แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: เซียงปู้อี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-25 13:24:45
ใบหน้าของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอปล่อยมือและปิดใบหน้าของตัวเอง น้ำตาที่ไหลลงมายิ่งทำให้เธอดูน่าสงสาร

เหมาะกับการอยู่หน้าจอจริง ๆ แสร้งทำเป็นน่าสงสารได้สมจริงเหลือเกิน

หากไม่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเธอก่อนหน้านี้ เวินหนี่ก็คงหลงเชื่อและสงสารเธอ

“กรุณาให้เกียรติฉันด้วย!” เวินหนี่พูดอย่างรุนแรง

ลู่ม่านเซิงร้องไห้หนัก และพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่เวินหนี่ ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีนะคะ พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ได้แย่งผู้ชายของพี่นะคะ ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิด…”

“เวินหนี่!”

เสียงของเย่หนานโจวดังขึ้นไม่ไกล

เวินหนี่ตกใจมาก ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

แล้วก็คิดได้ว่านี่อาจเป็นละครที่ลู่ม่านเซิงกำกับขึ้นสินะ

เธอมองใบหน้าที่เย็นชาของเย่หนานโจว ดวงตาของเขาที่เฉียบคม ราวกับว่าเธอทำผิดมหันต์

เย่หนานโจวก้าวเข้ามาและดึงลู่ม่านเซิงที่อ่อนแอออกจากตัวเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา

กำลังนั้นแรงมากจนเวินหนี่สั่นสะเทือนและถอยหลังไปสองสามก้าว

“พี่หนานโจว” ลู่ม่านเซิงน้ำตาไหลพราก

เย่หนานโจวจ้องเวินหนี่อย่างเย็นชาและพูดขึ้นเสียงแข็ง “ขอโทษเธอซะ!”

เวินหนี่มองดูพวกเขา โดยเฉพาะคำพูดเย็นชาของเย่หนานโจวที่มันแทงใจเธออย่างแรง

เธอล้มก้นกระแทกพื้นอย่างแรง แต่ยังคงอดทนกับเจ็บปวดใจ “ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย?”

“เธอตบลู่ม่านเซิง คิดว่าฉันไม่เห็นหรือไง?” เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา

ลู่ม่านเซิงห้ามเย่หนานโจวด้วยท่าทางน่าสงสาร “หนานโจว อย่าโทษพี่เวินหนี่เลยค่ะ ฉันผิดเองที่ทำให้เธอไม่พอใจ”

“นี่ไม่ใช่เหตุผลให้เธอเอาแต่ใจ!”

ที่นี่คนน้อย ไม่มีนักข่าว และไม่มีใครถ่ายรูป

มันทำให้พวกเขาสามารถแสดงความรักต่อกันได้อย่างโจ่งแจ้ง

เวินหนี่รู้สึกหายใจไม่ออก คนที่มั่นใจเกินไปมักจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายแบบนี้เองสินะ

เธอเป็นอะไรสำหรับเย่หนานโจว

เธอเหมือนคนแปลกหน้ามากกว่าภรรยาของเขาเสียอีก

เวินหนี่มองไปที่เย่หนานโจวอย่างเฉยเมย และยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่เคยเอาแต่ใจต่อหน้าคุณเลยสักครั้งเดียว”

เธอไม่เคยเอาแต่ใจ

ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น

เด็กที่เชื่อฟังจะไม่มีขนมกิน

ประโยคนี้พูดไว้ไม่ผิดเลย

เธออยู่กับเย่หนานโจวมานาน ตอนเข้าสังคมและต้องดื่มจนเมา เธอก็โบกแท็กซี่กลับบ้านเอง

เวลาเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ก็ไปโรงพยาบาลเอง ไม่ทำให้เขาต้องลำบาก

เธอไม่เคยทำให้เขาต้องเป็นกังวล แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่าเธอเป็นกำแพงเหล็กที่บาดเจ็บไม่เป็น

“ขอโทษลู่ม่านเซิงซะ ต้องให้ฉันพูดเป็นครั้งที่สองใช่ไหม?” เย่หนานโจวขมวดคิ้วอย่างไม่อดทน

เวินหนี่ยอมได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้เธอยอมไม่ได้ จึงกล่าวขึ้นอย่างดื้อรั้น “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย!”

“เธอต้องทำให้ฉันไม่พอใจให้ได้เลยใช่ไหม?”

เวินหนี่รู้ว่าความอดทนของเย่หนานโจวถึงขีดจำกัดแล้ว และหากเธอยังต่อต้าน เธอจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน

ตอนนั้นเอง

“พวกคุณอย่ารังแกคนอื่นให้มันมากนัก!”

ทันทีถังเยามาถึงก็เห็นเวินหนี่ถูกพวกเขารังแก หน้าเธอเปลี่ยนสีและเข้ามาปกป้องเวินหนี่ทันที “พวกคุณคิดว่าจะรังแกเวินหนี่ยังไงก็ได้ และไม่มีคนคอยช่วยเธอหรือไง? ถึงได้สร้างความลำบากกับเธอแบบนี้! เย่หนานโจว เวินหนี่ยังไม่ได้หย่ากับคุณนะ แต่กลับมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมือที่สามคนนี้ ข้างนอกยังมีนักข่าวอยู่มากมาย จะให้ฉันเรียกพวกเขาเข้ามาดูเรื่องนี่ตลกดีไหมคะ!”

เย่หนานโจวเหลือบมองที่ถังเยาอย่างเย็นชา

“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” เขาพูดอย่างเย็นชา

ถังเยาที่กำลังมั่นใจ แต่เมื่อถูกเขาจ้องมองแบบนี้ ก็รู้สึกไม่สามารถเอาชนะออร่านั้นได้ “ฉันหมายความว่าอย่าทะเลาะกันให้ใหญ่โต เพราะสุดท้ายแล้วมันไม่มีผลดีกับใคร!”

เธอมองไปที่ลู่ม่านเซิงแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้มีคนมาที่นี่มากมาย พวกคุณคงไม่อยากสร้างปัญหาใหญ่ต่อหน้าสื่อหรอกใช่ไหม?”

ลู่ม่านเซิงไม่ต้องการสร้างปัญหามากเกินไป เธอคว้าแขนเสื้อของเย่หนานโจว และแสดงท่าทางอ่อนแอ “พี่หนานโจวช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ติดใจอะไร ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย พี่ช่วยพยุงฉันลงไปพักผ่อนหน่อยได้ไหมคะ?”

เย่หนานโจวมองย้อนกลับมาที่ลู่ม่านเซิง และเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดมาก เขาจึงจับแขนเธอไว้ “ถ้าเหนื่อยก็ไม่จำเป็นต้องมาร่วมงานแบบนี้!”

เขาไม่ได้สาวความไปมากกว่า พยุงลู่ม่านเซิงเดินออกไปจากพวกเธอ

เวินหนี่มองดูด้านหลังของพวกเขาที่จากไป ไม่ได้อธิบายอะไรให้เธอฟังสักนิดแล้วก็จากไปทั้งแบบนั้น

สิ่งนี้ทำให้เธอดูน่าขัน

ตัวตน “คุณหญิงตระกูลเย่” ของเธอนั้นมีหมายความอะไรกัน เย่หนานโจวไม่เคยถือว่าเธอเป็นภรรยาของเขาด้วยซ้ำ

เมื่อถังเยาเห็นพวกเขาเดินออกไป ก็ได้สาปแช่งตามหลัง “หญิงร้ายชายเลว! น่าขยะแขยงจริง ๆ”

เมื่อมองกลับไปที่เวินหนี่ก็เห็นดวงตาของเธอเปียกโชก และดวงตาของเธอก็กำลังมองตามทิศทางที่พวกเขาจากไป ถังเยาพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ อย่าโกรธไปเลย ฉันไม่รู้ว่าลู่ม่านเซิงจะมา ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมา ฉันจะเป็นคนห้ามไม่ให้เธอเข้ามาเอง ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมาเสียใจแบบนี้”

การที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความขี้ขลาดนั้นไม่ใช่การเติมเชื้อเพลิงให้กับไฟ

ถังเยาทนไม่ได้ที่จะเห็นเพื่อนรักโศกเศร้า

เวินหนี่มองไปทางอื่นและค่อย ๆ คลายหมัดที่กำแน่นของเธอออก “ต่อให้ไม่ได้เจอที่นี่ แต่สักวันก็ต้องเจอที่ไหนสักแห่งอยู่ดี”

อีกด้าน เย่หนานโจวพยุงลู่ม่านเซิงไปที่ห้องพักผ่อน หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว เขาก็รีบปล่อยเธออย่างรวดเร็ว

เขาถามขึ้นว่า “หน้าเธอเป็นยังไงบ้าง?”

ลู่ม่านเซิงได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว จึงตอบไปว่า “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

เย่หนานโจวจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ ดวงตาของเขาหรี่ลง “หน้าแดงขนาดนี้ เธอล้อฉันเล่นหรือไง?”

ลู่ม่านเซิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแตะแก้มตัวเอง เธอรู้สึกร้อนและเจ็บปวดเล็กน้อย “แรงตบหนักมากก็จริง แต่เวินหนี่เธอกำลังโกรธ และเธอก็ไม่ได้ตั้งใจ…”

“หน้าเป็นแบบนี้จะถ่ายปกนิตยสารยังไง?” เย่หนานโจวขัดจังหวะ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หน้าบวมขนาดนี้ ใช้รองพื้นปกปิดได้ไหม? อย่าให้มันกระทบกับงานของเธอ”

ลู่ม่านเซิงตระหนักได้ว่า เธอจะไปช่วยบริษัทถ่ายนิตยสารในช่วงบ่าย “ใช้น้ำแข็งประคบลดอาการบวมได้ค่ะ พี่ไม่ต้องกังวล ฉันทำได้ค่ะ”

เย่หนานโจวสั่งให้คนเข้ามา

ผู้ช่วยของลู่ม่านเซิงประคบน้ำแข็งลงบนใบหน้าของเธอ

เย่หนานโจวคุยโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง

ลู่ม่านเซิงสังเกตเห็นสีหน้าของเขา เขาจริงจังมากเวลาทำงานและไม่เคยยิ้มเลย แม้ว่าเขาจะดูเข้าถึงยาก แต่ก็มีเสน่ห์มากจนทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว

อดไม่ได้ที่ยกยิ้มมุมปาก

เธอใกล้เขามากขึ้นอีกขั้น และยังสามารถช่วยงานเขาได้ด้วย

เธอกับเย่หนานโจวเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ

เวินหนี่จะมีค่าอะไร อย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ผู้ช่วยของเขาเท่านั้น

หลังจากที่เย่หนานโจววางสายโทรศัพท์ เขาก็เหลือบมองลู่ม่านเซิงแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้ไม่ต้องไปแล้ว”

ลู่ม่านเซิงได้สติ “ทำไมล่ะคะ? ฉันทำได้นะคะ”

เย่หนานโจวเห็นว่าใบหน้าของเธอไม่หายบวมเลย “คงไม่หายบวมง่าย ๆ มันจะมีผลต่อการถ่ายงาน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

ลู่ม่านเซิงตำหนิตัวเอง “ฉันขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง รู้ทั้งรู้ว่าตอนบ่ายต้องถ่ายงาน ฉันไม่ควรทำให้ใบหน้าตัวเองได้รับบาดเจ็บ”

เย่หนานโจวไม่ได้ตอบอะไร เขาหันไปพูดกับผู้ช่วยของเธอว่า “พาเธอกลับไปพักผ่อนเถอะ”

ลู่ม่านเซิงยังต้องการที่จะอยู่กับเขา

การถ่ายทำช่วงบ่ายของเธอถูกเลื่อนออกไป ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มีธุระอะไรอีก ความตั้งใจเดิมของเธอคือการได้อยู่กับเขาสองต่อสอง เธอผลักผู้ช่วยที่พยุงเธอออกไปแล้วพูดขึ้นว่า “พี่หนานโจว ฉัน…”

ในเวลานั้น เย่หนานโจวไม่ได้สังเกตเห็นเธอ แต่กำลังโทรหาใครอีกคนและถามขึ้นอย่างใจเย็น “เวินหนี่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 16

    ลู่ม่านเซิงเงียบไปครู่หนึ่งเวินหนี่ยังอยู่ในงาน เธอก็รู้สึกประหลาดใจที่เย่หนานโจวโทรมา เธอนึกว่าเขากำลังพลอดรักกับลู่ม่านเซิง จนไม่มีเวลามาสนใจเธอเสียอีกเวินหนี่สงบสติอารมณ์ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น “อยู่ที่นิทรรศการศิลปะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้น “จบงานแล้วกลับบริษัทพร้อมกันกับฉัน”เขาไม่คิดจะให้วันหยุดกับเธอแล้ว และจะให้เธอกลับไปทำงานเวินหนี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลงหลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เย่หนานโจวก็หันกลับมาและเห็นว่าลู่ม่านเซิงยังคงอยู่ข้าง ๆ “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”ลู่ม่านเซิงต้องการหาโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพัง แต่หลังจากได้ยินการสนทนาของพวกเขา ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว เธอถอนมือกลับมาและพูดว่า “ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”“อืม” เย่หนานโจวขานรับลู่ม่านเซิงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ “คืนพรุ่งนี้พี่ว่างไหมคะ?”“แล้วแต่สถานการณ์”“ถ้าคืนพรุ่งนี้พี่มีเวลา ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้นทันที “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”ลู่ม่านเซิงถือว่าเขารับปากแล้วและเธอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยของเธอเวินหนี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 17

    ชายคนนั้นสอดมือลงในกระเป๋าเสื้อและจ้องมองเวินหนี่ด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลู่เซิน พวกเราอยู่ห้องเดียวกันทั้งตอนประถมและมัธยมต้น”เวินหนี่จมอยู่ในความคิดเป็นเวลานานจากภาพจำของเธอ ลู่เซินนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นเขาเป็นเด็กอ้วนตัวเล็ก ๆ และนั่งอยู่แถวหลังเงียบ ๆ ทุกภาคเรียนเธอไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากนักเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่มีผลการเรียนดีที่สุดมาโดยตลอด เธอทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการศึกษาในชั้นเรียน และมากสุดก็แค่พูดคุยกันสองสามคำตอนเก็บการบ้านเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะกลายเป็นคนที่หล่อเหลาขนาดนี้ “ลู่เซิน?” ริมฝีปากของเวินหนี่โค้งขึ้นเล็กน้อย “ทำไมนายถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ล่ะ? ฉันจำนายไม่ได้เลย”“ใช่น่ะสิ ฉันเปลี่ยนไปมาก ไม่แปลกที่เธอจะจำไม่ได้” ลู่เซินมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “เพื่อนร่วมชั้นหลายคนก็จำฉันไม่ได้ แต่ฉันจำเธอได้นะ”เวินหนี่มีความสุขมากที่ได้พบเพื่อนร่วมชั้นเก่าหลังจากที่เธอเริ่มทำงาน เธอก็ไม่ค่อยได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเลย เพราะทุกครั้งมัวแต่ยุ่งกับการทำงานชีวิตของเธอนั้นซ้ำซากจำเจ มีแค่งานและครอบครัว นอกเหนือจากเพื่อนร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 18

    เวินหนี่เห็นว่าลู่เซินยังอยู่ใกล้ ๆ กลัวว่าเขาจะได้ยินเข้า แล้วสถานการณ์จะกระอักกระอ่วน จึงบอกให้ถังเยาหยุดพูดไร้สาระถังเยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังและไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นลู่เซินทักทายผู้อื่นอย่างสุภาพพอเป็นพิธี และกลับมาหาเวินหนี่ถังเยาเอ่ยทัก “คุณลู่ คุณเป็นแขกที่หาตัวได้ยากนะคะ”ลู่เซินตอบ “นิทรรศการของคุณถังประสบความสำเร็จมาก ผมคิดว่ามันจะต้องมีอิทธิพลมากแน่ ๆ ครับ”“งานอดิเรกของนักวิชาการเทียบไม่ได้กับคุณลู่เลยค่ะ” ถังเยาสะกิดเวินหนี่ “ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่ากัน งั้นคุณช่วยไปส่งเวินหนี่หน่อยได้ไหมคะ ตอนบ่ายเธอต้องกลับบริษัทน่ะค่ะ”จู่ ๆ เวินหนี่ก็ถูกดันออกไป เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย และก่อนที่จะได้พูดอะไร ลู่เซินก็ตอบกลับทันที “ได้สิครับ ผมไม่ได้มีธุระอะไร เดี๋ยวผมจะไปส่งเธอให้เอง”ถังเยาขยิบตาให้เวินหนี่และพูดขึ้นอย่างสุภาพ “รบกวนด้วยนะคะ”เธอผลักเวินหนี่ไปข้าง ๆ ลู่เซิน “เพื่อนร่วมชั้นเก่าคงอยากลำลึกความหลังกัน พวกคุณค่อย ๆ คุยกันไปก็แล้วกันค่ะ ฉันขอไม่ไปส่งก็แล้วกันนะคะ”เธออยากให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเวินหนี่มองไปที่ถังเยาด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 19

    แต่กลับเห็นเวินหนี่ยืนอยู่ในอ้อมแขนของชายอีกคนทั้งสองใกล้ชิดกันมาก พวกเขามองตากันอย่างเสน่หาเย่หนานโจวขมวดคิ้วทันที ใบหน้าที่เย็นชาของเขาเปลี่ยนเป็นดำมืด และดวงตาของเขาจ้องไปที่ทั้งสองที่กอดกันอยู่อย่างเฉียบคมเท่าที่เย่หนานโจวจำได้ ดูเหมือนว่าเวินหนี่จะไม่มีเพื่อนผู้ชายอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ และไม่ชอบใจเอาเสียเลย เขาอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าเดินออกไปเวินหนี่รู้สึกตกใจตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักว่าระยะห่างระหว่างคนทั้งสองนั้นใกล้กันเกินไปและดูไม่ค่อยเหมาะสม เธอจึงรีบผละออกจากอ้อมแขนของเขา“เธอโอเคไหม เจ็บตรงหรือเปล่า?” ลู่เซินถามอย่างเป็นห่วง “ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” เวินหนี่ยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ“ไม่ต้องขอบคุณ” ลู่เซินกล่าว “ดูสิ เธอเพิ่งเจอฉัน ไม่พูดขอโทษก็พูดขอบคุณ อย่าทำเหมือนเราห่างเหินกันขนาดนั้นสิ”ลู่เซิงยังอยากสนิทกับเธอให้มากขึ้นเวินหนี่เป็นคนสุภาพและมีน้ำใจต่อผู้อื่นแต่เห็นได้ชัดว่า ลู่เซินไม่ต้องการให้เธอสุภาพกับเขามากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการที่จะกดดันเขามากเกินไปเช่นกัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 20

    เวินหนี่ตกใจมากที่เขาพูดสิ่งนี้ นี่เป็นความลับส่วนตัวที่สุดระหว่างเธอกับเย่หนานโจวทำไมเขาถึงพูดมันออกมาอย่างนั้นเธอยังคงรู้สึกตกใจลู่เซินรู้สึกประหลาดใจมาก เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามกลับอย่างใจเย็น “แล้วคุณเย่รู้ได้ยังไงครับ?”เย่หนานโจวขยับปาก แต่เวินหนี่แทรกขึ้นก่อน “ประธานเย่เขาล้อเล่นน่ะ”เธอขัดจังหวะเย่หนานโจวทันที และหลุดออกมาจากมือของเขา แต่บนใบหน้ายังคงยิ้มเล็กน้อย “หลายปีมานี้ฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน จะแต่งงานได้ยังไงกัน อย่าคิดมากเลย” เธอพูดกับลู่เซินเมื่อได้ยินแบบนั้นเย่หนานโจวก็เงยหน้าขึ้น เขามองเวินหนี่ด้วยสายตาที่หนักหน่วง พร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นดูไม่พอใจเอามาก ๆ “อย่างนี้นี่เอง” ลู่เซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นก็ไม่มีอะไร ก็ว่าทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินข่าวแต่งงานของเธอเลย”หากเธอแต่งงานแล้ว เขาคิดว่าเขาต้องรู้ข่าวแล้วสิ เวินหนี่เปลี่ยนเรื่องทันทีโดยไม่ให้โอกาสเย่หนานโจวได้เป็นบ้าอาละวาด “ลู่เซิน ฉันตกลงไว้ว่าจะกลับบริษัทพร้อมกับคุณเย่ นายไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ไปทำธุระของนายเถอะ”ลู่เซินมองดูทั้งสองและตระหนักได้ว่า เขาเองก็ยังไม่คุ้นชินทาง กล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 21

    เฉินเพ่ยหลินรีบหยิบมันออกมาจากถุง “ตัวนี้ค่ะ ดิฉันกลัวว่าเวินหนี่จะยุ่งจนไม่มีเวลา บังเอิญเป็นทางผ่านพอดี ก็เลยขอให้คนไปช่วยรับคืนมาให้ก่อนน่ะค่ะ”เมื่อมองดูสูทที่ไม่ใช่ของตัวเอง ดวงตาของเย่หนานโจวก็เริ่มมืดมนสูทผู้ชายจู่ ๆ เขาก็นึกถึงลู่เซินดูเหมือนว่าหลังจากที่เวินหนี่พบกับลู่เซินที่นิทรรศการ เธอก็ถือถุงใบนี้ ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดว่าของที่อยู่ด้านในคืออะไรที่แท้ก็คือสูทของลู่เซินงั้นเหรอเย่หนานโจวกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวเฉินเพ่ยหลินสังเกตว่าสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่เธอก็รู้ด้วยว่าเย่หนานโจวเป็นคนไม่ชอบแสดงสีหน้า แต่ในใจเขาคงไม่พอใจอยู่มาก เธอถามขึ้นอีกครั้ง “ประธานเย่ ให้ดิฉันวางไว้ตรงนี้หรือไหมคะ?”เย่หนานโจวเม้มริมฝีปากแล้วพูดอย่างเย็นชา “วางไว้ตรงนั้น”เฉินเพ่ยหลินยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวออกไปก่อนนะคะ”หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จ เฉินเพ่ยหลินก็ออกไปด้วยความพึงพอใจ มาดูกันว่าเวินหนี่จะยังได้รับความไว้วางใจจากเย่หนานโจวได้อีกสักกี่ครั้งเย่หนานโจวมีความขุ่นเคืองอยู่ในใจ และมันก็น่ารำคาญมากเมื่อเขาเห็นสูทตัวนี้ในเวลาทำงานพอถึงเวลาเลิกง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 22

    เดินมาถึงประตูห้องส่วนตัว สภาพแวดล้อมบนชั้นสองนั้นดูหรูหรากว่ามาก และคนก็ไม่เยอะเท่ากับชั้นล่างเมื่อเปิดประตูออก คนที่อยู่ข้างในก็ตะโกนขึ้นอย่างกระตือรือร้น “ประธานลู่ ประธานลู่มาแล้ว!”“ลู่เซิน นายเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้ ทั้งหล่อทั้งรวย สาว ๆ ที่ชอบนายคงเข้าคิวยาวแน่ ๆ”ลู่เซินตอบอย่างติดตลก “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องหันกลับไปดูว่ามีหรือเปล่า”“พูดแบบนี้แสดงว่านายยังโสดอยู่งั้นเหรอ เอาล่ะ สาว ๆ ลู่เซินเป็นหนุ่มโสด ต้องรีบคว้าโอกาสกันไว้แล้วนะ!”พวกเขาพูดคุยกับลู่เซินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเวินหนี่ยืนอยู่ข้างหลังเขา พวกเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้มีแขกที่หายากมาด้วยอีกคน เวินหนี่เธอเองก็มาด้วย”เวินหนี่พูดขึ้นว่า “ขอโทษที่มาสายนะ”“เวินหนี่ เธอนี่ไม่ใจเลย ทำไมถึงไม่เคยมาร่วมงานเลี้ยงเลยล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะลู่เซิน พวกเราก็คงไม่ได้เห็นหน้าเธออีก”“แต่เวินหนี่เธอยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ”“สวยน่ะดีแล้ว ความสวยคือทุน เธอเป็นถึงเลขานุการของประธานเย่แห่งเย่กรุ๊ป แถมยังมาพร้อมกับประธานลู่อีก”หลังจากท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25
  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 23

    ทุกคนต่างก็อยากรู้คำตอบของเขาลู่เซินเงียบไปครู่หนึ่ง ในขณะที่ทุกคนกำลังเฝ้ามอง เขาก็ขยับริมฝีปากเล็กน้อย “ไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนายไม่รู้จัก”แล้วความสนใจของทุกคนก็หายไปทันที“เฮ่อ ฉันนึกว่าเป็นเวินหนี่ซะอีก ที่แท้ก็ไม่ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเราจะคิดมากกันไปเองจริง ๆ”เวินหนี่ไม่เคยคิดว่าเป็นตัวเองความสัมพันธ์เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเท่านั้นเป็นเพราะทุกคนเดามั่วกันไปเองหลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้ตกเป็นจุดสนใจอีกต่อไป และเธอก็ผ่อนคลายที่ไม่ต้องตกเป็นหัวข้อพูดคุยของทุกคนในงานเลี้ยงรุ่น พวกผู้ชายคุยกันไปคุยกันมา ก็ถือแก้วไวน์พูดคุยกันเรื่องงาน เรื่องธุรกิจ เวินหนี่ดื่มไวน์ได้ไม่นานก็รู้สึกเวียนหัวและมึนเมา อาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ดื่มมานานมากแล้ว เธอได้ยินเสียงคนคุยกันอย่างคลุมเครือ แถมยังเอ่ยถึงชื่อของเธอด้วย“ในบรรดาพวกเรา เวินหนี่ดูจะไปได้สวยที่สุดเลยนะ ได้อยู่รอบตัวสองประธานยักษ์ใหญ่ คงได้ประโยชน์มาไม่น้อยเลย”“ชีวิตที่สวยหรูแบบนี้ฉันไม่ต้องการหรอก ชื่อเสียงก็ไม่ชัดเจน พวกเธอไม่เคยได้ยินใช่ไหมล่ะว่า เวินหนี่เป็นลูกสาวของครอบครัวที่ร่ำรวย ครอบครัวธรรมดา ๆ จะมีเงินซื้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-25

บทล่าสุด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 514

    นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 513

    เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 512

    เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม

DMCA.com Protection Status