เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หนานโจวก็ตกใจ เขาขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “อยู่ที่ไหน ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”“พี่หนานโจว เกิดอะไรขึ้นคะ?” ลู่ม่านเซิงเห็นว่าเขาดูเป็นกังวลมากจึงถามขึ้น“เกิดเรื่องขึ้นกับเวินหนี่!”เย่หนานโจวไม่มีเวลามองเธอและรีบวิ่งออกไปทันทีลู่ม่านเซิงเห็นเพียงเขาดูเร่งรีบและดูเป็นห่วงเวินหนี่มาก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ตอนกลางวันเวินหนี่ยังดี ๆ อยู่เลย จู่ ๆ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหล่อนได้อย่างไรเธอมองกล่องของขวัญที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่ไม่ได้ถูกเอาไปด้วย แล้วรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ผู้ช่วยที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเวินหนี่ยังสบายดีอยู่เลย จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอได้ยังไงกัน? คงไม่ใช่เป็นเพราะว่ารู้ว่าคุณเย่อยู่ที่นี่เลยจงใจสร้างปัญหาเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนหรอกนะคะ”ใบหน้าของลู่ม่านเซิงซีดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพูดอย่างเหมาะสม “ไม่หรอก เวินหนี่ไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้น คงมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอจริง ๆ ฉันกำลังคิดว่าฉันควรจะไปช่วยดีไหม”“พี่ม่านเซิง พี่ใจดีเกินไปแล้ว เวินหนี่คนนี้ไม่ธรรมดา” ผู้ช่วยกล่าวต่อ “พี่จะปล่อยให้เธอรังแกไม่ได้นะค
เย่จื่อยืนขวางประตูและจ้องเขม็งไปที่เย่หนานโจวเมื่อเย่หนานโจวเห็นเย่จื่อ เขาชะงักฝีเท้า ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะร้องเรียก “คุณอา”“ก็รู้ดีนี่ว่าฉันเป็นอาแก” เย่จื่อทนฟังคำพูดเหล่านั้นของเขาไม่ได้ จึงต่อว่าไปฉาดใหญ่ “แกจะทิ้งเวินหนี่ไว้คนเดียวแล้วไปหายัยมือที่สามแซ่ลู่อะไรนั่นใช่ไหม!”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วโต้กลับ “แค่ได้ยินเสียงลมก็อย่าคิดว่าฝนจะตก อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะครับ”เมื่อเวินหนี่ได้ยินแบบนั้น เธอก็เม้มริมฝีปากด้วยรอยยิ้มขมขื่นไม่ว่าเมื่อใด คนที่เขาปกป้องก็คือลู่ม่านเซิงเสมอเย่จื่อไม่เชื่อ “คิดว่าฉันไม่รู้จักแกดีงั้นเหรอ นอกจากผู้หญิงคนนั้นยังจะมีใครที่ทำให้แกทิ้งเวินหนี่ไปได้อีก คนที่จากไปไม่บอกไม่กล่าวก็คือหล่อนไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ท้องฟ้าจะถล่มหรือหล่อนกำลังจะตายถึงได้ขาดแกไม่ได้ วันนี้แกไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนทั้งนั้น อยู่ดูแลเวินหนี่ที่นี่ซะ”ท่าทีของเย่จื่อนั้นแข็งกร้าวและเย่หนานโจวก็เคารพอาคนนี้มาก จึงตอบเธอไปอย่างใจเย็น “ผมยังมีงานที่ต้องทำ”“ต่อให้จะล้มละลาย แกก็ห้ามไป!” เย่จื่อเตือน “มีเรื่องอะไรที่สำคัญไปมากกว่าเวินห
เธอแพ้แอลกอฮอล์และคันไปทั้งตัว เย่หนานโจวเป็นคนที่คอยดูแลเธอ ทำให้เธอไม่เกาผิวของตัวเอง จริงสินะ แม้ว่าระหว่างเธอกับเย่หนานโจวจะไม่ได้มีความรัก แม้ว่าเธอจะไม่มีความสุขในตระกูลเย่ แต่บางครั้งก็ยังได้รับความสงสารจากเขาเธอชักมือออก รู้สึกขมฝาดในปากแต่ก็ยังตอบเขาไปว่า “เดี๋ยวมันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเองค่ะ ยาแก้แพ้ใช่ว่าจะเห็นผล คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คุณยังมีธุระที่ต้องไปทำไม่ใช่เหรอคะ? ฉันจะเปิดประตูให้เอง อย่าถือสาคำพูดของคุณอาเลย ถึงคุณจะออกไปแล้ว ฉันก็จะไม่พูดอะไรกับคุณอา”เธอเดินไปเปิดประตู แต่ก็พบว่ามันถูกล็อคและไม่สามารถเปิดจากด้านในได้“คืนนี้พวกเรานอนที่นี่กันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าประตูก็เปิดเอง ถึงตอนนั้นแล้วค่อยกลับบ้าน” เย่หนานโจวรู้ดีว่าหากเย่จื่อมามุกนี้ คืนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้แน่เวินหนี่ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ “อ้อ”เย่หนานโจวถอดชุดสูทออก สวมเพียงเสื้อเชิ้ตของเขาแล้วมองไปที่เธออีกครั้ง “หิวหรือเปล่า?”วันนี้เวินหนี่ทานแค่อาหารเช้าไปเท่านั้นตอนอยู่กับเย่จื่อก็ดื่มกาแฟไปแค่ไม่กี่จิบ“นิดหน่อยค่ะ” เย่หนานโจวยกโทรศัพท์ในห้องขึ้น พอโทรติดปลายสายก็แทรก
เมื่อเวลาผ่านไปเขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและสงบลงเย่หนานโจวสังเกตเห็นว่าเธอกำลังจ้องมองเขา มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “มองฉันแบบนี้นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่”เวินหนี่เชิดคางขึ้น เมื่อถูกเขาจับได้จึงเบือนหน้าหนีอย่างร้อนตัว “เปล่าค่ะ”“เมื่อกี้เธอแอบมองฉันชัด ๆ”เวินหนี่ตอกกลับ “ถ้าคุณไม่ได้มองฉันอยู่ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าฉันแอบมองคุณ”“ก็ได้ ฉันแอบมองเธอจริง ๆ นั่นแหละ” เย่หนานโจวยอมรับ เขาแอบสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ สิ่งนี้ทำให้เวินหนี่พูดไม่ออก เธอแค่รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมากเย่หนานโจวยื่นสเต็กที่หั่นแล้วให้เธอ “หั่นเสร็จแล้ว กินสิ”เวินหนี่มีความสุขกับการดูแลเอาใจใส่ของเขา และรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ เพียงแค่เย่หนานโจวก้าวเข้าหาเธอเพียงก้าวเดียว เธอก็รู้สึกราวกับว่าโลกนี้มันช่างสวยงามเธอหยิบมีดและส้อมขึ้นมาก่อนจะพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าฉันคิดอะไรตอนที่มองคุณเมื่อกี้นี้”เย่หนานโจวจิบไวน์อย่างสงสัย “คิดอะไร?”“ฉันกำลังคิดว่าหลายปีที่ผ่านมา ฉันโชคดีมาก ไม่เคยลำบากในชีวิตหรือการทำงานเลย” เวินหนี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อก่อนครอบครัวของฉันไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่พ่อก
มันน่าจดจำมากแค่ไหนสำหรับเธอแต่สำหรับเย่หนานโจวมันไม่มีค่าพอให้พูดถึงด้วยซ้ำเธอรู้สึกเสียใจ สำหรับเย่หนานโจวมันไม่ควรค่าแก่การจดจำเลยสินะ“เงียบทำไม?” เย่หนานโจวฉุนเฉียวเมื่อเห็นว่าเธอยังคงเงียบ เขาจับคางของเธอขึ้นมา “ฉันพูดแทงใจดำงั้นเหรอ?”เวินหนี่มองเขา จ้องมองดวงตาที่เย็นชาของเขาแล้วถามออกไปว่า “เย่หนานโจว ในใจของคุณเคยมีประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงบ้างไหม?”เย่หนานโจวมองเธอ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จู่ ๆ ก็มีใบหน้าคลุมเคลือของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของเขา เขาส่ายหัวและจับมือเวินหนี่แน่น “เธอยังไม่ได้ตอบฉัน เธอชอบเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?”เวินหนี่ตอบกลับ “ฉันชอบเขามาก”หนึ่งประโยคจุดชนวนความโกรธในใจของเย่หนานโจว“แต่...อื้อ…”ก่อนที่เวินหนี่จะพูดจบ เย่หนานโจวก็จูบลงบนริมฝีปากของเธอด้วยความโกรธสิ่งนี่ทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย เธอเบิกตากว้าง และเห็นเย่หนานโจวจูบเธออย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังระบายความโกรธ เขาค่อย ๆ วางมือลงบนเอวของเธอร่างกายของเขาร้อนผ่าวราวกับน้ำร้อนลวกที่กัดกร่อนเธอทีละน้อย“เย่หนานโจว...”เวินหนี่เรียกชื่อของเขา แต่มันก็เหมือนยิ่งเร่งปฏิกิริยาทำให้เย
เสียงเรียกเข้าทำให้สถานการณ์สงบลงเย่หนานโจวผละตัวออกจากเวินหนี่ พลางจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนาผู้ชายที่เธอชอบคืออาจ้าน เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรฉกฉวยสิ่งล้ำค่าที่สุดของเธอไปเขาหายใจเข้าลึกเพื่อสงบอารมณ์หงุดหงิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นรายชื่อผู้โทรเข้าเขาก็กดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วยัดมันลงในกระเป๋าเขามีสติมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำแหบแห้ง “ฉันจะไปอาบน้ำ”พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปก่อนจะตามมาด้วยเสียงน้ำจากฝักบัวเวินหนี่นอนเงียบ ๆ บนเตียง ถ้าบอกว่าไม่ผิดหวังก็คงจะเป็นการโกหก มาถึงจุดนี้แล้วเขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองได้ คงเพราะต้องการปกป้องตัวเองไว้เพื่อลู่ม่านเซิงสินะแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็รู้ว่าคนที่โทรหาเขาตลอดคือลู่ม่านเซิง แถมเธอยังแอบเห็นรายชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขาเมื่อกี้นี้ด้วย แม้ว่าจะถูกวางยา แต่เขาก็ยังครองสติไว้ได้ นั่นหมายความว่าเขาต้องรักลู่ม่านเซิงมากแค่ไหนกัน เวินหนี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งและดึงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง เมื่อเห็นตัวเองในกระจกที่ดูซีดเซียว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็รู้
เห็นได้ชัดว่าเธอชอบเขามาก…วันถัดมาเวินหนี่ตื่นขึ้นและเห็นเย่หนานโจวกำลังผูกเน็คไทเมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เย่หนานโจวจึงเอ่ยขึ้นว่า “นมวางอยู่ข้างเตียง ถ้าตื่นแล้วก็ดื่มมันซะ”เวินหนี่มองไปที่ข้างเตียงอย่างไม่รู้ตัวแล้วถามขึ้นว่า “คุณจะไปไหนคะ?”เธอยังไม่ลืมสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนนี้ว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วจะกลับบ้านด้วยกัน“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย” เย่หนานโจวมองเธอ “ฉันจะให้คนขับรถพาเธอกลับไปส่งที่บ้านก่อน”เวินหนี่นั่งอยู่ที่ขอบเตียงและมองไปที่เย่หนานโจวเงียบ ๆเย่หนานโจวแต่งตัวเสร็จแล้วและเห็นว่าเวินหนี่ยังคงนิ่งเงียบ เขาจึงเดินไปหยิบนมที่อยู่ข้างเตียงแล้วยื่นมันให้กับเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ “ดื่มตอนที่ยังร้อนอยู่”เวินหนี่รับมาและเม้มริมฝีปาก “ฉันจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณไม่ชอบดื่มนม”“แค่เธอชอบก็พอแล้ว”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขาเมื่อก่อนเขามักจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนี้ มีคนรับใช้บอกเธอว่าเขาไม่ชอบของหวานหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยดื่มนมอีกเลยเวินหนี่ยกแก้วขึ้นดื่ม มันคือนมรสหวานรสชาติที่ห่างหายไปนานสมัยก่อนตอนเรียนเธอมั
แท้จริงแล้วพวกเขาคือสามีภรรยากันเช่นนั้นเขาจะต้องให้ความเคารพเธอมากขึ้น จะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เวินหนี่ถามทั้ง ๆ ที่รู้ “เย่หนานโจวเข้าไปแล้วใช่ไหม?”“ประธานเย่...เพิ่งเข้าไปได้ไม่นานครับ” เผยชิงกระอึกกระอักตอบเวินหนี่มองไปที่นักข่าวตรงประตู และมันก็เป็นไปตามที่เธอคิดเพื่อลู่ม่านเซิงแล้วเขาไม่ลังเลใจและไม่ระวังตัวเลยเผยชิงกลัวว่าเธอจะคิดมากเกินไปจึงรีบอธิบายขึ้นว่า “คุณผู้หญิง อย่าเข้าใจประธานเย่ผิดนะครับ เขามาที่โรงพยาบาลเพราะเรื่องงาน”เวินหนี่ยิ้มแล้วพูดกับเขา “ฉันไม่ได้เข้าใจผิด คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร”เผยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็ดีครับ”มีนักข่าวอยู่ที่ประตูหน้า เวินหนี่ยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวจึงเดินอ้อมไปเข้าโรงพยาบาลผ่านทางประตูหลังแทนเมื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบน เธอก็เห็นผู้ช่วยของลู่ม่านเซิง และพอจะรู้ได้ว่าลู่ม่านเซิงพักอยู่ในวอร์ดไหนลู่ม่านเซิงอยู่ในห้อง VIP ซึ่งค่อนข้างเงียบสงบ ทันทีที่เธอเดินผ่านก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ของลู่ม่านเซิง “พวกคุณช่วยฉันทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ๆ ไปซะ ตอนนี้มันมีหมายความอะไร ฉันอยู่ไปแล้วจะม
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ
[ตอนนี้เลย! ตอนนี้ได้เลยจ้ะ!]ลู่ม่านเซิงยิ้มมุมปาก เธอรู้ว่าเย่ซูเฟินต้องอยากมาเจอเธอแน่นอน เธอแค่ต้องนั่งรอที่นี่ก็พอเธอเดินวนไปรอบ ๆ แต่ก็ยังรู้สึกสนใจห้องนอนใหญ่ จึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีใครพักอยู่ที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้วเธอเปิดตู้เสื้อผ้าทันที ข้างในมีชุดนอนของผู้หญิงอยู่หลายชุดมีบางตัวที่เอาป้ายออกแล้ว บางตัวก็ยังไม่ได้เอาป้ายออกยังมีชุดนอนแบบสายเดี่ยวเซ็กซี่อยู่หลายชุดด้วยเธอหยิบมันออกมาลองทาบบนตัวเอง แล้วหมุนตัวไปมาหน้ากระจกถ้าเธอสวมมันแล้วหมุนตัวต่อหน้าเย่หนานโจว เขาต้องคิดว่าเธอดูดีแน่ ๆเธอไม่ได้อยู่ในห้องนานนัก เพราะโอกาสบางอย่างรอได้เธอมองไปที่เตียงใหญ่ คิดภาพตัวเองกับเย่หนานโจวอยู่บนเตียงนั้น ในฉากอันเร่าร้อนยี่สิบนาทีผ่านไปเย่ซูเฟินก็มาถึงว่างเจียงหยวนเธอส่งเสียงเรียกมาตั้งแต่หน้าประตู “เซิงเซิง! เซิงเซิง!”แต่ลู่ม่านเซิงไม่ได้ออกมาเมื่อเย่ซูเฟินไม่เห็นลู่ม่านเซิงในห้องนั่งเล่น เธอจึงถามว่า “เซิงเซิงอยู่ไหน? ไม่ใช่ว่าเธออยู่ที่ว่างเจียงหยวนหรือไง?”“คุณลู่อยู่ข้างบนค่ะ” คนรับใช้ตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วบอกว่า “คุณลู่หูหนวกอ
ไม่เป็นไรวันเวลายังอีกยาวไกล สักวันหนึ่งเธอจะได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แน่นอนลู่ม่านเซิงรู้สึกว่าเธอได้ก้าวเข้าใกล้เป้าหมายนั้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงมองไปที่เผยชิง ซึ่งมากับเธอในวันนี้เพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดของเย่หนานโจว และเพราะเธอรู้ว่า ‘ต้องเกรงใจคนที่ให้ความช่วยเหลือ’ ลู่ม่านเซิงจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เธอถามอย่างเป็นมิตรว่า “คุณเผย ช่วงนี้พี่หนานโจวมาอยู่ที่นี่บ่อยไหม?”เผยชิงตอบเธอโดยใช้โทรศัพท์พิมพ์ว่า “ช่วงนี้เขาอยู่ที่นี่บ่อยขึ้น แต่หลายวันแล้วที่ประธานเย่ไม่ได้มาที่นี่ครับ”“เขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเหรอ?” ลู่ม่านเซิงไม่ได้ติดต่อกับเย่ซูเฟินมานานแล้ว ช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาเลยมีหลายครั้งที่เย่ซูเฟินส่งข้อความมาหา แต่เธอยุ่งจนลืมตอบไป“ประธานเย่จะกลับไปเป็นบางครั้งครับ” เผยชิงตอบอย่างจงใจ “แต่คุณผู้หญิงไม่ค่อยชอบกลับไปที่นั่น ประธานเย่ก็เลยไม่ชอบกลับไปมากนัก”ลู่ม่านเซิงเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วถามต่อว่า “แล้วช่วงนี้เขาจะมาที่นี่ไหม?”“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ” เผยชิงตอบ “ช่วงนี้ประธานเย่ยุ่งกับงานม
ลู่เซินยังไม่เข้าใจทั้งหมดเมื่อก่อนเขาสนใจเวินหนี่มากจนละเลยข้อมูลสำคัญ เป็นไปได้ว่าเขาอาจมองผิดไป แล้วเวินหนี่ที่ผ่านเรื่องราวนั้นมาล่ะ? หรือว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่เขียนผิด?เวินหนี่เห็นลู่เซินคิดหนักตั้งแต่เมื่อครู่จึงถามว่า “ลู่เซิน กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”ลู่เซินดึงสติกลับมา “ไม่มีอะไร สั่งอาหารเถอะ”“ฉันสั่งเรียบร้อยแล้ว” เวินหนี่บอก “คุณอาจะดื่มเบียร์หน่อย นายก็ดื่มด้วยนะ”“โอเค”ทั้งสองออกจากห้องทำงานเย่จื่อนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสงบ สำหรับเธอ ตอนนี้การดูทีวีก็เป็นการฆ่าเวลาในทีวีกำลังออกข่าวฉาวของเธอเวินหนี่เดินเข้าไปนั่งดูทีวีด้วย เธอเห็นว่าในจอมีภาพเจียงเมิ่งเหยาในห้องพักฟื้น “ดูตามกล้องมานะคะ นี่คือเหยื่อของเรา ลู่ม่านเซิง คุณลู่คะ คุณยังได้ยินอยู่ไหมคะ?”ลู่ม่านเซิงดูไม่ค่อยพอใจกับกล้อง “ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่ให้สัมภาษณ์”“คุณลู่คะ” เจียงเมิ่งเหยาเรียกอีกครั้ง“ฉันไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้นตอนนี้!” ลู่ม่านเซิงดูซีดเซียว อ่อนแอมาก เหมือนนางเอกในเรื่องเศร้าเจียงเมิ่งเหยาฉวยโอกาสนี้ ชี้ไปที่กล้องแล้วพูดว่า “คุณลู่
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็แสดงความตกใจออกมา "เป็นไปได้ยังไง ต้องเป็นเวินหนี่สิ"ตอนนั้น เขาชอบเวินหนี่มาก เขาห่วงใยเธอจนต้องรีบกลับประเทศในคืนนั้นผู้ช่วยที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ก็ยังคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ และคิดว่าตัวเองอาจเข้าใจผิด "ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่า คุณกับเวินหนี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่คนนี้อายุน้อยกว่าคุณหนึ่งปี"เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็ยิ่งตกใจ เขารีบเดินเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ไปพิจารณาอย่างละเอียดแม้ว่าหนังสือพิมพ์จะเก่าแล้ว แต่ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี หัวข้อข่าวยังคงชัดเจน ข่าวระบุว่าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรม มีคนตายจำนวนมาก และผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ…สายตาของลู่เซินนิ่งงัน เขาตกใจจนต้องกะพริบตาสองสามครั้ง ราวกับว่าเขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ที่ต่างจากที่เคยเห็นมาก่อนผู้รอดชีวิตในหนังสือพิมพ์ก็ชื่อเวินหนี่เหมือนกัน แต่เป็นนักเรียนที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี นั่นหมายความว่าไม่ใช่เวินหนี่ที่เขารู้จักมันเกิดอะไรขึ้น?สีหน้าของลู่เซินเริ่มเปลี่ยนไป เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผิดคือหนังสือพิมพ์หรืออะไรบางอย่างในกระบวนการนี้เวินหนี่เค