เธอแพ้แอลกอฮอล์และคันไปทั้งตัว เย่หนานโจวเป็นคนที่คอยดูแลเธอ ทำให้เธอไม่เกาผิวของตัวเอง จริงสินะ แม้ว่าระหว่างเธอกับเย่หนานโจวจะไม่ได้มีความรัก แม้ว่าเธอจะไม่มีความสุขในตระกูลเย่ แต่บางครั้งก็ยังได้รับความสงสารจากเขาเธอชักมือออก รู้สึกขมฝาดในปากแต่ก็ยังตอบเขาไปว่า “เดี๋ยวมันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเองค่ะ ยาแก้แพ้ใช่ว่าจะเห็นผล คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คุณยังมีธุระที่ต้องไปทำไม่ใช่เหรอคะ? ฉันจะเปิดประตูให้เอง อย่าถือสาคำพูดของคุณอาเลย ถึงคุณจะออกไปแล้ว ฉันก็จะไม่พูดอะไรกับคุณอา”เธอเดินไปเปิดประตู แต่ก็พบว่ามันถูกล็อคและไม่สามารถเปิดจากด้านในได้“คืนนี้พวกเรานอนที่นี่กันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าประตูก็เปิดเอง ถึงตอนนั้นแล้วค่อยกลับบ้าน” เย่หนานโจวรู้ดีว่าหากเย่จื่อมามุกนี้ คืนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้แน่เวินหนี่ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ “อ้อ”เย่หนานโจวถอดชุดสูทออก สวมเพียงเสื้อเชิ้ตของเขาแล้วมองไปที่เธออีกครั้ง “หิวหรือเปล่า?”วันนี้เวินหนี่ทานแค่อาหารเช้าไปเท่านั้นตอนอยู่กับเย่จื่อก็ดื่มกาแฟไปแค่ไม่กี่จิบ“นิดหน่อยค่ะ” เย่หนานโจวยกโทรศัพท์ในห้องขึ้น พอโทรติดปลายสายก็แทรก
เมื่อเวลาผ่านไปเขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและสงบลงเย่หนานโจวสังเกตเห็นว่าเธอกำลังจ้องมองเขา มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “มองฉันแบบนี้นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่”เวินหนี่เชิดคางขึ้น เมื่อถูกเขาจับได้จึงเบือนหน้าหนีอย่างร้อนตัว “เปล่าค่ะ”“เมื่อกี้เธอแอบมองฉันชัด ๆ”เวินหนี่ตอกกลับ “ถ้าคุณไม่ได้มองฉันอยู่ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าฉันแอบมองคุณ”“ก็ได้ ฉันแอบมองเธอจริง ๆ นั่นแหละ” เย่หนานโจวยอมรับ เขาแอบสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ สิ่งนี้ทำให้เวินหนี่พูดไม่ออก เธอแค่รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมากเย่หนานโจวยื่นสเต็กที่หั่นแล้วให้เธอ “หั่นเสร็จแล้ว กินสิ”เวินหนี่มีความสุขกับการดูแลเอาใจใส่ของเขา และรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ เพียงแค่เย่หนานโจวก้าวเข้าหาเธอเพียงก้าวเดียว เธอก็รู้สึกราวกับว่าโลกนี้มันช่างสวยงามเธอหยิบมีดและส้อมขึ้นมาก่อนจะพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าฉันคิดอะไรตอนที่มองคุณเมื่อกี้นี้”เย่หนานโจวจิบไวน์อย่างสงสัย “คิดอะไร?”“ฉันกำลังคิดว่าหลายปีที่ผ่านมา ฉันโชคดีมาก ไม่เคยลำบากในชีวิตหรือการทำงานเลย” เวินหนี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อก่อนครอบครัวของฉันไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่พ่อก
มันน่าจดจำมากแค่ไหนสำหรับเธอแต่สำหรับเย่หนานโจวมันไม่มีค่าพอให้พูดถึงด้วยซ้ำเธอรู้สึกเสียใจ สำหรับเย่หนานโจวมันไม่ควรค่าแก่การจดจำเลยสินะ“เงียบทำไม?” เย่หนานโจวฉุนเฉียวเมื่อเห็นว่าเธอยังคงเงียบ เขาจับคางของเธอขึ้นมา “ฉันพูดแทงใจดำงั้นเหรอ?”เวินหนี่มองเขา จ้องมองดวงตาที่เย็นชาของเขาแล้วถามออกไปว่า “เย่หนานโจว ในใจของคุณเคยมีประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงบ้างไหม?”เย่หนานโจวมองเธอ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จู่ ๆ ก็มีใบหน้าคลุมเคลือของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของเขา เขาส่ายหัวและจับมือเวินหนี่แน่น “เธอยังไม่ได้ตอบฉัน เธอชอบเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?”เวินหนี่ตอบกลับ “ฉันชอบเขามาก”หนึ่งประโยคจุดชนวนความโกรธในใจของเย่หนานโจว“แต่...อื้อ…”ก่อนที่เวินหนี่จะพูดจบ เย่หนานโจวก็จูบลงบนริมฝีปากของเธอด้วยความโกรธสิ่งนี่ทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย เธอเบิกตากว้าง และเห็นเย่หนานโจวจูบเธออย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังระบายความโกรธ เขาค่อย ๆ วางมือลงบนเอวของเธอร่างกายของเขาร้อนผ่าวราวกับน้ำร้อนลวกที่กัดกร่อนเธอทีละน้อย“เย่หนานโจว...”เวินหนี่เรียกชื่อของเขา แต่มันก็เหมือนยิ่งเร่งปฏิกิริยาทำให้เย
เสียงเรียกเข้าทำให้สถานการณ์สงบลงเย่หนานโจวผละตัวออกจากเวินหนี่ พลางจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนาผู้ชายที่เธอชอบคืออาจ้าน เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรฉกฉวยสิ่งล้ำค่าที่สุดของเธอไปเขาหายใจเข้าลึกเพื่อสงบอารมณ์หงุดหงิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นรายชื่อผู้โทรเข้าเขาก็กดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วยัดมันลงในกระเป๋าเขามีสติมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำแหบแห้ง “ฉันจะไปอาบน้ำ”พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปก่อนจะตามมาด้วยเสียงน้ำจากฝักบัวเวินหนี่นอนเงียบ ๆ บนเตียง ถ้าบอกว่าไม่ผิดหวังก็คงจะเป็นการโกหก มาถึงจุดนี้แล้วเขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองได้ คงเพราะต้องการปกป้องตัวเองไว้เพื่อลู่ม่านเซิงสินะแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็รู้ว่าคนที่โทรหาเขาตลอดคือลู่ม่านเซิง แถมเธอยังแอบเห็นรายชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขาเมื่อกี้นี้ด้วย แม้ว่าจะถูกวางยา แต่เขาก็ยังครองสติไว้ได้ นั่นหมายความว่าเขาต้องรักลู่ม่านเซิงมากแค่ไหนกัน เวินหนี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งและดึงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เมื่อเห็นตัวเองในกระจกที่ดูซีดเซียว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็รู้
เห็นได้ชัดว่าเธอชอบเขามาก…วันถัดมาเวินหนี่ตื่นขึ้นและเห็นเย่หนานโจวกำลังผูกเน็คไทเมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เย่หนานโจวจึงเอ่ยขึ้นว่า “นมวางอยู่ข้างเตียง ถ้าตื่นแล้วก็ดื่มมันซะ”เวินหนี่มองไปที่ข้างเตียงอย่างไม่รู้ตัวแล้วถามขึ้นว่า “คุณจะไปไหนคะ?”เธอยังไม่ลืมสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนนี้ว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วจะกลับบ้านด้วยกัน“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย” เย่หนานโจวมองเธอ “ฉันจะให้คนขับรถพาเธอกลับไปส่งที่บ้านก่อน”เวินหนี่นั่งอยู่ที่ขอบเตียงและมองไปที่เย่หนานโจวเงียบ ๆเย่หนานโจวแต่งตัวเสร็จแล้วและเห็นว่าเวินหนี่ยังคงนิ่งเงียบ เขาจึงเดินไปหยิบนมที่อยู่ข้างเตียงแล้วยื่นมันให้กับเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ “ดื่มตอนที่ยังร้อนอยู่”เวินหนี่รับมาและเม้มริมฝีปาก “ฉันจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณไม่ชอบดื่มนม”“แค่เธอชอบก็พอแล้ว”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขาเมื่อก่อนเขามักจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนี้ มีคนรับใช้บอกเธอว่าเขาไม่ชอบของหวานหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยดื่มนมอีกเลยเวินหนี่ยกแก้วขึ้นดื่ม มันคือนมรสหวานรสชาติที่ห่างหายไปนานสมัยก่อนตอนเรียนเธอมั
แท้จริงแล้วพวกเขาคือสามีภรรยากันเช่นนั้นเขาจะต้องให้ความเคารพเธอมากขึ้น จะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เวินหนี่ถามทั้ง ๆ ที่รู้ “เย่หนานโจวเข้าไปแล้วใช่ไหม?”“ประธานเย่...เพิ่งเข้าไปได้ไม่นานครับ” เผยชิงกระอึกกระอักตอบเวินหนี่มองไปที่นักข่าวตรงประตู และมันก็เป็นไปตามที่เธอคิดเพื่อลู่ม่านเซิงแล้วเขาไม่ลังเลใจและไม่ระวังตัวเลยเผยชิงกลัวว่าเธอจะคิดมากเกินไปจึงรีบอธิบายขึ้นว่า “คุณผู้หญิง อย่าเข้าใจประธานเย่ผิดนะครับ เขามาที่โรงพยาบาลเพราะเรื่องงาน”เวินหนี่ยิ้มแล้วพูดกับเขา “ฉันไม่ได้เข้าใจผิด คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร”เผยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็ดีครับ”มีนักข่าวอยู่ที่ประตูหน้า เวินหนี่ยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวจึงเดินอ้อมไปเข้าโรงพยาบาลผ่านทางประตูหลังแทนเมื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบน เธอก็เห็นผู้ช่วยของลู่ม่านเซิง และพอจะรู้ได้ว่าลู่ม่านเซิงพักอยู่ในวอร์ดไหนลู่ม่านเซิงอยู่ในห้อง VIP ซึ่งค่อนข้างเงียบสงบ ทันทีที่เธอเดินผ่านก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ของลู่ม่านเซิง “พวกคุณช่วยฉันทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ๆ ไปซะ ตอนนี้มันมีหมายความอะไร ฉันอยู่ไปแล้วจะม
เสียงของผู้ช่วยทำให้สองคนข้างในตกใจเย่หนานโจวมองมา เห็นเวินหนี่ยืนอยู่ที่ประตู เขาจึงรีบปล่อยลู่ม่านเซิงทันทีเมื่อเวินหนี่ถูกจับได้ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอก้มหน้าลงเพื่อหลีกเลี่ยง ก่อนจะเดินออกไปเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะจากไป เย่หนานโจวก็รีบไล่ตามเธอไปทันที “เวินหนี่!”เวินหนี่เดินเร็วมาก เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเย่หนานโจวอย่างไรแต่เย่หนานโจวก็ตามมาทันและจับมือเธอไว้เวินหนี่หันกลับไป ดวงตาของเธอแดงก่ำ และมองเย่หนานโจวด้วยดวงตาว่างเปล่าเย่หนานโจวยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาจากหางตาของเธอ แต่เวินหนี่ก็เบี่ยงหน้าหลบแล้วพูดว่า “คุณไปดูแลลู่ม่านเซิงเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาล?” เย่หนานโจวไม่ตอบเธอ แต่ถามกลับไปแทน “รู้สึกไม่สบายเหรอ?หรือว่าผื่นบนร่างกายมันกำเริบ”เขาเปิดแขนเสื้อของเธอเพื่อตรวจดูตอนนี้เวินหนี่รู้สึกเจ็บปวดใจมาก เธอดึงมือตัวเองกลับไม่ให้เขาดู“ฉันไม่เป็นไร” เวินหนี่มองไปที่วอร์ด “เรื่องสำคัญที่คุณพูดถึงเมื่อวานนี้ก็คือลู่ม่านเซิงสินะคะ”สำหรับเขาแล้วลู่ม่านเซิงคืออันดับหนึ่งเสมอหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาก็จะรีบมาโดยไม่ลังเลใจเลย“เส้นเส
เขาพูดคำแบบนี้ออกมาได้ยังไงลู่ม่านเซิงตกใจและหยุดร้องไห้ เธอจ้องไปที่เย่หนานโจวด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาแตกต่างจากคนที่เธอรู้จักอย่างสิ้นเชิงเมื่อก่อนเขาเป็นห่วงเธอที่สุด และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมให้เธอเสียใจแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่สงสารเธอ และแม้แต่การปลอบใจเล็กน้อยเขาก็ไม่ทำเธอไม่เชื่อว่านี่คือเย่หนานโจวเขาจะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆลู่ม่านเซิงปล่อยมือและพยายามฝืนยิ้ม แต่ก็ทำไม่ได้ “จบกันงั้นเหรอ พี่จะจบกับฉันยังไง?”เย่หนานโจวพูดขึ้น “รักษาหูของเธอให้หายซะ”“ไม่ ให้ฉันตายไปยังจะดีซะกว่า!” ลู่ม่านเซิงอารมณ์พุ่งขึ้นอีกครั้ง เธอคว้ามีดปอกผลไม้ข้าง ๆ และกำลังจะกรีดข้อมือตัวเองเมื่อผู้ช่วยเห็นดังนั้นจึงรีบห้ามเธอ “พี่ม่านเซิงอย่าทำแบบนี้…”ดวงตาของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดง “พี่หนานโจว ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อพี่ ฉันรักพี่มากจนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพี่ด้วยซ้ำ พี่ติดหนี้ชีวิตฉัน ชดใช้ยังไงก็ไม่หมด เราสองคนไม่มีทางจบกันได้!”จากนั้นหมอก็เข้ามา เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของลู่ม่านเซิงไม่มั่นคง จึงพูดกับเย่หนานโจวว่า “คุณเย่ครับ ผู้ป่วยมีอารมณ์ไม่มั่นคง ห้ามกระ