ส่วนตัวเวินหนี่ก็รู้สึกโทษตัวเองเช่นกัน ทนมาได้ตั้งนาน ทำไมถึงไม่อดทนต่ออีกสักหน่อยหากว่าเธอไม่ทำตัวหุนหันพลันแล่น เย่จื่อก็คงไม่รู้“ฉันขอโทษจริง ๆ”เวินหนี่เองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เย่หนานโจว แต่คำพูดที่ได้พูดออกไปแล้วมันไม่สามารถเก็บกลับมาได้อีกหญิงสาวกำลังคิดทบทวนอีกครั้งว่าเธออยากจะหย่าจริง ๆ `หรือไม่?ที่จริงแล้วเธอแค่อยากจะมอบชีวิตใหม่ให้กับตัวเองตอนนี้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ไม่มีความหวังใดหลงเหลืออยู่เลยและไม่อยากจะจมอยู่กับความรู้สึกนี้อีกต่อไปแล้วเย่หนานโจวไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา “การใช้ชีวิตอยู่กับฉันมันทำให้เธอลำบากมากใช่ไหม?”ได้ยินอย่างนั้นเวินหนี่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตากลมเริ่มร้อนผ่าวราวกับกำลังมีอะไรบางอย่างร่วงหล่นลงมาในไม่ช้าหากว่าเขาแสดงความโกรธออกมา เธอก็คงไม่ต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้การที่เขาเอ่ยถามออกมาเบา ๆ แบบนั้นมันทำให้เธอควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้เลยแทนที่จะตอบว่าลำบากใจ คงจะดีกว่าถ้าเธอพูดออกไปตรง ๆ ว่าเธอไม่อยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลู่ม่านเซิงอีกแต่นั่นมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว“ก็นิดหน่อย”เวินหนี่ก้มหน้าลง ไม่อยากใ
ได้ยินอย่างนั้นหลี่ถิงก็รีบเข้าไปคว้าแก้วไวน์มาไว้ในมือตัวเองแทน “ประธานหลี่ พี่เวินดื่มไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นให้ฉันดื่มแทนนะคะ”ประธานหลี่ไม่พอใจ “แบบนี้ก็ไม่มีน้ำใจต่อกันเลยน่ะสิ”หลี่ถิงรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมีประสบการณ์การเข้างานสังคมไม่มากนักจึงไม่มีไหวพริบมากพอที่จะรับสถานการณ์ให้ได้ จึงรู้สึกอายและเป็นกังวลมากเกรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เกิดผลที่ไม่ดีตามมา“เวินหนี่ คุณจะปล่อยให้ลูกน้องของตัวเองดื่มไวน์แทนไม่ได้นะ”เพราะเห็นว่าทั้งสองคนเป็นผู้หญิงจึงทำให้ประธานหลี่รู้สึกมีความกล้ามากขึ้น คำพูดคำจาของเขาจึงฟังดูไม่ได้สุภาพนัก “คุณเป็นตัวแทนของประธานเย่ ประธานเย่จะดื่มกับเราเสมอ คุณจะไม่ดื่มได้ยังไง ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แทนเขาแล้วก็ควรที่จะมาสนุกกับเรานะ”“มา เดี๋ยวผมเติมให้ คืนนี้ดื่มให้จุใจไปเลย”คนอื่น ๆ เองก็เออออตามเขา “เวินหนี่รักษาหน้ากันหน่อยเถอะ ถ้าประธานหลี่ขอให้ดื่มก็แค่ดื่ม อย่าหาข้ออ้างให้มันมากมายเลย!”“อย่าทำให้บรรยากาศมันไม่สนุกสิ ถ้าประธานเย่รู้เข้าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เดี๋ยวกลับไปก็คงโดนดุเสียเปล่า!”เวินหนี่ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริง ๆแม้ว่
สัมผัสจากประธานหลี่ทำให้เวินหนี่รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เธอรีบผลักเขาออกด้วยความตกใจ “ประธานหลี่ ให้เกียรติฉันด้วยค่ะ!”“คุณต้องการเกียรติอะไรงั้นเหรอ? ก็แค่ทาสรับใช้ของประธานเย่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณนอนกับเขาไปกี่ครั้งแล้ว เราให้โอกาสคุณดื่มเพื่อรักษาหน้าเอาไว้ อย่าหน้าไม่อายหน่อยเลย!” ประธานหลี่ผู้ดื้อรั้นยังคงยืนหยัดคำเดิม ทว่าหญิงสาวก็ปฏิเสธทุกครั้ง จนในที่สุดเมื่อความอดทนหมดลงเขาก็โผเข้าไปกอดเธอทันที “อะไรที่เย่หนานโจวให้ได้ ผมก็ให้คุณได้เหมือนกัน ให้บ้านสักหลังล่ะเป็นไง ในอนาคตคุณไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรเลยมาเป็นคนของผมยังดีกว่าเย่หนานโจวอีกนะ...”“ปล่อยนะ!”เวินหนี่พยายามดิ้นหนี ก่อนจะตบเข้าที่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”เมื่อถูกตบอย่างแรงตอนนี้ดวงตาของประธานหลี่จึงแดงก่ำ เขากำลังจ้องมองเวินหนี่ด้วยความโกรธจัด “นังสารเลว กล้าดียังไง ฉันจะฆ่าให้ตายเลยคอยดูเถอะ!”หลี่ถิงรู้สึกกลัวมากส่วนเวินหนี่เองก็กลัวว่าหลี่ถิงจะได้รับอันตรายเช่นกันเพราะอยู่ตรงบริเวณประตูพอดี เธอจึงรีบผลักหลี่ถิงให้ออกไป “ที่นี่มันอันตราย รีบออกไปเร็ว ๆ !”หลี่ถิงตกใจมาก “พี่เวินหนี่ พี่จะท
เย่หนานโจวกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขนแน่น ราวกับว่าอยากจะให้ความอบอุ่นนี้แทรกซึมเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดให้กับเธอชายหนุ่มวางคางลงบนศีรษะกลมในขณะที่ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่กำลังตำหนิตัวเอง “ฉันอยู่นี่เวินหนี่ ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร”เวินหนี่ซุกหน้าฝังเข้าไปในอกแกร่งด้วยร่างกายที่ยังคงสั่นเทา แล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่มีสติว่า “ทำไมคุณเพิ่งมา เกือบแล้ว เกือบไปแล้ว....ที่ฉันจะไม่ได้เจอคุณอีก!”ร่างสูงยังคงกอดเวินหนี่ที่ริมฝีปากเริ่มซีดเซียวเอาไว้พลางกำหมัดแน่น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ทว่าเขาก็ปลอบเธอด้วยความอดทนเพื่อเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกปลอดภัยจากเขาที่กำลังพยายามช่วยรักษาความเจ็บปวดให้อยู่ “ฉันขอโทษที่มาสายขนาดนี้ ไม่ต้องกลัวนะ หลังจากนี้จะไม่ทิ้งเธอไว้คนเดียวอีกแล้ว?”ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจึงรีบมาหา แต่ทว่าก็ยังเกือบสายเกินไปร่างบางทรุดตัวลงแล้วร้องไห้อย่างหนัก ความไม่สบายใจและความหวาดกลัวยังคงส่งตรงออกมาถึงหัวใจของเย่หนานโจวอย่างต่อเนื่องก่อนที่เธอจะยกสองมือขึ้นตีที่หน้าอกของเขา “คุณจะทิ้งฉัน เดี๋ยวคุณก็จะทิ้งฉัน ค
หลังจากที่ชายหนุ่มจากไปก็ได้ยินเพียงเสียงร้องโอดครวญจากทางด้านหลังส่วนเวินหนี่ที่กำลังหลับใหล เธอเองก็ฝันว่ามีปีศาจกำลังไล่ตามมาอยากจะวิ่งหนีออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ เกิดความกลัวขนาดมหึมาที่กำลังกลืนกินจนทำให้เธอหายใจไม่ออกราวกับคนที่กำลังจะตายในไม่ช้าหญิงสาวสะอื้นในขณะที่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดเห็นแบบนั้นเย่หนานโจวจึงรีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกให้เบา ๆ ตอนนี้ร่างบางตัวร้อนมากและเริ่มมีไข้หลี่ถิงเองก็กำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เดิมทีเธอกำลังจะออกไปขอความช่วยเหลือแต่พบกับเย่หนานโจวที่ทางเข้าเสียก่อน โชคดีที่เขามาถึงได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคงเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ หลี่ถิงร้องไห้แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านประธาน มันเป็นความผิดของฉันเองที่ดูแลพี่เวินหนี่ไม่ดี ตอนนี้พี่เวินหนี่น่าจะมีไข้ เรารีบส่งตัวไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”ตอนนี้เย่หนานโจวเยือกเย็นมากราวกับน้ำแข็งที่ไม่แยแสต่อมนูษย์คนไหน ก่อนจะพูดเพียงแค่ว่า “ไม่ เป่ยชิง พาเธอกลับบ้าน!”พูดจบเขาก็อุ้มเวินหนี่ขึ้นรถแล้วออกไปจากตรงนั้นทันทีหลี่ถิงยังคงร้องไห้แล้วโทษตัวเองอย่างควบคุมสติไม่ได้ เห็นอย่างนั้นเป่ยชิงจึงเข้ามาบอก “หยุดร
ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็เห็นเวินหนี่กำลังนั่งถูตัวเองอย่างรุนแรงอยู่ในอ่างอาบน้ำ เธอไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าเขาจะได้ยิน“เวินหนี่ หยุด!”เย่หนานโจวรีบเข้าไปจับมือเล็กที่กำลังทำร้ายตัวเองไว้แน่นเวินหนี่มองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ พยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ “อย่ามาจับตัวฉันนะ ตัวฉันสกปรก....”“เธอไม่ได้สกปรก” เย่หนานโจวเอ่ยแล้วใช้แขนแกร่งโอบรอบตัวเธอ ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายทำร้ายตัวเอง “เธอไม่ได้สกปรก”ในหัวของเวินหนี่มีแต่ภาพที่เธอถูกกดตัวลงบนโต๊ะ เท่านี้ภายในใจก็ก่อเกิดความรู้สึกขยะแขยงมากมาย สิ่งนี้เองที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองสกปรก ว่าแล้วหญิงสาวก็ส่ายหน้าทันที “อย่าปลอบใจฉันเลย ฉันรู้ว่าตัวฉันสกปรกไปแล้ว ขนาดฉันเองยังรู้สึกว่าตัวเองสกปรกเลย!”ร่างบางยังคงถูตัวเองต่อไปจนแดงเป็นจ้ำ ๆ“เวินหนี่”ไม่ว่าเขาจะตะโกนยังไงเธอก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเวินหนี่ขัดถูทุกส่วนของร่างกายพลางตะโกนอย่างไม่มีสติซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ฉันมันตัวสกปรก ฉันต้องทำความสะอาดสิ!”“ฉัน...” เธอพยายามพูดประโยคเดิม ๆ ออกมา ทว่าปากบางที่สั่นเทานั้นก็ต้องหยุดลง เมื่อเย่หนานโจวก้มลงมาใกล้ สายตา
เวินหนี่คล้องแขนไว้ที่คอแกร่ง “ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉัน”“ฉันจะอยู่นี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น” เย่หนานโจวลูบแก้มนวลเบา ๆ “ตัวเธอแดงหมดแล้ว นอนเฉย ๆ อย่าขยับมากเดี๋ยวมันจะถลอกจนเป็นแผลรู้ไหม?”เวินหนี่มองเขา ในที่สุดเข้าใจว่าการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขาของลู่ม่านเซิงมีผลลัพธ์ยังไงเด็กที่ร้องไห้ก็จะได้รับลูกอมนี่เองเพียงเธอแสดงความอ่อนแอเล็กน้อย เขาก็จะแสดงความอ่อนโยนกับเธอทันที“โอเคค่ะ” เธอยอมปล่อยมือจากเขาแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนักเย่หนานโจวห่มผ้าให้แล้วนั่งลงที่ขอบเตียง “หนาวไหม?”เธอส่ายหน้า “ไม่หนาวค่ะ”“เธอมีไข้ต่ำ ๆ” เขาแสดงความกังวลออกมา “เดี๋ยวจะช่วยเช็ดตัวให้เผื่อตัวจะเย็นลง”“คุณใจดีจริง ๆ” เธอมองเขาแล้วเอ่ยออกมาจากหัวใจคนฟังยิ้มแล้วบีบจมูกเล็กเบา ๆ เวินหนี่เองก็ไม่ได้หลบและมองเขาอยู่อย่างอ้อยอิ่งเธออยากจะเก็บความใจดีของเขาไว้ในใจตลอดไปทว่าเย่หนานโจวกลับพูดว่า “นี่สาวน้อย อย่าพูดว่าคนอื่นใจดีง่าย ๆ แบบนั้นสิ”เขาเพิ่มน้ำแข็งลงบนผ้าขนหนูแล้ววางลงบนหน้าผากเธอพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ถ้าคนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่ฉันแล้ว ก็อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกความใจดีของผู้ชายคนไหนมาหลอกเอาได้ล่ะ”
หลี่ถิงรีบตอบ “ไม่จริงนะ ฉันแทบไม่มีเวลาเลย ตอนที่ฉันออกไปฉันบังเอิญไปเจอประธานเย่กำลังเข้ามาพอดี พี่เวินหนี่ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าประธานเย่จะมาที่นี่ แต่เท่าที่เห็นเขาดูเป็นห่วงพี่มากนะ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลี่ถิงเองก็คิดว่ามันแปลกแล้วพูดต่อ “พี่เวินหนี่รู้ไหมว่าตอนนั้นประธานเย่ดูน่ากลัวแค่ไหน เขาแตกต่างไปอย่างกับคนละคนเลยล่ะ เขาทำให้ประธานหลี่เกือบพิการแล้วยังจัดการอย่างเด็ดขาดอีกรวมถึงคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องบางคนด้วย ประธานเย่โกรธมากแล้วเอาแต่กอดพี่เวินเหนี่ไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง”คำพูดของหลี่ถิงทำให้คนฟังต้องหยุดชะงัก อดไม่ได้ที่จะหยิบแก้วน้ำด้านข้างขึ้นมาดื่ม“พี่เวินหนี่ปกติแล้วประธานเย่เป็นคนที่ใส่ใจลูกน้องมากเลยใช่ไหม? ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยล่ะ ถ้าฉันได้รับบาดเจ็บหรือตกอยู่ในอันตรายบ้างเขาจะสนใจขนาดนั้นเลยไหมนะ?” หลี่ถิงผู้ซึ่งไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวถามออกมา ก่อนจะพูดต่อ “แม้แต่ลูกน้องที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปียังไม่เคยเห็นเขากังวลด้วยขนาดนี้ พี่เวินหนี่คิดว่าประธานเย่ชอบพี่หรือเปล่า?”“แค่ก แค่ก แค่ก”น้ำที่กำลังไหลเข้าปากทำให้เวินหนี่สำลักออกมาอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินหลี่ถิงถามอ
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม