ร่างกายของเขาอบอุ่น มีกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรง และลมหายใจร้อน ๆ ของเขาก็รินรดอยู่ข้างหูของหญิงสาวเขาไปดื่มมางั้นเหรอ?เวินหนี่เรียกเขา “เย่หนานโจว”แต่เย่หนานโจวกอดเอวของเธอไว้และฝังหน้าไว้บนผมของเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงต่ำ “อย่าขยับ ฉันขอกอดเธออีกหน่อย”คราวนี้เวินหนี่หยุดเคลื่อนไหวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดื่มเยอะขนาดนี้เวินหนี่นอนอยู่บนผ้าห่มเป็นเวลานาน ร่างกายของเธอแทบจะแข็งทื่อ ได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะลุก แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกเลย เอาแต่สูดดมเธออย่างตะกละตะกลามนี่เขาคงจะไม่คิดว่าเธอคือลู่ม่านเซิงอีกแล้วหรอกใช่ไหม เวินหนี่เรียกเขาอีกครั้ง “เย่หนานโจว…”“เวินหนี่ ฉันอยากจะนอนแบบนี้อีกสักพัก”เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็เงียบลงอีกครั้งการที่เขาเรียกชื่อเธอแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนอื่นเธอไม่ค่อยได้เห็นเขาในสภาพนี้ และมันก็ทำให้เธอค่อนข้างทำตัวไม่ถูกแต่เธอก็ยังใจอ่อนกลัวว่าเขาจะหลับไปทั้งแบบนี้ และกลัวว่าเขาจะเป็นหวัดเธอผลักเขาเบา ๆ “อย่านอนแบบนี้เลยค่ะ ไปอาบน้ำ ไม่ก็ห่มผ้าห่ม…”เย่หนานโจวพลิกตัว ยกมือขึ้นก่อนจะรวบตัวเวินหนี่เข้ามาในอ้อมแขน เขาก
ผู้หญิงคนนี้เป็นบรรณาธิการของนิตยสารแห่งหนึ่ง “ฉันได้ยินมาว่าคุณมีแฟน แต่ทำไมไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะคะ ฉันอยากเห็นเขาจริง ๆ”ลู่ม่านเซิงจับผมแล้วพูดอย่างมีชั้นเชิง “ฉันไม่ชอบให้เขาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนน่ะค่ะ ก็เลยไม่เคยให้เขาออกงานด้วย ไว้เมื่อเราแต่งงานกัน ฉันจะเชิญคุณอย่างแน่นอนค่ะ”“ลึกลับจังเลยนะคะ งั้นฉันจะรอติดตามต่อไปค่ะ”บรรณาธิการหันหน้าไปและเห็นเวินหนี่อยู่ข้าง ๆ จึงพยักหน้าให้เธออย่างสุภาพ “คุณเวิน พบกันอีกแล้วนะคะ”เวินหนี่เองก็รู้จักเธอ ครั้งก่อนเธอต้องการสัมภาษณ์พิเศษกับเย่หนานโจว และพวกเธอก็ได้พบกันและเธอก็ประสบความสำเร็จได้เพราะผ่านการช่วยประสานงานโดยเวินหนี่เธอตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “สวัสดีค่ะบรรณาธิการเฉิน”“พวกคุณรู้จักกันด้วยเหรอคะ?” บรรณาธิการเฉินมองพวกเธอสองคนสลับกันไปมาลู่ม่านเซิงพูดขึ้นว่า “รู้จัก แต่ไม่ได้สนิทกันมากค่ะ”เธอจงใจตีตัวออกห่างจากเวินหนี่เวินหนี่ก็พูดต่อเธอว่า “พอกลับมาคุณลู่ก็พาดหัวข่าวเกี่ยวกับคู่หมั้นซะใหญ่โต ไม่แปลกใจที่บรรณาธิการเฉินจะอยากรู้ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ คิดว่าจะพากลับมาจากต่างประเทศเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่”บรรณ
ใบหน้าของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอปล่อยมือและปิดใบหน้าของตัวเอง น้ำตาที่ไหลลงมายิ่งทำให้เธอดูน่าสงสาร เหมาะกับการอยู่หน้าจอจริง ๆ แสร้งทำเป็นน่าสงสารได้สมจริงเหลือเกิน หากไม่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของเธอก่อนหน้านี้ เวินหนี่ก็คงหลงเชื่อและสงสารเธอ “กรุณาให้เกียรติฉันด้วย!” เวินหนี่พูดอย่างรุนแรงลู่ม่านเซิงร้องไห้หนัก และพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่เวินหนี่ ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีนะคะ พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ได้แย่งผู้ชายของพี่นะคะ ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิด…”“เวินหนี่!”เสียงของเย่หนานโจวดังขึ้นไม่ไกลเวินหนี่ตกใจมาก ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?แล้วก็คิดได้ว่านี่อาจเป็นละครที่ลู่ม่านเซิงกำกับขึ้นสินะเธอมองใบหน้าที่เย็นชาของเย่หนานโจว ดวงตาของเขาที่เฉียบคม ราวกับว่าเธอทำผิดมหันต์เย่หนานโจวก้าวเข้ามาและดึงลู่ม่านเซิงที่อ่อนแอออกจากตัวเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขากำลังนั้นแรงมากจนเวินหนี่สั่นสะเทือนและถอยหลังไปสองสามก้าว“พี่หนานโจว” ลู่ม่านเซิงน้ำตาไหลพรากเย่หนานโจวจ้องเวินหนี่อย่างเย็นชาและพูดขึ้นเสียงแข็ง “ขอโทษเธอซะ!”เวินหนี่มองดูพวกเขา โดยเฉพาะคำพูดเย็นชาของเย่ห
ลู่ม่านเซิงเงียบไปครู่หนึ่งเวินหนี่ยังอยู่ในงาน เธอก็รู้สึกประหลาดใจที่เย่หนานโจวโทรมา เธอนึกว่าเขากำลังพลอดรักกับลู่ม่านเซิง จนไม่มีเวลามาสนใจเธอเสียอีกเวินหนี่สงบสติอารมณ์ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น “อยู่ที่นิทรรศการศิลปะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้น “จบงานแล้วกลับบริษัทพร้อมกันกับฉัน”เขาไม่คิดจะให้วันหยุดกับเธอแล้ว และจะให้เธอกลับไปทำงานเวินหนี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลงหลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เย่หนานโจวก็หันกลับมาและเห็นว่าลู่ม่านเซิงยังคงอยู่ข้าง ๆ “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”ลู่ม่านเซิงต้องการหาโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพัง แต่หลังจากได้ยินการสนทนาของพวกเขา ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว เธอถอนมือกลับมาและพูดว่า “ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”“อืม” เย่หนานโจวขานรับลู่ม่านเซิงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ “คืนพรุ่งนี้พี่ว่างไหมคะ?”“แล้วแต่สถานการณ์”“ถ้าคืนพรุ่งนี้พี่มีเวลา ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะค่ะ”เย่หนานโจวพูดขึ้นทันที “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”ลู่ม่านเซิงถือว่าเขารับปากแล้วและเธอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยของเธอเวินหนี่
ชายคนนั้นสอดมือลงในกระเป๋าเสื้อและจ้องมองเวินหนี่ด้วยสายตาอ่อนโยนครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลู่เซิน พวกเราอยู่ห้องเดียวกันทั้งตอนประถมและมัธยมต้น”เวินหนี่จมอยู่ในความคิดเป็นเวลานานจากภาพจำของเธอ ลู่เซินนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นเขาเป็นเด็กอ้วนตัวเล็ก ๆ และนั่งอยู่แถวหลังเงียบ ๆ ทุกภาคเรียนเธอไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากนักเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่มีผลการเรียนดีที่สุดมาโดยตลอด เธอทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการศึกษาในชั้นเรียน และมากสุดก็แค่พูดคุยกันสองสามคำตอนเก็บการบ้านเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะกลายเป็นคนที่หล่อเหลาขนาดนี้ “ลู่เซิน?” ริมฝีปากของเวินหนี่โค้งขึ้นเล็กน้อย “ทำไมนายถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ล่ะ? ฉันจำนายไม่ได้เลย”“ใช่น่ะสิ ฉันเปลี่ยนไปมาก ไม่แปลกที่เธอจะจำไม่ได้” ลู่เซินมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “เพื่อนร่วมชั้นหลายคนก็จำฉันไม่ได้ แต่ฉันจำเธอได้นะ”เวินหนี่มีความสุขมากที่ได้พบเพื่อนร่วมชั้นเก่าหลังจากที่เธอเริ่มทำงาน เธอก็ไม่ค่อยได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเลย เพราะทุกครั้งมัวแต่ยุ่งกับการทำงานชีวิตของเธอนั้นซ้ำซากจำเจ มีแค่งานและครอบครัว นอกเหนือจากเพื่อนร
เวินหนี่เห็นว่าลู่เซินยังอยู่ใกล้ ๆ กลัวว่าเขาจะได้ยินเข้า แล้วสถานการณ์จะกระอักกระอ่วน จึงบอกให้ถังเยาหยุดพูดไร้สาระถังเยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังและไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นลู่เซินทักทายผู้อื่นอย่างสุภาพพอเป็นพิธี และกลับมาหาเวินหนี่ถังเยาเอ่ยทัก “คุณลู่ คุณเป็นแขกที่หาตัวได้ยากนะคะ”ลู่เซินตอบ “นิทรรศการของคุณถังประสบความสำเร็จมาก ผมคิดว่ามันจะต้องมีอิทธิพลมากแน่ ๆ ครับ”“งานอดิเรกของนักวิชาการเทียบไม่ได้กับคุณลู่เลยค่ะ” ถังเยาสะกิดเวินหนี่ “ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่ากัน งั้นคุณช่วยไปส่งเวินหนี่หน่อยได้ไหมคะ ตอนบ่ายเธอต้องกลับบริษัทน่ะค่ะ”จู่ ๆ เวินหนี่ก็ถูกดันออกไป เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย และก่อนที่จะได้พูดอะไร ลู่เซินก็ตอบกลับทันที “ได้สิครับ ผมไม่ได้มีธุระอะไร เดี๋ยวผมจะไปส่งเธอให้เอง”ถังเยาขยิบตาให้เวินหนี่และพูดขึ้นอย่างสุภาพ “รบกวนด้วยนะคะ”เธอผลักเวินหนี่ไปข้าง ๆ ลู่เซิน “เพื่อนร่วมชั้นเก่าคงอยากลำลึกความหลังกัน พวกคุณค่อย ๆ คุยกันไปก็แล้วกันค่ะ ฉันขอไม่ไปส่งก็แล้วกันนะคะ”เธออยากให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเวินหนี่มองไปที่ถังเยาด้ว
แต่กลับเห็นเวินหนี่ยืนอยู่ในอ้อมแขนของชายอีกคนทั้งสองใกล้ชิดกันมาก พวกเขามองตากันอย่างเสน่หาเย่หนานโจวขมวดคิ้วทันที ใบหน้าที่เย็นชาของเขาเปลี่ยนเป็นดำมืด และดวงตาของเขาจ้องไปที่ทั้งสองที่กอดกันอยู่อย่างเฉียบคมเท่าที่เย่หนานโจวจำได้ ดูเหมือนว่าเวินหนี่จะไม่มีเพื่อนผู้ชายอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ และไม่ชอบใจเอาเสียเลย เขาอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าเดินออกไปเวินหนี่รู้สึกตกใจตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักว่าระยะห่างระหว่างคนทั้งสองนั้นใกล้กันเกินไปและดูไม่ค่อยเหมาะสม เธอจึงรีบผละออกจากอ้อมแขนของเขา“เธอโอเคไหม เจ็บตรงหรือเปล่า?” ลู่เซินถามอย่างเป็นห่วง “ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” เวินหนี่ยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ“ไม่ต้องขอบคุณ” ลู่เซินกล่าว “ดูสิ เธอเพิ่งเจอฉัน ไม่พูดขอโทษก็พูดขอบคุณ อย่าทำเหมือนเราห่างเหินกันขนาดนั้นสิ”ลู่เซิงยังอยากสนิทกับเธอให้มากขึ้นเวินหนี่เป็นคนสุภาพและมีน้ำใจต่อผู้อื่นแต่เห็นได้ชัดว่า ลู่เซินไม่ต้องการให้เธอสุภาพกับเขามากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการที่จะกดดันเขามากเกินไปเช่นกัน
เวินหนี่ตกใจมากที่เขาพูดสิ่งนี้ นี่เป็นความลับส่วนตัวที่สุดระหว่างเธอกับเย่หนานโจวทำไมเขาถึงพูดมันออกมาอย่างนั้นเธอยังคงรู้สึกตกใจลู่เซินรู้สึกประหลาดใจมาก เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามกลับอย่างใจเย็น “แล้วคุณเย่รู้ได้ยังไงครับ?”เย่หนานโจวขยับปาก แต่เวินหนี่แทรกขึ้นก่อน “ประธานเย่เขาล้อเล่นน่ะ”เธอขัดจังหวะเย่หนานโจวทันที และหลุดออกมาจากมือของเขา แต่บนใบหน้ายังคงยิ้มเล็กน้อย “หลายปีมานี้ฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน จะแต่งงานได้ยังไงกัน อย่าคิดมากเลย” เธอพูดกับลู่เซินเมื่อได้ยินแบบนั้นเย่หนานโจวก็เงยหน้าขึ้น เขามองเวินหนี่ด้วยสายตาที่หนักหน่วง พร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นดูไม่พอใจเอามาก ๆ “อย่างนี้นี่เอง” ลู่เซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นก็ไม่มีอะไร ก็ว่าทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินข่าวแต่งงานของเธอเลย”หากเธอแต่งงานแล้ว เขาคิดว่าเขาต้องรู้ข่าวแล้วสิ เวินหนี่เปลี่ยนเรื่องทันทีโดยไม่ให้โอกาสเย่หนานโจวได้เป็นบ้าอาละวาด “ลู่เซิน ฉันตกลงไว้ว่าจะกลับบริษัทพร้อมกับคุณเย่ นายไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ไปทำธุระของนายเถอะ”ลู่เซินมองดูทั้งสองและตระหนักได้ว่า เขาเองก็ยังไม่คุ้นชินทาง กล
ลู่ม่านเซิงคิดว่าใคร ๆ ก็คงไม่คิดว่าจะเป็นเธอในทันทีโลกของเธอก็กลับตาลปัตรขึ้นมาอีกครั้ง!เจียงเมิ่งเหยาเห็นลู่ม่านเซิงกำลังตื่นตระหนกจึงพูดขึ้นว่า “คุณลู่ เราสองคนตอนนี้เหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องร่วมมือกันพลิกสถานการณ์ ไม่งั้นพวกเราจะเสียหายทั้งคู่นะคะ!”เมื่อรายงานข่าวไปแล้ว ทางเดียวคือดึงชื่อเสียงของลู่ม่านเซิงกลับคืนมาเท่านั้นหากจะเรียกความเชื่อมั่นของชาวเน็ตคืน ต้องพลิกไปพลิกมาให้ได้ลู่ม่านเซิงยังไม่อยากเชื่อ “พวกเธอออกไปก่อน ฉันต้องการสงบสติอารมณ์!”เจียงเมิ่งเหยาร้อนรนใจ พูดต่อว่า “เราต้องหาทางแก้ไขสิ! การสงบสติไม่ได้ช่วยอะไร เรื่องถูกแฉออกไปหมดแล้ว…งั้นให้คุณพลิกกลับและฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ใช้กฎหมายถ่วงเวลาได้...”ยังพูดไม่ทันจบ ลู่ม่านเซิงก็พูดขัดขึ้นว่า “เสี่ยวหยวน พาเธอออกไป ฉันต้องการความสงบ!”“คุณเจียง เชิญค่ะ เซิงเซิงต้องการพักสงบสติสักครู่!” ผู้ช่วยของเธอรีบมาเชิญตัวเจียงเมิ่งเหยาออกไปในทันทีเจียงเมิ่งเหยาแน่นอนว่าเป็นห่วงผลประโยชน์ของตัวเองเธอจะเสียความเชื่อมั่นจากชาวเน็ตไปไม่ได้เพียงแค่ลู่ม่านเซิงพลิกกลับมาโจมตีอีกฝ่าย แม้วันหน้าความจริงจะถูกเปิ
[น่าเชื่อถือ ฉันอยู่ห้องพักฟื้นข้าง ๆ เลย เห็นคน ๆ นั้นบาดเจ็บไปทั้งตัว สภาพหนักมากไม่รู้ไปเจออะไรมาบ้าง สรุปคือตอนนี้บาดเจ็บสาหัสไปเพราะคำพูดไม่กี่คำของลู่ม่านเซิง!][มันไม่ยุติธรรมเลย เพราะแค่เป็นคนดัง แค่คำพูดหรือสายตาคำเดียวก็สามารถพลิกความจริงได้ วันนี้ยังเข้าแค่โรงพยาบาล พรุ่งนี้จะไม่ถึงชีวิตเชียวเหรอ? กฎของวงการบันเทิงควรจะปรับได้แล้วนะ ศิลปินก็ควรต้องมีทั้งคุณธรรมและฝีมือ ถึงเวลาลงโทษให้หนักแล้วกับคนแบบนี้!][ลู่ม่านเซิง ออกไปจากวงการบันเทิงซะ!][เจียงเมิ่งเหยา เธอก็อย่าทำข่าวอีกเลย เธอกำลังหากินบนความเดือดร้อนของคนอื่น!]เจียงเมิ่งเหยาหน้าถอดสีทันที คาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะกระทบตัวเองด้วย เธอนึกถึงคำพูดของเวินหนี่ที่เคยเตือนว่าให้รักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ ซึ่งเธอคิดขึ้นมาได้ทันทีและพูดออกไปว่า “หรือว่าจะเป็นเวินหนี่!”ส่วนลู่ม่านเซิงก็มองโทรศัพท์ที่ไม่หยุดดัง มือไม้สั่นไปหมดเพราะคอมเมนต์เหล่านั้นที่ทำให้เธอเสียขวัญสุด ๆ คำเหล่านั้นส่งผลต่อเส้นทางในวงการบันเทิงของเธอโดยตรง แน่นอนว่าเธอรู้สึกหวาดกลัวกับอนาคตติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ลู่ม่านเซิงมองเ
ลู่ม่านเซิงรีบลุกขึ้นด้วยสีหน้าซีดเผือด "อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง!"“ฉันไม่ได้โกหกจริง ๆ มีคนโทรมาด่าจริง ๆ ค่ะ!” เสี่ยวหยวนพูดด้วยความตกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเรื่องแบบนี้ “แต่ละคำด่าฟังไม่ไหวเลยค่ะ พี่อย่าฟังเลยดีกว่า”ลู่ม่านเซิงถึงกับอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ "ใครจะเอาประวัติการรักษาฉันออกมาได้ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!"เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดดูสถานการณ์ในโลกออนไลน์ และเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้…แต่พอเธอเห็นคอมเมนต์มากมายก็เริ่มไม่มั่นใจ ทุกข้อความพุ่งเป้ามาด่าทอเธอกล่าวหาว่าเธอเป็นผู้หญิงแสร้งทำตัวน่าสงสาร เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ใส่ร้ายคนอื่น กล่าวหาว่าชีวิตจริงก็แสดงละครเหมือนในบทบาทมีคอมเมนต์หนึ่งบอกว่าเธอสร้างภาพให้ดูดี แต่ลับหลังกลับเป็นหญิงเจ้าเล่ห์!ลู่ม่านเซิงอยู่ในวงการมานานตั้งแต่เป็นนักร้อง เคยเจอคอมเมนต์เชิงลบบ้าง แต่ไม่เคยหนักเท่านี้ ตอนนั้นเธอมีชื่อเสียงพอสมควรและถึงกับต้องจ่ายเงินเพื่อสร้างกระแสให้ตัวเองบ้าง แต่ตอนนี้กับการเป็นนักแสดงกระแสด้านลบกลับรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกเธอเลื่อนดูแต่ละคอมเมนต์ ล้วนแต่เต็มไปด้วยถ้อยคำตำหนิทั้งสิ้น[หูหนวกเพร
เสี่ยวอิ่งรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อเห็นเวินหนี่ อย่างน้อยเธอก็ยังมีคนให้พึ่งพาได้บ้าง เวินหนี่รีบปลอบพร้อมกับตบหลังเธอเบา ๆ พอมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งมีข้อความที่เธอพิมพ์ไว้ยาวเป็นสิบกว่าหน้า ก็เอ่ยขึ้นว่า “พอแล้วล่ะ อย่าร้องเลย ครั้งนี้ฉันจะทำให้เธอได้มีโอกาสสู้กลับบ้าง”เสี่ยวอิ่งสะอื้นพลางถาม “จะมีอะไรให้ฉันได้เอาคืนจริง ๆ เหรอ ถ้าได้เอาคืนเจียงเมิ่งเหยาสักครั้ง ฉันจะรู้สึกสะใจสุด ๆ เลย!”หลังจากที่ถูกเจียงเมิ่งเหยากดขี่มาตลอด ถ้ามีโอกาสให้เจียงเมิ่งเหยาพลาดท่า เสี่ยวอิ่งจะไม่รอช้าที่จะขยี้ซ้ำ“สิ่งที่ฉันพูดถึง ก็คือเรื่องนี้แหละ”เสี่ยวอิ่งถึงกับตะลึง รีบเช็ดน้ำตาแล้วเอ่ยอย่างดีใจ “เวินหนี่ ฉันรู้แล้วว่าเธอต้องมาช่วยฉันแน่ ๆ พูดมาเลย เดี๋ยวฉันจัดการทันที!”เวินหนี่นั่งลงที่โต๊ะ เตรียมจะร่วมมือกับเสี่ยวอิ่งเพื่อแฉเรื่องของลู่ม่านเซิงขณะเดียวกัน เจียงเมิ่งเหยากำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของลู่ม่านเซิง ตอนนี้ลู่ม่านเซิงกลับไปพักที่บ้านแล้ว เธอพักอยู่ที่ว่างเจียงหยวนซึ่งเย่หนานโจวก็ไม่ได้ไปหาด้วย ลู่ม่านเซิงเองก็รู้สึกอ่อนล้าแม้จะไม่รู้ว่าในอนาคตจะพึ่งเย่หนานโจวได้หรือไ
"ตอนที่ฉันออกจากตระกูลเย่ ฉันไม่ได้เอาไปด้วย เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ของฉันอีกแล้ว!"เย่หนานโจวเม้มริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความคมกล้า ขณะที่มือกำหมัดแน่น“ไปกันเถอะ” ลู่เซินพูดกับเวินหนี่เวินหนี่เดินตามลู่เซินออกไปเย่หนานโจวมองตามแผ่นหลังของพวกเขา รักษาความนิ่งเงียบ ไม่ได้ห้ามไว้แต่ในแววตากลับเย็นยะเยือกเมื่อไปถึงชั้นใต้ดิน เวินหนี่พูดกับลู่เซินว่า “ฉันหาสาเหตุที่ทำให้ลู่ม่านเซิงหูหนวกได้แล้ว ตอนนี้ฉันอยากโทรสักสาย”ความคิดเห็นในโลกออนไลน์กำลังคุกรุ่น เธอต้องการใช้ช่วงเวลาที่กระแสกำลังแรงนี้เพื่อชี้แจงความจริง เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้เย่จื่อลู่เซินรีบเปิดประตูรถให้ “จะไปที่สถานีโทรทัศน์ใช่ไหม?”“ใช่ ฉันต้องกลับไปสักหน่อย”ลู่เซินจึงรีบขับรถพาเวินหนี่ไปยังสถานีโทรทัศน์ช่วงนี้เธอลาพักงานไปพอดี แถมเจียงเมิ่งเหยาซึ่งไม่ได้สัมภาษณ์เย่หนานโจวสำเร็จ ยังสร้างเรื่องทำลายข่าวของเธอ รวมถึงก่อความวุ่นวายในสถานีโทรทัศน์ ซึ่งทั้งหมดถูกบรรณาธิการเฉินรู้เข้าแล้ว บรรณาธิการจึงด่าเจียงเมิ่งเหยาชุดใหญ่ดังนั้นเจียงเมิ่งเหยาจึงกลายเป็นคนที่ทำงานไม่สำเร็จตามที่บรรณาธิการคาดหวังไว้ยิ่งไปกว่านั้
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่เหลืออะไรเลยไม่มีใครอยู่เคียงข้างเธอ…เวินหนี่กลับมาที่โรงพยาบาลในเวลานี้เย่จื่อฟื้นขึ้นมาแล้วแต่เธอดูเหนื่อยเล็กน้อยและนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย“คุณอา” เวินหนี่ถือของมากมายเดินเข้าไปเย่จื่อหันศีรษะและมองไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “เวินหนี่เองเหรอ”“เป็นยังไงบ้างคะ? รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ?” เวินหนี่ถาม “ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนต้องบอกหนูนะคะ”เย่จื่อมองไปที่เย่หนานโจวที่อยู่ด้านหลังเธออีกครั้ง เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตรงที่มันควรเจ็บก็ยังเจ็บอยู่ แต่ยังทนได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอีกสองสามวันก็หาย!”เวินหนี่ตอบกลับไป “ค่ะ”“หนานโจว” เย่จื่อมองไปที่เย่หนานโจว เธอยังคงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสุสาน “ฉันขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้น อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”แม้ว่าเธอจะโกรธเย่หนานโจวอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป และสำหรับเย่หนานโจว มันก็มีผลกระทบกับเขาในท้ายที่สุดเย่หนานโจวมองไปที่เย่จื่อด้วยสายตาที่ลึกล้ำและพูดอย่างเคร่งขรึม “มันผ่านไปแล้ว อย่าใส่ใจไปเลยครับ”เย่จื่อถอนหายใจด้วยสีหน้าโศกเศร้า “มันจะไม่เป็นการทำร้า
“แล้วนี่ไม่ใช่ลูกของคุณหรือไง?” เย่ซูเฟินถามเย่เหว่ยถิงมองเธออย่างเย็นชา “แม้แต่การแต่งงานฉันก็ไม่อยากแต่งด้วยซ้ำ แล้วฉันจะอยากมีลูกงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินหน้าซีดเผือด “ฉันว่าแล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้ เย่เหว่ยถิง ทำไมฉันต้องแต่งงานกับคุณด้วย ตอนนี้ฉันเสียใจแล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็ไม่อยากแต่งงานกับคุณ!”เย่เหว่ยถิงก็พูดขึ้นอย่างไม่ปราณี “ตอนนั้นมันก็เป็นเพราะเล่ห์เหลี่ยมของเธอจนฉันต้องแต่งงานกับเธอไม่ใช่เหรอ คิดว่าฉันอยากแต่งกับเธอหรือไง? ”หัวใจของเย่ซูเฟินกำลังจะระเบิด และดวงตาของเธอก็แดงก่ำ “ใช่ เป็นเพราะฉันใช้เล่ห์เหลี่ยม ดังนั้นคุณถึงแก้แค้นฉันแบบนี้!”เขาอยู่ข้างนอกทั้งคืน และไม่กลับบ้านด้วยซ้ำนับตั้งแต่เธอแต่งงานกับเขา เขาไม่เคยคิดว่าที่นี่คือบ้านอีกต่อไปเธอต่างจากหญิงม่ายตรงไหน? “อย่าพูดว่าแก้แค้นเลย” สายตาของเย่เหว่ยถิงเย็นชา “ฉันไม่เคยเห็นเธอในสายตาด้วยซ้ำ!”หัวใจของเย่ซูเฟินชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอพยายามไปเพื่ออะไรกัน?เพื่อว่าสักวันหนึ่งเย่เหว่ยถิงจะเปลี่ยนใจอย่างนั้นเหรอ? เปล่าเลยเธอเพียงแค่ปล่อยวางไม่ได้ และเธอก็ไม่เต็มใจที่ปล่อยวางมันด้วย ลูกโตขนาดนี้แล้ว เ
“ฉันเอง!”เย่หนานโจวจับมือของเธอเวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่หนานโจวตรงหน้า “คุณมาทำอะไรที่นี่?”สีหน้าของเย่หนานโจวมืดมน “ฉันควรถามเธอมากกว่าว่ามาทำอะไรที่นี่?”เวินหนี่ยังคงมีเวชระเบียนอยู่ในมือ แต่เธอไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับเขาได้ เพราะกลัวว่าเขาจะทำลายมันทิ้ง ดังนั้นเธอจึงตอบไปว่า “ฉันมาหาเพื่อน”“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?” เย่หนานโจวถามกลับเวินหนี่กล่าวเสริม “ไม่อย่างนั้น ฉันจะมาที่นี่ทำไม?”“เธอเข้าไปในชั้นสี่” เย่หนานโจวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เธอรู้ผลที่ตามมาจากการเข้าไปในพื้นที่ของคนแปลกหน้าหรือเปล่า?”เวินหนี่พูด “ฉันก็ออกมาได้ไม่ใช่หรือไง!”เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตระหนักถึงความอันตรายเลย เย่หนานโจวก็ขมวดคิ้ว “เวินหนี่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เธออาจตายได้เลย เธอตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า!” เวินหนี่มองไปที่เย่หนานโจวและคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าทำไมเย่หนานโจวถึงมาอยู่ที่นี่คงไม่ใช่เป้าหมายเดียวกับเธอหรอกใช่ไหมเวินหนี่ไม่แน่ใจ และอาจเป็นไปได้ว่าจุดประสงค์ของพวกเธอแตกต่างกัน ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอได้มันมาอยู่ในมือแล้ว และเธอก็พยายามสงบสติอารมณ์ “เข้าใจ
ริมฝีปากของเย่หวูโหยวยังคงยิ้มอยู่ และประกายวาวที่หางตาของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น “นี่คือสิ่งที่คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอครับ ผมแค่พูดตามความจริงเท่านั้น”เวินหนี่รู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอสามารถเห็นพื้นที่นี้ได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เธอก็แน่ใจว่าลู่ม่านเซิงไม่ได้อยู่ที่นี่ และเธอก็สงสัยในความจริงที่เขาพูด “ฉันจะเชื่อสิ่งที่คุณพูดได้ยังไงคะ?”“แล้วผมจะได้ประโยชน์อะไรจากการโกหกคุณล่ะ?”เย่หวูโหยวมองไปที่โต๊ะ “นี่คือหลักฐานที่แสดงว่าลู่ม่านเซิงมาพบผม คุณสามารถดูได้”เวินหนี่เห็นเวชระเบียน และหยิบขึ้นมาตรวจดูลู่ม่านเซิงมาขอความช่วยเหลือจากเขาจริง ๆ ด้วยสิ่งที่แพทย์รักษาไม่ได้ แต่เขาสามารถทำได้ดูเหมือนว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาจะสูงไม่เบา เขาสามารถช่วยให้ลู่ม่านเซิงหูหนวกและช่วยให้ฟื้นฟูให้เธอได้ทุกอย่างลงล็อคพอดี“ตอนนี้คุณรู้ความจริงหมดแล้ว ไม่กลัวว่าตัวเองจะตายเลยเหรอ” ในขณะนี้ เย่หวูโหยวเข้ามาใกล้เธอ และคำถามก็ดังขึ้นจากด้านบนหัวของเธอเวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองเขา ในขณะนั้นเธอก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยบุคคลตรงหน้าเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ เธอเข้ามาในพื้นที่ของเขา และอาจตายที่นี่ก็ได้ด้วย