แชร์

บทที่ 15

ผู้แต่ง: เซียงปู้อี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ใบหน้าของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอปล่อยมือและปิดใบหน้าของตัวเอง น้ำตาที่ไหลลงมายิ่งทำให้เธอดูน่าสงสาร

เหมาะกับการอยู่หน้าจอจริง ๆ แสร้งทำเป็นน่าสงสารได้สมจริงเหลือเกิน

หากไม่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเธอก่อนหน้านี้ เวินหนี่ก็คงหลงเชื่อและสงสารเธอ

“กรุณาให้เกียรติฉันด้วย!” เวินหนี่พูดอย่างรุนแรง

ลู่ม่านเซิงร้องไห้หนัก และพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่เวินหนี่ ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีนะคะ พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ได้แย่งผู้ชายของพี่นะคะ ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิด…”

“เวินหนี่!”

เสียงของเย่หนานโจวดังขึ้นไม่ไกล

เวินหนี่ตกใจมาก ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

แล้วก็คิดได้ว่านี่อาจเป็นละครที่ลู่ม่านเซิงกำกับขึ้นสินะ

เธอมองใบหน้าที่เย็นชาของเย่หนานโจว ดวงตาของเขาที่เฉียบคม ราวกับว่าเธอทำผิดมหันต์

เย่หนานโจวก้าวเข้ามาและดึงลู่ม่านเซิงที่อ่อนแอออกจากตัวเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา

กำลังนั้นแรงมากจนเวินหนี่สั่นสะเทือนและถอยหลังไปสองสามก้าว

“พี่หนานโจว” ลู่ม่านเซิงน้ำตาไหลพราก

เย่หนานโจวจ้องเวินหนี่อย่างเย็นชาและพูดขึ้นเสียงแข็ง “ขอโทษเธอซะ!”

เวินหนี่มองดูพวกเขา โดยเฉพาะคำพูดเย็นชาของเย่หนานโจวที่มันแทงใจเธออย่างแรง

เธอล้มก้นกระแทกพื้นอย่างแรง แต่ยังคงอดทนกับเจ็บปวดใจ “ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย?”

“เธอตบลู่ม่านเซิง คิดว่าฉันไม่เห็นหรือไง?” เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา

ลู่ม่านเซิงห้ามเย่หนานโจวด้วยท่าทางน่าสงสาร “หนานโจว อย่าโทษพี่เวินหนี่เลยค่ะ ฉันผิดเองที่ทำให้เธอไม่พอใจ”

“นี่ไม่ใช่เหตุผลให้เธอเอาแต่ใจ!”

ที่นี่คนน้อย ไม่มีนักข่าว และไม่มีใครถ่ายรูป

มันทำให้พวกเขาสามารถแสดงความรักต่อกันได้อย่างโจ่งแจ้ง

เวินหนี่รู้สึกหายใจไม่ออก คนที่มั่นใจเกินไปมักจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายแบบนี้เองสินะ

เธอเป็นอะไรสำหรับเย่หนานโจว

เธอเหมือนคนแปลกหน้ามากกว่าภรรยาของเขาเสียอีก

เวินหนี่มองไปที่เย่หนานโจวอย่างเฉยเมย และยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่เคยเอาแต่ใจต่อหน้าคุณเลยสักครั้งเดียว”

เธอไม่เคยเอาแต่ใจ

ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น

เด็กที่เชื่อฟังจะไม่มีขนมกิน

ประโยคนี้พูดไว้ไม่ผิดเลย

เธออยู่กับเย่หนานโจวมานาน ตอนเข้าสังคมและต้องดื่มจนเมา เธอก็โบกแท็กซี่กลับบ้านเอง

เวลาเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ก็ไปโรงพยาบาลเอง ไม่ทำให้เขาต้องลำบาก

เธอไม่เคยทำให้เขาต้องเป็นกังวล แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่าเธอเป็นกำแพงเหล็กที่บาดเจ็บไม่เป็น

“ขอโทษลู่ม่านเซิงซะ ต้องให้ฉันพูดเป็นครั้งที่สองใช่ไหม?” เย่หนานโจวขมวดคิ้วอย่างไม่อดทน

เวินหนี่ยอมได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้เธอยอมไม่ได้ จึงกล่าวขึ้นอย่างดื้อรั้น “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย!”

“เธอต้องทำให้ฉันไม่พอใจให้ได้เลยใช่ไหม?”

เวินหนี่รู้ว่าความอดทนของเย่หนานโจวถึงขีดจำกัดแล้ว และหากเธอยังต่อต้าน เธอจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน

ตอนนั้นเอง

“พวกคุณอย่ารังแกคนอื่นให้มันมากนัก!”

ทันทีถังเยามาถึงก็เห็นเวินหนี่ถูกพวกเขารังแก หน้าเธอเปลี่ยนสีและเข้ามาปกป้องเวินหนี่ทันที “พวกคุณคิดว่าจะรังแกเวินหนี่ยังไงก็ได้ และไม่มีคนคอยช่วยเธอหรือไง? ถึงได้สร้างความลำบากกับเธอแบบนี้! เย่หนานโจว เวินหนี่ยังไม่ได้หย่ากับคุณนะ แต่กลับมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมือที่สามคนนี้ ข้างนอกยังมีนักข่าวอยู่มากมาย จะให้ฉันเรียกพวกเขาเข้ามาดูเรื่องนี่ตลกดีไหมคะ!”

เย่หนานโจวเหลือบมองที่ถังเยาอย่างเย็นชา

“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” เขาพูดอย่างเย็นชา

ถังเยาที่กำลังมั่นใจ แต่เมื่อถูกเขาจ้องมองแบบนี้ ก็รู้สึกไม่สามารถเอาชนะออร่านั้นได้ “ฉันหมายความว่าอย่าทะเลาะกันให้ใหญ่โต เพราะสุดท้ายแล้วมันไม่มีผลดีกับใคร!”

เธอมองไปที่ลู่ม่านเซิงแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้มีคนมาที่นี่มากมาย พวกคุณคงไม่อยากสร้างปัญหาใหญ่ต่อหน้าสื่อหรอกใช่ไหม?”

ลู่ม่านเซิงไม่ต้องการสร้างปัญหามากเกินไป เธอคว้าแขนเสื้อของเย่หนานโจว และแสดงท่าทางอ่อนแอ “พี่หนานโจวช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ติดใจอะไร ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย พี่ช่วยพยุงฉันลงไปพักผ่อนหน่อยได้ไหมคะ?”

เย่หนานโจวมองย้อนกลับมาที่ลู่ม่านเซิง และเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดมาก เขาจึงจับแขนเธอไว้ “ถ้าเหนื่อยก็ไม่จำเป็นต้องมาร่วมงานแบบนี้!”

เขาไม่ได้สาวความไปมากกว่า พยุงลู่ม่านเซิงเดินออกไปจากพวกเธอ

เวินหนี่มองดูด้านหลังของพวกเขาที่จากไป ไม่ได้อธิบายอะไรให้เธอฟังสักนิดแล้วก็จากไปทั้งแบบนั้น

สิ่งนี้ทำให้เธอดูน่าขัน

ตัวตน “คุณหญิงตระกูลเย่” ของเธอนั้นมีหมายความอะไรกัน เย่หนานโจวไม่เคยถือว่าเธอเป็นภรรยาของเขาด้วยซ้ำ

เมื่อถังเยาเห็นพวกเขาเดินออกไป ก็ได้สาปแช่งตามหลัง “หญิงร้ายชายเลว! น่าขยะแขยงจริง ๆ”

เมื่อมองกลับไปที่เวินหนี่ก็เห็นดวงตาของเธอเปียกโชก และดวงตาของเธอก็กำลังมองตามทิศทางที่พวกเขาจากไป ถังเยาพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ อย่าโกรธไปเลย ฉันไม่รู้ว่าลู่ม่านเซิงจะมา ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมา ฉันจะเป็นคนห้ามไม่ให้เธอเข้ามาเอง ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมาเสียใจแบบนี้”

การที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความขี้ขลาดนั้นไม่ใช่การเติมเชื้อเพลิงให้กับไฟ

ถังเยาทนไม่ได้ที่จะเห็นเพื่อนรักโศกเศร้า

เวินหนี่มองไปทางอื่นและค่อย ๆ คลายหมัดที่กำแน่นของเธอออก “ต่อให้ไม่ได้เจอที่นี่ แต่สักวันก็ต้องเจอที่ไหนสักแห่งอยู่ดี”

อีกด้าน เย่หนานโจวพยุงลู่ม่านเซิงไปที่ห้องพักผ่อน หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว เขาก็รีบปล่อยเธออย่างรวดเร็ว

เขาถามขึ้นว่า “หน้าเธอเป็นยังไงบ้าง?”

ลู่ม่านเซิงได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว จึงตอบไปว่า “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

เย่หนานโจวจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ ดวงตาของเขาหรี่ลง “หน้าแดงขนาดนี้ เธอล้อฉันเล่นหรือไง?”

ลู่ม่านเซิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแตะแก้มตัวเอง เธอรู้สึกร้อนและเจ็บปวดเล็กน้อย “แรงตบหนักมากก็จริง แต่เวินหนี่เธอกำลังโกรธ และเธอก็ไม่ได้ตั้งใจ…”

“หน้าเป็นแบบนี้จะถ่ายปกนิตยสารยังไง?” เย่หนานโจวขัดจังหวะ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หน้าบวมขนาดนี้ ใช้รองพื้นปกปิดได้ไหม? อย่าให้มันกระทบกับงานของเธอ”

ลู่ม่านเซิงตระหนักได้ว่า เธอจะไปช่วยบริษัทถ่ายนิตยสารในช่วงบ่าย “ใช้น้ำแข็งประคบลดอาการบวมได้ค่ะ พี่ไม่ต้องกังวล ฉันทำได้ค่ะ”

เย่หนานโจวสั่งให้คนเข้ามา

ผู้ช่วยของลู่ม่านเซิงประคบน้ำแข็งลงบนใบหน้าของเธอ

เย่หนานโจวคุยโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง

ลู่ม่านเซิงสังเกตเห็นสีหน้าของเขา เขาจริงจังมากเวลาทำงานและไม่เคยยิ้มเลย แม้ว่าเขาจะดูเข้าถึงยาก แต่ก็มีเสน่ห์มากจนทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว

อดไม่ได้ที่ยกยิ้มมุมปาก

เธอใกล้เขามากขึ้นอีกขั้น และยังสามารถช่วยงานเขาได้ด้วย

เธอกับเย่หนานโจวเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ

เวินหนี่จะมีค่าอะไร อย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ผู้ช่วยของเขาเท่านั้น

หลังจากที่เย่หนานโจววางสายโทรศัพท์ เขาก็เหลือบมองลู่ม่านเซิงแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้ไม่ต้องไปแล้ว”

ลู่ม่านเซิงได้สติ “ทำไมล่ะคะ? ฉันทำได้นะคะ”

เย่หนานโจวเห็นว่าใบหน้าของเธอไม่หายบวมเลย “คงไม่หายบวมง่าย ๆ มันจะมีผลต่อการถ่ายงาน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

ลู่ม่านเซิงตำหนิตัวเอง “ฉันขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง รู้ทั้งรู้ว่าตอนบ่ายต้องถ่ายงาน ฉันไม่ควรทำให้ใบหน้าตัวเองได้รับบาดเจ็บ”

เย่หนานโจวไม่ได้ตอบอะไร เขาหันไปพูดกับผู้ช่วยของเธอว่า “พาเธอกลับไปพักผ่อนเถอะ”

ลู่ม่านเซิงยังต้องการที่จะอยู่กับเขา

การถ่ายทำช่วงบ่ายของเธอถูกเลื่อนออกไป ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มีธุระอะไรอีก ความตั้งใจเดิมของเธอคือการได้อยู่กับเขาสองต่อสอง เธอผลักผู้ช่วยที่พยุงเธอออกไปแล้วพูดขึ้นว่า “พี่หนานโจว ฉัน…”

ในเวลานั้น เย่หนานโจวไม่ได้สังเกตเห็นเธอ แต่กำลังโทรหาใครอีกคนและถามขึ้นอย่างใจเย็น “เวินหนี่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 16

    ลู่ม่านเซิงเงียบไปครู่หนึ่งเวินหนี่ยังอยู่ในงาน เธอก็รู้สึกประหลาดใจที่เย่หนานโจวโทรมา เธอนึกว่าเขากำลังพลอดรักกับลู่ม่านเซิง จนไม่มีเวลามาสนใจเธอเสียอีกเวินหนี่สงบสติอารมณ์ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น “อยู่ที่นิทรรศการศิลปะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้น “จบงานแล้วกลับบริษัทพร้อมกันกับฉัน”เขาไม่คิดจะให้วันหยุดกับเธอแล้ว และจะให้เธอกลับไปทำงานเวินหนี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลงหลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เย่หนานโจวก็หันกลับมาและเห็นว่าลู่ม่านเซิงยังคงอยู่ข้าง ๆ “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”ลู่ม่านเซิงต้องการหาโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพัง แต่หลังจากได้ยินการสนทนาของพวกเขา ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว เธอถอนมือกลับมาและพูดว่า “ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”“อืม” เย่หนานโจวขานรับลู่ม่านเซิงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ “คืนพรุ่งนี้พี่ว่างไหมคะ?”“แล้วแต่สถานการณ์”“ถ้าคืนพรุ่งนี้พี่มีเวลา ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้นทันที “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”ลู่ม่านเซิงถือว่าเขารับปากแล้วและเธอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยของเธอเวินหนี่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 17

    ชายคนนั้นสอดมือลงในกระเป๋าเสื้อและจ้องมองเวินหนี่ด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลู่เซิน พวกเราอยู่ห้องเดียวกันทั้งตอนประถมและมัธยมต้น”เวินหนี่จมอยู่ในความคิดเป็นเวลานานจากภาพจำของเธอ ลู่เซินนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นเขาเป็นเด็กอ้วนตัวเล็ก ๆ และนั่งอยู่แถวหลังเงียบ ๆ ทุกภาคเรียนเธอไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากนักเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่มีผลการเรียนดีที่สุดมาโดยตลอด เธอทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการศึกษาในชั้นเรียน และมากสุดก็แค่พูดคุยกันสองสามคำตอนเก็บการบ้านเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะกลายเป็นคนที่หล่อเหลาขนาดนี้ “ลู่เซิน?” ริมฝีปากของเวินหนี่โค้งขึ้นเล็กน้อย “ทำไมนายถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ล่ะ? ฉันจำนายไม่ได้เลย”“ใช่น่ะสิ ฉันเปลี่ยนไปมาก ไม่แปลกที่เธอจะจำไม่ได้” ลู่เซินมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “เพื่อนร่วมชั้นหลายคนก็จำฉันไม่ได้ แต่ฉันจำเธอได้นะ”เวินหนี่มีความสุขมากที่ได้พบเพื่อนร่วมชั้นเก่าหลังจากที่เธอเริ่มทำงาน เธอก็ไม่ค่อยได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเลย เพราะทุกครั้งมัวแต่ยุ่งกับการทำงานชีวิตของเธอนั้นซ้ำซากจำเจ มีแค่งานและครอบครัว นอกเหนือจากเพื่อนร

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 18

    เวินหนี่เห็นว่าลู่เซินยังอยู่ใกล้ ๆ กลัวว่าเขาจะได้ยินเข้า แล้วสถานการณ์จะกระอักกระอ่วน จึงบอกให้ถังเยาหยุดพูดไร้สาระถังเยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังและไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นลู่เซินทักทายผู้อื่นอย่างสุภาพพอเป็นพิธี และกลับมาหาเวินหนี่ถังเยาเอ่ยทัก “คุณลู่ คุณเป็นแขกที่หาตัวได้ยากนะคะ”ลู่เซินตอบ “นิทรรศการของคุณถังประสบความสำเร็จมาก ผมคิดว่ามันจะต้องมีอิทธิพลมากแน่ ๆ ครับ”“งานอดิเรกของนักวิชาการเทียบไม่ได้กับคุณลู่เลยค่ะ” ถังเยาสะกิดเวินหนี่ “ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่ากัน งั้นคุณช่วยไปส่งเวินหนี่หน่อยได้ไหมคะ ตอนบ่ายเธอต้องกลับบริษัทน่ะค่ะ”จู่ ๆ เวินหนี่ก็ถูกดันออกไป เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย และก่อนที่จะได้พูดอะไร ลู่เซินก็ตอบกลับทันที “ได้สิครับ ผมไม่ได้มีธุระอะไร เดี๋ยวผมจะไปส่งเธอให้เอง”ถังเยาขยิบตาให้เวินหนี่และพูดขึ้นอย่างสุภาพ “รบกวนด้วยนะคะ”เธอผลักเวินหนี่ไปข้าง ๆ ลู่เซิน “เพื่อนร่วมชั้นเก่าคงอยากลำลึกความหลังกัน พวกคุณค่อย ๆ คุยกันไปก็แล้วกันค่ะ ฉันขอไม่ไปส่งก็แล้วกันนะคะ”เธออยากให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเวินหนี่มองไปที่ถังเยาด้ว

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 19

    แต่กลับเห็นเวินหนี่ยืนอยู่ในอ้อมแขนของชายอีกคนทั้งสองใกล้ชิดกันมาก พวกเขามองตากันอย่างเสน่หาเย่หนานโจวขมวดคิ้วทันที ใบหน้าที่เย็นชาของเขาเปลี่ยนเป็นดำมืด และดวงตาของเขาจ้องไปที่ทั้งสองที่กอดกันอยู่อย่างเฉียบคมเท่าที่เย่หนานโจวจำได้ ดูเหมือนว่าเวินหนี่จะไม่มีเพื่อนผู้ชายอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ และไม่ชอบใจเอาเสียเลย เขาอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าเดินออกไปเวินหนี่รู้สึกตกใจตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักว่าระยะห่างระหว่างคนทั้งสองนั้นใกล้กันเกินไปและดูไม่ค่อยเหมาะสม เธอจึงรีบผละออกจากอ้อมแขนของเขา“เธอโอเคไหม เจ็บตรงหรือเปล่า?” ลู่เซินถามอย่างเป็นห่วง “ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” เวินหนี่ยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ“ไม่ต้องขอบคุณ” ลู่เซินกล่าว “ดูสิ เธอเพิ่งเจอฉัน ไม่พูดขอโทษก็พูดขอบคุณ อย่าทำเหมือนเราห่างเหินกันขนาดนั้นสิ”ลู่เซิงยังอยากสนิทกับเธอให้มากขึ้นเวินหนี่เป็นคนสุภาพและมีน้ำใจต่อผู้อื่นแต่เห็นได้ชัดว่า ลู่เซินไม่ต้องการให้เธอสุภาพกับเขามากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการที่จะกดดันเขามากเกินไปเช่นกัน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 20

    เวินหนี่ตกใจมากที่เขาพูดสิ่งนี้ นี่เป็นความลับส่วนตัวที่สุดระหว่างเธอกับเย่หนานโจวทำไมเขาถึงพูดมันออกมาอย่างนั้นเธอยังคงรู้สึกตกใจลู่เซินรู้สึกประหลาดใจมาก เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามกลับอย่างใจเย็น “แล้วคุณเย่รู้ได้ยังไงครับ?”เย่หนานโจวขยับปาก แต่เวินหนี่แทรกขึ้นก่อน “ประธานเย่เขาล้อเล่นน่ะ”เธอขัดจังหวะเย่หนานโจวทันที และหลุดออกมาจากมือของเขา แต่บนใบหน้ายังคงยิ้มเล็กน้อย “หลายปีมานี้ฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน จะแต่งงานได้ยังไงกัน อย่าคิดมากเลย” เธอพูดกับลู่เซินเมื่อได้ยินแบบนั้นเย่หนานโจวก็เงยหน้าขึ้น เขามองเวินหนี่ด้วยสายตาที่หนักหน่วง พร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นดูไม่พอใจเอามาก ๆ “อย่างนี้นี่เอง” ลู่เซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นก็ไม่มีอะไร ก็ว่าทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินข่าวแต่งงานของเธอเลย”หากเธอแต่งงานแล้ว เขาคิดว่าเขาต้องรู้ข่าวแล้วสิ เวินหนี่เปลี่ยนเรื่องทันทีโดยไม่ให้โอกาสเย่หนานโจวได้เป็นบ้าอาละวาด “ลู่เซิน ฉันตกลงไว้ว่าจะกลับบริษัทพร้อมกับคุณเย่ นายไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ไปทำธุระของนายเถอะ”ลู่เซินมองดูทั้งสองและตระหนักได้ว่า เขาเองก็ยังไม่คุ้นชินทาง กล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 21

    เฉินเพ่ยหลินรีบหยิบมันออกมาจากถุง “ตัวนี้ค่ะ ดิฉันกลัวว่าเวินหนี่จะยุ่งจนไม่มีเวลา บังเอิญเป็นทางผ่านพอดี ก็เลยขอให้คนไปช่วยรับคืนมาให้ก่อนน่ะค่ะ”เมื่อมองดูสูทที่ไม่ใช่ของตัวเอง ดวงตาของเย่หนานโจวก็เริ่มมืดมนสูทผู้ชายจู่ ๆ เขาก็นึกถึงลู่เซินดูเหมือนว่าหลังจากที่เวินหนี่พบกับลู่เซินที่นิทรรศการ เธอก็ถือถุงใบนี้ ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดว่าของที่อยู่ด้านในคืออะไรที่แท้ก็คือสูทของลู่เซินงั้นเหรอเย่หนานโจวกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวเฉินเพ่ยหลินสังเกตว่าสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่เธอก็รู้ด้วยว่าเย่หนานโจวเป็นคนไม่ชอบแสดงสีหน้า แต่ในใจเขาคงไม่พอใจอยู่มาก เธอถามขึ้นอีกครั้ง “ประธานเย่ ให้ดิฉันวางไว้ตรงนี้หรือไหมคะ?”เย่หนานโจวเม้มริมฝีปากแล้วพูดอย่างเย็นชา “วางไว้ตรงนั้น”เฉินเพ่ยหลินยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวออกไปก่อนนะคะ”หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จ เฉินเพ่ยหลินก็ออกไปด้วยความพึงพอใจ มาดูกันว่าเวินหนี่จะยังได้รับความไว้วางใจจากเย่หนานโจวได้อีกสักกี่ครั้งเย่หนานโจวมีความขุ่นเคืองอยู่ในใจ และมันก็น่ารำคาญมากเมื่อเขาเห็นสูทตัวนี้ในเวลาทำงานพอถึงเวลาเลิกง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 22

    เดินมาถึงประตูห้องส่วนตัว สภาพแวดล้อมบนชั้นสองนั้นดูหรูหรากว่ามาก และคนก็ไม่เยอะเท่ากับชั้นล่างเมื่อเปิดประตูออก คนที่อยู่ข้างในก็ตะโกนขึ้นอย่างกระตือรือร้น “ประธานลู่ ประธานลู่มาแล้ว!”“ลู่เซิน นายเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้ ทั้งหล่อทั้งรวย สาว ๆ ที่ชอบนายคงเข้าคิวยาวแน่ ๆ”ลู่เซินตอบอย่างติดตลก “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องหันกลับไปดูว่ามีหรือเปล่า”“พูดแบบนี้แสดงว่านายยังโสดอยู่งั้นเหรอ เอาล่ะ สาว ๆ ลู่เซินเป็นหนุ่มโสด ต้องรีบคว้าโอกาสกันไว้แล้วนะ!”พวกเขาพูดคุยกับลู่เซินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเวินหนี่ยืนอยู่ข้างหลังเขา พวกเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้มีแขกที่หายากมาด้วยอีกคน เวินหนี่เธอเองก็มาด้วย”เวินหนี่พูดขึ้นว่า “ขอโทษที่มาสายนะ”“เวินหนี่ เธอนี่ไม่ใจเลย ทำไมถึงไม่เคยมาร่วมงานเลี้ยงเลยล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะลู่เซิน พวกเราก็คงไม่ได้เห็นหน้าเธออีก”“แต่เวินหนี่เธอยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ”“สวยน่ะดีแล้ว ความสวยคือทุน เธอเป็นถึงเลขานุการของประธานเย่แห่งเย่กรุ๊ป แถมยังมาพร้อมกับประธานลู่อีก”หลังจากท

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 23

    ทุกคนต่างก็อยากรู้คำตอบของเขาลู่เซินเงียบไปครู่หนึ่ง ในขณะที่ทุกคนกำลังเฝ้ามอง เขาก็ขยับริมฝีปากเล็กน้อย “ไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนายไม่รู้จัก”แล้วความสนใจของทุกคนก็หายไปทันที“เฮ่อ ฉันนึกว่าเป็นเวินหนี่ซะอีก ที่แท้ก็ไม่ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเราจะคิดมากกันไปเองจริง ๆ”เวินหนี่ไม่เคยคิดว่าเป็นตัวเองความสัมพันธ์เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเท่านั้นเป็นเพราะทุกคนเดามั่วกันไปเองหลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้ตกเป็นจุดสนใจอีกต่อไป และเธอก็ผ่อนคลายที่ไม่ต้องตกเป็นหัวข้อพูดคุยของทุกคนในงานเลี้ยงรุ่น พวกผู้ชายคุยกันไปคุยกันมา ก็ถือแก้วไวน์พูดคุยกันเรื่องงาน เรื่องธุรกิจ เวินหนี่ดื่มไวน์ได้ไม่นานก็รู้สึกเวียนหัวและมึนเมา อาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ดื่มมานานมากแล้ว เธอได้ยินเสียงคนคุยกันอย่างคลุมเครือ แถมยังเอ่ยถึงชื่อของเธอด้วย“ในบรรดาพวกเรา เวินหนี่ดูจะไปได้สวยที่สุดเลยนะ ได้อยู่รอบตัวสองประธานยักษ์ใหญ่ คงได้ประโยชน์มาไม่น้อยเลย”“ชีวิตที่สวยหรูแบบนี้ฉันไม่ต้องการหรอก ชื่อเสียงก็ไม่ชัดเจน พวกเธอไม่เคยได้ยินใช่ไหมล่ะว่า เวินหนี่เป็นลูกสาวของครอบครัวที่ร่ำรวย ครอบครัวธรรมดา ๆ จะมีเงินซื้อ

บทล่าสุด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 464

    ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 463

    “ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 462

    “หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 461

    “ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 460

    เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 459

    [ตอนนี้เลย! ตอนนี้ได้เลยจ้ะ!]ลู่ม่านเซิงยิ้มมุมปาก เธอรู้ว่าเย่ซูเฟินต้องอยากมาเจอเธอแน่นอน เธอแค่ต้องนั่งรอที่นี่ก็พอเธอเดินวนไปรอบ ๆ แต่ก็ยังรู้สึกสนใจห้องนอนใหญ่ จึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีใครพักอยู่ที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้วเธอเปิดตู้เสื้อผ้าทันที ข้างในมีชุดนอนของผู้หญิงอยู่หลายชุดมีบางตัวที่เอาป้ายออกแล้ว บางตัวก็ยังไม่ได้เอาป้ายออกยังมีชุดนอนแบบสายเดี่ยวเซ็กซี่อยู่หลายชุดด้วยเธอหยิบมันออกมาลองทาบบนตัวเอง แล้วหมุนตัวไปมาหน้ากระจกถ้าเธอสวมมันแล้วหมุนตัวต่อหน้าเย่หนานโจว เขาต้องคิดว่าเธอดูดีแน่ ๆเธอไม่ได้อยู่ในห้องนานนัก เพราะโอกาสบางอย่างรอได้เธอมองไปที่เตียงใหญ่ คิดภาพตัวเองกับเย่หนานโจวอยู่บนเตียงนั้น ในฉากอันเร่าร้อนยี่สิบนาทีผ่านไปเย่ซูเฟินก็มาถึงว่างเจียงหยวนเธอส่งเสียงเรียกมาตั้งแต่หน้าประตู “เซิงเซิง! เซิงเซิง!”แต่ลู่ม่านเซิงไม่ได้ออกมาเมื่อเย่ซูเฟินไม่เห็นลู่ม่านเซิงในห้องนั่งเล่น เธอจึงถามว่า “เซิงเซิงอยู่ไหน? ไม่ใช่ว่าเธออยู่ที่ว่างเจียงหยวนหรือไง?”“คุณลู่อยู่ข้างบนค่ะ” คนรับใช้ตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วบอกว่า “คุณลู่หูหนวกอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 458

    ไม่เป็นไรวันเวลายังอีกยาวไกล สักวันหนึ่งเธอจะได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แน่นอนลู่ม่านเซิงรู้สึกว่าเธอได้ก้าวเข้าใกล้เป้าหมายนั้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงมองไปที่เผยชิง ซึ่งมากับเธอในวันนี้เพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดของเย่หนานโจว และเพราะเธอรู้ว่า ‘ต้องเกรงใจคนที่ให้ความช่วยเหลือ’ ลู่ม่านเซิงจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เธอถามอย่างเป็นมิตรว่า “คุณเผย ช่วงนี้พี่หนานโจวมาอยู่ที่นี่บ่อยไหม?”เผยชิงตอบเธอโดยใช้โทรศัพท์พิมพ์ว่า “ช่วงนี้เขาอยู่ที่นี่บ่อยขึ้น แต่หลายวันแล้วที่ประธานเย่ไม่ได้มาที่นี่ครับ”“เขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเหรอ?” ลู่ม่านเซิงไม่ได้ติดต่อกับเย่ซูเฟินมานานแล้ว ช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาเลยมีหลายครั้งที่เย่ซูเฟินส่งข้อความมาหา แต่เธอยุ่งจนลืมตอบไป“ประธานเย่จะกลับไปเป็นบางครั้งครับ” เผยชิงตอบอย่างจงใจ “แต่คุณผู้หญิงไม่ค่อยชอบกลับไปที่นั่น ประธานเย่ก็เลยไม่ชอบกลับไปมากนัก”ลู่ม่านเซิงเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วถามต่อว่า “แล้วช่วงนี้เขาจะมาที่นี่ไหม?”“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ” เผยชิงตอบ “ช่วงนี้ประธานเย่ยุ่งกับงานม

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 457

    ลู่เซินยังไม่เข้าใจทั้งหมดเมื่อก่อนเขาสนใจเวินหนี่มากจนละเลยข้อมูลสำคัญ เป็นไปได้ว่าเขาอาจมองผิดไป แล้วเวินหนี่ที่ผ่านเรื่องราวนั้นมาล่ะ? หรือว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่เขียนผิด?เวินหนี่เห็นลู่เซินคิดหนักตั้งแต่เมื่อครู่จึงถามว่า “ลู่เซิน กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”ลู่เซินดึงสติกลับมา “ไม่มีอะไร สั่งอาหารเถอะ”“ฉันสั่งเรียบร้อยแล้ว” เวินหนี่บอก “คุณอาจะดื่มเบียร์หน่อย นายก็ดื่มด้วยนะ”“โอเค”ทั้งสองออกจากห้องทำงานเย่จื่อนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสงบ สำหรับเธอ ตอนนี้การดูทีวีก็เป็นการฆ่าเวลาในทีวีกำลังออกข่าวฉาวของเธอเวินหนี่เดินเข้าไปนั่งดูทีวีด้วย เธอเห็นว่าในจอมีภาพเจียงเมิ่งเหยาในห้องพักฟื้น “ดูตามกล้องมานะคะ นี่คือเหยื่อของเรา ลู่ม่านเซิง คุณลู่คะ คุณยังได้ยินอยู่ไหมคะ?”ลู่ม่านเซิงดูไม่ค่อยพอใจกับกล้อง “ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่ให้สัมภาษณ์”“คุณลู่คะ” เจียงเมิ่งเหยาเรียกอีกครั้ง“ฉันไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้นตอนนี้!” ลู่ม่านเซิงดูซีดเซียว อ่อนแอมาก เหมือนนางเอกในเรื่องเศร้าเจียงเมิ่งเหยาฉวยโอกาสนี้ ชี้ไปที่กล้องแล้วพูดว่า “คุณลู่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 456

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็แสดงความตกใจออกมา "เป็นไปได้ยังไง ต้องเป็นเวินหนี่สิ"ตอนนั้น เขาชอบเวินหนี่มาก เขาห่วงใยเธอจนต้องรีบกลับประเทศในคืนนั้นผู้ช่วยที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ก็ยังคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ และคิดว่าตัวเองอาจเข้าใจผิด "ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่า คุณกับเวินหนี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่คนนี้อายุน้อยกว่าคุณหนึ่งปี"เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็ยิ่งตกใจ เขารีบเดินเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ไปพิจารณาอย่างละเอียดแม้ว่าหนังสือพิมพ์จะเก่าแล้ว แต่ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี หัวข้อข่าวยังคงชัดเจน ข่าวระบุว่าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรม มีคนตายจำนวนมาก และผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ…สายตาของลู่เซินนิ่งงัน เขาตกใจจนต้องกะพริบตาสองสามครั้ง ราวกับว่าเขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ที่ต่างจากที่เคยเห็นมาก่อนผู้รอดชีวิตในหนังสือพิมพ์ก็ชื่อเวินหนี่เหมือนกัน แต่เป็นนักเรียนที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี นั่นหมายความว่าไม่ใช่เวินหนี่ที่เขารู้จักมันเกิดอะไรขึ้น?สีหน้าของลู่เซินเริ่มเปลี่ยนไป เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผิดคือหนังสือพิมพ์หรืออะไรบางอย่างในกระบวนการนี้เวินหนี่เค

DMCA.com Protection Status