เย่จื่อรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่มีความโกรธและความผิดหวังหลงเหลืออยู่เต็มอกในตอนนั้นเองเย่หนานโจวก็เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยก็หันมาเจอเย่จื่อและเวินหนี่ที่อยู่ด้วยกัน จึงทักทายด้วยความสุภาพ “คุณอา”“ไม่ต้องมาเรียกฉัน!”ผู้เป็นอาตะโกนใส่หน้าหลานชายด้วยความรู้สึกโกรธ “แกยังถือว่านับว่าฉันเป็นอาอยู่งั้นเหรอ? การหย่าระหว่างแกกับเวินหนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่มาปรึกษาฉัน ลืมที่ปู่กำชับไว้แล้วใช่ไหมว่าให้ดูแลเวินหนี่ดี ๆ? นี่น่ะเหรอการดูแลที่ดีจากแก! เย่หนานโจว ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็ก ไม่คิดเลยว่าแกจะโตมาเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้ แล้วนี่ยังคิดจะหย่าอีก! กับแค่ชู้ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง แกไม่เห็นความสำคัญของการเป็นสามีภรรยาเลยหรือไง!” “พูดดี ๆ หน่อยเย่จื่อ นี่มันเรื่องชู้ เรื่องไร้ความรับผิดชอบอะไรกัน มันเกี่ยวกันตรงไหน?” ผู้เป็นแม่อย่างเย่ซูเฟินได้ยินที่เย่จื่อเอ่ยออกมาด้วยความหยาบคายก็โต้กลับไปทันที “เรื่องที่หนานโจวต้องการหย่ามันก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ เธอจะมาใช้ความอาวุโสกว่าบังคับและดุด่าลูกชายฉันแบบนี้ได้ยังไง!”เวินหนี่ไม่คิดว่าจะเก
ส่วนตัวเวินหนี่ก็รู้สึกโทษตัวเองเช่นกัน ทนมาได้ตั้งนาน ทำไมถึงไม่อดทนต่ออีกสักหน่อยหากว่าเธอไม่ทำตัวหุนหันพลันแล่น เย่จื่อก็คงไม่รู้“ฉันขอโทษจริง ๆ”เวินหนี่เองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เย่หนานโจว แต่คำพูดที่ได้พูดออกไปแล้วมันไม่สามารถเก็บกลับมาได้อีกหญิงสาวกำลังคิดทบทวนอีกครั้งว่าเธออยากจะหย่าจริง ๆ `หรือไม่?ที่จริงแล้วเธอแค่อยากจะมอบชีวิตใหม่ให้กับตัวเองตอนนี้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ไม่มีความหวังใดหลงเหลืออยู่เลยและไม่อยากจะจมอยู่กับความรู้สึกนี้อีกต่อไปแล้วเย่หนานโจวไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา “การใช้ชีวิตอยู่กับฉันมันทำให้เธอลำบากมากใช่ไหม?”ได้ยินอย่างนั้นเวินหนี่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตากลมเริ่มร้อนผ่าวราวกับกำลังมีอะไรบางอย่างร่วงหล่นลงมาในไม่ช้าหากว่าเขาแสดงความโกรธออกมา เธอก็คงไม่ต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้การที่เขาเอ่ยถามออกมาเบา ๆ แบบนั้นมันทำให้เธอควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้เลยแทนที่จะตอบว่าลำบากใจ คงจะดีกว่าถ้าเธอพูดออกไปตรง ๆ ว่าเธอไม่อยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลู่ม่านเซิงอีกแต่นั่นมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว“ก็นิดหน่อย”เวินหนี่ก้มหน้าลง ไม่อยากใ
ได้ยินอย่างนั้นหลี่ถิงก็รีบเข้าไปคว้าแก้วไวน์มาไว้ในมือตัวเองแทน “ประธานหลี่ พี่เวินดื่มไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นให้ฉันดื่มแทนนะคะ”ประธานหลี่ไม่พอใจ “แบบนี้ก็ไม่มีน้ำใจต่อกันเลยน่ะสิ”หลี่ถิงรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมีประสบการณ์การเข้างานสังคมไม่มากนักจึงไม่มีไหวพริบมากพอที่จะรับสถานการณ์ให้ได้ จึงรู้สึกอายและเป็นกังวลมากเกรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เกิดผลที่ไม่ดีตามมา“เวินหนี่ คุณจะปล่อยให้ลูกน้องของตัวเองดื่มไวน์แทนไม่ได้นะ”เพราะเห็นว่าทั้งสองคนเป็นผู้หญิงจึงทำให้ประธานหลี่รู้สึกมีความกล้ามากขึ้น คำพูดคำจาของเขาจึงฟังดูไม่ได้สุภาพนัก “คุณเป็นตัวแทนของประธานเย่ ประธานเย่จะดื่มกับเราเสมอ คุณจะไม่ดื่มได้ยังไง ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แทนเขาแล้วก็ควรที่จะมาสนุกกับเรานะ”“มา เดี๋ยวผมเติมให้ คืนนี้ดื่มให้จุใจไปเลย”คนอื่น ๆ เองก็เออออตามเขา “เวินหนี่รักษาหน้ากันหน่อยเถอะ ถ้าประธานหลี่ขอให้ดื่มก็แค่ดื่ม อย่าหาข้ออ้างให้มันมากมายเลย!”“อย่าทำให้บรรยากาศมันไม่สนุกสิ ถ้าประธานเย่รู้เข้าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เดี๋ยวกลับไปก็คงโดนดุเสียเปล่า!”เวินหนี่ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริง ๆแม้ว่
สัมผัสจากประธานหลี่ทำให้เวินหนี่รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เธอรีบผลักเขาออกด้วยความตกใจ “ประธานหลี่ ให้เกียรติฉันด้วยค่ะ!”“คุณต้องการเกียรติอะไรงั้นเหรอ? ก็แค่ทาสรับใช้ของประธานเย่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณนอนกับเขาไปกี่ครั้งแล้ว เราให้โอกาสคุณดื่มเพื่อรักษาหน้าเอาไว้ อย่าหน้าไม่อายหน่อยเลย!” ประธานหลี่ผู้ดื้อรั้นยังคงยืนหยัดคำเดิม ทว่าหญิงสาวก็ปฏิเสธทุกครั้ง จนในที่สุดเมื่อความอดทนหมดลงเขาก็โผเข้าไปกอดเธอทันที “อะไรที่เย่หนานโจวให้ได้ ผมก็ให้คุณได้เหมือนกัน ให้บ้านสักหลังล่ะเป็นไง ในอนาคตคุณไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรเลยมาเป็นคนของผมยังดีกว่าเย่หนานโจวอีกนะ...”“ปล่อยนะ!”เวินหนี่พยายามดิ้นหนี ก่อนจะตบเข้าที่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”เมื่อถูกตบอย่างแรงตอนนี้ดวงตาของประธานหลี่จึงแดงก่ำ เขากำลังจ้องมองเวินหนี่ด้วยความโกรธจัด “นังสารเลว กล้าดียังไง ฉันจะฆ่าให้ตายเลยคอยดูเถอะ!”หลี่ถิงรู้สึกกลัวมากส่วนเวินหนี่เองก็กลัวว่าหลี่ถิงจะได้รับอันตรายเช่นกันเพราะอยู่ตรงบริเวณประตูพอดี เธอจึงรีบผลักหลี่ถิงให้ออกไป “ที่นี่มันอันตราย รีบออกไปเร็ว ๆ !”หลี่ถิงตกใจมาก “พี่เวินหนี่ พี่จะท
เย่หนานโจวกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขนแน่น ราวกับว่าอยากจะให้ความอบอุ่นนี้แทรกซึมเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดให้กับเธอชายหนุ่มวางคางลงบนศีรษะกลมในขณะที่ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่กำลังตำหนิตัวเอง “ฉันอยู่นี่เวินหนี่ ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร”เวินหนี่ซุกหน้าฝังเข้าไปในอกแกร่งด้วยร่างกายที่ยังคงสั่นเทา แล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่มีสติว่า “ทำไมคุณเพิ่งมา เกือบแล้ว เกือบไปแล้ว....ที่ฉันจะไม่ได้เจอคุณอีก!”ร่างสูงยังคงกอดเวินหนี่ที่ริมฝีปากเริ่มซีดเซียวเอาไว้พลางกำหมัดแน่น ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ทว่าเขาก็ปลอบเธอด้วยความอดทนเพื่อเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกปลอดภัยจากเขาที่กำลังพยายามช่วยรักษาความเจ็บปวดให้อยู่ “ฉันขอโทษที่มาสายขนาดนี้ ไม่ต้องกลัวนะ หลังจากนี้จะไม่ทิ้งเธอไว้คนเดียวอีกแล้ว?”ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจึงรีบมาหา แต่ทว่าก็ยังเกือบสายเกินไปร่างบางทรุดตัวลงแล้วร้องไห้อย่างหนัก ความไม่สบายใจและความหวาดกลัวยังคงส่งตรงออกมาถึงหัวใจของเย่หนานโจวอย่างต่อเนื่องก่อนที่เธอจะยกสองมือขึ้นตีที่หน้าอกของเขา “คุณจะทิ้งฉัน เดี๋ยวคุณก็จะทิ้งฉัน ค
หลังจากที่ชายหนุ่มจากไปก็ได้ยินเพียงเสียงร้องโอดครวญจากทางด้านหลังส่วนเวินหนี่ที่กำลังหลับใหล เธอเองก็ฝันว่ามีปีศาจกำลังไล่ตามมาอยากจะวิ่งหนีออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ เกิดความกลัวขนาดมหึมาที่กำลังกลืนกินจนทำให้เธอหายใจไม่ออกราวกับคนที่กำลังจะตายในไม่ช้าหญิงสาวสะอื้นในขณะที่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดเห็นแบบนั้นเย่หนานโจวจึงรีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกให้เบา ๆ ตอนนี้ร่างบางตัวร้อนมากและเริ่มมีไข้หลี่ถิงเองก็กำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เดิมทีเธอกำลังจะออกไปขอความช่วยเหลือแต่พบกับเย่หนานโจวที่ทางเข้าเสียก่อน โชคดีที่เขามาถึงได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคงเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ หลี่ถิงร้องไห้แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านประธาน มันเป็นความผิดของฉันเองที่ดูแลพี่เวินหนี่ไม่ดี ตอนนี้พี่เวินหนี่น่าจะมีไข้ เรารีบส่งตัวไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”ตอนนี้เย่หนานโจวเยือกเย็นมากราวกับน้ำแข็งที่ไม่แยแสต่อมนูษย์คนไหน ก่อนจะพูดเพียงแค่ว่า “ไม่ เป่ยชิง พาเธอกลับบ้าน!”พูดจบเขาก็อุ้มเวินหนี่ขึ้นรถแล้วออกไปจากตรงนั้นทันทีหลี่ถิงยังคงร้องไห้แล้วโทษตัวเองอย่างควบคุมสติไม่ได้ เห็นอย่างนั้นเป่ยชิงจึงเข้ามาบอก “หยุดร
ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็เห็นเวินหนี่กำลังนั่งถูตัวเองอย่างรุนแรงอยู่ในอ่างอาบน้ำ เธอไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าเขาจะได้ยิน“เวินหนี่ หยุด!”เย่หนานโจวรีบเข้าไปจับมือเล็กที่กำลังทำร้ายตัวเองไว้แน่นเวินหนี่มองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ พยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ “อย่ามาจับตัวฉันนะ ตัวฉันสกปรก....”“เธอไม่ได้สกปรก” เย่หนานโจวเอ่ยแล้วใช้แขนแกร่งโอบรอบตัวเธอ ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายทำร้ายตัวเอง “เธอไม่ได้สกปรก”ในหัวของเวินหนี่มีแต่ภาพที่เธอถูกกดตัวลงบนโต๊ะ เท่านี้ภายในใจก็ก่อเกิดความรู้สึกขยะแขยงมากมาย สิ่งนี้เองที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองสกปรก ว่าแล้วหญิงสาวก็ส่ายหน้าทันที “อย่าปลอบใจฉันเลย ฉันรู้ว่าตัวฉันสกปรกไปแล้ว ขนาดฉันเองยังรู้สึกว่าตัวเองสกปรกเลย!”ร่างบางยังคงถูตัวเองต่อไปจนแดงเป็นจ้ำ ๆ“เวินหนี่”ไม่ว่าเขาจะตะโกนยังไงเธอก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเวินหนี่ขัดถูทุกส่วนของร่างกายพลางตะโกนอย่างไม่มีสติซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ฉันมันตัวสกปรก ฉันต้องทำความสะอาดสิ!”“ฉัน...” เธอพยายามพูดประโยคเดิม ๆ ออกมา ทว่าปากบางที่สั่นเทานั้นก็ต้องหยุดลง เมื่อเย่หนานโจวก้มลงมาใกล้ สายตา
เวินหนี่คล้องแขนไว้ที่คอแกร่ง “ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉัน”“ฉันจะอยู่นี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น” เย่หนานโจวลูบแก้มนวลเบา ๆ “ตัวเธอแดงหมดแล้ว นอนเฉย ๆ อย่าขยับมากเดี๋ยวมันจะถลอกจนเป็นแผลรู้ไหม?”เวินหนี่มองเขา ในที่สุดเข้าใจว่าการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขาของลู่ม่านเซิงมีผลลัพธ์ยังไงเด็กที่ร้องไห้ก็จะได้รับลูกอมนี่เองเพียงเธอแสดงความอ่อนแอเล็กน้อย เขาก็จะแสดงความอ่อนโยนกับเธอทันที“โอเคค่ะ” เธอยอมปล่อยมือจากเขาแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนักเย่หนานโจวห่มผ้าให้แล้วนั่งลงที่ขอบเตียง “หนาวไหม?”เธอส่ายหน้า “ไม่หนาวค่ะ”“เธอมีไข้ต่ำ ๆ” เขาแสดงความกังวลออกมา “เดี๋ยวจะช่วยเช็ดตัวให้เผื่อตัวจะเย็นลง”“คุณใจดีจริง ๆ” เธอมองเขาแล้วเอ่ยออกมาจากหัวใจคนฟังยิ้มแล้วบีบจมูกเล็กเบา ๆ เวินหนี่เองก็ไม่ได้หลบและมองเขาอยู่อย่างอ้อยอิ่งเธออยากจะเก็บความใจดีของเขาไว้ในใจตลอดไปทว่าเย่หนานโจวกลับพูดว่า “นี่สาวน้อย อย่าพูดว่าคนอื่นใจดีง่าย ๆ แบบนั้นสิ”เขาเพิ่มน้ำแข็งลงบนผ้าขนหนูแล้ววางลงบนหน้าผากเธอพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ถ้าคนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่ฉันแล้ว ก็อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกความใจดีของผู้ชายคนไหนมาหลอกเอาได้ล่ะ”