เสียงเรียกเข้าทำให้สถานการณ์สงบลงเย่หนานโจวผละตัวออกจากเวินหนี่ พลางจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนาผู้ชายที่เธอชอบคืออาจ้าน เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรฉกฉวยสิ่งล้ำค่าที่สุดของเธอไปเขาหายใจเข้าลึกเพื่อสงบอารมณ์หงุดหงิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นรายชื่อผู้โทรเข้าเขาก็กดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วยัดมันลงในกระเป๋าเขามีสติมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำแหบแห้ง “ฉันจะไปอาบน้ำ”พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปก่อนจะตามมาด้วยเสียงน้ำจากฝักบัวเวินหนี่นอนเงียบ ๆ บนเตียง ถ้าบอกว่าไม่ผิดหวังก็คงจะเป็นการโกหก มาถึงจุดนี้แล้วเขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองได้ คงเพราะต้องการปกป้องตัวเองไว้เพื่อลู่ม่านเซิงสินะแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็รู้ว่าคนที่โทรหาเขาตลอดคือลู่ม่านเซิง แถมเธอยังแอบเห็นรายชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขาเมื่อกี้นี้ด้วย แม้ว่าจะถูกวางยา แต่เขาก็ยังครองสติไว้ได้ นั่นหมายความว่าเขาต้องรักลู่ม่านเซิงมากแค่ไหนกัน เวินหนี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งและดึงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เมื่อเห็นตัวเองในกระจกที่ดูซีดเซียว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็รู้
เห็นได้ชัดว่าเธอชอบเขามาก…วันถัดมาเวินหนี่ตื่นขึ้นและเห็นเย่หนานโจวกำลังผูกเน็คไทเมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เย่หนานโจวจึงเอ่ยขึ้นว่า “นมวางอยู่ข้างเตียง ถ้าตื่นแล้วก็ดื่มมันซะ”เวินหนี่มองไปที่ข้างเตียงอย่างไม่รู้ตัวแล้วถามขึ้นว่า “คุณจะไปไหนคะ?”เธอยังไม่ลืมสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนนี้ว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วจะกลับบ้านด้วยกัน“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย” เย่หนานโจวมองเธอ “ฉันจะให้คนขับรถพาเธอกลับไปส่งที่บ้านก่อน”เวินหนี่นั่งอยู่ที่ขอบเตียงและมองไปที่เย่หนานโจวเงียบ ๆเย่หนานโจวแต่งตัวเสร็จแล้วและเห็นว่าเวินหนี่ยังคงนิ่งเงียบ เขาจึงเดินไปหยิบนมที่อยู่ข้างเตียงแล้วยื่นมันให้กับเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ “ดื่มตอนที่ยังร้อนอยู่”เวินหนี่รับมาและเม้มริมฝีปาก “ฉันจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณไม่ชอบดื่มนม”“แค่เธอชอบก็พอแล้ว”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขาเมื่อก่อนเขามักจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนี้ มีคนรับใช้บอกเธอว่าเขาไม่ชอบของหวานหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยดื่มนมอีกเลยเวินหนี่ยกแก้วขึ้นดื่ม มันคือนมรสหวานรสชาติที่ห่างหายไปนานสมัยก่อนตอนเรียนเธอมั
แท้จริงแล้วพวกเขาคือสามีภรรยากันเช่นนั้นเขาจะต้องให้ความเคารพเธอมากขึ้น จะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เวินหนี่ถามทั้ง ๆ ที่รู้ “เย่หนานโจวเข้าไปแล้วใช่ไหม?”“ประธานเย่...เพิ่งเข้าไปได้ไม่นานครับ” เผยชิงกระอึกกระอักตอบเวินหนี่มองไปที่นักข่าวตรงประตู และมันก็เป็นไปตามที่เธอคิดเพื่อลู่ม่านเซิงแล้วเขาไม่ลังเลใจและไม่ระวังตัวเลยเผยชิงกลัวว่าเธอจะคิดมากเกินไปจึงรีบอธิบายขึ้นว่า “คุณผู้หญิง อย่าเข้าใจประธานเย่ผิดนะครับ เขามาที่โรงพยาบาลเพราะเรื่องงาน”เวินหนี่ยิ้มแล้วพูดกับเขา “ฉันไม่ได้เข้าใจผิด คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร”เผยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็ดีครับ”มีนักข่าวอยู่ที่ประตูหน้า เวินหนี่ยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวจึงเดินอ้อมไปเข้าโรงพยาบาลผ่านทางประตูหลังแทนเมื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบน เธอก็เห็นผู้ช่วยของลู่ม่านเซิง และพอจะรู้ได้ว่าลู่ม่านเซิงพักอยู่ในวอร์ดไหนลู่ม่านเซิงอยู่ในห้อง VIP ซึ่งค่อนข้างเงียบสงบ ทันทีที่เธอเดินผ่านก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ของลู่ม่านเซิง “พวกคุณช่วยฉันทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ๆ ไปซะ ตอนนี้มันมีหมายความอะไร ฉันอยู่ไปแล้วจะม
เสียงของผู้ช่วยทำให้สองคนข้างในตกใจเย่หนานโจวมองมา เห็นเวินหนี่ยืนอยู่ที่ประตู เขาจึงรีบปล่อยลู่ม่านเซิงทันทีเมื่อเวินหนี่ถูกจับได้ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอก้มหน้าลงเพื่อหลีกเลี่ยง ก่อนจะเดินออกไปเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะจากไป เย่หนานโจวก็รีบไล่ตามเธอไปทันที “เวินหนี่!”เวินหนี่เดินเร็วมาก เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเย่หนานโจวอย่างไรแต่เย่หนานโจวก็ตามมาทันและจับมือเธอไว้เวินหนี่หันกลับไป ดวงตาของเธอแดงก่ำ และมองเย่หนานโจวด้วยดวงตาว่างเปล่าเย่หนานโจวยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาจากหางตาของเธอ แต่เวินหนี่ก็เบี่ยงหน้าหลบแล้วพูดว่า “คุณไปดูแลลู่ม่านเซิงเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาล?” เย่หนานโจวไม่ตอบเธอ แต่ถามกลับไปแทน “รู้สึกไม่สบายเหรอ?หรือว่าผื่นบนร่างกายมันกำเริบ”เขาเปิดแขนเสื้อของเธอเพื่อตรวจดูตอนนี้เวินหนี่รู้สึกเจ็บปวดใจมาก เธอดึงมือตัวเองกลับไม่ให้เขาดู“ฉันไม่เป็นไร” เวินหนี่มองไปที่วอร์ด “เรื่องสำคัญที่คุณพูดถึงเมื่อวานนี้ก็คือลู่ม่านเซิงสินะคะ”สำหรับเขาแล้วลู่ม่านเซิงคืออันดับหนึ่งเสมอหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาก็จะรีบมาโดยไม่ลังเลใจเลย“เส้นเส
เขาพูดคำแบบนี้ออกมาได้ยังไงลู่ม่านเซิงตกใจและหยุดร้องไห้ เธอจ้องไปที่เย่หนานโจวด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาแตกต่างจากคนที่เธอรู้จักอย่างสิ้นเชิงเมื่อก่อนเขาเป็นห่วงเธอที่สุด และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมให้เธอเสียใจแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่สงสารเธอ และแม้แต่การปลอบใจเล็กน้อยเขาก็ไม่ทำเธอไม่เชื่อว่านี่คือเย่หนานโจวเขาจะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆลู่ม่านเซิงปล่อยมือและพยายามฝืนยิ้ม แต่ก็ทำไม่ได้ “จบกันงั้นเหรอ พี่จะจบกับฉันยังไง?”เย่หนานโจวพูดขึ้น “รักษาหูของเธอให้หายซะ”“ไม่ ให้ฉันตายไปยังจะดีซะกว่า!” ลู่ม่านเซิงอารมณ์พุ่งขึ้นอีกครั้ง เธอคว้ามีดปอกผลไม้ข้าง ๆ และกำลังจะกรีดข้อมือตัวเองเมื่อผู้ช่วยเห็นดังนั้นจึงรีบห้ามเธอ “พี่ม่านเซิงอย่าทำแบบนี้…”ดวงตาของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดง “พี่หนานโจว ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อพี่ ฉันรักพี่มากจนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพี่ด้วยซ้ำ พี่ติดหนี้ชีวิตฉัน ชดใช้ยังไงก็ไม่หมด เราสองคนไม่มีทางจบกันได้!”จากนั้นหมอก็เข้ามา เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของลู่ม่านเซิงไม่มั่นคง จึงพูดกับเย่หนานโจวว่า “คุณเย่ครับ ผู้ป่วยมีอารมณ์ไม่มั่นคง ห้ามกระ
หลังจากเรียนจบ เธอก็ยุ่งอยู่แต่กับงานและมีครอบครัวเป็นของตัวเองพ่อแม่ไม่อยากรบกวนเธอ พวกท่านจึงไม่ค่อยได้โทรหาเธอมากนัก ส่วนเธอก็ยุ่งอยู่กับเรื่องอื่นจนทำให้ละเลยพวกท่านไป เมื่อกลับมาถึงบ้าน คนที่เปิดประตูให้เธอคือเวินจ้าว เขาถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือและสวมแว่นตา เมื่อเห็นเวินหนี่ ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาก็ยิ้มร่าขึ้นมาทันที “หนีหนี่กลับมาแล้วเหรอ รีบเข้ามาเร็วเข้า”เวินหนี่เดินเข้าไป เวินจ้าวหยิบรองเท้ามาให้เธอเปลี่ยน “แม่เค้าพอรู้ว่าลูกจะกลับมาก็กำลังเตรียมอาหารให้ลูกอยู่ มีแต่ของโปรดของลูกทั้งนั้น เป็นลาภปากของลูกเลยนะ“ดีเลยค่ะ หนูอยากกินซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานที่แม่ทำ” เวินหนี่กอดแขนเวินจ้าว “และหนูก็อยากกินปลาที่พ่อตกมาด้วยค่ะ”เวินจ้าวยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเด็กที่ตะกละตะกลามจริง ๆ”เวินหนี่ถอดเสื้อคลุมออก พับแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดว่า “หนูจะไปช่วยแม่ในครัว…”“โอ้ย ไม่ต้องหรอก” เวินจ้าวคิดจะห้ามเธอ แต่ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปในครัว ก็เห็นว่าในครัวไม่ได้มีเพียงเติ้งจวนเท่านั้น แต่ยังเห็นร่างสูงที่ถอดสูทราคาแพงออกและยืนล้างผักราคาถูกอยู่ข้าง ๆ ด้วย เมื่อรู้ว่าเธอมา เขาจึงหันศีรษะ
เติ้งจวนกระตุ้นพวกเขา เปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเวินหนี่ถูกเธอผลักเข้าไปในห้องครัวเวลานี้เย่หนานโจวก็ยังไม่หยุดงานในมือ เขาจัดเตรียมส่วนผสมทั้งหมดอย่างเป็นระเบียบในความทรงจำของเธอ เย่หนานโจวไม่มีทางทำสิ่งเหล่านี้“คุณมาได้ยังไงคะ?”เย่หนานโจวตอบ “ก็เธอไม่รับสายฉัน ฉันเลยต้องมาถามคุณแม่ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนน่ะสิ”เวินหนี่ช่วยเขาล้างผัก “ฉันจำได้ว่าคุณไม่เคยทำอะไรแบบนี้”เย่หนานโจวหันมาพลางทำหน้าทะเล้น “เอาใจพ่อตาแม่ยาย”“อย่าล้อเล่นน่ะ”“ทำไมถึงไม่รับสายฉัน?” เย่หนานโจวถามขึ้นอีกครั้งเวินหนี่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันกลัวว่าจะไปรบกวนเวลาของคุณกับลู่ม่านเซิง”เย่หนานโจวหัวเราะเสียงดังเวินหนี่ถาม “คุณหัวเราะอะไร?”“หึงเหรอ?”เวินหนี่ปฏิเสธทันที “เปล่าค่ะ นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกหรือสองครั้งสักหน่อย ถ้าให้หึงทุกครั้ง ฉันคงเจ็บปวดใจตายไปนานแล้ว”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นน้ำกระเซ็นใส่ใบหน้าของเธอ เดิมทีเวินหนี่คิดจะเช็ดมันด้วยแขนเสื้อตัวเอง แต่เย่หนานโจวห้ามเธอเอาไว้ เขาเช็ดมือตัวเองจนสะอาด ก่อนจะหยิบเอาทิชชู่มาเช็ดใบหน้าให้เธอเวินหนี่สัมผัสได้ถึงการดูแลอย่างใส
ลู่เซินประหลาดใจและถามขึ้นว่า “ประธานเย่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ?”ทุกสายตามองไปที่เย่หนานโจวโดยไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนี้อย่างไรเวินหนี่พูดขึ้นทันที “วันนี้ประธานเย่มาเยี่ยมบ้านของเราน่ะค่ะ ลู่เซิน คุณรีบนั่งลงก่อนสิคะ”เติ้งจวนก็พูดต่อว่า “ลู่เซิน ป้ากำลังทำอาหาร เธอก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ อย่าพึ่งกลับล่ะ”“ครับ ขอบคุณครับคุณป้า” ลู่เซินตอบอย่างอย่างสุภาพโชคดีที่โซฟาใหญ่มากพอสำหรับพวกเขา ลู่เซินนั่งอยู่เยื้อง ๆ ตรงข้ามกับเย่หนานโจวเวินจ้าวและลู่เซินกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องในอดีตตอนนี้เองเวินหนี่พึ่งจะได้รู้ว่าสมัยเรียนลู่เซินอาศัยอยู่ไม่ไกลจากพวกเธอ แถมเขายังสนิทสนมกับพ่อแม่ของเธอมากอีกด้วยทำไมเธอถึงไม่เคยรู้เลยความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดนี้เมื่อเย่หนานโจวได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็เย็นชาทันทีและดูไม่มีความสุขเอามาก ๆมานั่งฟังพวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องในอดีตที่นี่ ทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนนอกบนโต๊ะอาหาร ลู่เซินใส่ใจเวินหนี่เป็นพิเศษ เขารินนมให้เธอหนึ่งแก้ว“นี่ครับ”เวินหนี่กล่าว “ขอบคุณค่ะ”เย่หนานโจวมองและถามขึ้นเสียงเย็น “คุณลู่ก็รู้ว่าเวินหนี่ชอบดื่มนมงั