี่คลายสถานการณ์ “พวกคุณพูดถึงเรื่องอะไรกันคะ เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยทำไมต้องโยงมาที่ฉันด้วย แม่คะ พาพ่อไปพักผ่อนเถอะค่ะ พ่อดื่มมากเกินไปแล้ว จะได้ไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก”“ได้จ้ะ” เติ้งจวนก็กลัวความกระอักกระอ่วนเช่นกัน “ตาแก่ ไปพักก่อนเถอะ”เวินจ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ
[ตอนนี้เลย! ตอนนี้ได้เลยจ้ะ!]ลู่ม่านเซิงยิ้มมุมปาก เธอรู้ว่าเย่ซูเฟินต้องอยากมาเจอเธอแน่นอน เธอแค่ต้องนั่งรอที่นี่ก็พอเธอเดินวนไปรอบ ๆ แต่ก็ยังรู้สึกสนใจห้องนอนใหญ่ จึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีใครพักอยู่ที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้วเธอเปิดตู้เสื้อผ้าทันที ข้างในมีชุดนอนของผู้หญิงอยู่หลายชุดมีบางตัวที่เอาป้ายออกแล้ว บางตัวก็ยังไม่ได้เอาป้ายออกยังมีชุดนอนแบบสายเดี่ยวเซ็กซี่อยู่หลายชุดด้วยเธอหยิบมันออกมาลองทาบบนตัวเอง แล้วหมุนตัวไปมาหน้ากระจกถ้าเธอสวมมันแล้วหมุนตัวต่อหน้าเย่หนานโจว เขาต้องคิดว่าเธอดูดีแน่ ๆเธอไม่ได้อยู่ในห้องนานนัก เพราะโอกาสบางอย่างรอได้เธอมองไปที่เตียงใหญ่ คิดภาพตัวเองกับเย่หนานโจวอยู่บนเตียงนั้น ในฉากอันเร่าร้อนยี่สิบนาทีผ่านไปเย่ซูเฟินก็มาถึงว่างเจียงหยวนเธอส่งเสียงเรียกมาตั้งแต่หน้าประตู “เซิงเซิง! เซิงเซิง!”แต่ลู่ม่านเซิงไม่ได้ออกมาเมื่อเย่ซูเฟินไม่เห็นลู่ม่านเซิงในห้องนั่งเล่น เธอจึงถามว่า “เซิงเซิงอยู่ไหน? ไม่ใช่ว่าเธออยู่ที่ว่างเจียงหยวนหรือไง?”“คุณลู่อยู่ข้างบนค่ะ” คนรับใช้ตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วบอกว่า “คุณลู่หูหนวกอ
ไม่เป็นไรวันเวลายังอีกยาวไกล สักวันหนึ่งเธอจะได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แน่นอนลู่ม่านเซิงรู้สึกว่าเธอได้ก้าวเข้าใกล้เป้าหมายนั้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงมองไปที่เผยชิง ซึ่งมากับเธอในวันนี้เพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดของเย่หนานโจว และเพราะเธอรู้ว่า ‘ต้องเกรงใจคนที่ให้ความช่วยเหลือ’ ลู่ม่านเซิงจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เธอถามอย่างเป็นมิตรว่า “คุณเผย ช่วงนี้พี่หนานโจวมาอยู่ที่นี่บ่อยไหม?”เผยชิงตอบเธอโดยใช้โทรศัพท์พิมพ์ว่า “ช่วงนี้เขาอยู่ที่นี่บ่อยขึ้น แต่หลายวันแล้วที่ประธานเย่ไม่ได้มาที่นี่ครับ”“เขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเหรอ?” ลู่ม่านเซิงไม่ได้ติดต่อกับเย่ซูเฟินมานานแล้ว ช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาเลยมีหลายครั้งที่เย่ซูเฟินส่งข้อความมาหา แต่เธอยุ่งจนลืมตอบไป“ประธานเย่จะกลับไปเป็นบางครั้งครับ” เผยชิงตอบอย่างจงใจ “แต่คุณผู้หญิงไม่ค่อยชอบกลับไปที่นั่น ประธานเย่ก็เลยไม่ชอบกลับไปมากนัก”ลู่ม่านเซิงเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วถามต่อว่า “แล้วช่วงนี้เขาจะมาที่นี่ไหม?”“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ” เผยชิงตอบ “ช่วงนี้ประธานเย่ยุ่งกับงานม
ลู่เซินยังไม่เข้าใจทั้งหมดเมื่อก่อนเขาสนใจเวินหนี่มากจนละเลยข้อมูลสำคัญ เป็นไปได้ว่าเขาอาจมองผิดไป แล้วเวินหนี่ที่ผ่านเรื่องราวนั้นมาล่ะ? หรือว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่เขียนผิด?เวินหนี่เห็นลู่เซินคิดหนักตั้งแต่เมื่อครู่จึงถามว่า “ลู่เซิน กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”ลู่เซินดึงสติกลับมา “ไม่มีอะไร สั่งอาหารเถอะ”“ฉันสั่งเรียบร้อยแล้ว” เวินหนี่บอก “คุณอาจะดื่มเบียร์หน่อย นายก็ดื่มด้วยนะ”“โอเค”ทั้งสองออกจากห้องทำงานเย่จื่อนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสงบ สำหรับเธอ ตอนนี้การดูทีวีก็เป็นการฆ่าเวลาในทีวีกำลังออกข่าวฉาวของเธอเวินหนี่เดินเข้าไปนั่งดูทีวีด้วย เธอเห็นว่าในจอมีภาพเจียงเมิ่งเหยาในห้องพักฟื้น “ดูตามกล้องมานะคะ นี่คือเหยื่อของเรา ลู่ม่านเซิง คุณลู่คะ คุณยังได้ยินอยู่ไหมคะ?”ลู่ม่านเซิงดูไม่ค่อยพอใจกับกล้อง “ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่ให้สัมภาษณ์”“คุณลู่คะ” เจียงเมิ่งเหยาเรียกอีกครั้ง“ฉันไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้นตอนนี้!” ลู่ม่านเซิงดูซีดเซียว อ่อนแอมาก เหมือนนางเอกในเรื่องเศร้าเจียงเมิ่งเหยาฉวยโอกาสนี้ ชี้ไปที่กล้องแล้วพูดว่า “คุณลู่
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็แสดงความตกใจออกมา "เป็นไปได้ยังไง ต้องเป็นเวินหนี่สิ"ตอนนั้น เขาชอบเวินหนี่มาก เขาห่วงใยเธอจนต้องรีบกลับประเทศในคืนนั้นผู้ช่วยที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ก็ยังคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ และคิดว่าตัวเองอาจเข้าใจผิด "ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่า คุณกับเวินหนี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่คนนี้อายุน้อยกว่าคุณหนึ่งปี"เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็ยิ่งตกใจ เขารีบเดินเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ไปพิจารณาอย่างละเอียดแม้ว่าหนังสือพิมพ์จะเก่าแล้ว แต่ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี หัวข้อข่าวยังคงชัดเจน ข่าวระบุว่าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรม มีคนตายจำนวนมาก และผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ…สายตาของลู่เซินนิ่งงัน เขาตกใจจนต้องกะพริบตาสองสามครั้ง ราวกับว่าเขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ที่ต่างจากที่เคยเห็นมาก่อนผู้รอดชีวิตในหนังสือพิมพ์ก็ชื่อเวินหนี่เหมือนกัน แต่เป็นนักเรียนที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี นั่นหมายความว่าไม่ใช่เวินหนี่ที่เขารู้จักมันเกิดอะไรขึ้น?สีหน้าของลู่เซินเริ่มเปลี่ยนไป เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผิดคือหนังสือพิมพ์หรืออะไรบางอย่างในกระบวนการนี้เวินหนี่เค